เรื่องยาวนิดนึงนะคะ เมื่อคืนเวลาประมาณ สี่ทุ่มนิดๆ เราขับรถจากทางด่วนยมราช เลี้ยวขวาแยกหลานหลวงเพื่อไปขึ้นสะพานพระราม8 พอเราเลี้ยวเราอยู่เลนกลางมาตลอดทาง พอถึงประมานช่วงเกือบเข้าทางโค้งตรงก่อนแยก จ.ป.ร เรารู้สึกว่าเราถูกชนเพราะเสียงมันดังและรถมันส่าย เรา ประคองรถมาจอดตรงเลยช่วงทางโค้งมานิดก่อนข้ามแยก (อันนี้เรายอมรับผิดนะคะเราขับมาเร็วประมาณ 60-80แน่นอนเพราะว่าถนนโล่ง) เราตกใจ ทำไรไม่ถูกไม่รู้ว่าโดนกับอะไรใครชน เราเปิดไฟฉุกเฉินจอดอยู่เลนกลางเว้นจากคันหน้าเยอะอยู่ แล้วเราก็มองไปกระจกหลังเห็น รถที่ท้ายรถที่เลี้ยวเข้าซอยในใจคิดเลย ซวยแล้ว โดนชนแล้วหนีแน่ๆ แต่ป่าวเลย (คันนี้คือคันของผู้ชายใจดี) คู่กรณีเราคือ city แล้วเค้าก็ขับปาดหน้า ทแยงมาชนกันชนข้างหน้าเรา แล้วลงมาด่า จับใจความได้แค่ ว่า เราชนแล้วหนี (แต่ละคำที่ออกมาหยาบคายมาก) คือ เราบอกเค้าว่าถ้าจะหนี จะมาจอดทำไม นี่คุณมาชนนะ คุณมาจากทางไหนเรายังไม่รู้เลย แล้วคู่กรณีเราก็บอกว่า “ มงเจอกูแน่” เราเลยบอกว่าโทรเรียกประกัน แล้วมันเป็นไฟเขียว คู่กรณีเราก็ขับรถข้ามแยกไปจอดชิดซ้ายตรงก่อนขึ้นสะพานพระราม8 เราเปิดไฟฉุกเฉินขับตามไปจอดต่อท้าย เราคุยสายกับประกันเล่ารายละเอียดให้เค้าฟัง เค้าก็แนะนำให้เราถ่ายรูป ทะเบียนรถคู่กรณี ให้นั่งอยู่ในรถ รอพนักงานเคลมประกันมา เราก็โทรบอกแฟนว่าเรา โดนชน โดนด่า แฟนถามว่าเป็นไรป่าว ให้ตั้งสติ อย่าเพิ่งตกใจ ลงไปดูรถถ่ายรูปส่งมาให้เค้าดู ว่าโดนเยอะป่าว เราทำตามพอเราลงไปถ่ายรูป ซักพักเราก็เจอ ผู้ชายใจดี
ผู้ชายใจดี เค้าบอกว่าเราว่าเค้าคือ คนขับคันหน้าผู้หญิงคู่กรณี แล้วเค้ากำลังจะเลี้ยวเข้าซอย บ้านเค้า(ซอย 7-11 ก่อนถึงแยก จ.ป.ร) แล้วผู้หญิงคนนี้จะตีออกเลยมาชนเรา แต่เค้าเห็นว่าเหมือนจะมีเรื่องเลยเดินตามมาดู เค้าเป็นคนโทรแจ้งตำรวจให้ เค้าบอกเราว่าเค้าจะเป็นพยานเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟังเอง ไม่ต้องกังวล เราเลยเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มาชนเรายังไงก็ตอนนี้แหละ
พอประกันมา เราก็เล่าเหตุการณ์ให้ประกันฟัง คู่กรณีที่เรานั่งในรถตลอดก็ลงจากรถแล้วตะโกนมาบอกว่าก็หนีทำไม เราก็บอกประกันว่าเราไม่ได้หนี ผู้ชายใจดี บอกว่าแบบนี้คุยไม่รู้เรื่องหรอก แล้วตำรวจก็มาพอดี ผู้ชายใจดีเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟัง คุณตำรวจเดินไปคุยกับผู้หญิงคู่กรณีที่รถ เค้า เราก็คุยกับประกัน ตอนนี้ ผู้ชายใจดีเรากลับบ้านแล้ว เรายังไม่ได้กล่าวขอบคุณเลย

ร้อยเวร สน นางเลิ้งเดินกลับมาถามเราว่าเราตั้งใจหนีรึเปล่า เราบอกว่าเราจะหนีทำไม ถ้าหนี ไม่จอดหรอก กล้องที่แยก จ.ป.ร ก็มี (เราดูรายงานจราจรทาง twitter ก่อนกลับบ้านทุกวัน) คุณตำรวจถามว่าประกันชั้นอะไร เราบอก 1 คุณตำรวจบอกว่าหนึ่งทั้งคู่กันก็เคลีย ต่างคนต่างผิด เราถามว่า คุณตำรวจ ชนเรากลางคันอย่านี้เราผิดหรอคุณตำรวจบอกว่า ก็ชั้น 1 ทั้งคู่ไม่มีปัญหาไรนิ ต่างคนต่างซ่อม ตกลงไม่ได้ก็ไปโรงพัก ถ้าผมเปิดกล้องดู แล้ว ประมาทร่วมจับปรับ1,000 บาทนะ แล้วคุณตำรวจก็บอกประกันว่า รอประกันฝังนั้นมาแล้วก็คุยให้เคลีย ถ้าตกลงไม่ได้ก็ไปโรงพัก แล้วตำรวจก็จากไป ซักพักใหญ่ๆประกันฝั่งนั้นมา คู่กรณีเราบอกว่าเราเป็นคนชนเค้าแล้วเราจะหนี เคลียกันไม่จบนะคะเลยไปกันที่โรงพัก (เราไม่ได้คุยกับคู่กรณีเลยนะคะตั้งแต่คู่กรณีเราลงมาด่า แล้วเราบอกว่าโทรเรียกประกันเถอะ เค้านั่งในรถเค้าตลอด จนจบเรื่องที่โรงพักก็ไม่ได้คุยอะไรกัน)
มาพูดเรื่องข้อผิดพลาดของเราก่อนจะไปตอนขึ้นโรงพักนะคะ (ทั้งหมดนี้ เราพลาดไม่ได้ทำซักอย่าง มัวแต่ตกใจ ... คิดแล้วเซ็ง)
1. อย่าขับรถเร็วถึงแม้ถนนจะโล่งก็เถอะ อันนี้ตอนรถส่ายถือว่าโชคดีที่เรายังคุมรถได้ไม่ไปโดนใครคันอื่น
2. อย่าตกใจ พยายามคุมสติ อย่าไปสนใจคำด่าที่เค้าพูดมา
3. ลงไปถ่ายรูป รถเราก่อนที่จะเคลื่อนย้ายรถตามเค้าไป
4. ที่สำคัญ ขอเบอร์ติดต่อคนที่เป็นพยานไว้ด้วยนะค่ะ (เราลืมค่ะ มัวแต่ตกใจ ทำไรไม่ถูก )
พอมาถึงโรงพัก ร้อยเวรคนเดิมเค้าก็ให้ ผู้หญิงคู่กรณีเข้าไปกับประกันทางฝ่ายเรานะคะ เราไม่รู้คุยไรกันไม่ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ประกัน แล้วเค้าก็ให้เราเข้าไปกับประกันของคู่กรณี คุณตำรวจ เค้าก็วาดรูปถามว่าเรามาจากทางไหน อยู่เลนไหน หนีรึเปล่า เราก็เล่าเรื่องที่เราพูดไปแล้วให้เค้าฟัง เราถามคุณตำรวจว่า พี่ผู้ชายใจดีก็พูดแล้ว เค้าบอกว่าติดต่อ ผู้ชายใจดีได้ป่าว ตอนนี้....เราบอกว่า เราไม่ได้ขอเบอร์เค้าไว้ (พลาด!!) เราบอกคุณตำรวจว่าถ้า ดูกล้องก็จะรู้เลยว่า เราขับรถมาเลนกลางตลอด คุณตำรวจบอกว่าไม่มีกล้อง จบให้ออกไปรอข้างนอก
พี่สาวเรามาถึงโรงพักพอดีตอนนี้ แล้วคุณตำรวจก็เดินมาดู รถ คู่กรณี กับรถเรา (รถคู่กรณีเราโดนช่วงหัวรถด้านขวานะคะ แล้วก็กันชนหลังมุมขวา ที่เค้าปาดแทยงมาว่าเราหนีแล้วช่วงท้ายเค้ามาเบียดกับช่วงหัวรถเรา เราก็โดน2จุด คือ กลางลำตัวรถข้างซ้าย ตั้งแต่ช่วงรอยต่อประตูหน้าไปถึงฝาน้ำมัน เป็นรอยครูดแล้วก็บุบ กับส่วน มุมหน้ารถด้านซ้ายเราเป็นรอยครูดค่ะ)
แล้วก็เข้าไปคุยกันใหม่คราวนี้เริ่มจาก คู่กรณีและประกันคู่กรณีเข้าไปก่อนเราไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ก็มาเรียกเราเข้าไป ตอนนี้พี่พี่สาวเราสองคนพี่เขย ตัวเราแล้วก็ประกันเราเข้าไปนั่งฟัง คุณตำรวจบอกว่า แน่ใจหรอว่าอยู่เลนสอง ผู้หญิงคู่กรณีเค้าบอกว่า เค้าอยู่ซ้าย จะตีเข้ากลาง เพราะรถของผู้ชายใจดีกำลังเลี้ยวเข้าซอยแล้วเราอยู่เลนซ้ายสุดปาดมาชนเค้าแล้วเข้ามาอยู่เลนกลาง เราบอกว่าเราอยู่เลนกลางเราถามว่าผู้ชายใจดี เค้าก็อธิบายแล้วว่ายังไง คุณตำรวจบอกว่า "เค้าไม่ได้มาอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเค้าไม่เห็นหรอก ผู้ชายใจดีก็เป็นพยานไม่ได้เค้าไม่อยากฟังความฝ่ายเดียว" เราเลยขี้เกียจพูดต่อ แล้วคุณตำรวจก็บอกว่า เราน่าจะขับมาข้างหลังผู้หญิงคู่กรณี อันนี้เราเถียงตรงนั้นเลยนะ ว่า เค้ามาชน กลางลำครึ่งหลังจะเป็นแบบนั้นได้ไง รอยข้างหน้าคือรอยที่เค้ามาปาดแล้วเอาท้ายมาโดนนะ ตำรวจบอกเราไม่เข้าใจ พี่สาวเราก็ลุกขึ้นมาคุย ว่ารอยแบบนี้ใครดูก็รู้ว่าลักษณะการชนแบบไหน แค่ประมาทร่วมยังไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ ตำรวจก็หันไปคุยกับประกันของเราว่า เข้าใจที่คุณตำรวจพูดรึเปล่า ประกันเราเงียบ พี่เราก็บอกไม่มีใครเข้าใจหรอกค่ะ
เราเลยถามคุณตำรวจว่า พยานพี่ผู้ชายใจดี คุณตำรวจได้คุยกับเค้าตั้งแต่แรกแล้วแต่เพราะเราไม่มีเบอร์ให้คุณตำรวจติดต่อได้อีก คุณตำรวจเลยบอกว่าพี่เค้าเป็นพยานไม่ได้ กล้องตามถนนไม่มี กล้องตามแยกมองไม่ถึงตรงที่เกิดเหตุ คือเราไม่มีหลักฐานอะไรซักอย่างในความคิดคุณตำรวจ แล้ว หลักฐานที่คุณตำรวจมี คือ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเรามาจากเลนที่สามตีมาชนเค้าที่เลนที่สอง หรอ คุณตำรวจบอกว่าอย่าคิดแบบนั้นเค้าไม่ได้ฟังความข้างเดียว เราก็ โอเค เข้าใจ
คราวนี้คุณตำรวจอธิบายว่าเค้าดูจากรอยชนครูด คือเป็นลักษณะสามเหลียม จากแคบไปกว้าง อันนี้เราไม่อยากพูดอะไร เพราะเราก็ไม่เข้าใจวิธีการดูรอยอะไรมากมาย พี่เราเลยถามว่าสรุปจะให้ทำยังไง เค้าบอกว่าก็ประมาทร่วม ต่างคนต่างซ่อมเพราะไม่มีใคร ยอมรับผิด พอเราพูดถึงรอยชนข้างหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจชนเรา คุณตำรวจบอกว่า ก็บันดาลโทสะอย่าเอามาพูด มันคงไม่ซวยมาเจอกันอีกหรอก พี่เรากับเราบอกว่าเรื่องต่างคนต่างซ่อมค่าเบี้ยจะขึ้น มันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ทำไมมาชนแล้วต้องด่า คุณตำรวจบอกว่าก็อารมณ์คนจะไปสนใจคำด่าเค้าทำไม เราเลยบอกว่าให้คู่กรณีมาขอโทษเราที่เค้ากล่าวหาว่าเราหนีแล้วด่าเราหยาบๆซิ คุณตำรวจบอกว่า ถ้าให้เค้ามาขอโทษ เราก็ต้องไปขอโทษเค้าด้วย เราถามว่าเราต้องขอโทษเรื่องอะไร คุณตำรวจบอกแต่ว่า เราไปใส่ใจคนที่ด่าทำไม พี่เราเลยบอกว่าคุณตำรวจไม่ใช่คนที่โดนด่าไง เราเลยจบคะ ขี้เกียจเอาชนะไม่มีอะไรดีขึ้นมา คุณตำรวจบอกว่าทางเราไม่มีหลักฐานอะไร เราไม่ยอมรับผิด ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็ไม่ยอมรับผิด แบบนี้ตีหนื่นตีสองก็ไม่จบเรื่อง ให้ต่างคนต่างซ่อมแล้วคุณตำรวจก็จับแยกให้เรากลับก่อนแล้วให้คู่กรณีไปนั่งรอ คุณตำรวจในห้อง เรื่องเงินค่าปรับ 1000 บาทที่คุณตำรวจพูดตอนแรกว่าขึ้นโรงพักก็เสียเงินทั้งคู่ พี่เราถามคุณตำรวจบอกว่าว่าเค้าไม่ปรับเรานะคะสำหรับกรณีนี้
เราก็ไม่รู้ว่าที่เราทำมันถูกรึเปล่าแต่เราถือว่าเรา ฟาดเคราะห์ ดีที่ไม่เป็นอะไรหนักก็จบๆกันไปหวังว่าจะไม่เจอะเจอคนแบบนี้อีก
แล้วก็รับรู้ว่า
1. กล้องติดหน้ารถเป็นสิ่งสำคัญ ราคาไม่กี่บาท อย่าแค่พูดผ่านๆว่าเดี๊ยวติด มันเป็นหลักฐานที่ยืนยันอะไรได้หลายๆอย่าง
(อย่าคิดพึงพากล้องตามท้องถนน)
2. เราควรขอเบอร์ติดต่อคนที่เป็นพยานอย่ามัวแต่ตกใจ เพราะเผื่อเวลาฉุกเฉินที่คุณตำรวจถาม เราได้ให้คุณตำรวจติดต่อได้
จะได้ไม่พลาดแบบนี้
3. พยานเรามีคนเดียวไม่ได้ และ การกระทำที่เกิดจากบันดาลโทสะของคู่กรณี อย่าเอามาพูดอ้างกับตำรวจ
เพราะตำรวจไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุกับเรามันจะเป็นการฟังความข้างเดียว
4. ตั้งสติอย่าเคลื่อนย้ายรถในที่เกิดเหตุ อย่าลืมถ่ายรูปทุกอย่าง
5. อย่าขับเร็วเพราะคิดแค่ว่า ถนนโล่งดีทีครั้งนี้ไม่มีใครเป็นอะไรจากทีอีก5นาทีถึงบ้านเมื่อคืนอยู่โรงพักยาวยันเที่ยงคืนเลย
**ขอบคุณ ร้อยเวร เป็นอย่างมากนะคะ ที่พยายามไกล่เกลี้ยงให้เป็นประมาทร่วมจนสำเร็จ
**ขอบคุณพี่ผู้ชายใจดีคนนั้นที่ลำบากเดินข้ามถนนราชดำเนินมาคุยกับเราแจ้งความให้เรา รอคุยกับประกัน คุยกับตำรวจให้เรา
ถ้าพี่เค้าได้อ่านกระทู้นี้เราอยากบอกว่าขอบคุณจากใจจริงๆนะคะ
** เรื่องเมื่อคืนทำให้เรารับรู้ว่าเรามีครอบครัวที่ดีเมื่อตัดสินใจโทรไป เค้ารีบมาหาเราที่โรงพัก ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย
เรามีเพื่อนที่ดี เป็นห่วงและพร้อมมาอยู่เป็นเพื่อนเราเสมอ
เรามีแฟนที่น่ารัก ที่ขับรถมาหาถึงโรงพักทั้งที่บ้านอยู่ตั้งดอนเมืองคอยโทรคุยเป็นเพื่อนกลัวเราตกใจ
** แล้วเราก็รับรู้ว่าคนบางคนหน้าตาสวย หุ่นดี ไม่ได้หมายความว่ากริยา มารยาทหรือจิตใจ เค้าจะดีตามเหมือนหน้าตา
บทเรียนจากอุบัติเหตุรถเฉี่ยวกันเมื่อคืนที่แยกจปร
ผู้ชายใจดี เค้าบอกว่าเราว่าเค้าคือ คนขับคันหน้าผู้หญิงคู่กรณี แล้วเค้ากำลังจะเลี้ยวเข้าซอย บ้านเค้า(ซอย 7-11 ก่อนถึงแยก จ.ป.ร) แล้วผู้หญิงคนนี้จะตีออกเลยมาชนเรา แต่เค้าเห็นว่าเหมือนจะมีเรื่องเลยเดินตามมาดู เค้าเป็นคนโทรแจ้งตำรวจให้ เค้าบอกเราว่าเค้าจะเป็นพยานเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟังเอง ไม่ต้องกังวล เราเลยเพิ่งรู้ว่าผู้หญิงคนนี้มาชนเรายังไงก็ตอนนี้แหละ
พอประกันมา เราก็เล่าเหตุการณ์ให้ประกันฟัง คู่กรณีที่เรานั่งในรถตลอดก็ลงจากรถแล้วตะโกนมาบอกว่าก็หนีทำไม เราก็บอกประกันว่าเราไม่ได้หนี ผู้ชายใจดี บอกว่าแบบนี้คุยไม่รู้เรื่องหรอก แล้วตำรวจก็มาพอดี ผู้ชายใจดีเล่าเหตุการณ์ให้ตำรวจฟัง คุณตำรวจเดินไปคุยกับผู้หญิงคู่กรณีที่รถ เค้า เราก็คุยกับประกัน ตอนนี้ ผู้ชายใจดีเรากลับบ้านแล้ว เรายังไม่ได้กล่าวขอบคุณเลย
ร้อยเวร สน นางเลิ้งเดินกลับมาถามเราว่าเราตั้งใจหนีรึเปล่า เราบอกว่าเราจะหนีทำไม ถ้าหนี ไม่จอดหรอก กล้องที่แยก จ.ป.ร ก็มี (เราดูรายงานจราจรทาง twitter ก่อนกลับบ้านทุกวัน) คุณตำรวจถามว่าประกันชั้นอะไร เราบอก 1 คุณตำรวจบอกว่าหนึ่งทั้งคู่กันก็เคลีย ต่างคนต่างผิด เราถามว่า คุณตำรวจ ชนเรากลางคันอย่านี้เราผิดหรอคุณตำรวจบอกว่า ก็ชั้น 1 ทั้งคู่ไม่มีปัญหาไรนิ ต่างคนต่างซ่อม ตกลงไม่ได้ก็ไปโรงพัก ถ้าผมเปิดกล้องดู แล้ว ประมาทร่วมจับปรับ1,000 บาทนะ แล้วคุณตำรวจก็บอกประกันว่า รอประกันฝังนั้นมาแล้วก็คุยให้เคลีย ถ้าตกลงไม่ได้ก็ไปโรงพัก แล้วตำรวจก็จากไป ซักพักใหญ่ๆประกันฝั่งนั้นมา คู่กรณีเราบอกว่าเราเป็นคนชนเค้าแล้วเราจะหนี เคลียกันไม่จบนะคะเลยไปกันที่โรงพัก (เราไม่ได้คุยกับคู่กรณีเลยนะคะตั้งแต่คู่กรณีเราลงมาด่า แล้วเราบอกว่าโทรเรียกประกันเถอะ เค้านั่งในรถเค้าตลอด จนจบเรื่องที่โรงพักก็ไม่ได้คุยอะไรกัน)
มาพูดเรื่องข้อผิดพลาดของเราก่อนจะไปตอนขึ้นโรงพักนะคะ (ทั้งหมดนี้ เราพลาดไม่ได้ทำซักอย่าง มัวแต่ตกใจ ... คิดแล้วเซ็ง)
1. อย่าขับรถเร็วถึงแม้ถนนจะโล่งก็เถอะ อันนี้ตอนรถส่ายถือว่าโชคดีที่เรายังคุมรถได้ไม่ไปโดนใครคันอื่น
2. อย่าตกใจ พยายามคุมสติ อย่าไปสนใจคำด่าที่เค้าพูดมา
3. ลงไปถ่ายรูป รถเราก่อนที่จะเคลื่อนย้ายรถตามเค้าไป
4. ที่สำคัญ ขอเบอร์ติดต่อคนที่เป็นพยานไว้ด้วยนะค่ะ (เราลืมค่ะ มัวแต่ตกใจ ทำไรไม่ถูก )
พอมาถึงโรงพัก ร้อยเวรคนเดิมเค้าก็ให้ ผู้หญิงคู่กรณีเข้าไปกับประกันทางฝ่ายเรานะคะ เราไม่รู้คุยไรกันไม่ได้สอบถามกับเจ้าหน้าที่ประกัน แล้วเค้าก็ให้เราเข้าไปกับประกันของคู่กรณี คุณตำรวจ เค้าก็วาดรูปถามว่าเรามาจากทางไหน อยู่เลนไหน หนีรึเปล่า เราก็เล่าเรื่องที่เราพูดไปแล้วให้เค้าฟัง เราถามคุณตำรวจว่า พี่ผู้ชายใจดีก็พูดแล้ว เค้าบอกว่าติดต่อ ผู้ชายใจดีได้ป่าว ตอนนี้....เราบอกว่า เราไม่ได้ขอเบอร์เค้าไว้ (พลาด!!) เราบอกคุณตำรวจว่าถ้า ดูกล้องก็จะรู้เลยว่า เราขับรถมาเลนกลางตลอด คุณตำรวจบอกว่าไม่มีกล้อง จบให้ออกไปรอข้างนอก
พี่สาวเรามาถึงโรงพักพอดีตอนนี้ แล้วคุณตำรวจก็เดินมาดู รถ คู่กรณี กับรถเรา (รถคู่กรณีเราโดนช่วงหัวรถด้านขวานะคะ แล้วก็กันชนหลังมุมขวา ที่เค้าปาดแทยงมาว่าเราหนีแล้วช่วงท้ายเค้ามาเบียดกับช่วงหัวรถเรา เราก็โดน2จุด คือ กลางลำตัวรถข้างซ้าย ตั้งแต่ช่วงรอยต่อประตูหน้าไปถึงฝาน้ำมัน เป็นรอยครูดแล้วก็บุบ กับส่วน มุมหน้ารถด้านซ้ายเราเป็นรอยครูดค่ะ)
แล้วก็เข้าไปคุยกันใหม่คราวนี้เริ่มจาก คู่กรณีและประกันคู่กรณีเข้าไปก่อนเราไม่รู้ว่าคุยอะไรกัน ก็มาเรียกเราเข้าไป ตอนนี้พี่พี่สาวเราสองคนพี่เขย ตัวเราแล้วก็ประกันเราเข้าไปนั่งฟัง คุณตำรวจบอกว่า แน่ใจหรอว่าอยู่เลนสอง ผู้หญิงคู่กรณีเค้าบอกว่า เค้าอยู่ซ้าย จะตีเข้ากลาง เพราะรถของผู้ชายใจดีกำลังเลี้ยวเข้าซอยแล้วเราอยู่เลนซ้ายสุดปาดมาชนเค้าแล้วเข้ามาอยู่เลนกลาง เราบอกว่าเราอยู่เลนกลางเราถามว่าผู้ชายใจดี เค้าก็อธิบายแล้วว่ายังไง คุณตำรวจบอกว่า "เค้าไม่ได้มาอยู่ในที่เกิดเหตุด้วยเค้าไม่เห็นหรอก ผู้ชายใจดีก็เป็นพยานไม่ได้เค้าไม่อยากฟังความฝ่ายเดียว" เราเลยขี้เกียจพูดต่อ แล้วคุณตำรวจก็บอกว่า เราน่าจะขับมาข้างหลังผู้หญิงคู่กรณี อันนี้เราเถียงตรงนั้นเลยนะ ว่า เค้ามาชน กลางลำครึ่งหลังจะเป็นแบบนั้นได้ไง รอยข้างหน้าคือรอยที่เค้ามาปาดแล้วเอาท้ายมาโดนนะ ตำรวจบอกเราไม่เข้าใจ พี่สาวเราก็ลุกขึ้นมาคุย ว่ารอยแบบนี้ใครดูก็รู้ว่าลักษณะการชนแบบไหน แค่ประมาทร่วมยังไม่ใช่เลยด้วยซ้ำ ตำรวจก็หันไปคุยกับประกันของเราว่า เข้าใจที่คุณตำรวจพูดรึเปล่า ประกันเราเงียบ พี่เราก็บอกไม่มีใครเข้าใจหรอกค่ะ
เราเลยถามคุณตำรวจว่า พยานพี่ผู้ชายใจดี คุณตำรวจได้คุยกับเค้าตั้งแต่แรกแล้วแต่เพราะเราไม่มีเบอร์ให้คุณตำรวจติดต่อได้อีก คุณตำรวจเลยบอกว่าพี่เค้าเป็นพยานไม่ได้ กล้องตามถนนไม่มี กล้องตามแยกมองไม่ถึงตรงที่เกิดเหตุ คือเราไม่มีหลักฐานอะไรซักอย่างในความคิดคุณตำรวจ แล้ว หลักฐานที่คุณตำรวจมี คือ ผู้หญิงคนนั้นบอกว่าเรามาจากเลนที่สามตีมาชนเค้าที่เลนที่สอง หรอ คุณตำรวจบอกว่าอย่าคิดแบบนั้นเค้าไม่ได้ฟังความข้างเดียว เราก็ โอเค เข้าใจ
คราวนี้คุณตำรวจอธิบายว่าเค้าดูจากรอยชนครูด คือเป็นลักษณะสามเหลียม จากแคบไปกว้าง อันนี้เราไม่อยากพูดอะไร เพราะเราก็ไม่เข้าใจวิธีการดูรอยอะไรมากมาย พี่เราเลยถามว่าสรุปจะให้ทำยังไง เค้าบอกว่าก็ประมาทร่วม ต่างคนต่างซ่อมเพราะไม่มีใคร ยอมรับผิด พอเราพูดถึงรอยชนข้างหน้าที่ผู้หญิงคนนั้นตั้งใจชนเรา คุณตำรวจบอกว่า ก็บันดาลโทสะอย่าเอามาพูด มันคงไม่ซวยมาเจอกันอีกหรอก พี่เรากับเราบอกว่าเรื่องต่างคนต่างซ่อมค่าเบี้ยจะขึ้น มันไม่ใช่ปัญหาอะไรเลย ทำไมมาชนแล้วต้องด่า คุณตำรวจบอกว่าก็อารมณ์คนจะไปสนใจคำด่าเค้าทำไม เราเลยบอกว่าให้คู่กรณีมาขอโทษเราที่เค้ากล่าวหาว่าเราหนีแล้วด่าเราหยาบๆซิ คุณตำรวจบอกว่า ถ้าให้เค้ามาขอโทษ เราก็ต้องไปขอโทษเค้าด้วย เราถามว่าเราต้องขอโทษเรื่องอะไร คุณตำรวจบอกแต่ว่า เราไปใส่ใจคนที่ด่าทำไม พี่เราเลยบอกว่าคุณตำรวจไม่ใช่คนที่โดนด่าไง เราเลยจบคะ ขี้เกียจเอาชนะไม่มีอะไรดีขึ้นมา คุณตำรวจบอกว่าทางเราไม่มีหลักฐานอะไร เราไม่ยอมรับผิด ผู้หญิงคนนั้นเค้าก็ไม่ยอมรับผิด แบบนี้ตีหนื่นตีสองก็ไม่จบเรื่อง ให้ต่างคนต่างซ่อมแล้วคุณตำรวจก็จับแยกให้เรากลับก่อนแล้วให้คู่กรณีไปนั่งรอ คุณตำรวจในห้อง เรื่องเงินค่าปรับ 1000 บาทที่คุณตำรวจพูดตอนแรกว่าขึ้นโรงพักก็เสียเงินทั้งคู่ พี่เราถามคุณตำรวจบอกว่าว่าเค้าไม่ปรับเรานะคะสำหรับกรณีนี้
เราก็ไม่รู้ว่าที่เราทำมันถูกรึเปล่าแต่เราถือว่าเรา ฟาดเคราะห์ ดีที่ไม่เป็นอะไรหนักก็จบๆกันไปหวังว่าจะไม่เจอะเจอคนแบบนี้อีก
แล้วก็รับรู้ว่า
1. กล้องติดหน้ารถเป็นสิ่งสำคัญ ราคาไม่กี่บาท อย่าแค่พูดผ่านๆว่าเดี๊ยวติด มันเป็นหลักฐานที่ยืนยันอะไรได้หลายๆอย่าง
(อย่าคิดพึงพากล้องตามท้องถนน)
2. เราควรขอเบอร์ติดต่อคนที่เป็นพยานอย่ามัวแต่ตกใจ เพราะเผื่อเวลาฉุกเฉินที่คุณตำรวจถาม เราได้ให้คุณตำรวจติดต่อได้
จะได้ไม่พลาดแบบนี้
3. พยานเรามีคนเดียวไม่ได้ และ การกระทำที่เกิดจากบันดาลโทสะของคู่กรณี อย่าเอามาพูดอ้างกับตำรวจ
เพราะตำรวจไม่ได้อยู่ในที่เกิดเหตุกับเรามันจะเป็นการฟังความข้างเดียว
4. ตั้งสติอย่าเคลื่อนย้ายรถในที่เกิดเหตุ อย่าลืมถ่ายรูปทุกอย่าง
5. อย่าขับเร็วเพราะคิดแค่ว่า ถนนโล่งดีทีครั้งนี้ไม่มีใครเป็นอะไรจากทีอีก5นาทีถึงบ้านเมื่อคืนอยู่โรงพักยาวยันเที่ยงคืนเลย
**ขอบคุณ ร้อยเวร เป็นอย่างมากนะคะ ที่พยายามไกล่เกลี้ยงให้เป็นประมาทร่วมจนสำเร็จ
**ขอบคุณพี่ผู้ชายใจดีคนนั้นที่ลำบากเดินข้ามถนนราชดำเนินมาคุยกับเราแจ้งความให้เรา รอคุยกับประกัน คุยกับตำรวจให้เรา
ถ้าพี่เค้าได้อ่านกระทู้นี้เราอยากบอกว่าขอบคุณจากใจจริงๆนะคะ
** เรื่องเมื่อคืนทำให้เรารับรู้ว่าเรามีครอบครัวที่ดีเมื่อตัดสินใจโทรไป เค้ารีบมาหาเราที่โรงพัก ทำให้เรารู้สึกสบายใจขึ้นเยอะเลย
เรามีเพื่อนที่ดี เป็นห่วงและพร้อมมาอยู่เป็นเพื่อนเราเสมอ
เรามีแฟนที่น่ารัก ที่ขับรถมาหาถึงโรงพักทั้งที่บ้านอยู่ตั้งดอนเมืองคอยโทรคุยเป็นเพื่อนกลัวเราตกใจ
** แล้วเราก็รับรู้ว่าคนบางคนหน้าตาสวย หุ่นดี ไม่ได้หมายความว่ากริยา มารยาทหรือจิตใจ เค้าจะดีตามเหมือนหน้าตา