LET’S SPEAK ENGLISH TO THE WORLD
“ภาษาอังกฤษ” เป็นภาษานึงที่มีความสำคัญ หลายๆคนเริ่มตื่นตัวในการฝึกภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะภาษาอังกฤษอาจจะเป็นใบเบิกทางในการเรียนรู้สิ่งใหม่ และเปิดโอกาสอื่นๆ เช่น ได้ทำงานที่ท้าทายขึ้น หรือระหว่างเดินทางท่องเที่ยว พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนใหม่ ทำให้เข้าใจความคิดและเปิดโลกกว้างขึ้น
บางคนไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเพราะขาดความมั่นใจ ไม่คุ้นเคย กลัวพูดผิดแกรมม่า กลัวทุกอย่าง
“ความกลัว” เป็นอุปสรรคของความสำเร็จ ทำให้ไม่กล้าทำอะไร แต่อย่ากลัวที่จะเรียนรู้
เริ่มขจัดความกลัว อย่ากลัวที่จะถาม อย่ากล้วที่จะเริ่ม มั่นใจว่าเราทำได้ แล้วมาลุยฝึกภาษาอังกฤษกัน !
ขอแชร์เทคนิค “การฝึกภาษาอังกฤษ” ที่ใช้แล้วเกิดผลกับตัวเราเอง เราฝึกภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุ 12 ขวบ จนตอนนี้พูดฟังอ่านเขียนได้ดีในระดับหนึ่ง พูดคุยได้แบบธรรมชาติ เวลาพูดไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อน เลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้ฟังกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ : )
1. หาแรงบันดาลใจในการฝึกภาษาอังกฤษ
การมีแรงบันดาลจะช่วยผลักดันให้มีความตั้งใจในการฝึกมากขึ้น! ไม่ว่าจะเป็นไอดอลที่พูดภาษาอังกฤษเก่งๆ เลยอยากพูดให้ได้แบบนั้นบ้าง หรือจะเป็นดารา นักร้องต่างประเทศ
เล่าประสบการณ์ :
แรงบันดาลใจของเราคือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ตอนอายุ 12 ขวบเป็นช่วงที่บ้ามากๆ อ่านหนังสือฉบับแปลจบสองเล่ม ก็เกิดความคลั่งพยายามหาข้อมูลต่างๆในอินเตอร์เน็ต ตอนนั้นยังไม่มีภาษาไทยเท่าไร ยิ่งตอนคัดเลือกนักเเสดงยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่ พอหนังออกก็ฝึกพูดตาม ปัจจุบันยังจำประโยคเหล่านั้นได้อยู่บ้าง เหมือนมันเป็นพิมพ์เขียวผังในสมองไปซะแล้ว เชื่อเหอะ! ลองหาแรงบันดาลใจดีๆดูนะ
2. ดูหนัง ซีรีย์ ฟังเพลง
ดูหนัง ซีรีย์ ฟังเพลง ได้ทักษะทั้งการฟังและการพูด ทำให้รู้ว่าปกติเจ้าของภาษาพูดกันยังไง ออกเสียงยังไง รูปแบบประโยคเป็นแบบไหน เเถมยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมจากหนังด้วยนะ ไม่จำกัดว่าต้องดูหนังหรือซีรีย์เท่านั้น อาจะดูรายการที่ชอบตาม YouTube ก็ได้
อาจจะเริ่มดูหนังที่ชอบก่อน เป็นหนังที่มีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ เริ่มแรกควรจะเลือกหนังที่เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนมาก เป็นหนังครอบครัวก็ได้ ดูซ้ำไปซ้ำมา อาจจะฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจในตอนแรก แต่ต้องอดทนฟังต่อไปอย่างสม่ำเสมอ แล้วจะฟังออกเอง พอเริ่มฟังออกว่าพูดอะไรก็ลองพูดตาม พยายามเลียนแบบเสียงให้เหมือน
เล่าประสบการณ์ :
เราดูหนังเยอะมากๆตอนปิดเทอมในสมัยเด็ก บางเรื่องชอบมากก็ดูหลายรอบ แรกๆก็เปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ จากนั้นก็ดูแบบไม่มีซับไตเติ้ล ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ฟังต่อไปแล้วลองพูดตามจนเริ่มชินกับประโยค ทำให้ตอนพูดไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อน หลังๆหูเริ่มชิน จากหนังง่ายๆเริ่มพัฒนาความยากขึ้น ก็ฟังออกขึ้นเยอะ ถ้าเบื่อๆดูหนังก็เปิด YouTube ดูรายการที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็น The Voice, The X Factor, Got Talent, TED Talks และรายการอื่นๆ พอพัฒนาขึ้น ก็ฝึกฟังสำเนียงต่างๆดู ทั้งอังกฤษ อเมริกัน แคนาดา หรือออสซี่
3. อ่านนิยาย อ่านข่าว อ่านนิตยสาร
พยายามอ่านอะไรก็ได้ที่เราสนใจและชอบเป็นภาษาอังกฤษ เพราะมันทำให้เราไม่เบื่อ อาจจะเป็นข่าวดารานักร้อง หรือนิยายที่ชอบ วิธีนี้ช่วยในการอ่านและการเขียน ทำให้เราซึมซับสำนวน คำศัพท์ และโครงสร้างของประโยค คำศัพท์ไหนไม่รู้ก็พยายามเดาจากบริบท ถ้าไม่รู้จริงๆค่อยเปิดดิกชันนารี (อังกฤษเป็นอังกฤษ) เเล้วก็จดคำศัพท์นั้นๆเอาไว้ในสมุด
เล่าประสบการณ์ :
เราเริ่มอ่านนิยายแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นภาษาอังกฤษ แต่รู้สีกว่ามันยากไป เพราะไม่ชินกับโครงสร้างประโยค รู้ศัพท์น้อย เลยเริ่มจากนิยายเด็กง่ายๆก่อน อย่างของ Roald Dahl (เช่น The Chocolate Factory) พอเริ่มอ่านคล่องก็เพิ่มระดับความยากขึ้น
4. เขียนไดอารี่ เขียนนิยาย
ลองเริ่มเขียนอะไรต่างๆเป็นภาษาอังกฤษดู เช่น เขียนไดอารี่ นิยาย หรือจะลองโพสข้อความบนเฟซบุ๊กเป็นภาษาอังกฤษดูก็ได้ ลองหัดเขียนไปเรื่อยๆ ตอนเขียนอาจจะติดขัดบ้าง ให้ลองกูเกิ้ลหารูปแบบประโยคหรือคำศัพท์ที่ถูกต้อง ลองเขียนทุกๆวันจะเริ่มเห็นพัฒนาการ ทั้งสำนวนและโครงสร้างของประโยค
เล่าประสบการณ์ :
เราเริ่มเขียนนิยายเป็นภาษาอังกฤษแบบจริงจังมากสมัยอยู่โรงเรียน เขียนหลายสิบหน้า เขียนเสร็จก็เอาไปให้เพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษอ่าน ระหว่างที่ฝึกเขียนทำให้รู้จักคำศัพท์ สำนวน และโครงสร้างประโยคเยอะขึ้นมาก เพราะต้องค้นคว้าในกูเกิ้ลว่าการเขียนที่ถูกต้องเป็นยังไง ต้องเปิดดิกชันนารี จริงๆพอลองนิยายที่เขียนมาอ่านตอนโตดู เขียนแกรมม่าผิดพอควร แต่ก็ถือว่ามันเป็นหนึ่งในการฝึกและทำให้เรียนรู้มากขึ้น อีกวิธีคือลองหาเพื่อน Penpal เขียนอีเมล์แลกเปลี่ยนกัน แบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ แถมได้เพื่อนด้วย
5. พูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ
อย่าอายที่จะพูดภาษาอังกฤษ ลองพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษดูหน้ากระจก ค่อยๆฝึกพูด พยายามพูดเสียงให้ครบ แรกๆอาจพูดช้าแต่ชัวร์ดีกว่าเนอะ พอพูดได้คล่องมากขึ้น ก็จะพูดเร็วและเป็นธรรมชาติเอง
เล่าประสบการณ์ :
เราฝึกด้วยการทำฉลากเป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อต่างๆ เช่น Travel, Movie, Tea, Mountain, Sea เป็นคำอะไรก็ได้พื้นๆ แล้วลองพูดเกี่ยวกับสิ่งนั้นดู ยกตัวอย่าง “Travel” ก็อาจจะพูดเกี่ยวกับประเทศที่อยากไปเที่ยว เพราะอะไร ถ้าจะให้ดีลองอัดเสียงด้วยก็ดีนะ แล้วมาลองฟังและถอดเสียงคำพูดเป็นตัวหนังสือดู อาจจะเจอได้ว่า ตอนพูดเราเป็นยังไงบ้าง? ผิดตรงไหน?
บางครั้งเวลาเราอยู่คนเดียว ก็พูด ก็บ่นอะไรต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะดูบ้า…แต่มันเวิคนะเธอ!
6. พูดกับคนต่างชาติ
บางคนเวลาเจอชาวต่างชาติมาถามทาง อาจจะกลัว ตกใจ ไม่กล้าพูดขึ้นมาซะงั้น “อย่าไปกลัว มันอยู่ที่ใจ !” พวกเขาก็เป็นคนเหมือนเราเนี่ยเเหละ แค่ต่างชาติต่างภาษา ลองค่อยๆพูดดู อันนี้ต้องอาศัยความกล้าหน่อย ถึงจะผ่านจุดนี้ไปได้
เล่าประสบการณ์ :
ตอนเด็กๆ มีวิชาภาษาอังกฤษที่เรียนกับครูต่างชาติอาทิตย์ล่ะครั้ง เรารู้สึกว่า “เฮ้ย! อยากฝึกพูดมากกว่านี้” ลองชวนเพื่อนที่มีใจรักภาษาอังกฤษเหมือนกัน จูงมือกันไปห้องพักครูตอนพักเที่ยง พยายามพูดคุยภาษาอังกฤษ ไม่ก็ทำโปรเจคสัมภาษณ์นักท่องเที่ยว ไปตามวัดพระแก้ว วันโพธิ์แล้วสัมภาษณ์ จนตอนนี้เวลาทำงานหรือไปเที่ยวก็พยายามพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนๆต่างชาติอยู่เสมอ
“PRACTICE MAKES PERFECT“
เมื่อฝึกตามเทคนิคต่างๆแล้ว อาจจะมีจังหวะที่ท้อบ้าง ต้องพยายามผ่านจุดนั้นไปให้ได้ เตือนตัวเองว่า ทำไมเราถึงอยากพูดภาษาอังกฤษ จุดมุ่งหมายของเราคืออะไร จำเป้าหมายที่ตั้งไว้แค่แรกให้ขึ้นใจ ขอให้
“อดทน อันกลั้น และฝึกฝน” ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆถ้าไม่มีการฝึก ฝึกฝนบ่อยๆก็จะเก่งเอง ตอนนี้เราก็ยังพัฒนาภาษาอังกฤษต่อไป : )
แชร์ประสบการณ์ฝึกภาษาอังกฤษด้วยตัวเอง
LET’S SPEAK ENGLISH TO THE WORLD
“ภาษาอังกฤษ” เป็นภาษานึงที่มีความสำคัญ หลายๆคนเริ่มตื่นตัวในการฝึกภาษาอังกฤษมากขึ้น เพราะภาษาอังกฤษอาจจะเป็นใบเบิกทางในการเรียนรู้สิ่งใหม่ และเปิดโอกาสอื่นๆ เช่น ได้ทำงานที่ท้าทายขึ้น หรือระหว่างเดินทางท่องเที่ยว พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเพื่อนใหม่ ทำให้เข้าใจความคิดและเปิดโลกกว้างขึ้น
บางคนไม่กล้าพูดภาษาอังกฤษ อาจจะเป็นเพราะขาดความมั่นใจ ไม่คุ้นเคย กลัวพูดผิดแกรมม่า กลัวทุกอย่าง “ความกลัว” เป็นอุปสรรคของความสำเร็จ ทำให้ไม่กล้าทำอะไร แต่อย่ากลัวที่จะเรียนรู้
เริ่มขจัดความกลัว อย่ากลัวที่จะถาม อย่ากล้วที่จะเริ่ม มั่นใจว่าเราทำได้ แล้วมาลุยฝึกภาษาอังกฤษกัน !
ขอแชร์เทคนิค “การฝึกภาษาอังกฤษ” ที่ใช้แล้วเกิดผลกับตัวเราเอง เราฝึกภาษาอังกฤษตั้งแต่อายุ 12 ขวบ จนตอนนี้พูดฟังอ่านเขียนได้ดีในระดับหนึ่ง พูดคุยได้แบบธรรมชาติ เวลาพูดไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อน เลยอยากแชร์ประสบการณ์ให้ฟังกัน หวังว่าจะเป็นประโยชน์นะคะ : )
1. หาแรงบันดาลใจในการฝึกภาษาอังกฤษ
การมีแรงบันดาลจะช่วยผลักดันให้มีความตั้งใจในการฝึกมากขึ้น! ไม่ว่าจะเป็นไอดอลที่พูดภาษาอังกฤษเก่งๆ เลยอยากพูดให้ได้แบบนั้นบ้าง หรือจะเป็นดารา นักร้องต่างประเทศ
เล่าประสบการณ์ :
แรงบันดาลใจของเราคือ “แฮร์รี่ พอตเตอร์” ตอนอายุ 12 ขวบเป็นช่วงที่บ้ามากๆ อ่านหนังสือฉบับแปลจบสองเล่ม ก็เกิดความคลั่งพยายามหาข้อมูลต่างๆในอินเตอร์เน็ต ตอนนั้นยังไม่มีภาษาไทยเท่าไร ยิ่งตอนคัดเลือกนักเเสดงยิ่งบ้าเข้าไปใหญ่ พอหนังออกก็ฝึกพูดตาม ปัจจุบันยังจำประโยคเหล่านั้นได้อยู่บ้าง เหมือนมันเป็นพิมพ์เขียวผังในสมองไปซะแล้ว เชื่อเหอะ! ลองหาแรงบันดาลใจดีๆดูนะ
2. ดูหนัง ซีรีย์ ฟังเพลง
ดูหนัง ซีรีย์ ฟังเพลง ได้ทักษะทั้งการฟังและการพูด ทำให้รู้ว่าปกติเจ้าของภาษาพูดกันยังไง ออกเสียงยังไง รูปแบบประโยคเป็นแบบไหน เเถมยังได้เรียนรู้วัฒนธรรมจากหนังด้วยนะ ไม่จำกัดว่าต้องดูหนังหรือซีรีย์เท่านั้น อาจะดูรายการที่ชอบตาม YouTube ก็ได้
อาจจะเริ่มดูหนังที่ชอบก่อน เป็นหนังที่มีซับไตเติ้ลเป็นภาษาอังกฤษ เริ่มแรกควรจะเลือกหนังที่เนื้อเรื่องไม่ซับซ้อนมาก เป็นหนังครอบครัวก็ได้ ดูซ้ำไปซ้ำมา อาจจะฟังไม่รู้เรื่อง ไม่เข้าใจในตอนแรก แต่ต้องอดทนฟังต่อไปอย่างสม่ำเสมอ แล้วจะฟังออกเอง พอเริ่มฟังออกว่าพูดอะไรก็ลองพูดตาม พยายามเลียนแบบเสียงให้เหมือน
เล่าประสบการณ์ :
เราดูหนังเยอะมากๆตอนปิดเทอมในสมัยเด็ก บางเรื่องชอบมากก็ดูหลายรอบ แรกๆก็เปิดซับไตเติ้ลภาษาอังกฤษ จากนั้นก็ดูแบบไม่มีซับไตเติ้ล ฟังรู้เรื่องบ้างไม่รู้เรื่องบ้าง ก็ฟังต่อไปแล้วลองพูดตามจนเริ่มชินกับประโยค ทำให้ตอนพูดไม่ต้องคิดเป็นภาษาไทยก่อน หลังๆหูเริ่มชิน จากหนังง่ายๆเริ่มพัฒนาความยากขึ้น ก็ฟังออกขึ้นเยอะ ถ้าเบื่อๆดูหนังก็เปิด YouTube ดูรายการที่เราสนใจ ไม่ว่าจะเป็น The Voice, The X Factor, Got Talent, TED Talks และรายการอื่นๆ พอพัฒนาขึ้น ก็ฝึกฟังสำเนียงต่างๆดู ทั้งอังกฤษ อเมริกัน แคนาดา หรือออสซี่
3. อ่านนิยาย อ่านข่าว อ่านนิตยสาร
พยายามอ่านอะไรก็ได้ที่เราสนใจและชอบเป็นภาษาอังกฤษ เพราะมันทำให้เราไม่เบื่อ อาจจะเป็นข่าวดารานักร้อง หรือนิยายที่ชอบ วิธีนี้ช่วยในการอ่านและการเขียน ทำให้เราซึมซับสำนวน คำศัพท์ และโครงสร้างของประโยค คำศัพท์ไหนไม่รู้ก็พยายามเดาจากบริบท ถ้าไม่รู้จริงๆค่อยเปิดดิกชันนารี (อังกฤษเป็นอังกฤษ) เเล้วก็จดคำศัพท์นั้นๆเอาไว้ในสมุด
เล่าประสบการณ์ :
เราเริ่มอ่านนิยายแฮร์รี่ พอตเตอร์ เป็นภาษาอังกฤษ แต่รู้สีกว่ามันยากไป เพราะไม่ชินกับโครงสร้างประโยค รู้ศัพท์น้อย เลยเริ่มจากนิยายเด็กง่ายๆก่อน อย่างของ Roald Dahl (เช่น The Chocolate Factory) พอเริ่มอ่านคล่องก็เพิ่มระดับความยากขึ้น
4. เขียนไดอารี่ เขียนนิยาย
ลองเริ่มเขียนอะไรต่างๆเป็นภาษาอังกฤษดู เช่น เขียนไดอารี่ นิยาย หรือจะลองโพสข้อความบนเฟซบุ๊กเป็นภาษาอังกฤษดูก็ได้ ลองหัดเขียนไปเรื่อยๆ ตอนเขียนอาจจะติดขัดบ้าง ให้ลองกูเกิ้ลหารูปแบบประโยคหรือคำศัพท์ที่ถูกต้อง ลองเขียนทุกๆวันจะเริ่มเห็นพัฒนาการ ทั้งสำนวนและโครงสร้างของประโยค
เล่าประสบการณ์ :
เราเริ่มเขียนนิยายเป็นภาษาอังกฤษแบบจริงจังมากสมัยอยู่โรงเรียน เขียนหลายสิบหน้า เขียนเสร็จก็เอาไปให้เพื่อนที่เก่งภาษาอังกฤษอ่าน ระหว่างที่ฝึกเขียนทำให้รู้จักคำศัพท์ สำนวน และโครงสร้างประโยคเยอะขึ้นมาก เพราะต้องค้นคว้าในกูเกิ้ลว่าการเขียนที่ถูกต้องเป็นยังไง ต้องเปิดดิกชันนารี จริงๆพอลองนิยายที่เขียนมาอ่านตอนโตดู เขียนแกรมม่าผิดพอควร แต่ก็ถือว่ามันเป็นหนึ่งในการฝึกและทำให้เรียนรู้มากขึ้น อีกวิธีคือลองหาเพื่อน Penpal เขียนอีเมล์แลกเปลี่ยนกัน แบบนี้ก็สนุกไปอีกแบบ แถมได้เพื่อนด้วย
5. พูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษ
อย่าอายที่จะพูดภาษาอังกฤษ ลองพูดกับตัวเองเป็นภาษาอังกฤษดูหน้ากระจก ค่อยๆฝึกพูด พยายามพูดเสียงให้ครบ แรกๆอาจพูดช้าแต่ชัวร์ดีกว่าเนอะ พอพูดได้คล่องมากขึ้น ก็จะพูดเร็วและเป็นธรรมชาติเอง
เล่าประสบการณ์ :
เราฝึกด้วยการทำฉลากเป็นภาษาอังกฤษในหัวข้อต่างๆ เช่น Travel, Movie, Tea, Mountain, Sea เป็นคำอะไรก็ได้พื้นๆ แล้วลองพูดเกี่ยวกับสิ่งนั้นดู ยกตัวอย่าง “Travel” ก็อาจจะพูดเกี่ยวกับประเทศที่อยากไปเที่ยว เพราะอะไร ถ้าจะให้ดีลองอัดเสียงด้วยก็ดีนะ แล้วมาลองฟังและถอดเสียงคำพูดเป็นตัวหนังสือดู อาจจะเจอได้ว่า ตอนพูดเราเป็นยังไงบ้าง? ผิดตรงไหน?
บางครั้งเวลาเราอยู่คนเดียว ก็พูด ก็บ่นอะไรต่างๆเป็นภาษาอังกฤษ อาจจะดูบ้า…แต่มันเวิคนะเธอ!
6. พูดกับคนต่างชาติ
บางคนเวลาเจอชาวต่างชาติมาถามทาง อาจจะกลัว ตกใจ ไม่กล้าพูดขึ้นมาซะงั้น “อย่าไปกลัว มันอยู่ที่ใจ !” พวกเขาก็เป็นคนเหมือนเราเนี่ยเเหละ แค่ต่างชาติต่างภาษา ลองค่อยๆพูดดู อันนี้ต้องอาศัยความกล้าหน่อย ถึงจะผ่านจุดนี้ไปได้
เล่าประสบการณ์ :
ตอนเด็กๆ มีวิชาภาษาอังกฤษที่เรียนกับครูต่างชาติอาทิตย์ล่ะครั้ง เรารู้สึกว่า “เฮ้ย! อยากฝึกพูดมากกว่านี้” ลองชวนเพื่อนที่มีใจรักภาษาอังกฤษเหมือนกัน จูงมือกันไปห้องพักครูตอนพักเที่ยง พยายามพูดคุยภาษาอังกฤษ ไม่ก็ทำโปรเจคสัมภาษณ์นักท่องเที่ยว ไปตามวัดพระแก้ว วันโพธิ์แล้วสัมภาษณ์ จนตอนนี้เวลาทำงานหรือไปเที่ยวก็พยายามพูดคุย แลกเปลี่ยนข้อมูลกับเพื่อนๆต่างชาติอยู่เสมอ
เมื่อฝึกตามเทคนิคต่างๆแล้ว อาจจะมีจังหวะที่ท้อบ้าง ต้องพยายามผ่านจุดนั้นไปให้ได้ เตือนตัวเองว่า ทำไมเราถึงอยากพูดภาษาอังกฤษ จุดมุ่งหมายของเราคืออะไร จำเป้าหมายที่ตั้งไว้แค่แรกให้ขึ้นใจ ขอให้ “อดทน อันกลั้น และฝึกฝน” ไม่มีอะไรที่ได้มาง่ายๆถ้าไม่มีการฝึก ฝึกฝนบ่อยๆก็จะเก่งเอง ตอนนี้เราก็ยังพัฒนาภาษาอังกฤษต่อไป : )