โดนดูจาก กฏ กตร. แล้วสามารถรับได้โดยการคัดเลือกตามเอกสารด้านล่าง แต่ต้องไม่อยู่รายการบุคคลต้องห้ามตามกฏ กตร.
ซึ่งกรณี ที่โด่งดังอยู่นี้ ก็ไม่อยู่ในข้อห้าม สามารถรับได้ แต่อาจจะไม่สามารถบรรจุได้ทันที เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย
เชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน กฏหมายมาช่วยชี้แนะด้วย
ส่วนด้านล่างนี้เป็น เป็นคุณสมบัติต้องห้ามที่ไม่สามารถรับราชการตำรวจได้
กฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ ๒ การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ผู้ที่จะได้รับการบรรจุนอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๔๘ (๑) ถึง (๕) แล้ว จะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามมาตรา ๔๘ (๖) ดังต่อไปนี้
(๑) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
(๒)
ไม่เป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
(๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๕) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือปลดออก หรือไล่ออกจากรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
(๖) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออกหรือปลดออก เพราะกระทำผิดวินัย ตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
(๗) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออกเพราะกระทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
(๘) ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ
สำหรับกรณีที่อาจจะเป็นบุคคลตามข้อ (2) ก็จะมีขบวนการพิจารณาดังนี้
แต่ท้ายสุดแล้วยังมีกฎ กตร. อีกข้อหนี่งที่ต้องพิจารณาด้วยในกรณีนี้
มีผู้รู้บอกมาว่า การเป็นตำรวจไม่จำเป็นต้องสอบเข้าเสมอไป ใช้วิธีคัดเลือกก็ได้ถ้าเห็นว่าเหมาะสม
ซึ่งกรณี ที่โด่งดังอยู่นี้ ก็ไม่อยู่ในข้อห้าม สามารถรับได้ แต่อาจจะไม่สามารถบรรจุได้ทันที เพื่อความเป็นธรรมของทุกฝ่าย
เชิญผู้เชี่ยวชาญด้าน กฏหมายมาช่วยชี้แนะด้วย
ส่วนด้านล่างนี้เป็น เป็นคุณสมบัติต้องห้ามที่ไม่สามารถรับราชการตำรวจได้
กฎ ก.ตร. ว่าด้วยคุณสมบัติและลักษณะต้องห้ามของการเป็นข้าราชการตำรวจ พ.ศ. ๒๕๔๗
ข้อ ๒ การบรรจุบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการตำรวจ ผู้ที่จะได้รับการบรรจุนอกจากต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม ตามมาตรา ๔๘ (๑) ถึง (๕) แล้ว จะต้องมีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามอื่นตามมาตรา ๔๘ (๖) ดังต่อไปนี้
(๑) ไม่เป็นผู้อยู่ในระหว่างถูกสั่งพักราชการ หรือถูกสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
(๒) ไม่เป็นผู้ประพฤติเสื่อมเสียหรือบกพร่องในศีลธรรมอันดี
(๓) ไม่เป็นบุคคลล้มละลาย
(๔) ไม่เป็นผู้เคยต้องรับโทษจำคุกโดยคำพิพากษาถึงที่สุดให้จำคุก เว้นแต่เป็นโทษสำหรับความผิดที่กระทำโดยประมาทหรือความผิดลหุโทษ
(๕) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออก หรือปลดออก หรือไล่ออกจากรัฐวิสาหกิจหรือหน่วยงานอื่นของรัฐ
(๖) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษให้ออกหรือปลดออก เพราะกระทำผิดวินัย ตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
(๗) ไม่เป็นผู้เคยถูกลงโทษไล่ออกเพราะกระทำผิดวินัยตามพระราชบัญญัตินี้หรือกฎหมายอื่น
(๘) ไม่เป็นผู้เคยกระทำการทุจริตในการสอบเข้ารับราชการ
สำหรับกรณีที่อาจจะเป็นบุคคลตามข้อ (2) ก็จะมีขบวนการพิจารณาดังนี้
แต่ท้ายสุดแล้วยังมีกฎ กตร. อีกข้อหนี่งที่ต้องพิจารณาด้วยในกรณีนี้