คิดว่า รักตัวเอง กับ รักคนอื่น อันไหนสำคัญกว่ากัน?

กระทู้คำถาม
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่าเรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องที่ผ่านมาค่อนข้างนานแล้ว
แต่เรายังคงนึกถึงเรื่องนี้ตลอดไม่มีวันลืม...




          มันเป็นเรื่องตั้งแต่สมัยตอนเด็กๆค่ะ ซึ่งตั้งแต่เด็กเราถูกปลูกฝังมาด้วยความคิด 2 แบบ แบบแรกก็คือ
เค้าบอกเราว่าโตไปให้หาคนรวยๆมาเป็นแฟน เป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อทำให้ตัวเองมั่นคงและร่ำรวยในอนาคต
สอนให้พึ่งพาคนอื่น และแบบที่สองคือ บอกเราว่าให้เราหมั่นขยันทำงาน หาเงิน เพื่อสร้างฐานะตัวเองในอนาคต
สอนให้เราพึ่งพาตัวเอง และเราก็เลือกที่จะทำตามในแบบที่สอง เพราะเราเป็นผู้หญิงลุยๆมาตั้งแต่เด็กๆ
ไม่กลัวอะไร ยิ่งช่วงนั้นกำลังเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น ไม่ว่าจะเป็นการรับจ้างโน่นนี่นั่น เราไปทำมาสารพัด ทำมาทุกรูปแบบ
แม้กระทั่งขูดสบู่ เพื่อเอามาปั้นเป็นรูปต่างๆเราก็ทำเพื่อแลกกับเงินที่ได้



เราทำงานหาเลี้ยงตัวเองคนเดียวมาจนจบ
จนมาถึงในช่วงที่เราเข้าสู่ช่วงวัยทำงาน เราก็ได้รู้จักกับผู้ชายคนหนึ่ง รู้จักกันได้ประมาณ 1 ปีก็ตกลงคบหาดูใจกัน
เป็นแฟน ตอนนั้นเราทำงานกับทัวร์ พาชาวต่างชาติไปเที่ยวโน่นนี่ ซึ่งเงินเดือนเราก็ไม่เยอะหรอกค่ะ แต่รายได้หลักๆ
จะได้จากติ๊บของลูกทัวร์มากกว่า มากสุดที่ได้ในตอนนั้นคือ 20,000 บาท รวยเละช่วงนั้น 55 ซึ่งถือว่าเยอะมากในสมัย
เมื่อ 5 ปีก่อน ช่วงที่เราคบกันเรากับแฟนก็ต่างคนต่างทำงาน แต่เราจะมีอย่างหนึ่งที่เราใช้ร่วมกัน นั่นก็คือ กระเป๋าตัง  
เวลาไปไหนทำอะไรก็จะใช้ส่วนนี้ออก ซึ่งตังในกระเป๋าจะต้องมีอย่างต่ำ 2-3 พันบาทติดตัวตลอดเวลา จนหลังๆ
มันเริ่มมีปัญหาเรื่องเงิน เงินที่ได้มาเริ่มหาย ลดลงไปเรื่อยๆ จนทำให้ตอนนั้นเรามีปัญหาทะเลาะกันบ่อยมาก
เพราะเรื่องเงิน ซึ่งแฟนเราหาว่าเราชอปปิ้งมั่ง ใช้เงินเปลืองมั่ง ทั้งๆที่ในแต่ละเดือนเราใช้เงินซื้อเสื้อผ้าไปแค่ 2-3 ร้อยบาท
เพราะเราเป็นผู้หญิงที่ไม่ค่อยชอบแต่งตัวเท่าไหร่ มีอะไรก็ใส่ๆไป อาจจะเปลี่ยนบ้างนานๆที
กินข้าวก็กินธรรมดาข้างทางเพราะเราไม่ติดหรูติดแพง อาจจะเป็นเพราะว่าเราถูกเลี้ยงแบบติดดิน มาตั้งแต่เด็กๆ
ซึ่งปัญหาในตอนนั้นทำให้เรา งง มาก คือนี่สรุปเราผิดหรอ ? เงินที่หายไปนี่ไม่น่าจะใช่เพราะเรานะ



จนเพื่อนเราบอกว่า "ถ้างั้นก็ลองแยกกระเป๋าตังกันดูสิ่" ทีนี้รู้เลยค่ะ
จากที่เมื่อก่อนทำแต่งานเลยไม่ได้โฟกัสเรื่องค่าใช้จ่ายค่ะ แต่พอแยกมาปุ๊บ
รู้ทุกๆอย่างเลย ด้วยความที่แฟนเราเป็นคนใส่เสื้อผ้าแบรนด์เนม ซื้อเสื้อผ้าที 2-3 พัน แถมสูบบุหรี่จัด ที่สำคัญเรายังจับได้ว่าเค้า
ไปเล่นและติดพนันบอลอีกต่างหาก ซึ่งในจุดๆนี้ทำให้เราไม่รู้ว่าเงินมันหายไป พอเรามองเห็นปัญหาแล้วว่ามันเกิดจากจุดๆนี้
เราก็บอกให้เค้าเลิกการพนันซะ ซึ่งเค้าก็ยอมเลิก ปัญหาเรื่องเงินก็ลดน้อยลง แต่เรื่องขอแบรนด์เนมที่เค้าชอบใส่
เอาตรงๆเรื่องนี้เราก็ไม่เคยห้ามค่ะ เพราะเรารักเค้า ยอมให้เค้า เราเป็นประเภทที่อยากให้คนอื่นมองว่าแฟนเราดูดี
มันทำให้เรารู้สึกภูมิใจ โดยที่ไม่ได้มองดูตัวเองเลยว่าจะเป็นยังไง ใส่เสื้อผ้า 2-3 ร้อยก็ใส่ๆไปซ้ำๆอย่างนั้น เรามักจะดูแล
และใส่ใจเค้าเสมอ เพื่อให้เค้าได้รับสิ่งที่ดีที่สุด แต่มันก็ไม่พอค่ะ สำหรับความรักของเรา เรายอมรับว่าเราเป็นคนหาเงินเก่ง
แต่ก็ไม่เคยมีเงินเก็บเลย จะมีใช้เป็นเดือนชนเดือนมากกว่า จนมันเกิดเหตุการณ์หนึ่งขึ้น ซึ่งเหตุการณ์นี้ทำให้เราตาสว่าง
และรู้ว่าเราควรจะทำยังไง …มาจนถึงช่วงที่พีคที่สุดของชีวิต จู่ๆพ่อเราก็เกิดป่วยขึ้นมากระทันหัน จากที่เจ็บออดๆแอดๆมาซักระยะ
ตอนแรกเราก็ไม่รู้จะช่วยยังไงเพราะไม่มีเงินเก็บเลยซักบาทเดียว ตอนนั้นกระวนกระวายใจมากค่ะ จนหาทางออกด้วยการหยุด
ไม่จ่ายบัตรเครดิต ซึ่งในตอนนั้นมีบัตรประมาณ 5 ใบค่ะ เรายอมเป็นหนี้บัตรเครดิตเพื่อที่จะเอาเงินนั้นมารักษาพ่อ
แต่แล้ว… มันก็สายเกินไป ...



กว่าเงินที่ได้จะมาถึง ท่านก็จากไปแล้ว เราเสียใจมาก เศร้า
ได้แต่คิดว่า ถ้าในตอนนั้นเรายอมเห็นแก่ตัว เลือกรักตัวเองมากกว่านี้ ใช้จ่ายระมัดระวัง คิดก่อนจ่ายก็คงรักษาพ่อได้ทัน
แล้วถ้าเป็นเพื่อนๆล่ะคะ
จะเลือก "รักตัวเอง" หรือ "รักคนอื่น" มากกว่ากัน ??
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่