14-19 Sep 2015 เมื่อสองสาวชวนกันไปดูนาขั้นบันไดที่เวียดนามเหนือ

สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เกิดจาก การที่เราเห็นรูปนาขั้นบันไดที่มุงกางจ่าย ประเทศเวียดนาม ด้วยเวลาและตั๋วโปรที่แสนรักเป็นใจ เราเลยเดินทางไปกันคะ บอกเลยว่ากระทู้ นี้ หนักรูป อาจจะลงรายละเอียดเดินทางสำหรับคนที่อยากไปแบบประหยัดแบบพวกเรานะคะ เราไม่เหมารถนะ ตั๋วรถ โรงแรม หน้างานเลยคะ เส้นทางของเราคือ ฮานอยไป มุงกางจ่าย จากมุงกางจ่ายไปซาปา จากซาปา ไปฮานอย ด้วยอานิสงค์ตั๋วเลื่อนเราเลยเลือกไฟล์กลับเป็นแบบต่อเครื่องที่โฮจิมินเพื่อเราจะได้ออกเที่ยวที่นั้นสักเล็กน้อย 555 ทริปนี้ อึด ทึก ทน ต้องสายแข็งเท่านั้นคะ นั้นเราไปกันเลย

     วันที่14 กันยา 2558 เราเดินทางถึงสนามบินนอยไบเวลา 16.25 น. ไม่มีทางเลือกจริงๆยอมเสีย 25 ดอล เหมารถไปท่ารถ My Dinh Bus Station เท่าที่เราหาข้อมูลมาคือต้องมาที่นี้ เมื่อเรามาถึงก็ที่รู้ๆ กันคะ โดนรุ่มโดนทึ่งเล็กน้อย เกือบเห็นแก่ของถูกไปกับนายหน้าที่คุยกันแทบไม่รู้เรื่อง เขาบอกว่า 250000ดองไปมุงกางจ่าย เราก็เฮ้ยเท่ากับที่หาข้อมูลมาเลย พอถามว่าถึงกี่โมง เขาบอก 4 ทุ่ม เราเริ่มคิดไม่ใช่แล้วที่หามาต้องนั่งรถ 8-9 ชม. กำลังยื่นมึนๆ กันอยู่มีคุณป้าที่พูดอังกฤษได้มาช่วยไว้ เราเลยเดินตามไปที่เคาวเตอร์ขายตั๋วเลยคะ ย้ำ!!!!! ต้องซื้อตั๋วที่เคาเตอร์ให้ได้นะคะ ราคา300000ดอง ช่องอื่นไม่ขายก็พยายามค่ะ ถ้าไปกับพวกนายหน้าอาจจะโดรทิ้งไว้กลางทางคะ

     1 ทุ่ม เราต้องไปขึ้นรถกันคะ รถเป็นบัสนอน คนเวียดนามทั้งคันเลยจ้าาาา


ประมาณนี้เลยคะ


     หลับบ้างตื่นบ้างรถพักให้เข้าห้องน้ำบ้าง จนตีสองครึ่ง คนรถปลุกเราให้ลงคะ อะไรกันถึงแล้วหรอ เม่าตาสว่าง ตีสองครึ่ง รีบย้ายตัวเองและสัมภาระ ลงจากรถแล้วรถบัสก็ทิ้งเราไว้กลางทางที่มืดมิด 5555 เราเลยเดินออกมาข้างหน้าคะ เจอเป็นป้ายเหมือนทางเข้าหน้าหมู่บ้าน เลยปักหลักรอตรงนั้นเพราะ จะเดินต่อหมาก็เฮ่า จะเดินกลับหมาที่เดินหนีมาก็เฮ่า เม่าเหม่อ 555 รอมันตรงนี้แหละ นั่งคุยนั่งดูดาวไปเรื่อยๆ อากาศเย็นสบายอมยิ้ม04อมยิ้ม04อมยิ้ม04


     จนเวลามาถึง ประมาณ ตีห้านั่งคุยๆกันอยู่ไฟถนนดับ มืดเลยจ้าาาา หุบปากพร้อมกันโดยมิได้นัดหมาย พอตั้งสติได้ก็ฟ้าใกล้สว่างแล้วมั่งเขาเลยดับไฟ เมื่อมองออกไปรอบๆ เลยทำให้เรารู้ว่าพวกเราอยู่ท่ามกลางหุบเขา
    หกโมงเช้าเราเลยตัดสินใจเดินกลับไปทางที่เราเดินออกมา ระหว่างทางมีคุณลุงออกมาออกกำลังกายพอดี เราเลยถามถึงโรงแรมที่เราไป คุญรู้เรื่องหรือป่าวไม่รู้ แต่คุณลุงเดินมาส่งเราไกลมาก ประมาณ 2กิโลน่าจะได้ แล้วบอกให้เราเดินต่อไป เราเดินต่อไปเรื่อย จนจำไม่ได้ว่าไกลแค่ไหน แต่เดินได้เพราะอากาศดีมาก เดินจนมาถึงใจกลางเมืองมุงกางจ่าย เดินหาโรงแรมที่ตั้งใจจะมาพัก พอเราเข้าไปถาม ความผิดหวังแรกของเราก็เกิดขึ้น สรุปเต็มจ้าเลยขอชื่อโรงแรมอื่นเราก็ไป แต่!!! เราตุยกับพนักงานเด็กไม่รู้เรื่อง และราคาห้องที่ค่อนข้างแพงสำหรับเรา (300000ดอง) ตอนเเรกเรากะจะพักที่นี้แล้วเพราะเท่าที่เดินผ่านมาเมืองเล็กมากโรงแรมแทบหาไม่เจอ เพื่อนเราขอเข้าห้องน้ำ เขาก็ไม่ให้เข้า เลยหมดความอดทน ไปตายเอาดาบหน้า 5555 เราเดินกลับไปทางใจกลางหมู่บ้าน อีกครึ่ง เรามองไปเห็นบ้านหลังหนึ่งติดว่า Home stay พวกเราหยุดมอง จนมีคุณแม่ออกมายิ้มและเรียกเราเข้าไป เขาให้ลูกชายที่พูดอังกฤษได้มาแปล สรุปคือเราได้นอนห้องลูกสาว ในราคา คนละ100000ดอง สบายเลยจ้า ตอนนั้นขอแค่ที่นอนจริงๆ อมยิ้ม04
     อาบน้ำเรียบร้อยเราก็ขอลุยกันต่อ คุณแม่ให้เราเช้ารถของเธอในราคา 200000ดอง โอ้ยสบายไม่ต้องเดินหา ทิ้งกุญแจบ้าน กุญแจรถให้เราก็ไปเลย คุณแม่บ้านนี้เป็นครูคะ โบกรถเพื่อนครูด้วยกันไปเลย 555รถที่เราได้ก็ หึหึ กระจกซ้ายเกือบหลุดหมุนได้360 องศาเลยที่เดียว ส่วนกระจกขวา ไม่มีคะ!!! แถมสตาร์ทมือไม่ติด ต้องสตาร์ทเท้า 555 ดีนะเราสตาร์ทเป็น เมื่อได้รถก็หาข้าวกิน เป็นเฝ๋อคะ รับไม่ได้อย่างแรง กินได้นิดเดียวไม่ไหวแล้ว ไปขี่รถเล่นกันดีกว่า เม่าออกรถ

     ด้วยความที่เราไม่ได้ซื้อเน็ตซิม ขี่ไปตามใจเลยจ้า เราขี่ไปหลังหมู่บ้านกันก่อนเจอทางกำลังสร้างเลยขี่กลับ คิดว่าคงไม่ใช่ บวกกับเราเห็นหลักกิโล เขียนว่าไป Tule
     

     เราเลยขี่กลับไปทางหน้าหมู่บ้าน มีแวะกลางทางบ่อยมากกกก แต่ฟินมากคะ อากาศดี วิวสองข้างทางเริ่มสวยงาม เราแวะกันบ่อยมาก จนเริ่มเข้าทางเข้าหุบเข้า เราเลยคิดไหนๆก็อากาศดีเวลาได้ งั้นไปTule ที่เขาว่ากัน เป็นการขี่มอไซด์ ทางไกลครั้งแรกของเราเราละค่าาา และเส้นทางไหล่เขา เสี่ยวง่าาาาาาาา เราไปชมภาพเต็มๆ เลยคะ
     












เราขี่กันไปจนถึงหมู่บ้าน Tule กันเลยคะ ไปกินข้าวเที่ยงที่นั้น บอกเลยว่า ร้องเฮ้ยหนักมาก เราก็เลือกร้านที่มีข้าวคะ ไม่ไหวกับเฝ่อและหิวมาก จนได้มาหนึ่งร้าน เข้าไปชี้ๆกันเลยคะ เจ้าของร้านจัดให้มา1 เซต ต้องใช้คำว่าดีกว่าไม่มีกิน 5555 เลยไม่ได้ถ่ายรูปมาเลยคะ ที่ร้องเฮ้ยกว่านั้นคือพอทานกันเสร็จแล้ว มีเด็กผู้ชายหิ้วหัวหมาที่พิ่งตัดสดๆ ใส่ถูงก็อปแก็ปออกมาคะ คือเพื่อนเราเห็นก่อน เลยเลยมองบ้าง Facepalm แต่เราไม่ได้ทานนะคะ น่าจะเป็นเมนูของโต๊ะที่พึ่งเข้ามาใหม่ 555
หมู่บ้านนี้ เล็กๆคะ ขี่รถแปบเดียวสุดหมู่บ้านแล้วคะ เล็กกว่ามุงกางจ่ายอีก แต่ธรรมชาติสวยงามจริงๆคะ มีข้าวเป็นของฝากริมทางเยอะเลยแต่คงสื่อสารกันไม่รู้เรื่อง เราสองคนเเวะถ่ายรูปกันเล็กน้อย อมยิ้ม01อมยิ้ม01














เมื่อเราขี่มาได้ครึ่งทางก็เริ่มเข้าแทบหมู่บ้านแล้วคะ เลยเก็บตกกับแสงแดดตอนเย็นกันต่อ เม่ากิจกรรม


ขี่จนมาถึงทางเเยกให้ไปหมู่บ้าน La pan tan ป้ายบอกอีก 3 โล เราจะรออะไรละคะ ไปคะไปปปปป 555 ทางเข้าแบบชันมาก รถเกือบขี่ไม่ขึ้น เราไปจนถึงน่าจะจุดทางลงหมู่บ้าน โอ้ย ลาดมากกกก งั้นความห่วงชีวิต ขอหยุดคะ 5555 ถ่ายรูปตรงนี้ก็สวยแล้ว

ณ จุด นี้ ผิวแสบคะ ไหม้โดยไม่รู้ตัวเพราะอากาศดีมาก แต่เราก็ยอมนะ ปิดไปก็ไม่ช่วยแต่ขอสักนิดก็ยังดี พาพันไฟท์ติ้ง






  บอกลาหมู่บ้าน la pan tan แล้วกลับมุงกางจ่ายกันดีกว่าคะ แต่วิวระหว่างทางพาให้ต้องหยุดทุกที 5555









เมื่อถ่ายรูปจากแบตจะหมดเราก็กลับบ้านพักเรากันดีกว่า ก่อนที่เราจะเข้าบ้าน เราก็แวะตลาด เพื่อหาของกิน เดินเล่น กว่าจะเสร็จก็มืดพอดี เราก็กลับเข้าบ้าน ที่นี้ น้ำดื่มไม่มีฟรีนะคะเท่าที่เจอ เราซื้อเองตลอด แพงเสียด้วย T^T พอเราเจอคุณแม่เราก็เอากุญแจคืน และถามข้อมูลเรื่องรถจะไปซาไปในวันพรุ่งนี้ เท่าที่เราหาข้อมูลมาคือ ราคา ประมาณ 250000ดอง แต่คุณแม่ติดต่อให้เราได้ในราคา100000ดอง กรี๊ดสิคะ พวกเราชอบของถูก แต่สภาพจะเป็นยังไงเน้อ ต้องลุ้นเอาพรุ่งนี้ รถจะมารับพวกเรา 9 โมงเช้า ใช้เวลาประมาณ 5 ชม.

ปล.รูปเราไม่มีการปรับอะไรนะคะ ทำไม่เป็น 555
ปล.2 เราใช้กล้องกากๆ กับมือถือ เเละมีเจ้า Xiaomi ตัวจิ๊วจ้า

ฝากติชมด้วยนะคะ ^___________^
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่