Glenn Close จะกลับมารับบทนำอีกครั้งใน Sunset Boulevard ละครเวทีเรื่องดัง (มาก) ที่ส่งให้เธอเป็นเจ้าของรางวัลโทนี่นักแสดงนำหญิงมิวสิคัลยอดเยี่ยมเมื่อ 20 ปีก่อน โดยโปรดักชันครั้งใหม่นี้จะเปิดแสดงในฝั่งเวสต์เอนด์ที่ London Coliseum ตั้งแต่ 1 เมษายนถึง 7 พฤษภาคม ปีหน้า จำนวนทั้งสิ้นแค่ 43 รอบ (เปิดม่านอย่างเป็นทางการ 4 เมษายน)
มิวสิคัลเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ Norma Desmond อดีตนักแสดงจากยุคหนังเงียบผู้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่แต่ลึกลับบนถนนซันเซตบูเลอวาร์ด และ Joe Gillis นักเขียนถังแตกผู้ตกเข้าสู่วังวนในโลกแห่งความเพ้อฝันของนอร์มา ที่ซึ่งการกลับคืนสู่ตำแหน่งราชินีจอเงินคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่และแสนหวานของเธอ สองเพลงเด่นในเรื่องคือ "With One Look" และ "As If We Never Said Goodbye" โดยฝีมือการประพันธ์ของ Andrew Lloyd Webber เจ้าของมิวสิคัล
Sunset Boulevard เปิดม่านครั้งแรกที่เวสต์เอนด์ในปี 1993 Patti LuPone รับบทนอร์มา เดสมอนด์ และถูกวางตัวให้รับบทเดิมเมื่อโปรดักชันย้ายมาเปิดการแสดงที่บรอดเวย์ ก่อนที่แอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์จะจัดการเปลี่ยนตัวสายฟ้าแลบจากลูโพนเป็นเกล็น โคลส เมื่อการรับทนี้ของโคลสในรอบ Tryout ที่แอลเอประสบความสำเร็จอย่างสูงและถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก และลอยด์ เว็บเบอร์ก็ต้องการให้โคลสรับบทนี้ที่บรอดเวย์ ...เขาต้องจ่าย 1 ล้านดอลลาร์ให้ลูโพนเมื่อการฟ้องร้องสิ้นสุดลง
รอบ Tryout ที่แอลเอเองก็มีเรื่องให้พูดถึงเช่นกัน ...เมื่อ Faye Dunaway (เจ้าของออสการ์นำหญิงปี 1976) ถูกวางตัวให้รับไม้ต่อจากเกล็น โคลส และการซักซ้อมก็เริ่มไปแล้ว ไม่นานหลังจากตั๋วล็อตใหม่เริ่มขายออกไป โปรดิวเซอร์ก็ออกมาประกาศว่าดันนาเวย์ไม่สามารถร้องได้เท่ามาตรฐานเพลงที่แต่งไว้ และโชว์ที่นี่จะปิดม่านลงทันทีเมื่อเกล็น โคลสลาโรง ผลก็คือดันนาเวย์ฟ้องกลับทีมผู้สร้างในข้อหาที่ทำให้เธอเสียชื่อเสียง และมีการชดใช้ค่าเสียหายไปตามระเบียบ ...ทั้งนี้ทั้งนั้น ว่ากันว่าเป็นเพราะตั๋วรอบใหม่ภายใต้ชื่อของดันนาเวย์ทำยอดได้ต่ำกว่าที่คาด และทีมโปรดิวเซอร์ก็เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อหนทางสู่บรอดเวย์ของโชว์เรื่องนี้
ต้นฉบับของ Sunset Boulevard เป็นหนังขาวดำแนวฟิล์มนัวร์ชื่อเดียวกันในปี 1950 ...เวอร์ชันหนังชนะ 3 รางวัลออสการ์จากการเข้าชิงทั้งหมด 11 สาขา (รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) และเป็นหนังเรื่องที่ 5 ในประวัติศาสตร์ออสการ์ที่ได้เข้าชิงการแสดงครบทั้งสี่สาขา (แต่ไม่ชนะเลย) หนึ่งในนั้นคือ Gloria Swanson กับคาแรคเตอร์นอร์มา เดสมอนด์ในสาขานำหญิง คาแรคเตอร์เดียวกับที่ทำให้เกล็น โคลสชนะโทนี่ในอีก 45 ปีต่อมานั่นเอง
ฉบับละครเวทีชิงโทนี่ปี 1995 จำนวน 11 สาขาเช่นกัน รวมทั้งการแสดงในสาขานำชาย นำหญิง และสมทบชาย (เกล็น โคลสเป็นพิธีกรร่วมของงานโทนี่ครั้งนั้นด้วย) ปีนั้นเป็นปีที่มีโชว์ใหม่ๆ ที่บรอดเวย์น้อยมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รางวัลในสาขา Best Book of Musical และ Best Original Score กลายเป็นของ Sunset Boulevard ไปโดยปริยาย เพราะไม่มีนอมินีเรื่องอื่นเลย ในขณะที่สาขา Best Musical และ Best Actress in a Musical ต่างก็มีผู้เข้าชิงเพียง 2 ชื่อเท่านั้น และก็เป็น Sunset Boulevard อีกนั่นแหละที่เป็นเจ้าของรางวัลในสองสาขานี้ ...สิริรวมแล้ว Sunset Boulevard คว้าโทนี่ไป 7 รางวัล
แอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์มีความพยายามที่จะนำเวอร์ชันมิวสิคัลมาขึ้นจอใหญ่ด้วย และนักแสดงหลายคนไม่ว่าจะเป็น Meryl Streep, Liza Minnelli, Barbra Streisand หรือแม้แต่ Madonna!!! (รวมถึงเกล็น โคลสเอง) ก็เคยถูกพิจารณาสำหรับบทนอร์มาครั้งใหม่นี้แล้ว แต่สุดท้ายโปรเจคท์ก็ยังค้างเติ่งมาจนปัจจุบันเนื่องด้วยการพูดคุยที่ยังไม่ลงตัวกับพาราเมาท์พิคเจอร์สเจ้าของหนังเวอร์ชันต้นฉบับนั่นเอง
ติดตามอ่านเรื่องราวสนุกๆ แบบนี้ได้อีกที่เพจ "EGOT Talking Club" จ้า ตามลิงค์เลย
https://www.facebook.com/EGOTTalkingClub
Glenn Close จะกลับมารับบทนำอีกครั้งในละครเวทีมิวสิคัล Sunset Boulevard
มิวสิคัลเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวของ Norma Desmond อดีตนักแสดงจากยุคหนังเงียบผู้อาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่แต่ลึกลับบนถนนซันเซตบูเลอวาร์ด และ Joe Gillis นักเขียนถังแตกผู้ตกเข้าสู่วังวนในโลกแห่งความเพ้อฝันของนอร์มา ที่ซึ่งการกลับคืนสู่ตำแหน่งราชินีจอเงินคือชัยชนะอันยิ่งใหญ่และแสนหวานของเธอ สองเพลงเด่นในเรื่องคือ "With One Look" และ "As If We Never Said Goodbye" โดยฝีมือการประพันธ์ของ Andrew Lloyd Webber เจ้าของมิวสิคัล
Sunset Boulevard เปิดม่านครั้งแรกที่เวสต์เอนด์ในปี 1993 Patti LuPone รับบทนอร์มา เดสมอนด์ และถูกวางตัวให้รับบทเดิมเมื่อโปรดักชันย้ายมาเปิดการแสดงที่บรอดเวย์ ก่อนที่แอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์จะจัดการเปลี่ยนตัวสายฟ้าแลบจากลูโพนเป็นเกล็น โคลส เมื่อการรับทนี้ของโคลสในรอบ Tryout ที่แอลเอประสบความสำเร็จอย่างสูงและถูกกล่าวถึงเป็นอย่างมาก และลอยด์ เว็บเบอร์ก็ต้องการให้โคลสรับบทนี้ที่บรอดเวย์ ...เขาต้องจ่าย 1 ล้านดอลลาร์ให้ลูโพนเมื่อการฟ้องร้องสิ้นสุดลง
รอบ Tryout ที่แอลเอเองก็มีเรื่องให้พูดถึงเช่นกัน ...เมื่อ Faye Dunaway (เจ้าของออสการ์นำหญิงปี 1976) ถูกวางตัวให้รับไม้ต่อจากเกล็น โคลส และการซักซ้อมก็เริ่มไปแล้ว ไม่นานหลังจากตั๋วล็อตใหม่เริ่มขายออกไป โปรดิวเซอร์ก็ออกมาประกาศว่าดันนาเวย์ไม่สามารถร้องได้เท่ามาตรฐานเพลงที่แต่งไว้ และโชว์ที่นี่จะปิดม่านลงทันทีเมื่อเกล็น โคลสลาโรง ผลก็คือดันนาเวย์ฟ้องกลับทีมผู้สร้างในข้อหาที่ทำให้เธอเสียชื่อเสียง และมีการชดใช้ค่าเสียหายไปตามระเบียบ ...ทั้งนี้ทั้งนั้น ว่ากันว่าเป็นเพราะตั๋วรอบใหม่ภายใต้ชื่อของดันนาเวย์ทำยอดได้ต่ำกว่าที่คาด และทีมโปรดิวเซอร์ก็เกรงว่าจะส่งผลกระทบต่อหนทางสู่บรอดเวย์ของโชว์เรื่องนี้
ต้นฉบับของ Sunset Boulevard เป็นหนังขาวดำแนวฟิล์มนัวร์ชื่อเดียวกันในปี 1950 ...เวอร์ชันหนังชนะ 3 รางวัลออสการ์จากการเข้าชิงทั้งหมด 11 สาขา (รวมทั้งภาพยนตร์ยอดเยี่ยม) และเป็นหนังเรื่องที่ 5 ในประวัติศาสตร์ออสการ์ที่ได้เข้าชิงการแสดงครบทั้งสี่สาขา (แต่ไม่ชนะเลย) หนึ่งในนั้นคือ Gloria Swanson กับคาแรคเตอร์นอร์มา เดสมอนด์ในสาขานำหญิง คาแรคเตอร์เดียวกับที่ทำให้เกล็น โคลสชนะโทนี่ในอีก 45 ปีต่อมานั่นเอง
ฉบับละครเวทีชิงโทนี่ปี 1995 จำนวน 11 สาขาเช่นกัน รวมทั้งการแสดงในสาขานำชาย นำหญิง และสมทบชาย (เกล็น โคลสเป็นพิธีกรร่วมของงานโทนี่ครั้งนั้นด้วย) ปีนั้นเป็นปีที่มีโชว์ใหม่ๆ ที่บรอดเวย์น้อยมาก นั่นจึงเป็นเหตุผลสำคัญที่ทำให้รางวัลในสาขา Best Book of Musical และ Best Original Score กลายเป็นของ Sunset Boulevard ไปโดยปริยาย เพราะไม่มีนอมินีเรื่องอื่นเลย ในขณะที่สาขา Best Musical และ Best Actress in a Musical ต่างก็มีผู้เข้าชิงเพียง 2 ชื่อเท่านั้น และก็เป็น Sunset Boulevard อีกนั่นแหละที่เป็นเจ้าของรางวัลในสองสาขานี้ ...สิริรวมแล้ว Sunset Boulevard คว้าโทนี่ไป 7 รางวัล
แอนดรูว์ ลอยด์ เว็บเบอร์มีความพยายามที่จะนำเวอร์ชันมิวสิคัลมาขึ้นจอใหญ่ด้วย และนักแสดงหลายคนไม่ว่าจะเป็น Meryl Streep, Liza Minnelli, Barbra Streisand หรือแม้แต่ Madonna!!! (รวมถึงเกล็น โคลสเอง) ก็เคยถูกพิจารณาสำหรับบทนอร์มาครั้งใหม่นี้แล้ว แต่สุดท้ายโปรเจคท์ก็ยังค้างเติ่งมาจนปัจจุบันเนื่องด้วยการพูดคุยที่ยังไม่ลงตัวกับพาราเมาท์พิคเจอร์สเจ้าของหนังเวอร์ชันต้นฉบับนั่นเอง
ติดตามอ่านเรื่องราวสนุกๆ แบบนี้ได้อีกที่เพจ "EGOT Talking Club" จ้า ตามลิงค์เลย
https://www.facebook.com/EGOTTalkingClub