ออกตามหาไลอ้อนฮาร์ทเมอร์ไลอ้อน ณ ดินแดนขาวสะอาด " สิงคโปร์ "
ทริปกระทันหันที่ถูกจองตั๋วไว้ล่วงหน้ามาสักพักใหญ่ นี่ก็ถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผมเลยฮะ

ที่เลือกมานี่ก็เพราะในกลุ่มทริปที่จะไปนั้นมีเพื่อนเคยไปเที่ยวที่นี่มาแล้ว สามารถกลายเป็นไกด์ทัวร์ไปโดยปริยายได้ บวกกับมันเป็นการ
ออกนอกประเทศครั้งแรก จังหวะนี้ประเทศไหนก็ได้ครับ เหมือนได้เปิดโลกใหม่ เพราะคิดว่าคงมีอะไรที่ไม่เคยเห็นเยอะแน่นอน (:
DAY1 : ออกเดินทางไปยังสิงคโปร์
ทริปนี้ออกเดินทางช่วงประมาณตอนเย็นราวๆสี่โมง ถึงที่สิงคโปร์ใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมงครับ
(ส่วนเวลาที่นั่นก็เร็วกว่าของเราโดยประมาณ 1 ชั่วโมง)
และแล้วก็เดินทางมาถึง Changi Airport ของประเทศสิงคโปร์ จากนั้นก็ทำเรื่องดำเนินการซื้อซิมโทรศัพท์ที่นี่เลยครับ
โดยรอบนี้ซื้อของ Singtel ไปเพราะเพื่อนบอกว่ามันโอเคที่สุดแล้ว โดยซื้อเป็นโปรโมชั่นแบบ 7 วันครับ
ราคาก็ประมาณ 15 หรือ 17 SGD ได้ทั้งอินเตอร์เน็ตแล้วก็โทรฟรี 120 นาทีครับ
(ค่าเงินตอนที่แลกไปประมาณ 25.9 ครับ) จากนั้นก็เดินไปด่านตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ ก่อนที่จะออกจากสนามบิน
หันมองนาฬิกาตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว ก็เลยรีบออกจากสนามบินเพื่อเดินทางไปยังที่พักครับ โดยทำการโดยสารผ่านรถไฟฟ้า
ซึ่งพอได้เห็นผังการเดินรถไฟฟ้า แล้วบอกได้คำเดียวว่า " งงมากกกกกก " มันรุงรังไปหมดมีหลายสีหลายเส้นมาก
ตอนนั้นก็มัวแต่นั่งเสิร์ชหาของกินกัน เพราะหิวกันมาก ทำให้เกิดความผิดพลาด คือนั่งรถไฟฟ้าผิด
เลยสถานีบ้าง ลงผิดสถานีบ้าง มั่วไปมั่วมาจนมันเลยเถิดไปหลายนาที เลยตัดสินใจว่าไปลงที่พักก่อนดีกว่า
เพราะที่พักปิดรับเช็คอินตอน 23.59 ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวจะกลายเป็นไม่มีที่อยู่เอา ก็เลยตัดสินใจเข้าที่พักก่อนครับ
สำหรับที่พักที่จองไปคือ Asphodel Inn ครับ วิธีการมาคือลงตรงสถานี Farrer Park แล้วเดินมาทางออก B
จากนั้นเลี้ยวมาทางด้านขวา แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกรอบ เดินมาเรื่อยๆ โรงแรมจะอยู่ฝั่งขวามือครับ
พอเราไปถึงโรงแรมนั่นก็ค่อนข้างจะดึกแล้ว ราวๆสี่ห้าทุ่มเลยตัดสินใจไปหาอะไรกินใน 7-11 ก่อนก็ได้
แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกมาหาอะไรกินกันแต่เช้า แถวๆ China Town น่าจะเป็นการดีที่สุด
สำหรับภายในห้องพักไม่ได้ถ่ายมาเลยครับ มาถึงก็โยนกระเป๋ากันเลย ห้องก็ไม่ได้ใหญ่มาก
แอร์เย็นช้านิดนึง แต่โดยรวมก็ถือว่าอยู่ได้ครับไม่มีปัญหาอะไร ถ้าใครอยากเห็นห้องตัวอย่าง
ลองดูในนี้ก่อนได้ครับ แต่ของจริงจะลดทอนมานิดหน่อย
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้https://www.agoda.com/th-th/asphodel-inn/hotel/singapore-sg.html?
และคืนแรกก็หมดไป พรุ่งนี้คือการตระเวนเที่ยวภายในสิงคโปร์ครับ
DAY2 : ศูนย์รวมคนไทยในสิงคโปร์

ออกเดินทางกันตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้าเพื่อไปหาของกินแถว China Town โดยนัดกับเพื่อนอีกกลุ่มที่พักคนละที่
ว่าให้มาเจอกันตรงทางออก China Town เพื่อไปกินข้าวด้วยกัน แต่ปรากฏว่าเรามาถึงกันก่อน และเพื่อนก็ตอบกลับ
มาว่ายังไม่ได้ออกจากที่พัก เลยทำการพากันไปเดินเล่นแถวนั้นก่อน

จนมาเจอร้าน TINTIN SHOP หาไม่ยากเลยครับ เดินตรงมาจากทางออกเรื่อยๆ ร้านอยู่ซ้ายมือ
ข้างในมีของให้เลือกสะสมสำหรับคนรัก TINTIN ทั้งตุ๊กตา พวงกุญแจ แก้วน้ำ โปสการ์ด ฟิกเกอร์ งานเซรามิก
ราคาก็มีทั้งจับต้องได้ แล้วก็เกินจะไขว่คว้าก็มีครับ 55555555555 นั่นก็เพราะลิขสิทธิ์น่าจะแพงเอาเรื่อง

(สุดท้ายก็ได้มาหนึ่งตัว เจ้าตัวนี้ประมาณ 10SGD ครับ)
ผ่านไปสักพักเพื่อนอีกกลุ่มก็ยังไม่มา เลยไปจัดร้านข้าวแถวนั้นก่อน เพราะหิวเหลือเกิน
ร้านหาง่ายมาก ขึ้นมาจาก MRT ร้านจะอยู่ด้านขวาครับ ร้านแรกเลย คนขายอารมณ์ดีมากกกกกกก
เป็นร้านข้าวอารมณ์แบบข้าวหน้าเป็ด เกี๊ยวน้ำ ข้าวหมูแดง รสชาติก็พอใช้ได้ครับ แต่ไทยน่าจะอร่อยกว่า

ราคาไม่แรงมาก ไม่เกิน 7 SGD เป็นเซ็ต มีข้าว มีเนื้อไก่/เป็ด แล้วก็มีผักราดน้ำมันหอย
ส่วนน้ำที่นี่น้ำผลไม้สดก็อร่อยดีครับ แนะนำน้ำแตงโมอร่อยดีสดชื่นด้วย ถูกกว่าน้ำเปล่าอีก
กินข้าวไปสักพักเพื่อนอีกกลุ่มก็มา แถมยังไม่ได้กินข้าวกันด้วย เลยลองเปิดหาดูว่าใน China Town
มันมีอะไรแนะนำบ้าง ก็เลยเจอร้านนึงชื่อว่า "Tak Po" เป็นร้านที่เด่นเรื่องติ่มซำทำนองนั้นครับ
แต่ที่เด็ดสุดน่าจะเป็น โจ๊กขากบ ซึ่งเพื่อนก็สั่งกันมา และมันก็บอกว่าอร่อยกว่าไก่ซะอีก เสียดายมากที่ไม่ได้ลอง
กินกันอิ่มแล้วถัดมาก็เดินทางมายัง Orchard จากนั้นก็เข้าไปยังศูนย์รวมคนไทยในสิงคโปร์...
นั่นก็คือ Charles & Keith ครับ คนแน่นมากกกกก และคนไทยก็เยอะมากเช่นกัน นี่ก็ต้องเข้าไปเลือกให้แม่เช่นกัน
ข้างในก็ค่อนข้างวุ่นวายและใช้เวลานานพอสมควร จนได้กันกลับมาคนละถุงสองถุง เลยเดินทางต่อไป Marina Bay Sands

เดินวนรอบห้าง แล้วก็ไปพักขากันตรงโซนด้านนอกครับ ตอนนี้อากาศก็สัมผัสได้ว่าเหมือนมีหมอกลงตลอดเวลา ขาวไปหมด
แล้วก็พยายามพูดกับเพื่อนว่า นี่ถึงสิงคโปร์รึยัง ? อยากเห็นเมอร์ไลอ้อนมากๆ ทำไมมันหายไปไหน ถึงหาไม่เจอ
เพื่อนก็บอกว่ามันอยู่ฝั่งนู้น ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดู แต่ว่าวันนี้เดี๋ยวพาดูตรง Garden by The Bay ก่อน ก็เลยโอเค

(อากาศร้อนแบบอบอ้าวพอๆกับไทยเลยครับ ฝรั่งบางคนมานอนอาบแดดเลยก็มี)

เดินทางมาถึง Garden by The Bay ตอนนั้นปวดขามากครับ คิดในใจแล้วว่าเดินได้ไม่ทั่วแน่ๆ เพราะมันใหญ่มากกกกก
แล้วก็เดินได้ไม่ทั่วครับ เดินได้สักพักก็ปวดขา เลยไปนั่งพักตรงลานด้านล่าง รอชมการแสดงไฟหลังตะวันตกดิน

(หมอกมันมาเรื่อยๆใช่มั้ยครับ? มันยังไม่หยุดแค่นี้ครับ TT)

(ได้รูปกลับมานิดๆหน่อยครับ)
การแสดงที่นี่แสงสีสวยจริงครับ เหมือนอยู่ในหนัง AVATAR เลย สัมผัสได้
แต่ความสวยงามก็ยังแพ้ความอ่อนล้า ดูโชว์ไปแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่ไหวจริงๆครับ TT แอบเสียดาย
จำเรื่องหมอกที่บ่นมาตลอดได้มั้ยครับ ? จะบอกว่าทุกวันที่อยู่ที่นี่ เหม็นเหมือนคนเผาหญ้าตลอด
แต่ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรมาก ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆนะครับ ว่าเหมือนหมอกลงทั้งประเทศ...
แล้วก็มีคนเผาหญ้าตามสถานที่ในเมืองบางจุดแล้วกลิ่นมาเฉยๆ... แต่หลังจากนี้มันจะไม่ใช่แล้วครับ
[CR] [CR] Lion Heart : สิงคโปร์กับเมอร์ไลอ้อนที่หายไป
ทริปกระทันหันที่ถูกจองตั๋วไว้ล่วงหน้ามาสักพักใหญ่ นี่ก็ถือเป็นการเดินทางออกนอกประเทศครั้งแรกของผมเลยฮะ
ที่เลือกมานี่ก็เพราะในกลุ่มทริปที่จะไปนั้นมีเพื่อนเคยไปเที่ยวที่นี่มาแล้ว สามารถกลายเป็นไกด์ทัวร์ไปโดยปริยายได้ บวกกับมันเป็นการ
ออกนอกประเทศครั้งแรก จังหวะนี้ประเทศไหนก็ได้ครับ เหมือนได้เปิดโลกใหม่ เพราะคิดว่าคงมีอะไรที่ไม่เคยเห็นเยอะแน่นอน (:
DAY1 : ออกเดินทางไปยังสิงคโปร์
ทริปนี้ออกเดินทางช่วงประมาณตอนเย็นราวๆสี่โมง ถึงที่สิงคโปร์ใช้เวลาโดยประมาณ 2 ชั่วโมงครับ
(ส่วนเวลาที่นั่นก็เร็วกว่าของเราโดยประมาณ 1 ชั่วโมง)
และแล้วก็เดินทางมาถึง Changi Airport ของประเทศสิงคโปร์ จากนั้นก็ทำเรื่องดำเนินการซื้อซิมโทรศัพท์ที่นี่เลยครับ
โดยรอบนี้ซื้อของ Singtel ไปเพราะเพื่อนบอกว่ามันโอเคที่สุดแล้ว โดยซื้อเป็นโปรโมชั่นแบบ 7 วันครับ
ราคาก็ประมาณ 15 หรือ 17 SGD ได้ทั้งอินเตอร์เน็ตแล้วก็โทรฟรี 120 นาทีครับ
(ค่าเงินตอนที่แลกไปประมาณ 25.9 ครับ) จากนั้นก็เดินไปด่านตรวจคนเข้าเมืองตามปกติ ก่อนที่จะออกจากสนามบิน
หันมองนาฬิกาตอนนี้ก็เริ่มค่ำแล้ว ก็เลยรีบออกจากสนามบินเพื่อเดินทางไปยังที่พักครับ โดยทำการโดยสารผ่านรถไฟฟ้า
ซึ่งพอได้เห็นผังการเดินรถไฟฟ้า แล้วบอกได้คำเดียวว่า " งงมากกกกกก " มันรุงรังไปหมดมีหลายสีหลายเส้นมาก
ตอนนั้นก็มัวแต่นั่งเสิร์ชหาของกินกัน เพราะหิวกันมาก ทำให้เกิดความผิดพลาด คือนั่งรถไฟฟ้าผิด
เลยสถานีบ้าง ลงผิดสถานีบ้าง มั่วไปมั่วมาจนมันเลยเถิดไปหลายนาที เลยตัดสินใจว่าไปลงที่พักก่อนดีกว่า
เพราะที่พักปิดรับเช็คอินตอน 23.59 ถ้าไม่รีบไปเดี๋ยวจะกลายเป็นไม่มีที่อยู่เอา ก็เลยตัดสินใจเข้าที่พักก่อนครับ
สำหรับที่พักที่จองไปคือ Asphodel Inn ครับ วิธีการมาคือลงตรงสถานี Farrer Park แล้วเดินมาทางออก B
จากนั้นเลี้ยวมาทางด้านขวา แล้วก็เลี้ยวซ้ายอีกรอบ เดินมาเรื่อยๆ โรงแรมจะอยู่ฝั่งขวามือครับ
พอเราไปถึงโรงแรมนั่นก็ค่อนข้างจะดึกแล้ว ราวๆสี่ห้าทุ่มเลยตัดสินใจไปหาอะไรกินใน 7-11 ก่อนก็ได้
แล้วพรุ่งนี้ค่อยออกมาหาอะไรกินกันแต่เช้า แถวๆ China Town น่าจะเป็นการดีที่สุด
สำหรับภายในห้องพักไม่ได้ถ่ายมาเลยครับ มาถึงก็โยนกระเป๋ากันเลย ห้องก็ไม่ได้ใหญ่มาก
แอร์เย็นช้านิดนึง แต่โดยรวมก็ถือว่าอยู่ได้ครับไม่มีปัญหาอะไร ถ้าใครอยากเห็นห้องตัวอย่าง
ลองดูในนี้ก่อนได้ครับ แต่ของจริงจะลดทอนมานิดหน่อย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
และคืนแรกก็หมดไป พรุ่งนี้คือการตระเวนเที่ยวภายในสิงคโปร์ครับ
DAY2 : ศูนย์รวมคนไทยในสิงคโปร์
ออกเดินทางกันตั้งแต่ประมาณ 9 โมงเช้าเพื่อไปหาของกินแถว China Town โดยนัดกับเพื่อนอีกกลุ่มที่พักคนละที่
ว่าให้มาเจอกันตรงทางออก China Town เพื่อไปกินข้าวด้วยกัน แต่ปรากฏว่าเรามาถึงกันก่อน และเพื่อนก็ตอบกลับ
มาว่ายังไม่ได้ออกจากที่พัก เลยทำการพากันไปเดินเล่นแถวนั้นก่อน
จนมาเจอร้าน TINTIN SHOP หาไม่ยากเลยครับ เดินตรงมาจากทางออกเรื่อยๆ ร้านอยู่ซ้ายมือ
ข้างในมีของให้เลือกสะสมสำหรับคนรัก TINTIN ทั้งตุ๊กตา พวงกุญแจ แก้วน้ำ โปสการ์ด ฟิกเกอร์ งานเซรามิก
ราคาก็มีทั้งจับต้องได้ แล้วก็เกินจะไขว่คว้าก็มีครับ 55555555555 นั่นก็เพราะลิขสิทธิ์น่าจะแพงเอาเรื่อง
(สุดท้ายก็ได้มาหนึ่งตัว เจ้าตัวนี้ประมาณ 10SGD ครับ)
ผ่านไปสักพักเพื่อนอีกกลุ่มก็ยังไม่มา เลยไปจัดร้านข้าวแถวนั้นก่อน เพราะหิวเหลือเกิน
ร้านหาง่ายมาก ขึ้นมาจาก MRT ร้านจะอยู่ด้านขวาครับ ร้านแรกเลย คนขายอารมณ์ดีมากกกกกกก
เป็นร้านข้าวอารมณ์แบบข้าวหน้าเป็ด เกี๊ยวน้ำ ข้าวหมูแดง รสชาติก็พอใช้ได้ครับ แต่ไทยน่าจะอร่อยกว่า
ราคาไม่แรงมาก ไม่เกิน 7 SGD เป็นเซ็ต มีข้าว มีเนื้อไก่/เป็ด แล้วก็มีผักราดน้ำมันหอย
ส่วนน้ำที่นี่น้ำผลไม้สดก็อร่อยดีครับ แนะนำน้ำแตงโมอร่อยดีสดชื่นด้วย ถูกกว่าน้ำเปล่าอีก
กินข้าวไปสักพักเพื่อนอีกกลุ่มก็มา แถมยังไม่ได้กินข้าวกันด้วย เลยลองเปิดหาดูว่าใน China Town
มันมีอะไรแนะนำบ้าง ก็เลยเจอร้านนึงชื่อว่า "Tak Po" เป็นร้านที่เด่นเรื่องติ่มซำทำนองนั้นครับ
แต่ที่เด็ดสุดน่าจะเป็น โจ๊กขากบ ซึ่งเพื่อนก็สั่งกันมา และมันก็บอกว่าอร่อยกว่าไก่ซะอีก เสียดายมากที่ไม่ได้ลอง
กินกันอิ่มแล้วถัดมาก็เดินทางมายัง Orchard จากนั้นก็เข้าไปยังศูนย์รวมคนไทยในสิงคโปร์...
นั่นก็คือ Charles & Keith ครับ คนแน่นมากกกกก และคนไทยก็เยอะมากเช่นกัน นี่ก็ต้องเข้าไปเลือกให้แม่เช่นกัน
ข้างในก็ค่อนข้างวุ่นวายและใช้เวลานานพอสมควร จนได้กันกลับมาคนละถุงสองถุง เลยเดินทางต่อไป Marina Bay Sands
เดินวนรอบห้าง แล้วก็ไปพักขากันตรงโซนด้านนอกครับ ตอนนี้อากาศก็สัมผัสได้ว่าเหมือนมีหมอกลงตลอดเวลา ขาวไปหมด
แล้วก็พยายามพูดกับเพื่อนว่า นี่ถึงสิงคโปร์รึยัง ? อยากเห็นเมอร์ไลอ้อนมากๆ ทำไมมันหายไปไหน ถึงหาไม่เจอ
เพื่อนก็บอกว่ามันอยู่ฝั่งนู้น ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้จะพาไปดู แต่ว่าวันนี้เดี๋ยวพาดูตรง Garden by The Bay ก่อน ก็เลยโอเค
(อากาศร้อนแบบอบอ้าวพอๆกับไทยเลยครับ ฝรั่งบางคนมานอนอาบแดดเลยก็มี)
เดินทางมาถึง Garden by The Bay ตอนนั้นปวดขามากครับ คิดในใจแล้วว่าเดินได้ไม่ทั่วแน่ๆ เพราะมันใหญ่มากกกกก
แล้วก็เดินได้ไม่ทั่วครับ เดินได้สักพักก็ปวดขา เลยไปนั่งพักตรงลานด้านล่าง รอชมการแสดงไฟหลังตะวันตกดิน
(หมอกมันมาเรื่อยๆใช่มั้ยครับ? มันยังไม่หยุดแค่นี้ครับ TT)
(ได้รูปกลับมานิดๆหน่อยครับ)
การแสดงที่นี่แสงสีสวยจริงครับ เหมือนอยู่ในหนัง AVATAR เลย สัมผัสได้
แต่ความสวยงามก็ยังแพ้ความอ่อนล้า ดูโชว์ไปแบบครึ่งหลับครึ่งตื่น ไม่ไหวจริงๆครับ TT แอบเสียดาย
จำเรื่องหมอกที่บ่นมาตลอดได้มั้ยครับ ? จะบอกว่าทุกวันที่อยู่ที่นี่ เหม็นเหมือนคนเผาหญ้าตลอด
แต่ตอนนั้นก็ไม่คิดอะไรมาก ตอนนั้นคิดแค่นั้นจริงๆนะครับ ว่าเหมือนหมอกลงทั้งประเทศ...
แล้วก็มีคนเผาหญ้าตามสถานที่ในเมืองบางจุดแล้วกลิ่นมาเฉยๆ... แต่หลังจากนี้มันจะไม่ใช่แล้วครับ
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น