ความพร้อม โอกาส และการได้ไปต่อ

พอดีว่างเลยมีเรื่องมาเล่าให้ฟัง เผื่อจะได้กระตุ้นความคิดในตัวใครๆได้บ้าง

"การได้ไปต่อ" ประโยคนี้บางทีได้ยินแล้วมันปวดใจ เพราะมันสามารถนำมาใช้ได้กับแทบทุกเรื่องราวในชีวิต เช่น การเรียน การงาน การดำเนินชีวิตต่างๆ
หลายคนเคยพูดว่า คนเรามีความสามารถอย่างเดียวไม่พอหรอก ต้องมีโอกาส หรือต้องมีวัตถุดิบพร้อม ถึงจะสามารถทำสิ่งๆ หนึ่งได้ดั่งต้องการ แต่มันก็ไม่เสมอไป เพราะบางเรื่องก็มีแค่สองสิ่งก็ไปต่อได้ แต่ส่วนมากแล้ว มันไม่เป็นเช่นนั้น ดั่งที่จะเล่าให้ฟัง

.... มีเด็กคนหนึ่ง เติบโตมาในชนบทแบบชีวิตที่ไม่ได้ร่ำรวยอะไร พ่อกับแม่ของเขาเลิกกันตั้งแต่เขาอายุประมาณ 4 ขวบ ซึ่งเขาก็จำเรื่องราวตอนนั้นได้แบบลางๆ ตามประสาเด็ก พ่อเขาไปอยู่กับภรรยาใหม่ ส่วนเขาอยู่กับแม่ เขาไม่ค่อยได้ไปเที่ยวแบบเด็กคนอื่นๆ เพราะแม่ไม่ค่อยพาไป เด็กคนนี้เป็นคนเรียนเก่ง ตอน ป.1 เขาได้ที่ 1 ของห้อง ปีถัดๆ มา เขาเรียนไม่เคยได้สูงกว่าลำดับที่ 3 จนกระทั้ง ป.4 แม่ของเขาได้ไปอยู่ที่อื่น ซึ่งเขาต้องอยู่กับพี่ การเรียนของเขาเริ่มถอยหลัง เพราะไม่มีคนคอยสนับสนุนอุปกรณ์ต่างๆเหมือนเคย แต่เขาก็ยังมีวามสามารถเข้าร่วมประกวดวาดภาพได้ที่ 1 ของระดับอำเภออยู่ร่ำไป ทั้งที่เขาเรียนนั้น ไม่ใช่ในที่ๆเจริญมากด้วยซ้ำ ในช่วงอายุ 10 ขวบนี่แหละ เขาได้เห็นพี่ของเขาซ่อมโน่นนี่นั่นอยู่ร่ำไป เขาก็เกิดความชอบเกี่ยวกับอิเล็คทรอนิกส์ เขาเที่ยวนำวิทยุเก่ามาแกะดู มาลองต่อสายไป แกะอุปกรณ์ต่างๆ อยู่ร่ำไป
....  ตอนมัธยมต้น เขาได้ไปอยู่โรงเรียนประจำ ซึ่งแน่อยู่แล้วว่าต้องมีเด็กจากที่ต่างๆมาเรียนด้วย เขามีเพื่อนคนหนึ่งที่บ้านอยู่ในตัวเมือง เพื่อนคนนี้มีฐานะสักหน่อย แต่ก็มีความสามารถแค่เรียนอย่างเดียว ไม่ได้เก่งอะไรมาก เวลาเขาซ่อมโน่นนี่นั่น เพื่อนเขาก็จะคอยแต่นั่งดูตลอด ตลอดเวลา 3 ปี เพื่อนเขาก็ให้ช่วยทำพวก DIY ต่างๆ มั่งตามความสามารถที่เขาทำได้ ตอนจะจบมัธยมต้น เขาไม่รู้ว่าจะต่อที่นี่หรือจะไปต่อที่อื่นดี และ... เพื่อนของเขาก็เช่นกัน แต่กระนั้นแล้วเพื่อนของเขาลองชวนเขาไปสอบเข้าเทคนิคในตัวเมือง ซึ่งจะสอบเข้าสาขาอิเล็คทรอนิกส์ โดยเป็นสิ่งที่เขาถนัดอยู่แล้ว แต่กลับกัน เพื่อนเขากลับไม่รู้เรื่องเลย สุดท้ายเขาไปสอบด้วยกัน และผลปรากฏว่า เพื่อนเขาสอบติด แต่เขาพลาด อันเนื่องด้วยระบบสังคมไทย ที่เขาจะเลือกผู้ที่มีภูมิลำเนาใกล้ก่อน ส่วนที่มาจากที่อื่นๆนั้นต้องมีใต้โต๊ะกันบ้าง เอาเป็นประมาณว่าสอบพอเป็นพิธีเท่านั้น
....  สุดท้ายเขาต้องกลับมาต่อมัธยมที่เดิม และด้วยความสามารถของเขา อาจารย์ต่างๆเห็น เขาจึงได้ไว้วางใจให้เป็นช่างไฟ ช่างประปา ต่างๆ แน่นอนความรับผิดชอบของเขาต้องเพิ่มขึ้น เเต่มันก็ทำให้เขามีความสุขที่ได้ทำ บางทีมีคนระแวกใกล้ๆ จ้างไปซ่อมไฟบ้างไรบ้าง พอมีรายได้ แต่เขาไม่ค่อยจะเอา เพราะล้วนเป็นคนที่เขารู้จัก ไปบ้านไหนก็กินข้าวได้หมดทั้งนั้น ขณะศึกษาอยู่มัธยมปลาย ได้มีรุ่นพี่คนหนึ่งมาสนิทกับเขา และก็เช่นเดิม รุ่นพี่คนนั้นได้มาศึกษาหาความรู้เรื่องเทคโนโลยีจากเขา เพราะในตอนนั้นรุ่นพี่คนนั้นก็ใช้ชีวิคแบบจับต้นชนปลายไม่ได้เช่นกัน สุดท้ายรุ่นพี่นั้นก็ได้ลู่ทางในการเรียนต่อเช่นเดิม รุ่นพี่เขาจบแล้วไปเรียนต่อวิทยาการคอมฯ ที่ต่างจังหวัด
....  เมื่อเขาจบเขาก็ได้เรียนต่อมหาลัยรัฐแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ
จบ.

ณ วันนี้หากเรามีทุนทรัพย์พร้อม หากเมื่อใดมีโอกาสก็ควรรีบคว้าเอาไว้ คนเราเกิดมาต่างกัน การใช้ชีวิตต่างกัน ความสามารถต่างกัน
แต่สุดท้ายก็ต้องมาพบกันที่คำว่า โอกาส ขอเป็นกำลังใจให้ทุกคนที่กำลังคิดว่าชีวิตนี้ไม่มีโอกาสอีกแล้ว

ขอบคุณทุกคนที่อ่านจนจบครับ

ปล.[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่