โลกส่วนตัวสูง หรือ แค่โรค(เห็นแก่)ส่วนตัวสูง?

บทความนี้เขียนจากทัศนะคติของเราเพียงคนเดียว เขียนจากประสบการณ์ที่ตัวเองได้เจอ ฉะนั้นจึงไม่มีอะไรที่ผิดหรือถูกค่ะ
เราตัดสินใจเขียนบทความนี้ขึ้นมาเพราะเรามีปัญหากับคนที่เรารักค่ะ เลยอยากจะทำความเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้น และเราควรวางตัว วางใจอย่างไรหากคิดจะคบคน "โลกส่วนตัวสูง"

"โลกส่วนตัวสูง"

บ่อยครั้งเราได้ยินคำๆ นี้ มันทำให้เราคิดนะว่า มีปัจจัยอะไรที่หล่อหลอมคนประเภทนี้ให้เป็นแบบนั้นนะ? ครอบครัว... เพื่อนฝูง สภาพความเป็นอยู่ หรือว่า แค่เค้าเป็นของเค้าแบบนั้น? โดยส่วนตัวแล้วเราไม่เชื่อว่าคนเหล่านี้จะเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เกิดค่ะ เพราะมันไม่ใช่ "โรคประจำตัว" ไม่ใช่อะไรที่จะเข้าไปฝังใน "จีนส์ หรือ พันธุกรรม" ได้
เรารู้สึกว่าคนเหล่านี้ทำอะไรบางอย่างหล่นหายไป ในวัยเด็ก/ช่วงเวลาหนึ่งของชีวิตที่มีผลต่อความรู้สึกเค้า บางอย่างที่มันละเอียดอ่อนมากๆ แม้แต่เค้าเองคงลืมไปแล้ว แต่มันเป็นสิ่งที่ติดอยู่ในความรู้สึกมาตลอดและมันทำให้เค้า(อาจจะ) มีความรู้สึกอยากอยู่กับตัวเอง ทำอะไรคนเดียว ไม่อยากจะไปยุ่งสุงสิง กับใครมากมาย หนักมากๆ ก็คงปิดกั้นตัวเองกับคนรอบข้างไปเลย  
ในด้านความสัมพันธ์ เมื่อคนเหล่านี้มีปัญหา เราพบว่าเขามีวิธีการแก้ปัญหาเรื่องความสัมพันธ์ที่ค่อนข้าง "ปัจเจก" คนส่วนใหญ่เมื่อมีปัญหาจะหันหน้าเข้าหากันและพูดให้เข้าใจ แต่เท่าที่เราเจอมา คนประเภทนี้มักไม่นิยมนั่งลงพูด เพื่อถกเถียงอะไรให้มันมากความ (แต่ในสมองเค้าจะประมวลและประเมินคนที่เค้าคุยด้วยอยู่ตลอดเวลานะ) การตัดสินใจส่วนใหญ่เป็นไปอย่างไม่ชัดเจน (ก็อาจด้วยความที่ไม่พูด) ชอบให้คู่สนทนาคิดเอง
และบทสรุป ถึงแม้ตัวเค้าเองจะผิด มันก็ยากที่จะเอ่ยปากขอโทษใครอย่างตรงไปตรงมา ส่วนใหญ่เขามักจะปล่อยคนๆ นั้นไปตามทางเลยมากกว่า (ถ้าไม่สนิท) เข้าทำนอง "คบได้ก็คบ คบไม่ได้ก็ไม่ต้องคบ"

คำว่าโลกส่วนตัวสูง กับ เห็นแก่ตัวสูง มันมีเส้นกั้นบางๆ ระหว่างกันไว้รึเปล่า?

ใช่ค่ะ...เรารู้สึกแบบนั้น ว่าบางครั้งทำไมคนประเภทนี้ ไม่แคร์ความรู้สึกคนอื่นเลยนะ? ทำไมถึงเอาความต้องการ ความพอใจของตัวเองเป็นที่ตั้ง? แล้วแบบนี้ เวลาพวกเขาออกไปใช้ชีวิตข้างนอก พวกเขาต้องปรับตัวมั้ย?... เพราะทั้งชีวิตพวกเขาเองก็คงไม่ได้เจอคนประเภทเดียวกันเสมอไป หากคิดจะอยู่ร่วมกับคนอื่น ก็ต้องหาตรงกลางให้ได้ ต้องหัดยอมบ้าง ไม่ใช่เข้าตำรา "ยอมหักไม่ยอมงอ" ตลอด

เราพบว่า คนโลกส่วนตัวสูง "ดื้อเงียบ" และมักไม่พูดความต้องการของตัวเองออกมาตรงๆ (ไม่รู้ว่ากลัวอะไร)
ในวงสนทนา ขณะที่หลายๆ คนโต้ตอบกันอย่างออกรส คนเหล่านี้มักจะนั่งเงียบๆ ใช้เวลากับสิ่งที่เขาชอบ เช่น วิดีโอเกมส์ การ์ตูน ฯลฯ

หลายครั้งที่เรารู้สึกเกลียดท่าทีแข็งกระด้างและดูไม่แคร์ใครของคนประเภทนี้ เพราะเราเป็นคนที่ให้ความสำคัญกับความสัมพันธ์มาก เราเป็นคนมนุษยสัมพันธ์ดี ชอบพูดชอบคุย ร่าเริง แต่พอเจอคนแบบนี้เข้าไป ความคิดแรกที่เข้ามาคือ "เค้าไม่ชอบหน้าเรารึเปล่า?" "เขาหยิ่งเกินไป หรือว่าเราเฟรนลี่เกินไปจนเขาคิดว่ามันดัดจริต ไม่จริงใจนะ?"

จนกระทั่งเรามีแฟน...ที่เป็นคน"โลกส่วนตัวสูง" แถมยังอินดี้  เท่าที่จำได้คือเราไม่เคยจีบกันเลย คือไม่ได้ติดต่อกันผ่าน social networks เพราะได้เจอหน้ากันทุกวันที่ทำงานอยู่แล้ว (เราทำฝ่าย Human resource ส่วนแฟนอยู่ฝ่ายที่ทำเกี่ยวกับ ภาพถ่าย งานอาร์ตทำนองนั้น) ก็มีโอกาสได้พูดคุยกันบ้าง ตามประสาคนร่วมงาน เค้าดูใสๆ ค่ะ แต่เราคิดว่าไม่น่าจะซื่อ 55555 เวลาที่ทำงานมีปาร์ตี้ เราก็มักได้ออกไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆจนนานเข้ามันกลายเป็นสนิทกันแบบไม่ต้องพูดอะไรมาก อยากอยู่ใกล้ๆ กัน รู้สึกดี เลยเริ่มไปไหนมาไหนด้วยกันสองคนบ่อยขึ้น แต่ก็ยังไม่เรียกกันว่าแฟนนะ แล้วอยู่ๆ เขาก็ขอเราเป็นแฟน ทั้งๆ ที่เราเพิ่งรู้จักกันได้ไม่ถึงสองเดือนด้วยซ้ำ... เรายอมรับว่าอึ้งค่ะ เพราะ ตอนนั้นมีคนเข้ามาคุยด้วยหลายคนมาก มาแสดงท่าทีว่าชอบเราอย่างเปิดเผย (หนึ่งในนั้นก็คือแฟนเรา แต่เค้าไม่พูดเฉยๆ 555) ซึ่งเราก็คุยกับทุกคนในระดับเพื่อน และบอกว่ายังไม่พร้อมจะมีใคร แต่กับแฟนเรา..เหยยย ไอ้นี่มันเป็นใครฟะ เข้ามาตีสนิทเนียนๆ ละขอเป็นแฟนง่ายๆ งี้เรอะ คิดว่าฉันง่ายเหรอ... ค่ะคุณคิดถูก
ด้วยความที่เราขี้สงสารคน และมักเลือกคบคนเพราะความเห็นอกเห็นใจ เราเลยให้โอกาสเค้าได้คบเราเป็นแฟน ทั้งๆ ที่ตอนนั้น เราไม่มั่นใจเลย.. เพราะเรายังไม่รู้จักกันดีพอ ประโยคที่เค้าพูดวันแรกที่คบกันคือ "ถึงเราจะไม่มีอะไรเหมือนกันเลย แต่ก็หวังว่าเราจะคบกันได้นะ"  เรารู้สึกแปลกนิดๆ กับคำพูดนี้ แต่ก็คบกันเรื่อยมา

และก็เป็นอย่างที่พูดนั่นแหละค่ะ นิสัยและความคิดความอ่านเราสองคนไปด้วยกันไม่ได้เลย หากไม่ยอมกันบ้าง... เราค่อนข้าง liberal & Non-conformist ในขณะที่แฟนเรา conservative & conformist และด้วยความที่เค้าอายุมากกว่าเรา ทำให้เค้าไม่ค่อยฟังเราเลยค่ะ เวลาสอนอะไรก็ชอบวางฟอร์มเยอะ บอกว่ารู้แล้วแหละ (คืออยากกระโดดถีบขาคู่มากบางครั้ง) เวลาผิด เค้าก็ไม่ยอมรับว่าผิด กว่าจะขอโทษเราได้ คือร่ายยาวเป็นบทความชิงทุน อ้อมกำแพงเมืองจีนได้สามสี่รอบกว่าจะสรุปว่าที่พูดๆ มานั้นน่ะ แปลว่า "ขอโทษ" ซึ่งบางครั้งเราก็ตลกนะคะ เหมือนเค้าเป็นเด็กๆ เลย แต่บางครั้งเราก็ไม่ตลก เพราะโดยนิสัยเราไม่ใช่คนพูดอ้อมค้อม มีอะไรก็พูดตรงๆ ชอบนั่งลงแก้ปัญหากัน แล้วต้องจบไม่เกินวัน เพราะเรามีอย่างอื่นให้ทำต่ออีกเยอะ แต่เค้าคือ เวลามีปัญหาจะเงียบ.. และใจเย็นกว่าเรามาก ปล่อยไว้แบบนั้นจนผ่านไปหลายวัน เค้าก็ไม่พูดถึงมันอีกเลย และทำเป็นเนียนๆ มาเล่นหัวกะเราเหมือนเดิมเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ซึ่งจริงๆ เราไม่ลืมนะคะ แต่เพื่อความสุขของชีวิตคู่ เราก็เลยปล่อยๆ ไปบ้างเป็นบางครั้งหากมันไม่เป็นสาระอะไรมากมาย

เราไม่รู่ว่าความสัมพันธ์ของเราแปลกประหลาดและมันเป็นส่วนหนึ่งของ คนที่โลกส่วนตัวสูงเค้าเป็นกันรึเปล่านะ.. เพราะเราคบกันแบบที่เค้าไม่อยากให้ใครรู้ว่าเราคบกัน เค้าไม่อยากให้เราแท็กรูป โพสต์สเตตัส อะไรกับเค้าเลย ซึ่งเค้าบอกว่า หากใครมาถามเค้าก็บอกแหละว่าเป็นแฟนกัน เราก็คิดว่า เค้าคงโลกส่วนตัวสูง เห็นความสัมพันธ์เป็นเรื่องส่วนตัวที่ไม่จำเป็นต้องบอกให้ใครรู้มั้ง ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร แต่ลึกๆ คือเรารู้สึกไม่มั่นคงเลย.. รู้สึกไม่ค่อยดี  เหมือนเค้ายังคงมองหาใครใหม่ๆ อีกรึเปล่า เลยไม่อยากให้คนอื่นรับรู้ว่าเรามีตัวตนในชีวิตเค้า

ตรงนี้เองเหมือนเป็นปมในความรู้สึกเรามาตลอด คือเราไม่สามารถไว้ใจเค้าได้ 100% และนิสัยเราก็เป็นคนขี้หึงอยู่แล้วด้วย เค้าก็แสดงความบริสุทธิ์ใจโดยให้รหัสเข้ามือถือเค้า ให้ตรวจมือถือเค้าได้ค่ะ จนกระทั่งวันหนึ่งเรายืมมือถือเค้ามาเล่น และไปเจอที่เค้าบอกคิดถึงผู้หญิงคนหนึ่งในไลน์ (คือคนเก่าที่เค้าเคยคบ แต่เค้าบอกว่าไม่เคยเรียกว่าแฟนนั่นแหละค่ะ) ซึ่งผู้หญิงคนนั้นทักมาก่อนว่า คิดถึงแฟนเรา บ่อยๆ แฟนเราเองก็คงไม่ได้บอกผู้หญิงคนนี้ว่าคบกับเรา แต่ที่เราไม่เข้าใจคือ ทำไมต้องไปตอบคิดถึงกลับด้วย มีประโยคเป็นล้านๆ ประโยคบนโลกนี้ ที่จะพูด เช่น "สบายดีเหรอ, อ้อ, อืม" เฉยๆ ไมได้เหรอ? อีกอย่างเรื่องผู้หญิงคนนี้เรารู้มานานแล้ว เธอชอบส่งข้อความคิดถึงมาให้แฟนเราบ่อยๆ (เหมือนเลิกคบแล้วแต่ยังไม่ตัดใจ) เราก็เห็นแต่ไม่ได้ว่าอะไร ตราบใดที่แฟนเราไม่ได้โต้ตอบกลับไปในทำนองเดียวกัน เราเคยเปรยกับแฟนเหมือนกันว่า เราไม่ชอบเลย จนกระทั่งวันนี้ ที่เรามาเห็นแฟนบอกคิดถึงผู้หญิงคนนี้ เราสั่นมากค่ะ โกรธมาก อะไรที่เราเคยบอกไปแล้วว่าไม่ชอบ แต่เค้ายังทำอยู่ เราถือว่าไม่ให้เกียรติเรา ไม่สนใจความรู้สึกเรา เราบอกเค้าค่ะว่า ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนี้อย่างที่ปากพูดจริงๆ ให้ส่งข้อความกลับไปว่า "พี่มีแฟนแล้ว แฟนพี่ไม่ชอบ" ได้มั้ย?  แต่แฟนกลับทำหน้าเฉยชา และพูดด้วยน้ำเสียงปนไม่พอใจนิดๆ ว่า "แล้วไงอะ จะให้ทำลายความสัมพันธ์ระหว่างเรากับเค้าเหรอ"

คือ... ณ จุดๆ นั้นเราปรี้ดแตกมาก บอกเลิกเค้าตรงนั้นเลยค่ะ แต่เค้าก็พยายามมาง้อมาอธิบาย เราก็ไม่ฟัง เก็บของกลับบ้านเลย ปิดมือถือใส่ด้วย เค้าโทรมาตามเราแค่ครั้งเดียวและไม่โทรอีกเลย ตลอดเย็นนั้น เรานอนร้องไห้ด้วยความคิดมาก พอคิดมากก็เกิดคำถามซึ่งเป็นแรงผลักดันให้เขียนข้อความต่างๆ มากมาย เราไลน์ไปบอกเลิกเค้าอีกรอบ เค้าก็บอกว่า ไม่คิดว่าเรืองแค่นี้จะทำให้ เราถึงกับบอกเลิกเค้า เค้าเสียใจ แต่เค้าไม่ได้คิดอะไรกับผู้หญิงคนนั้นจริงๆ เราเองก็สับสนค่ะ มีหลายเรื่องอยู่ในหัว และดึงเอามาพันกันมั่วไปหมด ตั้งแต่เรื่องที่เค้าปกปิดความสัมพันธ์กับเราต่อคนอื่น มันเป็นความรู้สึกที่ไม่มั่นคงอยู่แล้ว จนมาถึงเรื่องนี้ และอีกหลายๆ อย่างที่เราต้องทน และยอมให้เค้ามาตลอด เค้าก็ยอมเลิกโดยดีค่ะ รอบนี้เราอึ้งกว่าตอนที่เค้าขอเป็นแฟนอีก เห้ยย นี่มันจบง่ายขนาดนี้เลยเหรอ? เค้าไม่คิดจะรั้งเราไว้สักนิดเลยเหรอ? เราเสียใจมากค่ะ เพราะไม่ได้อยากเลิกกับเค้าเลย แค่อยากให้เค้าใส่ใจความรู้สึกเราให้มากกว่านี้ อีกทั้งเรามองเห็นความดีของเค้าอยู่ และมองเห็นข้อเสียของตัวเอง จึงพร้อมที่จะปรับความเข้าใจ

สุดท้ายเราก็เป็นคนที่ต้องไปง้อเค้ากลับมา ซึ่งตอนแรกเค้าก็อิดออดเหมือนกัน เราถามว่าจะ คบเราต่อ หรือว่า จะไม่คบเราแล้ว เค้าก็อ้ำๆ อึ้งๆ แต่ยังอยากไปไหนมาไหนกับเราเหมือนเดิม เราเห็นท่าทีที่เปลี่ยนไปของเค้าอย่างชัดเจน คือจากเป็นคนที่ไม่เอาใจคนอื่น ไม่อะไร ไม่ค่อยดูแล และโลกส่วนตัวสูงอยู่แล้ว กลับมาคราวนี้คือ "เย็นชา" จริงๆค่ะ  ถึงเราจะเป็นแฟนกัน แต่เค้าก็ไม่ได้ทำกับเราเหมือนเป็นแฟนจริงๆ เช่นเวลาข้ามถนน เค้าก็ปล่อยเราข้ามคนเดียว เวลาซื้อของ เจอสิ่งที่เค้าอยากได้ เค้าก็ตรงรี่เข้าไปหาของแล้วทิ้งเราไว้ข้างหลัง เวลาเราร้องไห้เพราะเค้า เค้าก็ทำได้แค่นั่งอยู่ตรงข้ามเฉยๆ.. ดูเราร้องไห้ และไม่เข้ามากอดหรือปลอบเราเหมือนเมื่อก่อน ที่สำคัญ ถ้าไม่จำเป็นเค้าจะไม่แตะเนื้อต้องตัวเราเลย แต่เรายังทำทุกอย่างเหมือนเดิมนะคะ ดูแลเค้า ทำกับข้าวให้เค้ากิน ไปส่งเค้าเวลาเค้าอยากไปไหน ยิ่งพอต้องแยกย้ายกันไปทำงาน เราก็เหมือนห่างกันไปเรือยๆ คือเค้าจะโทรมาเฉพาะเวลาเค้าจะเดินทางไปไหน แต่ไม่เคยถามหรอกค่ะว่า เราเป็นไง สบายดีมั้ย ไม่เลย.. เค้าจะพูดแค่เรื่องงาน (เราช่วยเค้าทำงานในส่วนของเค้าบ้าง) ว่างานที่ให้ช่วยเสร็จรึยัง แค่ไม่กี่นาทีก็วาง.. เป็นแบบนี้บ่อยๆ เวลาเค้าโทรมา เราพยายามพูดถึงวันเก่าๆ ที่เรามีความสุขด้วยกันนะคะ แต่เค้าก็เฉยๆ แถมยังพูดว่า ไม่เห็นจะต้องกลับไปทำแบบนั้นเลย เช่น เป็นแฟนกันไม่เห็นจำเป็นต้องกอดกันเลย เราก็น้อยใจและตัดพ้อเค้าค่ะ เพราะเราเหนื่อยมากที่ดูเหมือนจะแคร์เค้าอยู่ฝ่ายเดียว เหมือนเค้าไม่รักเราเลย เค้าก็พูดว่า เค้ายังรักเราเหมือนเดิม แต่ความผูกพันมันเปลี่ยนไป...

เราร้องไห้หนักกว่าเดิมอีก เค้าบอกว่า เราเป็นคนที่ทำให้เค้าเปลี่ยนไป เราต้องทำให้เค้ากลับมาเป็นเหมือนเดิมสิ เราก็อึ้งค่ะ... เพราะเหมือนเค้าโยนความผิดทั้งหมดให้เรา เค้าอยากให้เราแก้ไขคนเดียว แต่เค้าไม่คิดทำอะไรเลย เราจะอยู่จะตายเค้าก็คงไม่สนใจแล้ว สุดท้าย เราก็ถอยออกมา ลองอยู่กับตัวเอง และเพื่อนๆ ฟังธรรมบ้าง ก็ช่วยได้เยอะ ทำใจได้บ้าง แต่ไม่ตลอด พยายามคิดว่าเค้าก็เป็นของเค้าแบบนี้ เรายังรักและคิดถึงเค้าเสมอ เราแค่คิดว่าลองให้เวลากับเค้าและตัวเราเอง ว่าเราต้องการอะไร เค้าต้องการอะไร และระยะยาวเราจะคบกันแบบนี้ได้มั้ย? ตอนนี้เราทำทุกอย่างเท่าที่เราจะทำได้ แต่ไม่รู้ว่าจะทำยังไงเพื่ออยู่ร่วมกับเค้าต่อไป และเราไม่แน่ใจว่าสิ่งที่เค้าทำมันเป็นเพราะเค้าโลกส่วนตัวสูงจริงๆ หรือก็แค่ผู้ชายเห็นแก่ตัวอีกคนที่รักเผื่อเลือกให้ตัวเองได้ตลอดเวลาเหมือนกัน... เราบอกเลิกเค้าในใจเป็นร้อยๆ รอบ ทุกครั้งที่เค้าหายไปจากชีวิตเรา เหมือนผีที่มาแบบผลุบๆ โผล่ๆ ไม่หายไปจากชีวิตเราจริงๆ ซะที.. แต่เราก็ไม่พร้อมจะเสียเค้าไปตอนนี้เหมือนกัน จึงได้แต่ทนอยู่ไปแบบนี้ โดยที่หวังว่าสักวันทุกอย่างจะกลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ก็ต้องเริ่มจาก "ความเข้าใจ" ก่อน และจะทำอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่น่าคิดหนักเหมือนกัน
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่