สิ่งที่เรียนรู้ ตอนที่ 7/10 (กว่าจะเป็นช่างภาพมืออาชีพ)

กระทู้สนทนา
สิ่งที่เรียนรู้ 7

    "คุณมีผลงานที่จะเอามาให้พี่ดูมั้ย"
    "มีครับ"
    "งั้นวันอังคารที่จะถึงนี้คุณว่างเข้ามาคุยกับพี่หรือเปล่า"
    "ว่างครับ"

แต่ความจริงแล้วผมไม่ว่างหรอก มีเรียนตอนเช้า แต่ก็ต้องว่าง เพราะโอกาสมาแล้ว ยังไงการขาดเรียนแค่วันเดียวคงไม่มีปัญหา

    "งั้นอังคารนี้เจอกันบ่ายสองนะ เอาผลงานมาด้วย"

นั่นไง สุดท้ายก็ไม่ต้องขาดเรียน
ส่วนสถานที่นัดสัมภาษณ์ก็ไม่ไกลจากมหาลัย ตึกชาญอิสระ 2 บนถนนเพชรบุรี จากรามผ่านคลองตันมานิดเดียวก็ถึงแล้ว

ผมรีบจัดแจงภาพสไลด์ที่ผมมี จัดเข้าอัลบั้มให้ดูเป็นหมวดหมู่ ซึ่งงานหลักๆที่เก็บไว้ก็มีแต่ภาพสไลด์ที่เป็นงานถ่ายภาพวิว ภาพมาโคร์และภาพสถานที่ต่างๆ ไม่มีภาพคนเลย

พอถึงวันนัด วันนี้ผมต้องแต่งตัวดีเป็นพิเศษ อย่างน้อยการประทับใจในครั้งแรกก็มักจะได้ผลเสมอในการนัดเจอแต่ละครั้ง

ผมที่ยาวสลวยถูกรวบจนเรียบร้อย เสื้อยืดที่เคยใส่ทุกวันถูกพักงาน เตารีดที่ถูกเก็บมานานก็ได้ใช้ความร้อนของมันในวันนี้ เสื้อเชิ้ตตัวเก่งที่มักจะถูกนำมาใส่ในช่วงเวลาพิเศษก็ถึงเวลาออกงาน จอนห์เฮนรี่ลดห้าสิบเปอร์เซ็นที่ได้มาจากเซ็นทรัลตัวนี้มักจะเป็นตัวนำโชคให้ผมเสมอ

    "สวัสดีครับ ผมมาพบคุณนิรมลครับ"
    "นั่งรอสักครู่คะ"

คุณนิรมล คือผู้หญิงวัยทำงานที่ดูคล่องแคล่ว อายุคงไม่ต่างจากพี่สาวคนโตของผมสักเท่าไหร่ แต่เมื่อเทียบกับผมซึ่งตอนนั้นเพิ่งยี่สิบหมาดๆ พี่เขาก็สามารถเป็นแม่ของลูกชายคนโตที่อายุเท่าผมได้ จากวันนั้นถึงวันนี้ผมเองก็ยังไม่รู้ว่าพี่เขาอายุเท่าไหร่

ผมบอกเหตุผลเมื่อถูกถามว่าทำไมถึงอยากมาฝึกงานที่นี่

    "ผมอยากเรียนรู้เรื่องการจัดแสงในสตูดิโอครับ ผมรู้สึกว่าผมเข้าใจและถ่ายภาพด้วยแสงธรรมชาติแล้ว และอยากจะเรียนรู้เรื่องการจัดไฟจัดแสงในการถ่ายภาพในสตูดิโอ เพื่อเป็นการ    พัฒนาฝีมือ"
    "รู้สึกเขาจะมีที่สอนด้วยนะ ทำไมไม่ไปสมัครเรียนเอาหละ น่าจะดีกว่านะ"
    "ครับ ผมลองโทรไปคุยมาสามที่ครับ รู้สึกว่าที่ชั้นสามของตึกนี้ก็มีอยู่ที่หนึ่ง แต่ราคาแพงมาก     เขาคิดค่าเรียนสองหมื่น ส่วนอีกสองที่ก็สามหมื่นห้า กับห้าหมื่นครับ ผมคงไม่มีปัญญาหาเงิน    มาเรียนได้ ที่ผมเรียนรามก็เพราะว่าเรื่องนี้แหละครับ ที่รามค่าเทอมถูก และผมก็มีปัญญาแค่นั้น"

ฟังจากคำพูด

    "ไม่มีปัญญา"
    "มีปัญญา"

บางทีก็แลดูไม่สุภาพ แต่ที่ผมพูดไปในเวลานั้น ผมพูดน้ำเสียงและสีหน้าที่เต็มไปด้วยความนอบน้อมและขอความเห็นใจ ด้วยสายตาซื่อๆ ที่พูดครงๆเหมือนคนบ้านนอกคนนึง ที่ไม่ได้มีเจตนาเสียดสีหรือ-ดันอะไรใคร

    "คุณก็เลยอยากจะมาเรียนรู้โดยการขอฝึกงานแทน"
    "ใช่ครับ"
    "แล้วคุณคิดว่าจะใช้เวลาเท่าไหร่ในการฝึกงานครั้งนี้"
    "ประมาณหนึ่งเดือนครับ ผมหัวไว ไม่น่าจะใช้เวลานานครับ"

ผมตอบไปด้วยความเกรงใจ และคิดว่าถ้ามีโอกาสได้เข้ามาฝึก ผมจะตั้งใจเรียนรู้ให้เข้าใจในงานอย่างเต็มที่และรวดเร็ว เพื่อจะได้ไม่เป็นภาระของเขา

ระหว่างนั้นคุณนิรมลก็ยกแผ่นไสลด์ที่ผมจัดใส่อัลบั้มขึ้นส่องดูทีละชุด มันช่างดูลำบากมากในการดูงานของเด็กที่เข้ามาขอฝึกงาน ผมมีสไลด์ที่เอามาทั้งหมดร้อยภาพ ซึ่งพี่เขาสามารถดูได้ทีละยี่สิบภาพที่จัดอยู่เป็นชุดเดียวกันในแผ่นเสียบสไลด์แผ่นเดียว แต่ด้วยแสงที่มีไม่มาก ความลำบากในการส่องเลยแลดูเป็นอุปสรรคนิดหน่อย

    "ไม่มีรูปคนเลยหรอ แล้วรู้มั้ยว่าสตูดิโอของพี่เป็นสตูดิโอถ่ายภาพบุคคล"
    "รู้ครับ งานบุคคลส่วนมากของผมเป็นงานรับปริญญา ซึ่งผมเก็บไว้น้อยมาก มีไม่กี่รูป เลยไม่ได้เอามาด้วย ที่เหลือก็จะเป็นรูปที่ถ่ายเพื่อนกับรุ่นพี่ที่มหาลัย"
    "ไม่เป็นไร เท่าที่พี่ดูคุณก็ถ่ายรูปสวยใช้ได้ องค์ประกอบภาพดี มีมุมมอง น่าจะถ่ายภาพคนออกมาสวยอยู่แล้วหละ"
    "ครับ ขอบคุณครับ"
    "แล้วถ้าพี่รับคุณเข้ามาฝึกงาน คุณสามารถเริ่มมาฝึกได้วันไหน"
    "ได้ทันทีเลยครับ"
    "แล้วเธอไม่มีเรียนหรอ เห็นบอกว่าเรียนอยู่ หรือที่รามไม่ต้องเข้าเรียนก็ได้"
    "เรียนครับ และเข้าเรียนด้วย"

คุณนิรมลหยุดคิดอยู่พักนึง

    "เอางี้ พี่จะรับคุณเข้ามาฝึกกับพี่ แต่พี่มีข้อแม้อยู่สองข้อ"
    "ครับ"
    "พี่ขอเพิ่มเวลาในการฝึกจากที่คุณขอหนึ่งเดือนเป็นสองเดือนได้มั้ย"
    "ได้ครับ"

ผมรีบตอบแบบไม่ต้องใช้ความคิด และตอนนี้หน้าผมคงบานเป็นจานดาวเทียมจนพี่เขาสังเกตได้

ขอเพียงหนึ่งแต่ได้มาถึงสอง

    "และข้อสองคือ ถ้าคุณฝึกงานแล้วถ้าทางเราชอบงานคุณ เราขอให้คุณทำงานกับเราคุณก็ต้องทำงานกับเราต่อนะ และถ้าคุณมาฝึกแล้ว รู้สึกว่าใช่ ชอบและอยากทำงานกับเรา บอกพี่พี่จะรับ    คุณเข้าทำงานเช่นกัน"

แก้มปริ ตาโตวิ้ง ถ้าเป็นการ์ตูนผมคงน้ำลายไหลออกมาด้วยแน่ๆ มันช่างเป็นข้อเสนอที่สุดแสนจะวิเศษที่สุดสำหรับผมที่เคยได้รับ ผมคิดในใจในตอนนั้น นี่คงเป็นโชคชะตา ที่ช่วยมาพลักดันชีวิตผมแน่ๆ ใครบางคนคงเห็นความตั้งใจจริงของผมที่จะเรียนรู้ ทุกอย่างมันช่างราบรื่นเกินกว่าที่คิดไว้

    "แล้วเรื่องเรียน พี่ไม่อยากให้คุณขาดเรียน คุณเขียนตารางเรียนมาให้พี่ ว่าคุณเรียนวันไหนบ้าง     แล้วเอาวันที่ไม่มีเรียนมาฝึกงานที่พี่ ส่วนเรื่องจ็อปพิเศษที่คุณรับถ่าย วันไหนมีถ่ายงานนอกก็    บอกพี่"
    "ครับ"
    "งั้นวันจันทร์หน้าเริ่มมาฝึกได้เลย"
    "แล้วผมต้องแต่งตัวยังไงครับ"

เพราะชีวิตประจำวันมีแต่เสื้อยืด เชิ้ตตัวนี้ก็ใส่ไปสอบเพียงอย่างเดียว

    "ก็ประมาณนี้แหละ ใช้ได้ แต่ไม่เอาเสื้อยืดนะ ขอสุภาพหน่อยละกัน"
    "ครับ"
    "ต่อไปเรียกพี่ว่าพี่นิดนะ"
    "ครับพี่นิด"

แล้วพี่นิดก็แนะนำผมกับทุกคนที่ทำงานอยู่ที่สตูดิโอแห่งนั้น ซึ่งก็จะยังเหลืออีกสามสาขาที่ผมยังไม่รู้จัก คงเอาไว้โอกาสเวลาดีๆค่อยได้ทำความรู้จักกันอีกที กับเวลาสองเดือนน่าจะมีสักวันที่ได้ไปดูสาขาอื่น

    "อ่อแล้วก็ พี่ไม่ให้คุณฝึกฟรีๆนะ พี่จะถือว่าคุณมาทำงานให้พี่ด้วย เดี๋ยวพี่จะให้ค่าขนมด้วย แต่เท่าไหร่ค่อยว่ากัน... โอเคจ๊ะ วันจันทร์หน้าเจอกัน"
    "ครับ ขอบคุณพี่นิดมากครับ"

นี่มันอะไรกันนี่ ผมไม่เคยคิดเคยฝันเลยว่ามันจะเป็นแบบนี้ไปได้ แทนที่ผมจะเสียเงินไปเรียนแพงๆหลายหมื่น ผมกลับได้มาฝึกฟรีๆที่นี่ แถมยังได้เงิน และมีเวลาไปเรียนหนังสือได้อีก

หลายคนคงคิดว่าผมโชคดีมากๆที่ได้โอกาสนี้มา แต่ถ้าคิดย้อนกลับไป ถ้าผมไม่แสวงหามัน ผมก็จะไม่ได้เจอมัน ถ้าผมไม่กล้าที่จะโทรมาขอ ผมก็ไม่มีวันที่จะได้มันมา

และจากวันนี้เป็นต้นไปผมจะตั้งใจฝึกและเก่งพอ พอที่พี่นิดจะขอให้ผมทำงานต่อกับเขาให้ได้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่