แบบนี้เรียกว่า “Unlucky in love” ได้มั้ย ?

เรื่องที่เราจะเล่าต่อไปนี้ เป็นเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นกับเรา ตั้งแต่เริ่มคบกับผู้ชายคนแรก จนถึงคนล่าสุด ก่อนที่จะจบลงด้วยคำว่าโสดอีกครั้ง (เรื่องที่เราเล่าอาจจะยาวนิดนึง เพราะอยากเล่าทีเดียวจนจบ คนที่เข้ามาอ่านจะได้ไม่ต้องรอตามอ่านต่อ)

เริ่มเลยแล้วกันค่ะ เหตุการที่เราจะเล่าเริ่มต้นตอนเราเรียน ม.ปลาย ค่ะ ตอนนั้นเราเรียนอยู่ ม.5 ซึ่งเราก็เป็นผู้หญิงธรรมดาคนนึง หน้าตาโอเคในระดับนึง ไม่ได้โดดเด่นอะไรมากมาย ภายนอกคนอาจจะมองว่าเราดูเรียบร้อย แต่จริงๆแล้วเราเป็นผู้หญิงกวนๆคนนึงเนี่ยละ ชอบดูฟุตบอล ชอบดูหนัง ชอบเล่นเกมส์ ซึ่งสิ่งที่เราชอบจะขัดกับบุคลิภาพนอกของเรานิดนึง ตอนเรียนเราเป็นคนอิสลามที่เรียนในรร.วัด เราค่อนข้างสนิทกับรุ่นน้อง เราเรียนที่รร.นี้ต้องแต่ม.ต้น เลยทำให้เราสนิทกับรุ่นน้องที่เรียนม.ต้นที่นี่เหมือนกันหลายคน  วันนึงเราซึ่งอยู่ม.5 ยื่นคุยกับรุ่นน้องม.4 ไม่ได้เชิงคุย แต่เหมือนจะออกแนวใช้งานซะมากกว่า ณ กลุ่มตรงนั้นที่เราคุยด้วย เรารู้จักแค่ 2 คน ที่เหลือเราไม่รู้จัก เพราะเป็นรุ่นน้องที่เรียนม.ต้นมาจาก รร.อื่น  ตอนนั้นที่คุยกับน้องๆเขาเราก็ไม่ได้คิดอะไร แต่เราหารู้ไม่ว่ามีน้องคนนึงในนั้นเขาชอบเรา ซึ่งตอนนั้นเราไม่รู้เลย แต่แค่รู้สึกว่าน้องคนนี้เขามองเราแปลกๆ จนกระทั่งผ่านไปประมาณ 2-3 วัน รุ่นน้องคนที่เรารู้จักเขาก็มาบอกกับเราว่าเพื่อนเขาคนนั้นชอบเรา ด้วยความที่เราเป็นคนค่อนข้างตรง เลยบอกรุ่นน้องไปว่า”ถ้าเขาชอบก็ให้เขามาบอกเองสิ ให้คนอื่นมาบอกทำไม” พอเราบอกไปแบบนั้น ไม่ถึงชม.อยู่ๆน้องคนนี้ก็เดินเขามาหาเรา แล้วก็มาบอกตรงๆเลยว่าผมชอบพี่ เราก็งงๆปนตกใจนิดๆไม่คิดว่าจะกล้ามาบอกเราจริงๆ  ด้วยความที่เราก็ไม่ได้มีแฟน พอเจอคนที่กล้าแบบนี้ เราก็เลยลองคุยกับน้องเขา (ต่อจากนี้จะขอเรียกน้องเขาว่า C) เรากับ C เริ่มคบกัน  โดยยังไม่ใช้คำว่าแฟน คบกันไปเรื่อยๆ กินข้าวด้วยกัน เลิกเรียนส่งขึ้นรถกลับบ้าน ช่วยติวหนังสือ คบกับแบบที่เพื่อนๆทั้ง2ฝ่ายก็รู้ เพื่อนๆเราก็มีทั้งเชียร์ให้เป็นแฟน และก็มีทั้งที่บอกให้เลิก เพื่อนผู้ชายคนนึงที่เราสนิทด้วย บอกกับเราว่า C ไม่เหมาะกับเรา แต่เราก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะเห็นว่าเพิ่งเริ่มคุยกัน แต่พอคุยกันได้สักประมาณ 3-4 เดือนเราก็เริ่มรู้สึกว่ามันไม่ใช้ เราเป็นคนที่ชอบคนเป็นผู้นำ ชอบคนที่มีความคิดอ่านเป็นผู้ใหญ่มากกว่าเรา แต่ C ไม่ใช้ เราจนค่อยๆถอยห่างออกมาก โดยบอกกับ C ว่าเรายังไม่อยากเพิ่มระดับความสัมพันธ์ ซึ่งดูเหมือน C ก็โอเค ในสถานที่เราเลิกคุยกันไป แต่เราก็ยังเจอกันบ้าง เพราะเรียน รร. เดิมกัน แถมเรายังสนิทกับเพื่อนของ C ด้วย เจอกันก็แค่ทักทาย แล้วก็ต่างคนต่างไป แต่สิ่งที่เรารับรู้ได้คือ C ยังไม่เลิกชอบเรา ระยะเวลาผ่านไป เราขึ้นม.6 C อยู่ม.5 ตอนปิดเทอมไป เราไม่ได้เจอกัน ก็คิดว่า C คงตัดใจไปแล้ว แต่ไม่ใช้เลย C กลับเข้ามาในชีวิตเราใหม่ โดยเปลี่ยนมาเข้าทางเพื่อนของเราที่เคยเชียร์ให้เป็นแฟนกัน แรกๆเราก็เฉยๆไม่คิดจะกลับไปคบอยู่แล้ว เพราะเรารู้สึกว่า C ยังไม่ใช่ แต่เพราะลูกยุของเพื่อน และเพราะลูกตื้นของ C เราจึงลองกลับไปคุยกันอีกครั้ง ครั้งนี้ Cดูเปลี่ยนไป ผู้เป็นผู้นำมากกว่าผู้ตาม ดูเป็นผุ้ใหญ่ขึ้น แรกๆที่กลับมาคุยกันเราก็รู้สึกว่าดีกว่าที่คบกันตอนแรก แต่พอเวลาผ่านไป อารมณ์ความรู้แบบเก่าก็กลับมา ครั้งนี้เราจึนตัดสินใจที่พูดกับ C ตรงๆ ซึ่ง C ก็บอกว่าเขาเข้าใจ เขาก็เตรียมใจไว้เหมือนกัน ว่าผลคงออกมาเป้นแบบเดิม แต่สำหรับเรากับ C ถึงจะจบกันไป แต่เรา2คนก็ยัง คงคุยกันในฐานะเพื่อน (ซึ่งบอกเลยว่า Cเป็นคนดีมาก แต่ของแบบนี้มันไม่ใช่ก็คือไม่ใช่ ความดีกับความรักมันคนละเรื่อง แต่กรณีนี้เราว่าเราก็ผิดด้วย ที่ให้ความหวัง C ตั้ง2ครั้ง แต่สุดท้ายก็ทำลายมัน)

หลังจากจบเรื่องของ C เราก็อยู่เป็นโสดไปเรื่อยๆไม่มีใครสนใจ แล้วก็ไม่ได้สนใจใคร จนกระทั่งเข้ามหาวิทยาลัย เราเข้าไปเรียนในมหาวิทยาลัยเอกชนแห่งหนึ่ง ตอนที่เราเขาไปแรกๆ เราก็เหมือน นศ ปี1 ทั่วไป ก็มีรุ่นพี่แซวบ้าง แต่ก็ไม่ได้อะไร เพราะเราเป็นคนไม่ค่อยได้สนใจโลกสักเท่าไหร่ วันๆก็ไปเรียน เรียนเสร็จก็กลับบ้าน เพราะบ้านเราอยู่ไกลจากมหาลัยพอสมควรเราเลยต้องรีบกลับบ้าน ก่อนที่รถประจำทางจะหมดรอบ ซึ่งช่วงเราเข้าปี1 ช่วงนั้น facebook ยังไม่ได้เป็นที่นิยม ตอนนั้นยังเป็นยุคของ hi5 เราก็เล่น hi5 เหมือนวัยรุ่นทั่วไป จนกระทั่งวันนึง มีผู้ชายคนนึงมีแอดมาขอเป็นเพื่อน (ซึ่งเราขอเรียกแทนผู้ชายคนนี้ว่า Y) Y เรียนอยู่คนละมหาวิทยาลัยกับเรา แต่ตอนมัธยมเราเรียนอยู่รร.เดียวกัน ซึ่งเราก็รู้จัก Y แต่ไม่ได้สนิทอะไรกัน คือเคยคุยกันแค่ครั้ง2ครั้ง ซึ่งที่เรารู้จัก Y เพราะมีเพื่อนในกลุ่มเราคนนึงชอบ Y สมัยที่เรียนม.ปลาย แต่ก็แค่ออกแนวเพื่อนเราชอบเฉยๆแต่ไม่ได้คบกัน ด้วยความที่เป็นคนที่รู้จัก เราก็เลยรับแอดเขาเลยโดยไม่ได้คิดอะไร พอรับแอด Y ก็เข้ามาทักทายตามประสาคนที่รู้จัก ว่าจำเขาได้มั้ย เราก็บอกว่าได้ ก็คุยกันใน hi5 มาสักพักจนกระทั้ง Y ก็ขอเมลเราไป เพื่อที่จะ MSN กับเรา (ตอนนั้นยังมีอยู่ อิอิ) เราก็ให้ไปเพราะเห็นว่ารู้จักกัน คุยกันถูกคอ จนผ่านมาสักประมาณดือน2เดือน เราก็พอจับสังเกตุได้ว่า Y ต้องชอบเราแน่ๆ เราก็เลยถามตรงๆ คำตอบที่ได้คือือ Y บอกว่า “คุยมาตั้งนานแล้วไม่รู้หร่าว่าจีบอยู่” เราถึงกับอึ้ง แต่ด้วยความกวนๆ ก็เลยบอกไปว่า ถ้ารู้แล้วจะถามหร่า (Y บอกกับเราว่า เขาชอบเราตั้งแต่ตอนม.ปลายแล้ว แต่ตอนนั้นเห็นเรามีคนคุยอยู่ แล้วก็รู้ว่าเพื่อนเราชอบ Y  เขาก็เลยไม่จีบ เพราะรู้ว่าถ้าจีบไป เราคงปฎิเสธ) คือตอนนั้นที่เรารู้ว่าเขาชอบเราจริงๆ ก็รู้สึกโอเคนะ ดูๆเราเข้ากันได้ดี แต่ด้วยที่ Y คือผู้ชายเพื่อนเราเคยชอบ เราก็เลย2จิต2ใจ ไม่กล้าที่จะคบ แต่พอเรามาคิดๆดู ก็แค่เคยแอบชอบ แต่ไม่ได้เป็นแฟนกันซะหน่อย เพื่อนไม่น่าจะโกรธ (แต่พอเพื่อนเรารู้ ก็โกรธเราด้วยละ แต่ตอนนี้ดีกันแล้วนะ คริคริ)  เราก็เลยตัดสินใจลองคบกับ Y ช่วงปีแรกเป็นอะไรที่ดีมาก Y ดีกับเราทุกอย่าง ดูเขารักเรามากจริงๆ นิสัยเขาโอเคมาก ติดอยู่อย่างเดียวคือเขาขี้หึงมาก เราคบกันมาได้2ปี เราก็พาเขาเข้าบ้าน มาให้ที่บ้านรู้จัก เหมือนที่บ้านเราจะไม่ค่อยโอเคเท่าไหร่ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ที่บ้านเราถือคติว่า ลูกชอบใคร พ่อแม่ก็ชอบด้วย แต่เราก็พอจะมองออกว่าที่บ้านเราไม่ค่อยชอบ แต่เราคิดว่าอยู่ๆไป อาจจะทำให้ที่บ้านชอบก็ได้ พอเขาปีที่3ที่เราคบกัน ก็เข้าช่วงเรื่อยๆ ไม่ได้หวือหวาเหมือนแรกๆแต่เราก็ยังรักกันดี ด้วยความที่เรานิสัยกวนๆ ชอบดูฟุตบอล เราก็เลยมีเพื่อนผู้ชายเยอะ แน่นอนว่าการคบกันนานเข้า ความหึงก็เริ่มมากขึ้น จากที่คุยเล่นกับเพื่อนผู้ชายได้ Y ก็ไม่ค่อยให้คุย ห้ามโน้นนนี่ไปหมด จนเรารู้สึกอึดอัด แต่เราก็รู้ว่าเป็นเพราะเขารักเรามาก แต่พอนานเขา เราก็รู้สึกว่ามันเยอะเกินไป เลยตัดสินใจลองคุยกับเขาดีๆ แต่เขาก็ไม่เปลี่ยนเลย ยิ่งคบกันความอึดอัดก็ยิ่งเพิ่มขึ้น Yหาเรื่องมาทะเลาะกับเราได้ไม่เว้นแต่ละวัน จนถึงวันนึงที่เรารู้สึกว่ามันไม่ไหวแล้วจริงๆ จึงขอยุติความสัมพัน เรารู้ว่าตอนนั้นเราผิด ที่เราขอห่างจากเขา ทั้งที่ทุกอย่างที่เขาทำไปเพราะรักเราจริงๆ แต่เราก็รู้สึกว่ายิ่งอยู่ไป ความทุกข์ยิ่งมากกว่าความสุข เราไม่มีความสุขเลย Y  จ้องจะหาเรื่องมาทะเลาะอยู่ตลอดเวลา เราจึงขอเป็นคนผิดที่ทิ้งเขา เพราะเราไม่ไหวที่จะทนคบต่อไปจริงๆ จึงเลิกกันไป (Yคือคนที่เราคบด้วยนานที่สุด เราคบกันช่วงที่เรียนมหาวิทยาเกือบ4ปี) พอครอบครัวเรารู้ว่าเราเลิกกัน ดูเหมือนที่บ้านจะดีใจมาก ที่บ้านบอกเขาไม่ชอบ Y กัน แต่เห็นว่าเรารักเราชอบ เขาก็เลยไม่อยากขัด ลองให้เราได้คบ แล้วศึกษาไปก่อน

ช่วงที่เราคบกับ Y เราก็ได้รู้จักกับผู้ชายคนนึง (ขอเรียกแทนเขาว่า J)  J เป็นเพื่อนของพี่ชายเรา แต่เราก็ไม่ได้อะไร ไม่เคยรู้ว่าก่อนด้วยว่าเขาชอบเรา เพราะเห็นว่าเป็นเพื่อนพี่ ก็คุยเล่นตามประสาคนกวนๆ จนพอเราเลยกับ Y ตอนนั้นบอกเลยว่ารู้สึกไม่อยากมีแฟน เพราะรู้สึกว่าตัวเองอาจจะยังไม่พร้อมกับการมีแฟน จากประสบการณ์ที่ผ่านมา2คนที่เราคบ เหมือนเราเลิกกับเขาได้ง่ายๆ เหมือนเราไม่พร้อมกับการมีใครสักคนจริงๆ แต่พอ J รู้ว่าเราเลิกกับ Y เขาก็เปิดเผยตัวให้รู้เลยว่าเขาชอบเรา แต่ครั้งนี้ไม่เหมือนทุกครั้ง เพราะครั้งนี้ เขาไม่ได้บอกกับเราว่าเขาชอบเรา แต่เขาเลือกที่จะบอกกับพี่กับแม่ของเราว่าเขาชอบเรา ซึ่งก็ตกใจอยู่เหมือนกันที่เขากล้าบอกกับผู้ใหญ่ แต่เราไม่ได้คิดกับเขาแบบนั้นเลย ตลอดเวลาที่รู้จักกัน เรามองว่าเขาคือพี่ชายคนนึงมาโดยตลอด อีกอย่างเราเคยคิดไว้ว่า เราจะไม่คบกับคนที่นับถือศาสนาต่างกัน เพราะเรากลัวจะเกิดปัญหาในภายหลัง เรากลัวทั้งคอรบครัวทั้ง2ฝ่ายจะเข้ากันไม่ได้ 2คนก่อนหน้านี้ที่เราคบก็นับถือศาสนาเดียวกัน แต่พอมาถึง J เขานับถือศาสนาต่างกับเรา ซึ่งที่2เหตุผลก็บ่งบอกชัดอยู่แล้วว่าเราไม่คบกับเขาแน่ๆ แต่ต้องยอมรับเลยว่าขอนึงเราเป้นคนแพ้ลูกตื้อ เจอ J ตื้อเข้าบ่อยๆ ก็ใจอ่อนนะสิ ก็เลยลองคุยกับเขาดู แต่เรากับ J ค่อนข้างอยู่ไกลกัน เพราะเขาทำงาน ตจว. เราใช้วิธีติดต่อกันทางไลน์ ทางเฟส ทางการคุยโทรศัพสักมากกว่า เราคุยกันมาได้สักพัก อยู่ๆ J ก็แปลกๆ เราไม่ค่อยเล่นเฟส ไม่อ่านไลน์ ไม่โทร คือจะออกแนวมาๆหายๆ ตอนนั้นก็สับสนนะว่าเขายังไงกันแน่ คือพอเขาหายไป เราก็คิดว่าเขาคงไม่ยากคุยกับเราหรืออาจจะมีใครใหม่แล้ว (ซึ่งเราก็ไม่ได้อะไรนะ เพราะเราแค่คุยๆกัน ยังไม่ได้ตกลงเป็นแฟน เขาจะไปมีใครเราก็โอเค) แต่พอเราเริ่มไม่สนใจ เขาก็กลับติดต่อกับมา บอกว่าโทรศัพพัง งานเยอะ เลยไม่ได้ติดต่อ แล้วก็กลับมาคุยเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น มาๆหายๆ แบบนี้อยู่หลายครั้ง ซึ่งเราก็ปล่อยนะ ไม่ได้สนใจ คือตอนนั้นคิดไว้แล้วว่า เรากับเขาคงไม่พัฒนาความสัมพันธ์แน่ๆ จนกระทั่งครั้งสุดท้ายที่เขาหายไป คือขาดการติดต่อไปเลย  ซึ่งตอนนั้นเราก็รู้แล้วละว่าเขาคงไปมีใครแล้วแน่ๆ เราก็เลยใช้ชีวิตตามปกติของเรา เหมือนคนโสดคนนึงทั่วไป เพราะเราตัดสินใจแล้วว่าถ้าครั้งนี้เขากลับมาคุย เราก็คงเลือกที่จะปฏิเสธเขาแน่นอน คงไม่กลับไปอยู่ในความสัมพันมาๆหายๆของเขาแล้วแน่นอน ซึ่งเขาก็หายไปจริงๆ หายไปแบบไม่ติดต่อกลับมาเลย (ซึ่งเรามารู้ตอนหลังว่า เขาไปคบกับผู้หญิงคนนึงที่อยู่แถวที่เขาทำงาน แล้วเขาก็ทำผู้หญิงคนนั้นท้อง เขาคงไม่รู้จะบอกเรายังไง เลยเลือกที่จะเงียบหาย ขาดการติดต่อไปเลยคงจะดีกว่า)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่