อายุ 30 ถ้าลงเรียนนิติราม จะสายไปไหมค่ะ

กระทู้คำถาม
สวัสดีค่ะ เราตอนนี้อายุจะ30ละคะ ตอนนี้ประกอบอาชีพอิสระค่ะ ขายของ ขายบ้าน ขายทุกอย่าง แต่ช่วงนี้เศรษฐกิจไม่ค่อยดีขายยาก เลยอยากเปลี่ยนอาชีพที่มั่นคงกว่าเดิม เรามีสิ่งฝั่งใจว่าอยากลงเรียนนิติศาสตร์ให้จบ เพื่อจะได้มีงานที่ดีที่มั่งคง ในอนาคต อยากทราบว่าจะช้าไปไหม เราเคยได้ยินคุณอาที่รู้จักกันเค้าเปนทนายความที่ทำเงินได้เยอะมาก แต่เค้าเล่ามาว่าเค้าพึ่งเรียนจบนิติศาสตร์ที่ม.ศรีปทุม เมื่ออายุ 40ได้ละค่ะ เรียน4ปี พอจบมาก็สอบตั๋วทนายได้และเปิดสำนักงานทนายความเอง ปัจจุบันคุณอาก็อายุ50  คุณอาอยู่เมืองท่องเที่ยวค่ะ ต่างชาติเยอะ รายได้ดี ร่างสัญญาหน่อยกะเปนหมื่น เราก็พอฟังละมีกำลังใจค่ะ อยากลงเรียนอีกครั้ง เราเคยดรอปเรียนนิติรามไว้ เพราะไม่มีเพื่อนเรียน ไม่มีคนปรึกษา ไม่มีคนแนะนำ ถ้าเราไปเริ่มต้นเรียนใหม่ จะดีไหม จะสายไปไหมค่ะ มีญาติบอกว่าถ้าจบมาก็พอมีเส้นสายคนรู้จักทางนี้ที่จะป้อนงานรึคดีอะไรให้ได้ค่ะ เราก็เลยคิดว่าจะลงอีกที แต่ลงไปก็กลัวไม่มีเพื่อนอีก เพราะคงเรียนอยู่ที่บ้านค่ะ เพราะต้องทำงานด้วย เราจะลงเรียนดีไหมค่ะ ไม่รู้จะปรึกษาคัย ลองตั้งกระทู้ดูครั้งแรกเลยค่ะ ฝากผู้รู้แนะนำด้วยนะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 5
จริงๆ การเรียน ไม่มีคำว่าสายนะครับ (ไม่ได้โลกสวย)
แต่อยากให้ จขกท. ลองถามตัวเองดูก่อนว่า สายไปของ จขกท. นี่เอาอะไรเป็นตัวชี้วัดครับ
ถ้าเอาอายุเป็นตัวชี้วัด แล้วอายุที่เป็นเกณฑ์ว่าสายไปแล้ว นี่คืออายุเท่าไหร่ครับ
ความเห็นผมนะ ผมว่าแค่ 30 ขวบ เอง ไม่สายไปหรอกครับ

ทั้งนี้ การเรียน ไม่ว่าจะเรียนระดับใด เรียนอะไร ขอบอกว่าไม่ง่ายครับ แต่ไม่ยากเกินพยายามหรอกนะ
ป.ตรี หลักสูตร 4 ปี สามารถเรียนให้จบก่อน 4 ปีก็ได้ หรือจะเรียนเกิน 4 ปี เป็น 5 ปี, 6 ปี, 7 ปี, 8 ปี ก็ได้ อยู่ที่ตัวบุคคล
เรียนจบออกมาแล้ว จะหางานดีๆตรงตามความต้องการได้หรือเปล่า มันก็มีหลายปัจจัยนะครับ
แต่อย่าคิดมากครับ ทำให้ดีที่สุด ตั้งใจๆ แบ่งเวลาดีๆ ผมว่าทำได้แน่นอนครับ

ขอแนะนำแนวทางการเรียน นิติศาสตร์ ม.ราม ให้จบโดยใช้เวลาน้อยที่สุด
   - ตอบแบบง่ายๆ ก็คือเรียนอัดเทอมละ 24 หน่วยกิต + ซัมเมอร์ 12 หน่วยกิต แล้วสอบให้ผ่านให้หมด
     ถ้าทำได้จริง 2 ปีครึ่ง ก็เรียนจบได้ครับ
     1 ปีการศึกษา (2 เทอม + ซัมเมอร์ 1 เทอม จะได้ 60 หน่วยกิต)
     2 ปีการศึกษา เก็บได้ 120 หน่วยกิต
     ปี 3 เทอม 1 ลงเต็ม 24 หน่วยกิต ก็เกิน 140 หน่วยกิตตามหลักสูตรแล้ว
     ถ้าทำได้ก็จบ 2 ปีครึ่งครับ ไม่ต้องรอถึง 3 - 4 ปี

ลำดับการลงวิชาเรียน
ลองดูแผนการเรียนของหลักสูตรครับ ตามลิงค์นี้
http://www.ru.ac.th/th/center_study_plan/9/1390792376_Law_1_57.pdf
จะเห็นว่ามีแผนการลงวิชาเรียนไว้แล้ว ในหน้าที่ 2 - 3 ของไฟล์ ก็ลงไปตามนั้นก็ได้เลยครับ
แต่ถ้าอยากจบเร็วหน่อย ก็เอาวิชาของเทอมถัดๆไป
มาลงในเทอมที่เรียน ให้เต็ม 24 หน่วยกิตสำหรับเทอมปกติ (เทอม 1, เทอม 2)
และลงได้ 12 หน่วยกิต สำหรับซัมเมอร์
หรือเฉพาะเทอมสุดท้ายที่ขอจบจะลงได้เต็มที่ 30 หน่วยกิตครับ
(เทอมปกติ คือ เทอมต้น กับ เทอมปลาย จะลงได้มากสุด 24 หน่วยกิต
เทอมซัมเมอร์ปกติจะลงได้มากสุด 12 หน่วยกิตครับ

สำหรับวิชาพื้นฐาน (ภาษาไทย ภาษาอังกฤษ วิทย์ ฯลฯ) ก็ลงไล่ไปตามแผนการเรียนก็ได้
สำหรับวิชากฎหมาย (LAW ต่างๆ) แนะนำว่าควรลงตามรหัสวิชาไปครับ จากน้อยไปมาก
เช่น LAW1001 > LAW1002 > LAW1003 .... ไปจนครบหน่วยกิตในแต่ละเทอมครับ
เพราะมหาวิทยาลัย จะเรียงลำดับรหัสตามเนื้อหามาอยู่แล้ว จะได้เรียนต่อเนื่องกันไปครับ

แต่เคล็ดลับคือ เวลาเลือกรายวิชาลงทะเบียน
ต้องดูวันสอบเป็นหลักครับ อย่าให้วันสอบติดกันมาก
ม.ราม จะประกาศวันสอบออกมาก่อนวันลงทะเบียนครับ
วิธีคือ เราเอารายวิชาที่ควรจะลงในเทอมนั้นๆ มาลงรายการไว้
แล้วมาลงรายละเอียดของวันสอบในรายวิชาที่ควรจะลงนั้น
จากนั้นเอามาจัดตารางที่จะลงทะเบียน โดยอิงวันสอบเป็นหลัก
(วันเรียนไม่ต้องไปดูเลยครับ เพราะเราจะเข้าเรียนหรือไม่เรียนก็ได้)
เช่น วิชา  LAW1001 สอบวันที่ 1/6/58
             LAW1002 สอบวันที่ 2/6/58
             LAW1003 สอบวันที่ 3/6/58
             LAW1004 สอบวันที่ 4/6/58
             LAW1005 สอบวันที่ 5/6/58
อาจจะเลือกลงแค่ LAW1001, LAW1002, LAW1004, LAW1005 ก็ได้
ข้ามวิชา LAW1003 เก็บไว้ไปลงเทอมถัดๆไปก็ได้ เพราะเทอมนี้สอบติดกันเกิน จะทบทวนไม่ทัน เป็นต้น

เคล็ดอีกอย่างนึงคือ ลงไปให้เต็ม 24 หน่วยกิตเลยครับ ไม่ต้องกลัวจะหนักเกินไป
เพราะ ม.ราม มีสอบซ่อมได้ คือถ้าเราสอบตก หรือขาดสอบ
สามารถลงทะเบียนวิชาที่สอบตกหรือขาดสอบนั้นได้อีกทีในรอบสอบซ่อมของเทอมนั้นๆ
ถ้าสอบผ่านก็ได้เกรดตามที่เราผ่าน เกรดไปรวมกับเทอมปกติเลย
ถ้าสอบไม่ผ่านก็ไม่ติด F จะถือว่าเราไม่ได้ลงทะเบียนเรียนวิชานั้นเลยครับ เกรดรวมไม่เสีย
สมมุติว่าลง 10 วิชา เราก็แบ่งเลยว่า สอบแบบปกติ 5 วิชา ไปสอบซ่อม 5 วิชา
ถ้าแบบนี้ก็จะสอบไม่หนักมากครับ มีเวลาทบทวนเยอะ
แต่อย่าลืมว่าถ้าเราไปพลาดวิชาที่เราสอบซ่อม จะไม่มีโอกาสแก้ตัวแล้ว ต้องลงใหม่นะ
เพราะฉะนั้นควรสอบในช่วงปกติไปก่อน หากไม่ไหวจริงๆค่อยลงสอบซ่อมครับ
เพราะว่าถ้าเกิดวันสอบซ่อมติดธุระอะไรทำให้สอบไม่ได้ หรือไม่ได้ทบทวนอ่านหนังสือ
แล้วเราจะเสียโอกาสเก็บรายวิชานั้นไปเลย ต้องไปลงเทอมถัดๆไป
จึงควรพยายามสอบแบบปกติให้ได้ก่อน ถ้าจำเป็นถึงต้องขาดสอบแล้วค่อยไปสอบซ่อมเอา

ที่สำคัญจริงๆนอกจากวิธีการลงทะเบียนเรียนแล้ว
คือการอ่านหนังสือเตรียมตัวสอบครับ
เพราะแม้จะลงตามแผนที่ว่าจริงๆ คืออัดเต็มที่เลย
แต่ถ้าสอบไม่ผ่าน การลงทะเบียนก็ไม่มีความหมายครับ

-----------------------------------------

ขอให้ข้อมูลเพิ่มเติมนะครับ สำหรับกรณีเทียบโอน

ป.ตรี นิติศาสตร์ (ภาคปกติ) ที่ ม.ราม
รับวุฒิ ม.6, ปวช., ปวท., ปวส., ป.ตรี ได้ทั้งนั้น
โดยวุฒิที่สูงกว่า ม.6 (ปวท. ปวส. ป.ตรี) จะสามารถทำการเทียบโอนรายวิชาศึกษาทั่วไป (37 หน่วยกิต)
เพื่อยกเว้นการลงทะเบียนเรียนได้ โดยข้ามไปเรียนวิชากฎหมายเลย
การเรียน ป.ตรี ภาคปกติ ที่ ม.ราม ค่าใช้จ่ายจะถูกมาก
กรณีเรียน ป.ตรี นิติศาสตร์ (เทียบโอน) ที่ ม.ราม
โดยเทียบโอนรายวิชาจาก ป.ตรี ใบแรก (ต้องจบ ป.ตรี หรือ วุฒิอื่น มาก่อนแล้ว)
สามารถเรียนจบได้ภายใน 2 ปี ครับ เพราะ หลักสูตรนิติศาสตรบัณฑิต ม.ราม มี 140 หน่วยกิต
ป.ตรี เทียบโอน สามารถโอนได้ 37 หน่วยกิต เหลือที่ต้องเรียนอีก 103 หน่วยกิต (ซึ่งเป็นวิชากฎหมายล้วนๆ)
เรียนอัดเทอมละ 24 หน่วยกิต + ซัมเมอร์ 12 หน่วยกิต แล้วสอบให้ผ่านให้หมด
1 ปีการศึกษา (2 เทอม + ซัมเมอร์ 1 เทอม จะได้ 60 หน่วยกิต)
2 ปีการศึกษา เก็บให้ได้อีก 43 หน่วยกิต ก็ครบ 103 หน่วยกิตแล้ว ครับ
ถ้าทำได้จริง 2 ปี ก็เรียนจบได้ครับ
กรณีเทียบโอน ค่าใช้จ่าย หนักๆก็จะเป็นค่าเทียบโอนครับ หน่วยกิตละ 100
เทียบโอน 37 หน่วยกิต ก็ 3,700 บาท
ค่าแรกเข้า + ค่าเทอมเทอมแรก ประมาณ 3,000 กว่าบาท
เทอมต่อไปลงเต็ม 24 หน่วย ก็ 1,200 บาท (หน่วยกิตละ 25 บาท + ค่าธรรมเนียมอื่นๆ)
ลองคำนวนดูครับ คร่าวๆ หมื่นหน่อยๆ (ไม่รวมค่าหนังสือ)

สงสัยตรงไหนเพิ่มเติมก็พูดคุยสอบถามกันได้นะครับ ด้วยความยินดี
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่