สวัสดี
สถานที่ : ลี่เจียง ซูเหอ ไป่ซาน แชงกรีลา ต้าลี่
ภาพ : iphone 5s , film (pentax k1000)
บอกก่อนเลย กระทู้นี้ สาระ ความรู้ ภาพสวย เรา..ไม่มี 555555 สิ่งที่มีคือความบันเทิง(ของคนเขียน)ล้วนๆ
เพราะฉะนั้น อย่าคาดหวังเลยแกรรร เหมือนมาฟังเพื่อนเม้าเนอะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า.. เราเคยไปฝึกงานที่ลี่เจียง(เกี่ยวกับสถาปัตย์ เมืองมรดกโลก) ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ที่โคตรดี
แล้วที่ที่ทุกคนก็สามารถไปเที่ยวได้ คือเราไปอยู่ 2 เดือน ไปกันสาวๆ ตัวเล็กๆ 4 คน ทุกวันนี้กลับมา เกือบ 2 ปีแล้ว
ยังคิดถึงเมืองนี้อยู่เลย เวลากลับมาเล่าใคร ทุกคนจะแบบ หยี..จีน ไม่ไป คือมันดีจริงๆนะ กลับมาแล้วอยากพาใครซักคน
กลับไปที่นี่อีก บางทีมันก็ตื่นเต้น บางทีมันก็โรแมนติก บางทีมันก็มันส์หยด ที่สำคัญ ..ถูกมาก จบ.
ปล.รูปอาจมีไม่ครบ ข้อมูลไม่แน่นเหมือนรีวิวอื่นๆ มันก็ผ่านมานานแล้วเนอะ
1.ก่อนการเดินทาง
คนเราจะไปไหนใช่ป่ะ ต้องคิดละ ต้องมีการแพลนในชีวิตเล็กน้อย ต้องมีตั๋ว มีที่พักไว้ก่อน วีซ่งวีซ่าต้องทำไม๊ เช็ค
เริ่มเลย เราแพลนว่าจะนั่งเครื่องบินไปลงคุณหมิง แล้วต่อรถไฟไปลงลี่เจียง แล้วก็...... ตอนนั้นยังไม่ได้คิด
นั่งเครื่องบินต้องมีตั๋ว ตอนนั้นแบบไม่ตั้งใจหาตั๋วถูก ไม่ตั้งใจหาโปร เจอการบินไทยก็จองๆไปเลย ตั๋วไป-กลับ
ประมาณ 14,000 บาท รวมๆก็โอเคดี แต่จากกรุงเทพไปคุณหมิงแค่ 2 ชม.ไง นั่งlow cost ก็ได้
ที่เห็นๆ ตอนนี้มีพวก low cost จัดโปรกันเยอะ ไป-กลับ 6,000 นิดๆก็มี
ต่อรถไฟใช่ป่ะ ตอนแรกที่หาข้อมูล โอเคกลัวพลาดขบวนเลยหาวิธีจองตั๋วรถไฟไว้ที่ไทย
ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า จองตั๋วรถไฟจีนจากไทยยากมากกกกกกก (ก.ไก่แปดล้านตัว)
คือเว็บที่จองมีแต่ภาษาจีน แล้วการชำระเงินคือต้องจ่ายผ่าน unionpay เท่านั้น
* unionpay คือบัตรเครดิตของจีน คล้ายๆ บัตร visa, master card
ตอนนั้นคือ ชิบหา_ แน่ๆ อ่านจีนก็ไม่ออกซักตัว บัตรยูเนียนไรก็ไม่มี
พอดีเรียนภาษาจีนก่อนไปนิดหน่อย มีเหล่าซือใจดีช่วยจองให้
แต่สุดท้ายตั๋วที่จองผ่านเว็บไม่ได้ใช้ มีความพีคมาก (เดี๋ยวไว้ไปเล่าด้านล่าง)
พอเสร็จ จีนต้องมีวีซ่าเว่ย ก็ไปทำซะให้เรียบร้อย การทำวีซ่าหาดูได้ในกระทู้อื่นๆ ไม่ยาก แปปเดียว
แต่ในวีซ่ามันต้องกรอกชื่อที่พักด้วย หมายความว่า ต้องจองที่พักไปก่อนจากไทย
อันนี้แนะนำว่าควรพักในตัวเมืองเก่าลี่เจียง เพราะส่วนใหญ่คนไทยที่ไปจะพักโรงแรมนึง(ขอไม่เอ่ยชื่อ)
เจ้าของโรงแรมเป็นคนไทยและติดกับเมืองเก่า ถ้าถามว่าดีไม๊ก็คงดี แต่มันไม่ได้ฟีลเว่ย มันต้องพักในเมืองเก่าเลย
ที่พักเกือบทั้งหมดมันจะเป็นโฮสเทล (ที่ลีเจียงจะเรียกว่า Inn หรือตามในไทยจะเห็นว่า อินท์ ..งงหล่ะสิ่ เราก็งง)
โอเคต่อ ซึ่งโฮสเทลในเมืองเก่ามีเยอะมากพอสมควร และแต่ละที่จะตกแต่งน่ารัก มีหลายสไตล์
แนะนำให้จองไว้แค่คืนสองคืนพอ นอกนั้นไปเดินหาเอาเอง แบบวอคอิน เพราะมันมีให้เราเลือกเยอะ
เปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆ สนุกดี
มีตั๋วครบ มีวีซ่า มีที่พักอย่างน้อยคืนนึง โอเคไปต่อค่ะ..
2.การเดินทาง
ก็เหมือนๆปกติ ไปสนามบิน ขึ้นเครื่อง ถึงคุณหมิง..... แกรรรรร ความสนุกเริ่มตรงนี้แหละ หึหึหึหึ
(จริงๆเราไปอยู่นาน 2 เดือน แต่จะเล่าสำหรับคนที่จะไปเที่ยวได้ด้วย)
โอเค พอลงเครื่องปุ๊ป ออกจากตม. จะมีชาวจีนเข้ามารุมล้อม ต้าชั่ว ต้าชั่ว ปู่เยี่ยวไหล บลาๆๆ ให้ทำหน้าสวยๆ
แล้วเดินออกมาจากวงล้อมเหล่านั้น พวกเค้าคือแท็กซี่รับจ้าง ที่ไม่ได้ขับแท็กซี่ งงหล่ะสิ่
คือเค้าจะใช้รถตัวเองขับที่ไม่มีป้ายว่าแท็กซี่ แล้วมายืนหาลูกค้า ให้ทำหน้าฉลาดไว้ก่อน ประมาณว่า
ฉันไม่ใช่นักท่องเที่ยว ฉันหมวยและจีนมาก การไปสถานีรถไฟเท่าที่รู้มี 2 ทาง
ทางแรกคือมันจะมีรถบัสไปสถานีรถไฟไว้บริการฟรี (แต่ไม่รู้ขึ้นตรงไหน)
ตอนนั้นหลังจากเราทำหน้าฉลาดแล้วเดินออกมาจากวงล้อมแล้ว
ก็ไปหาแท็กซี่เอาเองอยู่ดี หลายคนคงสงสัยทำไมไม่เลือกวงล้อมแท็กซี่ตั้งแต่ตอนแรก?
คำตอบไม่มีไรมาก อยากลองหยิ่งดู อยากลองทำตัวสวยๆและฉลาดดู แค่นั้น
ซึ่งราคาไปสถานีรถไฟประมาณ 100-120 หยวน (ประมาณ 500 บาทนิดๆ)
ตอนนั้นคิดว่าตัวเองน่าจะโง่อีกแล้วหลังจากจองตั๋วเครื่องบินแพงไป ก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปกับเพื่อนอีก 3 คน
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟก็กลัวตัวเองจะหิว เลยให้พี่คนขับจอดมินิมาร์ทซื้อขนม หึหึหึ เสีย 500 มีดีแค่นี้เองจริงๆ
ถึงสถานีรถไฟคนเป็นล้านคร้าาาา หาเค้าเตอร์จำหน่ายบัตรให้เจอ ก็เอาเอกสารที่จองไว้ผ่านเว็บไปยื่น
คือพูดจากันไม่รู้เรื่องมากๆ มันจะมีช่องจำหน่ายตั๋วอยู่เกือบ 20 ช่อง แต่มีช่องเดียวที่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้
ตอนนั้นนี่คือเดินช่องนั้นออกช่องนี้สนุกสนานเลย คุยกันนานมากกว่าจะรู้เรื่อง ได้ข้อสรุปมาว่า ที่จองไปทั้งหมด
ต้องจองใหม่จ้าาาาา จ่ายเงินใหม่ ส่วนเงินที่ตัดบัตรเครดิตไปเค้าคืนให้ จริงๆ ไม่ต้องจองจากไทย
ไปจองที่นั่นเลยก็ได้ ถ้าไม่ใช่เทศกาลก็คงมีตั๋วอยู่แล้ว ตอนแรกกลัวไม่ได้นั่งด้วยกันกับเพื่อน ถ้าสมมติต้องแยกกัน
กับชาวแก๊งค์ของเราจริงๆ ขอแลกที่นั่งกันเองกันคนอื่นได้ (ถ้าเจอคนใจดี..ส่วนใหญ่เค้าก็ใจดีนะ)
รถไฟก็คล้ายๆกับรถไฟทั่วไป มีแบบ soft sleep คือ ห้องนึงนอน 4 คน เป็นเตียง 2 ชั้น
ห้องแบบนี้จะมีประตูปิดกั้นห้องให้ เหมือนในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ส่วนเรา โง่ไปหลายอย่าง
ขอจองแบบ hard sleep คือ ห้องนึงนอน 6 คน เตียง 3 ชั้น ไม่มีประตูปิดให้ ค่าตั๋ว 156 หยวน (700 กว่าบาท)
จองตั๋วเสร็จก็รอเวลาขึ้นรถไฟ ความพีคอยู่ที่ กรูไปสองเดือน ขนของไปเยอะมาก
กระเป๋าหนักระดับแบกรถสิบล้อ สถานีรถไฟนานาชาติ แกรรร!!! ไม่มีลิฟต์!!! และ แกรรรร!!! บันไดเลื่อนเสีย!!!!
หน้าเมือกเลยจ้า แบกกระเป๋า 30โลขึ้นลงบันได ขอแนะนำ ขนไปแต่พองามเนอะ ใครขนของเยอะก็เผื่อเวลาด้วย
แล้วตอนรอรถไฟ ของกินที่สถานีกินได้ มาม่าจีนก็กินได้ อร่อยดี ใครกินเนื้อแนะนำกล่องสีแดงเลือดหมู
อร่อยมาก ห้องน้ำ อย่าเข้า กลิ่นมาไกลมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ห้องน้ำอยู่ไหน อั้นได้อั้น ถ้าไม่ไหวจริงมีอีกวิธีเอาตัวรอด
เราพกมาร์กไปที่ปิดเวลาเป็นหวัดอ่ะ แล้วเทพิมเสนน้ำให้ฉ่ำๆเลยนะ แล้วครอบหลังจากนั้นก็ไม่ได้กลิ่นอะไรอีก
นอกจากพิมเสนน้ำ แต่สิ่งที่เห็น... ก็ต้องทำใจอ่ะเนาะ
ถึงเวลา ขึ้นรถไฟ ก็ขึ้นไปปกติ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เกิดมาไม่เคยนั่ง รถไฟถือว่าดีใช้ได้ สะอาดดี
ที่สำคัญห้องน้ำไม่มีกลิ่นและเข้าได้ เราต้องนอนบนรถไฟกันคืนนึง หลายคนคงคาดหวังกับวิวนอกรถไฟ
บอกเลยว่า กรูไปตอนกลางคืนจร้าาา !! เวลาบนรถไฟก็มีแค่เดินสำรวจขบวนรถไฟ คุยกับห้องข้างๆ
นั่งเม้า นอนเม้าท์ แล้วก็หลับไป พอเช้า เราก็จะถึงกันแล้วแกรรรรร
[CR] จริงๆ ที่จีนก็ดีนะ [หิมะ-ขี่ม้า-ทิเบต ไม่เกิน 20k] - lijiang and around
สถานที่ : ลี่เจียง ซูเหอ ไป่ซาน แชงกรีลา ต้าลี่
ภาพ : iphone 5s , film (pentax k1000)
บอกก่อนเลย กระทู้นี้ สาระ ความรู้ ภาพสวย เรา..ไม่มี 555555 สิ่งที่มีคือความบันเทิง(ของคนเขียน)ล้วนๆ
เพราะฉะนั้น อย่าคาดหวังเลยแกรรร เหมือนมาฟังเพื่อนเม้าเนอะ
เรื่องมันมีอยู่ว่า.. เราเคยไปฝึกงานที่ลี่เจียง(เกี่ยวกับสถาปัตย์ เมืองมรดกโลก) ก็อยากมาแชร์ประสบการณ์ที่โคตรดี
แล้วที่ที่ทุกคนก็สามารถไปเที่ยวได้ คือเราไปอยู่ 2 เดือน ไปกันสาวๆ ตัวเล็กๆ 4 คน ทุกวันนี้กลับมา เกือบ 2 ปีแล้ว
ยังคิดถึงเมืองนี้อยู่เลย เวลากลับมาเล่าใคร ทุกคนจะแบบ หยี..จีน ไม่ไป คือมันดีจริงๆนะ กลับมาแล้วอยากพาใครซักคน
กลับไปที่นี่อีก บางทีมันก็ตื่นเต้น บางทีมันก็โรแมนติก บางทีมันก็มันส์หยด ที่สำคัญ ..ถูกมาก จบ.
ปล.รูปอาจมีไม่ครบ ข้อมูลไม่แน่นเหมือนรีวิวอื่นๆ มันก็ผ่านมานานแล้วเนอะ
1.ก่อนการเดินทาง
คนเราจะไปไหนใช่ป่ะ ต้องคิดละ ต้องมีการแพลนในชีวิตเล็กน้อย ต้องมีตั๋ว มีที่พักไว้ก่อน วีซ่งวีซ่าต้องทำไม๊ เช็ค
เริ่มเลย เราแพลนว่าจะนั่งเครื่องบินไปลงคุณหมิง แล้วต่อรถไฟไปลงลี่เจียง แล้วก็...... ตอนนั้นยังไม่ได้คิด
นั่งเครื่องบินต้องมีตั๋ว ตอนนั้นแบบไม่ตั้งใจหาตั๋วถูก ไม่ตั้งใจหาโปร เจอการบินไทยก็จองๆไปเลย ตั๋วไป-กลับ
ประมาณ 14,000 บาท รวมๆก็โอเคดี แต่จากกรุงเทพไปคุณหมิงแค่ 2 ชม.ไง นั่งlow cost ก็ได้
ที่เห็นๆ ตอนนี้มีพวก low cost จัดโปรกันเยอะ ไป-กลับ 6,000 นิดๆก็มี
ต่อรถไฟใช่ป่ะ ตอนแรกที่หาข้อมูล โอเคกลัวพลาดขบวนเลยหาวิธีจองตั๋วรถไฟไว้ที่ไทย
ซึ่งต้องบอกก่อนเลยว่า จองตั๋วรถไฟจีนจากไทยยากมากกกกกกก (ก.ไก่แปดล้านตัว)
คือเว็บที่จองมีแต่ภาษาจีน แล้วการชำระเงินคือต้องจ่ายผ่าน unionpay เท่านั้น
* unionpay คือบัตรเครดิตของจีน คล้ายๆ บัตร visa, master card
ตอนนั้นคือ ชิบหา_ แน่ๆ อ่านจีนก็ไม่ออกซักตัว บัตรยูเนียนไรก็ไม่มี
พอดีเรียนภาษาจีนก่อนไปนิดหน่อย มีเหล่าซือใจดีช่วยจองให้
แต่สุดท้ายตั๋วที่จองผ่านเว็บไม่ได้ใช้ มีความพีคมาก (เดี๋ยวไว้ไปเล่าด้านล่าง)
พอเสร็จ จีนต้องมีวีซ่าเว่ย ก็ไปทำซะให้เรียบร้อย การทำวีซ่าหาดูได้ในกระทู้อื่นๆ ไม่ยาก แปปเดียว
แต่ในวีซ่ามันต้องกรอกชื่อที่พักด้วย หมายความว่า ต้องจองที่พักไปก่อนจากไทย
อันนี้แนะนำว่าควรพักในตัวเมืองเก่าลี่เจียง เพราะส่วนใหญ่คนไทยที่ไปจะพักโรงแรมนึง(ขอไม่เอ่ยชื่อ)
เจ้าของโรงแรมเป็นคนไทยและติดกับเมืองเก่า ถ้าถามว่าดีไม๊ก็คงดี แต่มันไม่ได้ฟีลเว่ย มันต้องพักในเมืองเก่าเลย
ที่พักเกือบทั้งหมดมันจะเป็นโฮสเทล (ที่ลีเจียงจะเรียกว่า Inn หรือตามในไทยจะเห็นว่า อินท์ ..งงหล่ะสิ่ เราก็งง)
โอเคต่อ ซึ่งโฮสเทลในเมืองเก่ามีเยอะมากพอสมควร และแต่ละที่จะตกแต่งน่ารัก มีหลายสไตล์
แนะนำให้จองไว้แค่คืนสองคืนพอ นอกนั้นไปเดินหาเอาเอง แบบวอคอิน เพราะมันมีให้เราเลือกเยอะ
เปลี่ยนที่นอนไปเรื่อยๆ สนุกดี
มีตั๋วครบ มีวีซ่า มีที่พักอย่างน้อยคืนนึง โอเคไปต่อค่ะ..
2.การเดินทาง
ก็เหมือนๆปกติ ไปสนามบิน ขึ้นเครื่อง ถึงคุณหมิง..... แกรรรรร ความสนุกเริ่มตรงนี้แหละ หึหึหึหึ
(จริงๆเราไปอยู่นาน 2 เดือน แต่จะเล่าสำหรับคนที่จะไปเที่ยวได้ด้วย)
โอเค พอลงเครื่องปุ๊ป ออกจากตม. จะมีชาวจีนเข้ามารุมล้อม ต้าชั่ว ต้าชั่ว ปู่เยี่ยวไหล บลาๆๆ ให้ทำหน้าสวยๆ
แล้วเดินออกมาจากวงล้อมเหล่านั้น พวกเค้าคือแท็กซี่รับจ้าง ที่ไม่ได้ขับแท็กซี่ งงหล่ะสิ่
คือเค้าจะใช้รถตัวเองขับที่ไม่มีป้ายว่าแท็กซี่ แล้วมายืนหาลูกค้า ให้ทำหน้าฉลาดไว้ก่อน ประมาณว่า
ฉันไม่ใช่นักท่องเที่ยว ฉันหมวยและจีนมาก การไปสถานีรถไฟเท่าที่รู้มี 2 ทาง
ทางแรกคือมันจะมีรถบัสไปสถานีรถไฟไว้บริการฟรี (แต่ไม่รู้ขึ้นตรงไหน)
ตอนนั้นหลังจากเราทำหน้าฉลาดแล้วเดินออกมาจากวงล้อมแล้ว
ก็ไปหาแท็กซี่เอาเองอยู่ดี หลายคนคงสงสัยทำไมไม่เลือกวงล้อมแท็กซี่ตั้งแต่ตอนแรก?
คำตอบไม่มีไรมาก อยากลองหยิ่งดู อยากลองทำตัวสวยๆและฉลาดดู แค่นั้น
ซึ่งราคาไปสถานีรถไฟประมาณ 100-120 หยวน (ประมาณ 500 บาทนิดๆ)
ตอนนั้นคิดว่าตัวเองน่าจะโง่อีกแล้วหลังจากจองตั๋วเครื่องบินแพงไป ก็ขึ้นรถแท็กซี่ไปกับเพื่อนอีก 3 คน
ระหว่างทางไปสถานีรถไฟก็กลัวตัวเองจะหิว เลยให้พี่คนขับจอดมินิมาร์ทซื้อขนม หึหึหึ เสีย 500 มีดีแค่นี้เองจริงๆ
ถึงสถานีรถไฟคนเป็นล้านคร้าาาา หาเค้าเตอร์จำหน่ายบัตรให้เจอ ก็เอาเอกสารที่จองไว้ผ่านเว็บไปยื่น
คือพูดจากันไม่รู้เรื่องมากๆ มันจะมีช่องจำหน่ายตั๋วอยู่เกือบ 20 ช่อง แต่มีช่องเดียวที่พนักงานพูดภาษาอังกฤษได้
ตอนนั้นนี่คือเดินช่องนั้นออกช่องนี้สนุกสนานเลย คุยกันนานมากกว่าจะรู้เรื่อง ได้ข้อสรุปมาว่า ที่จองไปทั้งหมด
ต้องจองใหม่จ้าาาาา จ่ายเงินใหม่ ส่วนเงินที่ตัดบัตรเครดิตไปเค้าคืนให้ จริงๆ ไม่ต้องจองจากไทย
ไปจองที่นั่นเลยก็ได้ ถ้าไม่ใช่เทศกาลก็คงมีตั๋วอยู่แล้ว ตอนแรกกลัวไม่ได้นั่งด้วยกันกับเพื่อน ถ้าสมมติต้องแยกกัน
กับชาวแก๊งค์ของเราจริงๆ ขอแลกที่นั่งกันเองกันคนอื่นได้ (ถ้าเจอคนใจดี..ส่วนใหญ่เค้าก็ใจดีนะ)
รถไฟก็คล้ายๆกับรถไฟทั่วไป มีแบบ soft sleep คือ ห้องนึงนอน 4 คน เป็นเตียง 2 ชั้น
ห้องแบบนี้จะมีประตูปิดกั้นห้องให้ เหมือนในแฮร์รี่ พอตเตอร์ ส่วนเรา โง่ไปหลายอย่าง
ขอจองแบบ hard sleep คือ ห้องนึงนอน 6 คน เตียง 3 ชั้น ไม่มีประตูปิดให้ ค่าตั๋ว 156 หยวน (700 กว่าบาท)
จองตั๋วเสร็จก็รอเวลาขึ้นรถไฟ ความพีคอยู่ที่ กรูไปสองเดือน ขนของไปเยอะมาก
กระเป๋าหนักระดับแบกรถสิบล้อ สถานีรถไฟนานาชาติ แกรรร!!! ไม่มีลิฟต์!!! และ แกรรรร!!! บันไดเลื่อนเสีย!!!!
หน้าเมือกเลยจ้า แบกกระเป๋า 30โลขึ้นลงบันได ขอแนะนำ ขนไปแต่พองามเนอะ ใครขนของเยอะก็เผื่อเวลาด้วย
แล้วตอนรอรถไฟ ของกินที่สถานีกินได้ มาม่าจีนก็กินได้ อร่อยดี ใครกินเนื้อแนะนำกล่องสีแดงเลือดหมู
อร่อยมาก ห้องน้ำ อย่าเข้า กลิ่นมาไกลมาก ไม่ต้องบอกก็รู้ห้องน้ำอยู่ไหน อั้นได้อั้น ถ้าไม่ไหวจริงมีอีกวิธีเอาตัวรอด
เราพกมาร์กไปที่ปิดเวลาเป็นหวัดอ่ะ แล้วเทพิมเสนน้ำให้ฉ่ำๆเลยนะ แล้วครอบหลังจากนั้นก็ไม่ได้กลิ่นอะไรอีก
นอกจากพิมเสนน้ำ แต่สิ่งที่เห็น... ก็ต้องทำใจอ่ะเนาะ
ถึงเวลา ขึ้นรถไฟ ก็ขึ้นไปปกติ ตอนนั้นตื่นเต้นมาก เกิดมาไม่เคยนั่ง รถไฟถือว่าดีใช้ได้ สะอาดดี
ที่สำคัญห้องน้ำไม่มีกลิ่นและเข้าได้ เราต้องนอนบนรถไฟกันคืนนึง หลายคนคงคาดหวังกับวิวนอกรถไฟ
บอกเลยว่า กรูไปตอนกลางคืนจร้าาา !! เวลาบนรถไฟก็มีแค่เดินสำรวจขบวนรถไฟ คุยกับห้องข้างๆ
นั่งเม้า นอนเม้าท์ แล้วก็หลับไป พอเช้า เราก็จะถึงกันแล้วแกรรรรร