บทความนี้จะถูกจัดเป็นประเภทไหนหรือครับ

นี่เป็นเรื่องราวระหว่างชายหนุ่มสามัญชนธรรมดาและเจ้าหญิงที่เคยเป็นเพื่อนเล่นในสมัยเด็ก
ย้อนไปหลายปีในสมัยที่ตัวเอกยังเป็นเด็ก  ครอบครัวของเขารู้จักกับบรรดานายทหารชั้นผู้ใหญ่หลายคน  ไปจนถึงคนใน
ระดับราชวงศ์  ทำให้ตัวเอกในสมัยเด็กนั้นได้พบเจอกับเจ้าหญิงที่อยู่ภายในวัง  ทั้งคู่เป็นเพื่อนเล่นกันมาเป็นเวลานาน
โดยธรรมชาติของเด็กผู้ชายที่อยากจะทำตัวแข็งแกร่งกว่าเพศแม่  ตัวเอกพยายามที่จะปกป้องเจ้าหญิงจากการถูกเด็กคน
อื่นรังแกมาโดยตลอด  และตัวเอกในสมัยเด็กได้ให้สัญญาว่าจะรับเจ้าหญิงเป็นเจ้าสาวแต่งงานกับเจ้าหญิง
เมื่อเวลาผ่านไปหลายปี ทั้งคู่ได้แยกจากกัน  กาลเวลาที่ผ่านไปทำให้ตัวเอกลืมคำสัญญาในสมัยเด็กไปแล้ว  และด้วย
ฐานะที่แตกต่างกันของทั้งสอง  ตัวเอกก็ไม่ได้ใส่ใจถึงคำสัญญานั้นเท่าไหร  จนกระทั่งเวลาผ่านไป20ปี
ตัวเอกได้โตเป็นชายหนุ่มแสนธรรมดาที่พยายามดิ้นรนหาทางรอดในแต่ละวัน  และเจ้าหญิงที่โตเป็นสาวสวยและเป็นที่รัก
ของประชาชนทั้งหลาย   ในวันหนึ่งเจ้าหญิงได้เดินทางมายังเมืองที่ตัวเอกได้อาศัยอยู่  และเจ้าหญิงได้มาเยี่ยมชมร้านที่ตัว
เอกทำงานอยู่ซึ่งทำให้ทั้งคู่ได้พบเจอกันอีกครั้ง  เจ้าหญิงดีใจเป็นอย่างมากที่ได้เจอกับเขา เธอได้ถามถึงคำสัญญาในอดีต
แต่ตัวเอกนั้นไม่ได้ใส่ใจในคำสัญญานั้นเลย เป็นเพียงเพราะผ่านในใจของตัวเอกนั้นยังคงขีดเส้นกันฐานันดรของตนและ
เจ้าหญิง  เจ้าหญิงกลับไม่ได้เสียใจแม้แต่น้อย แต่ยังได้พยายามทำให้ตัวเอกหันมารักตัวเองให้ได้โดยไม่ได้สนใจในเรื่องที่
ตัวเอกกังวลแต่อย่างใด  เมื่อเจ้าหญิงพยายามเข้าบ่อยครั้งทำให้ตัวเอกเริ่มตระหนักแล้วว่าสิ่งที่ตนขีดเส้นกั้นนั้นมันจะทำ
ให้เจ้าหญิงปวดร้าว  จึงเริ่มกลับใจใหม่และทั้งคู่ได้พยายามพิสูจน์ความรักให้ทุกคนได้เห็น
เรื่องราวกำลังจบลงด้วยดี โดยทั้งคู่มีความสุขกับที่ได้เป็นอยู่และตัวเอกได้ให้สัญญากับเจ้าหญิงอีกครั้งว่าจะคอยปกป้อง
เจ้าหญิงตลอดไป   แต่เรื่องราวแห่งความเศร้ากำลังคืบคลานเข้ามา เมื่อเหล่าบรรดาขุนนางและราชินีได้พยายามกีดกั้นตัว
เอกออกไป  และได้ให้เจ้าหญิงหมั้นกับลูกชายของขุนนางคนอื่น  เจ้าหญิงไม่สามารถที่จะปฏิเสธเรื่องนี้ได้ เพราะถ้าหาก
ตนไม่ยอมรับ  ตัวเอกจะถูกเหล่าขุนนางและราชินีลักพาตัวไปและอาจจะถูกฆ่าได้  จึงได้ยอมรับการหมั้นครั้งนี้ และถูก
จำกัดไม่ให้ตัวเอกและเจ้าหญิงได้พบกันอีก  ในคืนสุดท้ายที่ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกัน  ตัวเอกเข้าใจดีถึงเรื่องราวต่างๆและเขาก็
ยังคงรักเจ้าหญิงอยู่ตลอด  เจ้าหญิงเองก็เสียใจมากที่เรื่องลงเอยเป็นเช่นนี้  เธอภาวนากับพระเจ้าว่าหากเป็นไปได้ เธอ
อยากจะเป็นเพียงสามัญชนธรรมดา เพื่อที่จะได้รักกับตัวเอกได้อย่างคนทั่วไป
หลังจากงานหมั้นของเจ้าหญิง  ตัวเอกได้กลับไปทำงานที่เดิมและไม่ได้พบเจอหรือติดต่อกับเจ้าหญิงอีกเลย
เวลาล่วงเลยมาหลายปี  มีกระแสการต่อต้านเหล่าขุนนางและราชวงศ์  ทำให้เกิดกลุ่มเหล่าผู้ต่อต้านขึ้น  และได้สร้างความ
วุ่นวายมาโดยตลอด  จนกระทั่งจำนวนของเหล่าผู้ต่อต้านมีมากขึ้น  ฝ่ายทหารและขุนนางเสียเปรียบ  ทำให้พากันหลบหนี
ออกจากประเทศกันจนหมด  เหลือเพียงราชวงศ์ที่โดนเหล่าขุนนางชักใยอยู่เบื้องหลังเท่านั้น
หลังจากที่ฝ่ายต่อต้านได้บุกยึดเข้าไปถึงพระราชวัง  พวกเขามีแผนที่จะจับพวกราชวงศ์ออกมาสำเร็จโทษท่ามกลาง
ประชาชนทั้งหลาย  ตัวเอกที่รู้เรื่องจึงได้ไปขอร้องคนรู้จักที่เป็นผู้ใหญ่ภายในกลุ่มต่อต้าน เพื่อที่จะให้ตนเองเข้าไปอยู่กับ
กลุ่มบุกจับเจ้าหญิง  เมื่อกลุ่มตัวเอกได้เข้าไปในพระราชวังและได้จับตัวเจ้าหญิงออกมา  ฝ่ายต่อต้านก็เริ่มทำการประหาร
ฝ่ายราชวงศ์ไปแล้วทีละคน  จนกระทั่งเหลือเพียงเจ้าหญิงเป็นคนสุดท้าย  ในคืนสุดท้ายก่อนการประหาร  ตัวเอกได้ขอร้อง
ให้ตนเป็นคนทำการประหารเอง  และได้ลงไปในคุกเพื่อเข้าไปหาเจ้าหญิง  เมื่อตัวเอกได้พบกับเจ้าหญิง  เขาได้เสนอให้เจ้า
หญิงหนีไปพร้อมกับตน  ออกจากประเทศนี้ไปด้วยกัน  ไปอยู่ในที่ห่างไกลด้วยกัน  แต่เจ้าหญิงกับห้ามไม่ให้ตัวเอกทำ
เช่นนั้น  เพราะถ้าหากตัวเอกพาเจ้าหญิงหนีออกไป  เขาจะโดนฝ่ายต่อต้านไล่ล่าและฆ่าตายตามเจ้าหญิงไปด้วย  ตัวเอก
ได้พยายามขอร้องกับผู้ใหญ่ฝ่ายต่อต้านอย่างสุดชีวิต  ให้ปล่อยเจ้าหญิงและไล่เธออกจากประเทศก็พอ  ฝ่ายต่อต้านนั้นไม่
พอใจและไม่ยอมรับข้อเสนอใดๆทั้งสิ้น  การประหารนั้นเป็นสิ่งที่ต้องทำ  เพราะราชวงศ์ของเจ้าหญิงนั้นเป็นกาลกินีต่อ
ประเทศ  การมีชีวิตอยู่ของเจ้าหญิงนั้นก็เป็นกาลกีนีเช่นกัน   ตัวเอกสิ้นหวังหนทางเขาภาวนาอ้อนวอนต่อพระเจ้าและทุกๆ
สิ่งที่มีอยู่ในโลก  ขอให้เจ้าหญิงนั้นต้องไม่ตาย  แต่คำอ้อนวอนนั้นก็ส่งไปไม่มีวันถึง  ณ เวลาของการประหาร  ตัวเอกขอ
เสนอตัวเองเป็นผู้ประหารเอง  บนแท่นประหารนั้นตัวเอกชวนเจ้าหญิงหนีอีกครั้งแต่ไม่ว่าจะยังไงเจ้าหญิงก็ไม่ยอมหนี
และบอกให้ตัวเอกประหารตัวเองเถอะ  สายลมเริ่มพัดแรงขึ้นและก็เกิดสายฝนโปรยปรายลงมายังลานประหาร  บนใบหน้า
ของตัวเอกเปียกชุ่มไปด้วยน้ำฝนและน้ำตา  ตัวเอกไม่ต้องการที่จะทำเช่นนี้ แต่หากไม่ทำคนอื่นจะต้องทำแน่ๆ  ต่อให้จะ
หนีออกไปเจ้าหญิงก็ไม่ยอมหนีตาม  ความคิดหลายอย่างเริ่มเข้ามาตีภายในหัวของตัวเอก  น้ำตาของเขาเริ่มไหลรินลงมา
เจ้าหญิงได้จับใบหน้าของตัวเอกและเช็ดน้ำตาของเขา  เธอได้พูดกับตัวเอกว่า หากได้เกิดมาอีกครั้งหนึ่ง ขอให้เราได้เกิด
มาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข  ในฐานะสามัญชนธรรมดา  ตัวเอกที่ได้ยินเช่นนั้นก็ยิ่งไม่สามารถทำหน้าที่ประหารเจ้าหญิง
ได้  ฝ่ายต่อต้านเริ่มทนรอไม่ไหวจึงได้เสนอให้ทำการเปลี่ยนคนประหารแทน  แต่เจ้าหญิงได้ขอร้องให้ตัวเอกเป็นคนทำ
หน้าที่นี้แทน  เจ้าหญิงได้ยื่นของสิ่งหนึ่งให้ตัวเอกและบอกว่า”สวมนี่ไว้สิ แค่นี้ชั้นก็ไม่รู้แล้วว่าเธอเป็นคนทำ”  ตัวเอกยื่นมือ
ไปรับหน้ากากจากเจ้าหญิงและสวมมันลงบนหน้า  และแล้วก็ถึงเวลาประหารเสียงแตรได้ดังขึ้น  และสายฝนก็ยิ่งกระหน่
พัดแรงขึ้น  ตัวเอกได้หยิบมีดและจ่อตรงหัวใจเจ้าหญิง  เจ้าหญิงพูดกับตัวเอกเป็นครั้งสุดท้ายว่า “จากนี้ไป จงใช้ชีวิตต่อให้
ได้นะ”  ตัวเอกออกแรงแทงมีดเข้าไปในร่างกายเจ้าหญิง น้ำตาของเขาไหลมากขึ้น  ภายในจิตใจเขาก็เหมือนกับสายฝน
ในตอนนี้ที่โหมกระหน่ำอย่างบ้าคลั่ง  มีดได้แทงเข้าไปจนสุดและเจ้าหญิงได้สิ้นลมหายใจ  ตัวเอกร้องไห้ออกมา  น้ำตาของ
เขาไหลออกมาจากหน้ากากที่เขาสวมอยู่  เหมือนกับน้ำที่ไหลตกลงมาอีกหน้าผา  เขาอ้าปากตะโกนแต่ไม่มีเสียงหลุดรอด
ออกมาจากปากเขา  เขาได้ล้มตัวทรุดลงและจับมือเจ้าหญิงไว้  ฝ่ายต่อต้านได้นำตัวเจ้าหญิงลงจากแท่นประหารเพื่อที่จะ
นำไปฝังในที่ที่จัดไว้  แต่ตัวเอกได้เข้าไปอุ้มเจ้าหญิงไว้และบอกว่าจะอุ้มไปเอง  ในระหว่างทางที่อุ้มไปน้ำตาก็ยังไหลไม่มี
สิ้นสุด  ภายในจิตใจของเขามีทั้งความเศร้า เสียใจ เคียดแค้น  เมื่อเขาออกมายังประตูหน้าลานประหารที่ห้อมล้อมไปด้วย
ประชาชน  เขาอุ้มเจ้าหญิงไว้มองไปยังเบื้องหน้า

“บัดนี้  ราชวงศ์ของความกาลกินีได้ล่มสลายแล้ว  อิสรภาพของประชาชนทุกคนได้กลับคืนมาแล้ว!!”  ตัวเอกได้ตะโกน
ประกาศคำพูดพร้อมทั้งน้ำตาในขณะที่อุ้มเจ้าหญิงอยู่  และได้เดินออกไปจากบริเวณนั้นเพื่อไปยังหลุมฝังศพ
ตัวเอกได้ถูกยกย่องว่าเป็นวีรบุรุตจากเหตุการณ์ในครั้งนี้  “ผู้กล้าผู้ปลดเปลื้องประชาชนด้วยการฆ่าผู้หญิงที่ตนรัก”
เมื่อถึงหลุมฝังศพ  ตัวเอกได้วางเจ้าหญิงลงบนโลงและจัดท่าเจ้าหญิงเป็นครั้งสุดท้าย  หลังจากที่ทำการฝังเป็นที่เรียบร้อย
แล้ว ตัวเอกได้ล้มลงตรงหลุมและร้องไห้ออกมา  เขาตะโกนออกมาอย่างบ้าคลั่งอย่างคนเสียสติ  มีคนจำนวนหนึ่งรู้สึก
เสียใจกับเหตุการณ์ในครั้งนี้ไม่น้อย พวกเขาที่รู้เรื่องราวนี้สงสารตัวเอก  ภายใต้หน้ากากที่เขาสวมอยู่ไม่มีใครเห็นหน้าตา
เขาว่าเป็นอย่างไร  เห็นเพียงแต่หน้ากากที่ดวงตาเป็นสีแดงและมีน้ำตาไหลออกมาเพียงเท่านั้น

หลังจากเรื่องราวได้จบลง  ตัวเอกไม่เคยถอดหน้ากากนั่นให้ผู้คนได้เห็นหน้าตาตัวเองอีกเลย  จากการที่ถูกยกย่องว่าเป็นวีร
บุรุต  เขาได้ทำการสถาปนาตัวเองขึ้นเป็นราชาและปกครองประเทศนั้นอย่างโหดเหี้ยม  เขาได้ทำการกวาดล้างเขาฝ่าย
ต่อต้านในอดีตไปจนหมด  และได้เปลี่ยนประเทศให้กลายเป็นสนามรบ  ภายในจิตใจเขาได้โทษเหล่าผู้คน และชะตากรรม
หลังจากการปกครองเผด็จการได้ไม่นานนัก  เขาก็ถูกกลุ่มต่อต้านที่ก่อตั้งใหม่สังหารลง  ในตอนสุดท้ายที่เขายังมีลม
หายใจ  เขาเห็นเจ้าหญิงยืนอยู่เบื้องหน้าเขา  ตัวเอกยิ้มและพูดว่า “ชั้นกำลังไปหา  เราจะอยู่ด้วยกันตลอดไป”

เรื่องราวของเขาถูกจารึกไว้เป็นหนึ่งในผู้ปกครองเผด็จการที่โหดเหี้ยม  แต่จะมีเพียงกี่คนกันที่รู้ว่าความรักของคู่นี้เป็นเครื่องสังเวยให้กับความต้องการอิสรภาพของประชาชนเพียงแค่นั้น...

.......................................................................................................................................................................
มันพอที่จะกลายเป็นเรื่องสั้นได้หรือเปล่าครับ
หรือว่ามันเป็นประเภทอื่น  หรือเป็นแค่พล็อตเรื่องเฉยๆครับ  พอดีพึ่งหัดเขียน ลองเขียนๆไว้ถ้าจะให้เป็นเรื่องสั้นต้องเป็นลักษณะยังไงครับ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่