เจ้าของกระทู้โสดค่ะ โสดคือ ไม่ได้คบหรือคุยกับใครเลย ณ ตอนนี้
เห็นหลายกระทู้บ่นว่าเหงา ๆ ๆ ๆ จขกท.ก็มีฟีลลิ่งนั้นบ้าง .. บ้าง แต่ก็อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวบางอย่าง เผื่อจะมีประโยชน์
ยอมรับค่ะเหงาบ้างเป็นระยะ แต่คงไม่บ่อยในระดับที่เรียกว่าเหงาและว้าเหว่ อยากมีใครสักคน
ในวันที่จขกท.คบใครสักคนนั้น จขกท.สละเวลากับคนที่รักค่ะ เขาบอกว่าป.โท ไม่จำเป็นหรอก บลา ๆ
จขกท.ก็ลังเล อืม ไม่เรียนละกัน เชื่อคนเรียนสูงกว่า
ท้ายที่สุด เขาก็จากไป สิ่งแรกที่ทำคือ
1. เรียนต่อป.โท
ตอนนี้ยังไม่จบนะคะ พบว่าการเรียนป.โทได้อะไรมากมายค่ะ ทั้งที่สาขาที่เรียนเนี่ย จบไปมีงานทำมั้ยยังไม่รู้เลย แต่เราได้สิ่งใหม่ ๆ ค่ะ สังคมใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ คอนเนกชั่นใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ อาจารย์ใหม่ ๆ สถาบันใหม่ ๆ วิธีคิดในแบบที่คนเรียนปริญญาโทเขาต้องทำ ต้องฝึกกัน ฝึกการตั้งคำถาม เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง
2. ทำงานกิจกรรมอาสาสมัคร
การทำกิจกรรมอาสาสมัคร ไม่ได้ทำเพื่อหาแฟน แต่เป็นการทำเพื่อสร้างคุณค่า สร้างความสุขให้ตัวเอง การเป็นผู้ให้ การเห็นรอยยิ้ม มันสร้างความสุข หัวใจที่พองตัวมากกว่าการเป็นผู้รับ รวมถึงทำให้เราได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคม ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จขกท.ลงชื่อเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครตามวาระโอกาส กำลังทรัพย์ และเวลาค่ะ เป็นความสุขที่เสพย์ติดมาจากสมัยเรียนมช. ขึ้นดอย ขึ้นเขา เจอเด็กดอย เด็กชาวเขา หรือน้อง ๆ คนพิเศษ เห็นรอยยิ้มแล้วมีความสุขค่ะ อยากให้คนที่มีเวลาลองทำดูค่ะ
งานอาสา มีหลายด้านค่ะ สามารถเลือกที่เหมาะสมกับความถนัดของตัวเองได้ เช่น การเป็นพาร์ทเนอร์คู่วิ่งน้องๆ ที่ตามองไม่เห็น การทำขนมมาแจมในกิจกรรมต่าง ๆ การทำอาหารมาทำบุญในบ้านพักคนชรา การช่วยคัดแยกหนังสือบริจาคในหน่วยงาน การทำงานอาสาเชิงธรรมะที่หอพุทธทาส
จขกท.ไม่ได้ทำครบทุกอย่างที่ได้เอ่ยถึง แต่อธิบายให้เห็นภาพรวมค่ะ ว่ามันมีหลายอย่างที่เราสามารถเข้าไปร่วมได้
3. การอบรมและพัฒนาตัวเอง
เจ้าของกระทู้ไปเรียน เข้าคอร์สอบรมบ่อยค่ะ คอร์สไหนฟรี ไปก่อนเลย ของ stock 2 morrow ก็ดี ๆ ค่ะ (แต่ฟังจบแล้วเสียเงินซื้อคอร์สเต็มทุกที) หรือ คอร์สตามงานสัปดาห์หนังสือ งานนิทรรศการ งานเสวนาในพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ ห้องสมุด หรือตามห้าง เป็นต้น จขกท.เรียนตั้งแต่คอร์สการลงทุน การออมเงิน การทำขนม การเรียนเขียนแผนธุรกิจของหน่วมบ่มเพาะวิสาหกิจ (สมัยก่อนฟรีหมดนะคะ รัฐส่งเสริม) การทำเดคูพาจ การทำน้ำสลัด การเขียนบทละคร การเวิร์กชอปละครเวที การทำขนม การทำอาหารญี่ปุ่น ฯลฯ เลิกงานก็ไป ส-อา ก็ไป ขอแค่ฟรี ไปหมดล่ะค่ะ ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต ข้อดี คือ เวลาที่เราคุยกับคนอื่น ๆ ได้มีหลากหลายเรื่องราวมากขึ้น คุยได้ ฟังได้เข้าใจ หรือมีอะไรอยู่ในหัวบ้างที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกัน
4. ออกกำลังกาย / ดูแลสุขภาพตนเอง
พยายามม๊ากกกมากค่ะ ที่จะออกกำลังกาย หรือทำอาหารกินเอง โดยเฉพาะมื้อเช้าแซนด์วิชไส้แน่น เตรียมจากบ้านไปทานที่ทำงานตอนเช้า ออกกำลังกายตามวาระ เพราะติดเรียนอยู่ เลิกงานก็อยู่ในห้องสมุด ตาก็โบ๋ละค่ะ 55 ได้แต่นวดเท้า นวดคอ บ่า ไหล่ เป็นระยะ
ตอนนี้ มีแปลนทำร้านค้าในแฟนเพจ 2 ร้าน ทำร้านขายของตปท.อีก 1 ร้าน ซึ่งได้ลงสินค้าไปแล้วมีลูกค้าเข้ามาบ้างแล้วหนึ่งร้าน อีกสองร้านคือยังมีบางอย่างที่ขาดไปอยู่ แต่ก็ใกล้จะเปิดร้านแล้วค่ะ ยังไม่สำเร็จค่ะ ค่อย ๆ ทำไป ต้องใช้เวลาดีลกับร้านค้า ถ่ายรูป ลงสินค้า แต่งภาพ หาสินค้าคุณภาพดี หลายอย่างค่ะ ต้นทุนต่ำก็จริง แต่เราก็ไม่ได้ทำเล่น ๆ ทำเพื่อรองรับอนาคต
ทำไมต้องทำ ทำไปทำไม ทำงานเหนื่อยแล้ว
เราคิดว่า ถ้าเรายังโสด ยังไม่มีสามี ไม่มีแฟน ไม่มีลูก ไม่มีภาระใด ๆ
สิ่งที่เราควรจะทำคือ เร่งสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณค่าในตัวเอง สร้างธุรกิจค่ะ
เมื่อไหร่ที่ผญ.เรามีครอบครัว ทุกอย่างจะหนักเป็น 2 - 3 เท่า
เราสร้างไว้ให้มันเป้นระบบก่อน พอมีครอบครัวทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางพอดี เหนื่อยน้อยกว่าต้องเริ่มสร้างกิจการมากมาย
รวมถึงถ้าเรามี passive income ในวันที่ครอบครัวเราไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด
เรายังมีอะไรมารองรับชีวิตเราได้ค่ะ ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว หรืองงกับชีวิตจะทำอย่างไรต่อดี
อยากให้คนโสดเริ่มฉุกคิด และหันมาทำอะไรสักอย่างดู
คุณอาจจะโสดตลอดชีวิต หรือโสดไม่ตลอดไป มันเป็นเรื่องของจังหวะชีวิต
แต่ถ้าคุณเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างวันนี้ ... มันไม่มีวันสายเกินไปค่ะ
เจ้าของกระทู้ได้เริ่มต้นแล้วก็พยายามทำชีวิตให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน พยายามอยู่วววว์ ฮึบ ๆ
มันไม่ได้ทำออกมาได้ดีที่สุด แต่มันดีที่สุดที่เราได้เริ่มต้นทำ
เห็นแง่งามของชีวิต ... ในวันที่ยังไม่มีใคร
เห็นหลายกระทู้บ่นว่าเหงา ๆ ๆ ๆ จขกท.ก็มีฟีลลิ่งนั้นบ้าง .. บ้าง แต่ก็อยากจะมาแบ่งปันเรื่องราวบางอย่าง เผื่อจะมีประโยชน์
ยอมรับค่ะเหงาบ้างเป็นระยะ แต่คงไม่บ่อยในระดับที่เรียกว่าเหงาและว้าเหว่ อยากมีใครสักคน
ในวันที่จขกท.คบใครสักคนนั้น จขกท.สละเวลากับคนที่รักค่ะ เขาบอกว่าป.โท ไม่จำเป็นหรอก บลา ๆ
จขกท.ก็ลังเล อืม ไม่เรียนละกัน เชื่อคนเรียนสูงกว่า
ท้ายที่สุด เขาก็จากไป สิ่งแรกที่ทำคือ
1. เรียนต่อป.โท
ตอนนี้ยังไม่จบนะคะ พบว่าการเรียนป.โทได้อะไรมากมายค่ะ ทั้งที่สาขาที่เรียนเนี่ย จบไปมีงานทำมั้ยยังไม่รู้เลย แต่เราได้สิ่งใหม่ ๆ ค่ะ สังคมใหม่ สภาพแวดล้อมใหม่ คอนเนกชั่นใหม่ ๆ ความรู้ใหม่ อาจารย์ใหม่ ๆ สถาบันใหม่ ๆ วิธีคิดในแบบที่คนเรียนปริญญาโทเขาต้องทำ ต้องฝึกกัน ฝึกการตั้งคำถาม เพื่อให้ได้คำตอบที่ถูกต้อง
2. ทำงานกิจกรรมอาสาสมัคร
การทำกิจกรรมอาสาสมัคร ไม่ได้ทำเพื่อหาแฟน แต่เป็นการทำเพื่อสร้างคุณค่า สร้างความสุขให้ตัวเอง การเป็นผู้ให้ การเห็นรอยยิ้ม มันสร้างความสุข หัวใจที่พองตัวมากกว่าการเป็นผู้รับ รวมถึงทำให้เราได้ทำสิ่งที่มีประโยชน์ต่อสังคม ใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ จขกท.ลงชื่อเข้าร่วมเป็นอาสาสมัครตามวาระโอกาส กำลังทรัพย์ และเวลาค่ะ เป็นความสุขที่เสพย์ติดมาจากสมัยเรียนมช. ขึ้นดอย ขึ้นเขา เจอเด็กดอย เด็กชาวเขา หรือน้อง ๆ คนพิเศษ เห็นรอยยิ้มแล้วมีความสุขค่ะ อยากให้คนที่มีเวลาลองทำดูค่ะ
งานอาสา มีหลายด้านค่ะ สามารถเลือกที่เหมาะสมกับความถนัดของตัวเองได้ เช่น การเป็นพาร์ทเนอร์คู่วิ่งน้องๆ ที่ตามองไม่เห็น การทำขนมมาแจมในกิจกรรมต่าง ๆ การทำอาหารมาทำบุญในบ้านพักคนชรา การช่วยคัดแยกหนังสือบริจาคในหน่วยงาน การทำงานอาสาเชิงธรรมะที่หอพุทธทาส
จขกท.ไม่ได้ทำครบทุกอย่างที่ได้เอ่ยถึง แต่อธิบายให้เห็นภาพรวมค่ะ ว่ามันมีหลายอย่างที่เราสามารถเข้าไปร่วมได้
3. การอบรมและพัฒนาตัวเอง
เจ้าของกระทู้ไปเรียน เข้าคอร์สอบรมบ่อยค่ะ คอร์สไหนฟรี ไปก่อนเลย ของ stock 2 morrow ก็ดี ๆ ค่ะ (แต่ฟังจบแล้วเสียเงินซื้อคอร์สเต็มทุกที) หรือ คอร์สตามงานสัปดาห์หนังสือ งานนิทรรศการ งานเสวนาในพิพิธภัณฑ์ หอศิลป์ ห้องสมุด หรือตามห้าง เป็นต้น จขกท.เรียนตั้งแต่คอร์สการลงทุน การออมเงิน การทำขนม การเรียนเขียนแผนธุรกิจของหน่วมบ่มเพาะวิสาหกิจ (สมัยก่อนฟรีหมดนะคะ รัฐส่งเสริม) การทำเดคูพาจ การทำน้ำสลัด การเขียนบทละคร การเวิร์กชอปละครเวที การทำขนม การทำอาหารญี่ปุ่น ฯลฯ เลิกงานก็ไป ส-อา ก็ไป ขอแค่ฟรี ไปหมดล่ะค่ะ ไปเรียนรู้สิ่งใหม่ ๆ ในชีวิต ข้อดี คือ เวลาที่เราคุยกับคนอื่น ๆ ได้มีหลากหลายเรื่องราวมากขึ้น คุยได้ ฟังได้เข้าใจ หรือมีอะไรอยู่ในหัวบ้างที่จะสามารถแลกเปลี่ยนกัน
4. ออกกำลังกาย / ดูแลสุขภาพตนเอง
พยายามม๊ากกกมากค่ะ ที่จะออกกำลังกาย หรือทำอาหารกินเอง โดยเฉพาะมื้อเช้าแซนด์วิชไส้แน่น เตรียมจากบ้านไปทานที่ทำงานตอนเช้า ออกกำลังกายตามวาระ เพราะติดเรียนอยู่ เลิกงานก็อยู่ในห้องสมุด ตาก็โบ๋ละค่ะ 55 ได้แต่นวดเท้า นวดคอ บ่า ไหล่ เป็นระยะ
ตอนนี้ มีแปลนทำร้านค้าในแฟนเพจ 2 ร้าน ทำร้านขายของตปท.อีก 1 ร้าน ซึ่งได้ลงสินค้าไปแล้วมีลูกค้าเข้ามาบ้างแล้วหนึ่งร้าน อีกสองร้านคือยังมีบางอย่างที่ขาดไปอยู่ แต่ก็ใกล้จะเปิดร้านแล้วค่ะ ยังไม่สำเร็จค่ะ ค่อย ๆ ทำไป ต้องใช้เวลาดีลกับร้านค้า ถ่ายรูป ลงสินค้า แต่งภาพ หาสินค้าคุณภาพดี หลายอย่างค่ะ ต้นทุนต่ำก็จริง แต่เราก็ไม่ได้ทำเล่น ๆ ทำเพื่อรองรับอนาคต
ทำไมต้องทำ ทำไปทำไม ทำงานเหนื่อยแล้ว
เราคิดว่า ถ้าเรายังโสด ยังไม่มีสามี ไม่มีแฟน ไม่มีลูก ไม่มีภาระใด ๆ
สิ่งที่เราควรจะทำคือ เร่งสร้างงาน สร้างรายได้ สร้างคุณค่าในตัวเอง สร้างธุรกิจค่ะ
เมื่อไหร่ที่ผญ.เรามีครอบครัว ทุกอย่างจะหนักเป็น 2 - 3 เท่า
เราสร้างไว้ให้มันเป้นระบบก่อน พอมีครอบครัวทุกอย่างก็จะเข้าที่เข้าทางพอดี เหนื่อยน้อยกว่าต้องเริ่มสร้างกิจการมากมาย
รวมถึงถ้าเรามี passive income ในวันที่ครอบครัวเราไม่สมบูรณ์ ซึ่งไม่มีใครอยากให้เกิด
เรายังมีอะไรมารองรับชีวิตเราได้ค่ะ ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว หรืองงกับชีวิตจะทำอย่างไรต่อดี
อยากให้คนโสดเริ่มฉุกคิด และหันมาทำอะไรสักอย่างดู
คุณอาจจะโสดตลอดชีวิต หรือโสดไม่ตลอดไป มันเป็นเรื่องของจังหวะชีวิต
แต่ถ้าคุณเริ่มต้นทำอะไรสักอย่างวันนี้ ... มันไม่มีวันสายเกินไปค่ะ
เจ้าของกระทู้ได้เริ่มต้นแล้วก็พยายามทำชีวิตให้ดีขึ้นในทุก ๆ วัน พยายามอยู่วววว์ ฮึบ ๆ
มันไม่ได้ทำออกมาได้ดีที่สุด แต่มันดีที่สุดที่เราได้เริ่มต้นทำ