The Moon 6
เช้าวันใหม่ อลิซตื่นขึ้นมาที่ห้องของตัวเอง เธอถอนหายใจยาวที่สุดเท่าที่เคยทำมา และนึกทบทวนเหตุกาณ์เมื่อคืนที่ห้องบอส
อลิสเล่าทุกอย่างให้คริสฟังแต่คริสไม่เชื่อและยังปักใจว่าเธอลักลอบเข้ามาเองซะงั้น เขาพยายามคาดคั้นความจริงจากเธอ
“คุณเข้ามาห้องผมได้ยังไง “คริสถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และดูเบื่อหน่าย อาจเป็นเพราะว่าเขาถามคำถามนี้หลายครั้งมากแล้วแต่คำตอบที่ได้คือ
“ ฉัน ไม่ทราบค่ะ ฉันซื้อสร้อยเส้นหนึ่งมาจากคุณยาย แล้วฉันก็หมุน “ อลิซยังไม่ทันอธิบายต่อ ได้เพียงอ้าปากค้าง คริสก็ตัดบทซะก่อน
“พอแล้ว ผมไม่อยากฟังแล้ว วันนี้พอแค่นี้ เธอกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะโทรไปเคลียร์กับไบรอันเอง “ คริสหงุดหงิด และเข้าใจว่าไบรอันส่งอลิซมาตาม
ตัวเขากลับประเทศไทย นี่เขาก็หยุดงานมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่เขาก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าหญิงสาวเข้ามายังไง
“ บอสคะ ฉันไม่มีที่ไป “ อลิซทำเสียงเศร้า กระพริบตาปริบๆ หวังให้เจ้านายเห็นใจ ยิ่งอธิบายไปก็ไม่เชื่อ ขอแค่นอนหลับซักตื่น
เธอก็น่าจะกลับไปที่ห้องของเธอได้ หญิงสาวสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันกลับมาให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้อีกแน่นอน
“’งั้นคืนนี้ก็นอนที่นี่ ไปแล้วกัน ผมจะไปนอนอีกห้อง “ คริส ขยี้ผมหงุดหงิด เดินออกไป
อลิซ นั่งตัวแข็งอยู่ตั้งนาน พอชายหนุ่มเดินออกไป เธอถึงกับทิ้งตัวลงนอนเลยโครมใหญ่เลยทีเดียว แต่ยังไม่ทันได้ผ่อนคลาย ชายหนุ่มก็เปิดประตูพรวด
เข้ามาอีกรอบ อลิซกระเด้งอัตโนมัติมาอยู่ในท่าเดิมในตอนแรก
“ ทำไมไม่เคาะประตูก่อนเข้ามา ล่ะคะ “ อลิซพูดลอยหน้าลอยตา แต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม
“ ผมจะมาเอาเสื้อผ้า “คริสเดินเข้ามาหยิบเสื้อและกางเกงลำลอง ในตู้ พลันหันไปมองหญิงสาวนั่งตัวแข็งมองเขาอยู่
“ เธอไม่อาบน้ำรึไง “ คริสถามพลางหยิบนู่นนี่
“ไม่ค่ะ ฉัน ไม่อาบ หนาวจะตาย “ อลิซส่ายหน้า โบกมือ ยิ้มเหย ๆ
คริสเดินเข้ามาใกล้อลิซที่นั่งอยู่ ใกล้แค่ชิดขอบเตียง หญิงสาวแอนหลังหนีเพื่อทิ้งระยะห่างให้ไกลเขามากขึ้น
“ อะ ชุดถ้าอยากจะอาบน้ำ “ คริสยื่นชุดนอนของเขาให้อลิส และเดินออกไป
อลิซ รับชุดมา ฝันค้างว่าชายหนุ่มจะยื่นหน้ามา กู้ดไนท์คิส เธอกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้ตื่นจากภวังค์ของตัวเอง อลิซนึกในใจ ว่าคริสก็เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แต่อาจเพราะหน้าที่ เขาเลยไม่มีมุมแบบนี้กับเธอเอาเสียเลย
อลิซ นอนนึกถึงเพลง จูบ ในละครหนึ่งในทรวง ♫คิดถึงรอยจูบ ฮู้ว ฮู ฮู้ว จูบ ไม่รู้เธอจะเป็นแบบฉันไหมบอกที♬ มโนว่าตัวเองเป็นปุ้ม นางเอกของเรื่อง
ที่ถูกพระเอกช่วยผายปอดตอนจมน้ำ
“บ้า คิดอะไรเนี่ย เค้าก็แค่หอม “ อลิซเขินกลิ้งไปมา ไม่นานเธอก็ผลอยหลับไป
*************************************************************************************
คริสตื่นแต่เช้า เค้ากำลังจะเปิดประตูห้องที่อลิซนอนอยู่ นึกขึ้นได้ว่าควรเคาะประตูเดี๋ยวยายเลขาตัวแสบจะว่าเขาได้อีก
คริสเคาะประตูอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เค้าจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป แต่เค้ากลับเห็นเพียงห้องที่ว่างเปล่ามีเพียงร่องรอยของคนนอนเท่านั้น
คริสแปลกใจ เดินเข้าไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่พบ เขารีบเดินออกไปดูที่ห้องรับแขก ก็ไม่พบหญิงสาว คริสหาอลิซจนทั่วจนมั่นใจว่าไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาจึงกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้ง
คริสนั่งลงบนที่นอนครุ่นคิด เรื่องราวและความเป็นไปได้ที่หญิงสาวจะเข้ามาและออกไปโดยที่ไม่มีใครรู้เลย มันเป็นไปได้อย่างไรกัน พลันมือก็ไปปัดสิ่งของ
บางอย่าง คริสหันมาดูและพบว่าเป็นสร้อยเส้นหนึ่ง
“ นี่มันสร้อยของใครกัน “ คริสนึกเรื่องราวที่อลิซพยายามจะอธิบายและพูดถึงสร้อยเส้นหนึ่ง
“ สร้อยพระจันทร์ “ คริสพึมพำไม่อยากเชื่อความคิดในแวบแรกของตัวเอง
คริสรีบหยิบโทรศัพท์มือถือโทรเข้าบริษัท เพื่อพิสูจน์บางอย่างทันที
“ดิเซ็มเบอร์ คอมพานี สวัสดีค่ะ” โอเปอร์เรเตอร์เสียงหวานรับสาย
“ผมคริส ขอสายไบรอัน เอ่อ ไม่ใช่ครับขอสายอลิซ “ ชายหนุ่มลังเล แต่ตัดสินใจได้
“ขอโทษค่ะคุณคริส วันนี้อลิซเข้ามา แล้วก็ออกไปพบลูกค้ากับคุณไบรอันแล้วค่ะ” โอเปอร์เรเตอร์ พยายามอธิบาย
“เอ่อ ครับ ขอบคุณครับ “ คริสวางสายทั้งที่ยังสับสน การเดินทางระหว่างอังกฤษกรุงเทพใช้เวลา 14 ชั่วโมงขึ้นไป เป็นไปไม่ได้แน่นอน
อลิซที่อยู่กรุงเทพและคนที่มาอยู่ในห้องเขาจะเป็นคนคนเดียวกัน
***************************************************************************************
อลิซนั่งรอไบรอันอยู่ในรถ ตอนนี้คริสไม่อยู่ไบรอันเจ้านายใหญ่จึงต้องออกตลาดด้วยตัวเอง ซึ่งอลิซเองก็เริ่มคุ้นเคยกับไบรอันมากขึ้น
ปกติแล้วไบรอันไม่ค่อยได้เข้าออฟฟิศ แต่เมื่อคริสไม่อยู่ เขาเลยต้องเข้ามาดูแลเอง แต่แปลกตรงที่เขาไม่บ่นหรือโทรหาคริสเลย อลิซก็ยังแอบสงสัยอยู่
ไม่น้อย อลิซสะดุ้งเมื่อเสียงประตูรถเปิดออก
“อลิซ กาแฟครับ “ ไบรอันยื่นกาแฟให้อลิซและส่งให้พนักงานขับรถคนละ 1 แก้ว
“ขอบคุณค่ะ แล้วของคุณล่ะคะ “ อลิซสงสัย
“ผมเรียบร้อยแล้วครับ เมื่อกี้เจอลูกค้าที่อังกฤษเลยคุยกันนานไปหน่อย “ ไบรอันดูเป็นกันเองจนอลิซยิ้มแก้มแทบปริ พลันคิดถึงคริสขึ้นมาตะหงิด ๆ
“เอ่อ เห็นพนักงานโทรมาว่า คริสโทรหาคุณด้วย “ ไบรอัน บอกอลิซด้วยสีหน้างงๆ
“ หรอค่ะ เอ่อ สงสัยจะสั่งงานมั้งคะ “ อลิซหน้าเหวอ
“เขาบอกมั้ยว่าจะบินมาวันไหน “ ไบรอันถามเหมือนอยากรู้ ข้อมูลเพิ่มเติม
“ไม่ได้บอกอะไรเลยค่ะ แล้วปกติคุณคริสก็ไม่โทรหาอลิซนะคะ ใช้เมลสั่งงานค่ะ “ อลิซกระวนกระวายกลัวความจะแตกเรื่องที่เธอไปมาระหว่างแมนเชส
เตอร์กับกรุงเทพเป็นว่าเล่น แต่เธอตั้งใจแล้วจริง ๆ ว่าจะไม่ไปอีก แต่ก็อีกแหล่ะ น่าเสียดายที่ไม่ได้ชมบรรยากาศด้านนอกเลย หลายวันมานี้เธอได้แค่อยู่ใน
ห้องของคริสเท่านั้นเอง
อลิซกลับมาถึงบ้าน เธอรีบวิ่งขึ้นบันไดไปด้วยความรีบร้อน เผลอเหยียบพลาดจึงไถลลงมา2 ขั้นบันได
“โอ๊ย “ หญิงสาวร้องด้วยความเจ็บปวด จนผู้เป็นแม่วิ่งเข้ามาดู
“อลิซเป็นอะไรลูก เห็นไหม แม่บอกแล้วให้ค่อย ๆ เดิน “ ผู้เป็นแม่พยุงลูกสาวขึ้นห้องอย่างทุลักทุเล
“อาบน้ำเสร็จแล้วก็ลงไปกินข้าวด้วยหล่ะ “ ผู้เป็นแม่บอกก่อนเกินออกไป
“ ขอบคุณค่ะ แม่ “ หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้
เธอมองหาสร้อยพระจันทร์เป็นสิ่งแรก แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ภาพล่าสุดที่เธอจำได้คือเธอถือสร้อยพระจันทร์และเผลอหลับไป
หญิงสาวหาจนถอดใจล้มเลิก และคิดไปเองว่า สร้อยเส้นนั้นอาจหายไปเองเสียแล้ว
*************************************************************************************
ที่ห้องของคริส คริสทดลองหมุนนาฬิกา ตามคำพูดของอลิซ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คริสเฝ้ามองสร้อยพระจันทร์ ที่ถูกวางอยู่บนหัวเตียง แต่ก็ไม่มีปรากฎ
การณ์อะไรเกิดขึ้น นานจนคริสง่วงและหลับไป
“ สร้อยเส้นนั้นมาได้อย่างไรเจ้าคะ “ ดาวศุกร์สงสัยหันไปถามพระจันทร์
“ อ้าว ก็อยู่ด้วยกัน เธอมาถามฉันได้อย่างไรหล่ะ “ พระจันทร์ตอบยียวน
“ แล้วแม่หนูอลิซจะมาหา เจ้าชายได้หรือเจ้าคะ “ ดาวพฤหัส ยิ่งสงสัยมากขึ้น
“ มันไม่สำคัญหรอกจ้ะ ว่าใครจะเป็นคนไขลาน แต่สำคัญที่ว่าใครเป็นเจ้าของแรงปรารถณาต่างหาก “ คุณยายพระจันทร์หัวเราะเบาๆ
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาว อลิซรู้สึกได้ว่าหนาวเหลือเกิน เธอเอามือควานหาผ้าห่ม แต่ติดอะไรสักอย่างดึงเท่าไหร่ก็ไม่มา
อลิซได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบา ใกล้ ๆ เธอหลับตาปี๋ นี่ฉันอยู่เรื่องอะไรหล่ะทีนี้ อลิซนึกหลอนตัวเองในใจ พลันก็มีมือมาสวมกอดเธอและดึงเธอเข้าไปใกล้เสียงลมหายใจนั้น
อลิซอยากกรี๊ดมาก แต่ไม่กล้า เธอค่อยๆ หรี่ตามองภาพที่อยู่ข้างหน้า และเอามือปิดปากตัวเองให้สนิท
“ บอส “ อลิซพูดแทบจะกระซิบ อลิซค่อยๆ ขยับจะหันหลังให้คริส
“ จะหนีไปไหน ยายตัวแสบ “ คริสพูดและดึงร่างหญิงสาวกลับมา
“ ผมจับได้แล้วว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง ไม่อยากจะเชื่อ “ คริสสบตาหญิงสาวอย่างพิจารณา
“ก็ฉันพยายามบอกคุณไปแล้ว” อลิซพูดเบาๆ เหมือนกลัวจะมีใครได้ยิน
“ ก็ใครจะไปเชื่อ “ คริสหรี่เสียงเบาตามอลิซ
“ ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ “ อลิซพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“ ไม่ปล่อย ผมจะต้องพิสูจน์เรื่องนี้ “ ชายหนุ่มพูดพลางกระซับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“คุณก็เห็นแล้วว่าฉันมายังไง แล้วเดี๋ยวฉันก็จะกลับไป ฉันสัญญา ว่าจะหาเหตุผลว่าทำไมฉันยังมาที่นี่ได้ ทั้งที่ฉันไม่มีสร้อยเส้นนั้น ... “ อลิซหยุดคิดตรงประโยคนี้
“ หรือคุณมีสร้อยเส้นนั้น ? “ อลิซ จ้องหน้าคริสเขม็งเพื่อค้นหาคำตอบ
คริสดื้อแกล้งหลับตาอยู่อย่างนั้น หญิงสาวพยายามดิ้นจนอ่อนแรง
"นี่ฉันต้องนอนในอ้อมกอดของเขาจนกว่าจะหลับหรือยังไงเนี่ย" อลิซถามตัวเองในใจ แต่ก็ปฎิเสธซะที่ไหนกัน ก็ใจมันเรียกร้องขนาดนี้
ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว หนุ่มสาวก็อาจมีหวั่นไหว ชายหนุ่มนอนกอดหญิงสาวอยู่อย่างนั้น แต่ในใจ เขาคิดอย่างไร ต้องการจะพิสูจน์อะไรอย่างนั้นหรือ
นี่สิคือสิ่งที่เขาเองก็แอบสงสัย
*********************************************************************************
The Moon 6
The Moon 6
เช้าวันใหม่ อลิซตื่นขึ้นมาที่ห้องของตัวเอง เธอถอนหายใจยาวที่สุดเท่าที่เคยทำมา และนึกทบทวนเหตุกาณ์เมื่อคืนที่ห้องบอส
อลิสเล่าทุกอย่างให้คริสฟังแต่คริสไม่เชื่อและยังปักใจว่าเธอลักลอบเข้ามาเองซะงั้น เขาพยายามคาดคั้นความจริงจากเธอ
“คุณเข้ามาห้องผมได้ยังไง “คริสถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ และดูเบื่อหน่าย อาจเป็นเพราะว่าเขาถามคำถามนี้หลายครั้งมากแล้วแต่คำตอบที่ได้คือ
“ ฉัน ไม่ทราบค่ะ ฉันซื้อสร้อยเส้นหนึ่งมาจากคุณยาย แล้วฉันก็หมุน “ อลิซยังไม่ทันอธิบายต่อ ได้เพียงอ้าปากค้าง คริสก็ตัดบทซะก่อน
“พอแล้ว ผมไม่อยากฟังแล้ว วันนี้พอแค่นี้ เธอกลับไปได้แล้ว พรุ่งนี้ฉันจะโทรไปเคลียร์กับไบรอันเอง “ คริสหงุดหงิด และเข้าใจว่าไบรอันส่งอลิซมาตาม
ตัวเขากลับประเทศไทย นี่เขาก็หยุดงานมาเป็นอาทิตย์แล้ว แต่เขาก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าหญิงสาวเข้ามายังไง
“ บอสคะ ฉันไม่มีที่ไป “ อลิซทำเสียงเศร้า กระพริบตาปริบๆ หวังให้เจ้านายเห็นใจ ยิ่งอธิบายไปก็ไม่เชื่อ ขอแค่นอนหลับซักตื่น
เธอก็น่าจะกลับไปที่ห้องของเธอได้ หญิงสาวสัญญากับตัวเองว่าจะไม่มีวันกลับมาให้เรื่องมันวุ่นวายแบบนี้อีกแน่นอน
“’งั้นคืนนี้ก็นอนที่นี่ ไปแล้วกัน ผมจะไปนอนอีกห้อง “ คริส ขยี้ผมหงุดหงิด เดินออกไป
อลิซ นั่งตัวแข็งอยู่ตั้งนาน พอชายหนุ่มเดินออกไป เธอถึงกับทิ้งตัวลงนอนเลยโครมใหญ่เลยทีเดียว แต่ยังไม่ทันได้ผ่อนคลาย ชายหนุ่มก็เปิดประตูพรวด
เข้ามาอีกรอบ อลิซกระเด้งอัตโนมัติมาอยู่ในท่าเดิมในตอนแรก
“ ทำไมไม่เคาะประตูก่อนเข้ามา ล่ะคะ “ อลิซพูดลอยหน้าลอยตา แต่ไม่กล้ามองหน้าชายหนุ่ม
“ ผมจะมาเอาเสื้อผ้า “คริสเดินเข้ามาหยิบเสื้อและกางเกงลำลอง ในตู้ พลันหันไปมองหญิงสาวนั่งตัวแข็งมองเขาอยู่
“ เธอไม่อาบน้ำรึไง “ คริสถามพลางหยิบนู่นนี่
“ไม่ค่ะ ฉัน ไม่อาบ หนาวจะตาย “ อลิซส่ายหน้า โบกมือ ยิ้มเหย ๆ
คริสเดินเข้ามาใกล้อลิซที่นั่งอยู่ ใกล้แค่ชิดขอบเตียง หญิงสาวแอนหลังหนีเพื่อทิ้งระยะห่างให้ไกลเขามากขึ้น
“ อะ ชุดถ้าอยากจะอาบน้ำ “ คริสยื่นชุดนอนของเขาให้อลิส และเดินออกไป
อลิซ รับชุดมา ฝันค้างว่าชายหนุ่มจะยื่นหน้ามา กู้ดไนท์คิส เธอกระพริบตาถี่ ๆ เพื่อให้ตื่นจากภวังค์ของตัวเอง อลิซนึกในใจ ว่าคริสก็เป็นผู้ชายที่อ่อนโยนอยู่เหมือนกัน แต่อาจเพราะหน้าที่ เขาเลยไม่มีมุมแบบนี้กับเธอเอาเสียเลย
อลิซ นอนนึกถึงเพลง จูบ ในละครหนึ่งในทรวง ♫คิดถึงรอยจูบ ฮู้ว ฮู ฮู้ว จูบ ไม่รู้เธอจะเป็นแบบฉันไหมบอกที♬ มโนว่าตัวเองเป็นปุ้ม นางเอกของเรื่อง
ที่ถูกพระเอกช่วยผายปอดตอนจมน้ำ
“บ้า คิดอะไรเนี่ย เค้าก็แค่หอม “ อลิซเขินกลิ้งไปมา ไม่นานเธอก็ผลอยหลับไป
*************************************************************************************
คริสตื่นแต่เช้า เค้ากำลังจะเปิดประตูห้องที่อลิซนอนอยู่ นึกขึ้นได้ว่าควรเคาะประตูเดี๋ยวยายเลขาตัวแสบจะว่าเขาได้อีก
คริสเคาะประตูอยู่หลายครั้งแต่ไม่มีเสียงตอบรับ เค้าจึงตัดสินใจเปิดประตูห้องเข้าไป แต่เค้ากลับเห็นเพียงห้องที่ว่างเปล่ามีเพียงร่องรอยของคนนอนเท่านั้น
คริสแปลกใจ เดินเข้าไปดูที่ห้องน้ำก็ไม่พบ เขารีบเดินออกไปดูที่ห้องรับแขก ก็ไม่พบหญิงสาว คริสหาอลิซจนทั่วจนมั่นใจว่าไม่อยู่แล้วจริงๆ เขาจึงกลับมาที่ห้องนอนอีกครั้ง
คริสนั่งลงบนที่นอนครุ่นคิด เรื่องราวและความเป็นไปได้ที่หญิงสาวจะเข้ามาและออกไปโดยที่ไม่มีใครรู้เลย มันเป็นไปได้อย่างไรกัน พลันมือก็ไปปัดสิ่งของ
บางอย่าง คริสหันมาดูและพบว่าเป็นสร้อยเส้นหนึ่ง
“ นี่มันสร้อยของใครกัน “ คริสนึกเรื่องราวที่อลิซพยายามจะอธิบายและพูดถึงสร้อยเส้นหนึ่ง
“ สร้อยพระจันทร์ “ คริสพึมพำไม่อยากเชื่อความคิดในแวบแรกของตัวเอง
คริสรีบหยิบโทรศัพท์มือถือโทรเข้าบริษัท เพื่อพิสูจน์บางอย่างทันที
“ดิเซ็มเบอร์ คอมพานี สวัสดีค่ะ” โอเปอร์เรเตอร์เสียงหวานรับสาย
“ผมคริส ขอสายไบรอัน เอ่อ ไม่ใช่ครับขอสายอลิซ “ ชายหนุ่มลังเล แต่ตัดสินใจได้
“ขอโทษค่ะคุณคริส วันนี้อลิซเข้ามา แล้วก็ออกไปพบลูกค้ากับคุณไบรอันแล้วค่ะ” โอเปอร์เรเตอร์ พยายามอธิบาย
“เอ่อ ครับ ขอบคุณครับ “ คริสวางสายทั้งที่ยังสับสน การเดินทางระหว่างอังกฤษกรุงเทพใช้เวลา 14 ชั่วโมงขึ้นไป เป็นไปไม่ได้แน่นอน
อลิซที่อยู่กรุงเทพและคนที่มาอยู่ในห้องเขาจะเป็นคนคนเดียวกัน
***************************************************************************************
อลิซนั่งรอไบรอันอยู่ในรถ ตอนนี้คริสไม่อยู่ไบรอันเจ้านายใหญ่จึงต้องออกตลาดด้วยตัวเอง ซึ่งอลิซเองก็เริ่มคุ้นเคยกับไบรอันมากขึ้น
ปกติแล้วไบรอันไม่ค่อยได้เข้าออฟฟิศ แต่เมื่อคริสไม่อยู่ เขาเลยต้องเข้ามาดูแลเอง แต่แปลกตรงที่เขาไม่บ่นหรือโทรหาคริสเลย อลิซก็ยังแอบสงสัยอยู่
ไม่น้อย อลิซสะดุ้งเมื่อเสียงประตูรถเปิดออก
“อลิซ กาแฟครับ “ ไบรอันยื่นกาแฟให้อลิซและส่งให้พนักงานขับรถคนละ 1 แก้ว
“ขอบคุณค่ะ แล้วของคุณล่ะคะ “ อลิซสงสัย
“ผมเรียบร้อยแล้วครับ เมื่อกี้เจอลูกค้าที่อังกฤษเลยคุยกันนานไปหน่อย “ ไบรอันดูเป็นกันเองจนอลิซยิ้มแก้มแทบปริ พลันคิดถึงคริสขึ้นมาตะหงิด ๆ
“เอ่อ เห็นพนักงานโทรมาว่า คริสโทรหาคุณด้วย “ ไบรอัน บอกอลิซด้วยสีหน้างงๆ
“ หรอค่ะ เอ่อ สงสัยจะสั่งงานมั้งคะ “ อลิซหน้าเหวอ
“เขาบอกมั้ยว่าจะบินมาวันไหน “ ไบรอันถามเหมือนอยากรู้ ข้อมูลเพิ่มเติม
“ไม่ได้บอกอะไรเลยค่ะ แล้วปกติคุณคริสก็ไม่โทรหาอลิซนะคะ ใช้เมลสั่งงานค่ะ “ อลิซกระวนกระวายกลัวความจะแตกเรื่องที่เธอไปมาระหว่างแมนเชส
เตอร์กับกรุงเทพเป็นว่าเล่น แต่เธอตั้งใจแล้วจริง ๆ ว่าจะไม่ไปอีก แต่ก็อีกแหล่ะ น่าเสียดายที่ไม่ได้ชมบรรยากาศด้านนอกเลย หลายวันมานี้เธอได้แค่อยู่ใน
ห้องของคริสเท่านั้นเอง
อลิซกลับมาถึงบ้าน เธอรีบวิ่งขึ้นบันไดไปด้วยความรีบร้อน เผลอเหยียบพลาดจึงไถลลงมา2 ขั้นบันได
“โอ๊ย “ หญิงสาวร้องด้วยความเจ็บปวด จนผู้เป็นแม่วิ่งเข้ามาดู
“อลิซเป็นอะไรลูก เห็นไหม แม่บอกแล้วให้ค่อย ๆ เดิน “ ผู้เป็นแม่พยุงลูกสาวขึ้นห้องอย่างทุลักทุเล
“อาบน้ำเสร็จแล้วก็ลงไปกินข้าวด้วยหล่ะ “ ผู้เป็นแม่บอกก่อนเกินออกไป
“ ขอบคุณค่ะ แม่ “ หญิงสาวส่งยิ้มหวานให้
เธอมองหาสร้อยพระจันทร์เป็นสิ่งแรก แต่หายังไงก็หาไม่เจอ ภาพล่าสุดที่เธอจำได้คือเธอถือสร้อยพระจันทร์และเผลอหลับไป
หญิงสาวหาจนถอดใจล้มเลิก และคิดไปเองว่า สร้อยเส้นนั้นอาจหายไปเองเสียแล้ว
*************************************************************************************
ที่ห้องของคริส คริสทดลองหมุนนาฬิกา ตามคำพูดของอลิซ แต่ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้น คริสเฝ้ามองสร้อยพระจันทร์ ที่ถูกวางอยู่บนหัวเตียง แต่ก็ไม่มีปรากฎ
การณ์อะไรเกิดขึ้น นานจนคริสง่วงและหลับไป
“ สร้อยเส้นนั้นมาได้อย่างไรเจ้าคะ “ ดาวศุกร์สงสัยหันไปถามพระจันทร์
“ อ้าว ก็อยู่ด้วยกัน เธอมาถามฉันได้อย่างไรหล่ะ “ พระจันทร์ตอบยียวน
“ แล้วแม่หนูอลิซจะมาหา เจ้าชายได้หรือเจ้าคะ “ ดาวพฤหัส ยิ่งสงสัยมากขึ้น
“ มันไม่สำคัญหรอกจ้ะ ว่าใครจะเป็นคนไขลาน แต่สำคัญที่ว่าใครเป็นเจ้าของแรงปรารถณาต่างหาก “ คุณยายพระจันทร์หัวเราะเบาๆ
ค่ำคืนนี้ช่างเหน็บหนาว อลิซรู้สึกได้ว่าหนาวเหลือเกิน เธอเอามือควานหาผ้าห่ม แต่ติดอะไรสักอย่างดึงเท่าไหร่ก็ไม่มา
อลิซได้ยินเสียงหายใจแผ่วเบา ใกล้ ๆ เธอหลับตาปี๋ นี่ฉันอยู่เรื่องอะไรหล่ะทีนี้ อลิซนึกหลอนตัวเองในใจ พลันก็มีมือมาสวมกอดเธอและดึงเธอเข้าไปใกล้เสียงลมหายใจนั้น
อลิซอยากกรี๊ดมาก แต่ไม่กล้า เธอค่อยๆ หรี่ตามองภาพที่อยู่ข้างหน้า และเอามือปิดปากตัวเองให้สนิท
“ บอส “ อลิซพูดแทบจะกระซิบ อลิซค่อยๆ ขยับจะหันหลังให้คริส
“ จะหนีไปไหน ยายตัวแสบ “ คริสพูดและดึงร่างหญิงสาวกลับมา
“ ผมจับได้แล้วว่าคุณมาที่นี่ได้ยังไง ไม่อยากจะเชื่อ “ คริสสบตาหญิงสาวอย่างพิจารณา
“ก็ฉันพยายามบอกคุณไปแล้ว” อลิซพูดเบาๆ เหมือนกลัวจะมีใครได้ยิน
“ ก็ใครจะไปเชื่อ “ คริสหรี่เสียงเบาตามอลิซ
“ ปล่อยฉันได้แล้วค่ะ “ อลิซพยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมกอดของชายหนุ่ม
“ ไม่ปล่อย ผมจะต้องพิสูจน์เรื่องนี้ “ ชายหนุ่มพูดพลางกระซับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น
“คุณก็เห็นแล้วว่าฉันมายังไง แล้วเดี๋ยวฉันก็จะกลับไป ฉันสัญญา ว่าจะหาเหตุผลว่าทำไมฉันยังมาที่นี่ได้ ทั้งที่ฉันไม่มีสร้อยเส้นนั้น ... “ อลิซหยุดคิดตรงประโยคนี้
“ หรือคุณมีสร้อยเส้นนั้น ? “ อลิซ จ้องหน้าคริสเขม็งเพื่อค้นหาคำตอบ
คริสดื้อแกล้งหลับตาอยู่อย่างนั้น หญิงสาวพยายามดิ้นจนอ่อนแรง
"นี่ฉันต้องนอนในอ้อมกอดของเขาจนกว่าจะหลับหรือยังไงเนี่ย" อลิซถามตัวเองในใจ แต่ก็ปฎิเสธซะที่ไหนกัน ก็ใจมันเรียกร้องขนาดนี้
ยิ่งดึกก็ยิ่งหนาว หนุ่มสาวก็อาจมีหวั่นไหว ชายหนุ่มนอนกอดหญิงสาวอยู่อย่างนั้น แต่ในใจ เขาคิดอย่างไร ต้องการจะพิสูจน์อะไรอย่างนั้นหรือ
นี่สิคือสิ่งที่เขาเองก็แอบสงสัย
*********************************************************************************