สวัสดีเพื่อนชาว Pantip ทุกท่าน ล็อกอิน Melon Pruksa นี้ ได้ห่างหายจากการตั้งกระทู้มานานแสนนาน วันนี้ฤกษ์งามยามดี ได้กลับมามีปฏิสัมพันธ์ทาง Social กับเขาซักที กับรีวิวล่าสุด แนวที่ไม่เคยเขียนมาก่อนเลยในชีวิต นั่นก็คือการพูดถึงของกินนั่นเอง ท้าทายมั่กๆ แต่อยากลอง
ร้านอาหารที่ตั้งใจจะมาแนะนำให้เพื่อนๆในวันนี้ เป็นร้านชาบูสไตล์ฮ่องกง ที่หากได้อ่านกันก็คงเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ติดใจนักหนา ถึงไปชิมมา 2 วันติด และกลับมาเขียนรีวิวถึง
อย่างไรก็ตาม ต้องขออนุญาติเกริ่นก่อนว่า ส่วนตัวแล้วไม่ใช่คอชาบู นานทีปีหนถึงจะได้กินบุฟเฟ่กับเขาบ้าง เพราะฉะนั้น การรีวิวครั้งนี้อาจจะไม่ได้หลากหลาย ละลานตา ถ่ายทุกเมนูแบบมืออาชีพ แต่จะเป็นการแนะนำร้าน เมนูที่ชอบ เมนูที่ได้ลอง และวิธีทานในสไตล์ของตัวเองเป็นหลัก ใครว่าง อยากลองอ่านดูก็ขอเรียนเชิญ
เอาล่ะ มาเริ่มที่พิกัดกันก่อน ร้าน Panda Master Hongkong Shabu หรือ Panda Master ชาบูบุฟเฟ่ฮ่องกงทวิสท์ ตั้งอยู่ในโครงการ Coco Walk สถานนี BTS ราชเทวี ติดกับร้านคาเฟ่แมวชื่อดัง Catherday Cafe ที่มักจะมีดาราของ GTH แวะเวียนกันไปบ่อยๆนั่นเอง
บรรยากาศร้านจะตบแต่งแนว Modern Chinese ใช้สีแดงจัดจ้าน น้ำเงิน ดำ เหลือง มีแพนด้าตัวยักย์ หรือที่ลูกค้าหลายๆคนเรียกห้วนๆว่า "จารย์ด้า" เป็น Signature ของร้าน ขนาดร้านไม่เล็ก ไม่ใหญ่ กำลังดี และข้าวของเครื่องใช้ทุกสิ่งอย่างคือใหม่แกะกล่อง
ราคา มีให้เลือก 2 แบบ จำกัดเวลาทาน 90 นาที ทั้ง 2 แบบไม่รวมเครื่องดื่ม มีของหวานเป็นถั่วแดงเย็น
- Silver Course ชุดหมู 358.-
- Gold Course ชุดเนื้อ 428.-
เมนูมีทั้งหมู, เนื้อ และสามารถ Request ได้ว่าต้องการเนื้อแบบไหน ขอเช่นเบคอนครึ่งจาน สันนอกอีกครึ่งจาน หรือเสือร้องไห้อย่างเดียว Super Rip Eye เน้นๆเป็นต้น
ไหน มาดูหน้าตาของเครื่องเคียงกันหน่อย ว่าเป็นยังไงบ้าง
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเมนูในดวงใจ เรามาดูความพิเศษที่ไม่เหมือนใครของ Panda Master Hongkong Shabu กันซักนิด นั่นก็คือน้ำซุป ที่ร้านจารย์ด้าแห่งนี้ จะมีน้ำซุปอยู่ 4-5 แบบ เท่าที่จำได้มี น้ำซุปโจ๊ก น้ำซุปหม่าล่า น้ำซุปสะเต๊ะ น้ำซุปเห็ดหอม โดยใน 1 หม้อ เราสามารถเลือกน้ำซุปได้ 2 แบบ หรือจะของแบบเดียวลงหม้อแบบเพรียวๆเลยก็ได้ และที่ได้ทดลองสั่งมาทานคือน้ำซุปยอดนิยมจาก 2 ใน 4 ของที่นี่ นั่นก็คือน้ำซุปโจ๊ก และน้ำซุปหม่าล่าที่เกิดมาพึ่งเคยได้ยินชื่อ
สำหรับน้ำซุปโจ๊ก หลังจากที่ได้ชิมแล้ว ขอ Highly recommend เลยว่ามนุษย์คอกลมกล่อมทั้งหลายต้องไม่พลาด ครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสหลังจากที่หม้อถูกตั้งไปได้ไม่นานก็รู้สึกว่าอร่อยดี แต่ยังไม่ถึงกับโดน มันจะค่อยๆเริ่มอร่อยขึ้นหลังจากที่ใส่เนื้อ และผักลงไปแล้วเคี่ยวซักพัก และความพิเศษอีกขั้นมันอยู่ตรงที่ทานไปทานมามันกลายเป็นเนื้อโจ๊กจริงๆ ส่วนตัวแล้วรู้สึกน้ำซุปโจ๊กนี้ เป็นน้ำซุปประเภทที่ว่าเมื่อทานจนใกล้อิ่มแล้วตักมาซกอีกทีเป็นการปิดท้ายจะรู้สึกถึงความอิ่มหมีพลีมันอย่างแท้จริง ช่วยเติมเต็มความสุขให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
ส่วนน้ำซุปหม่าล่าด้วยความเป็นคนไม่ทานรสจัด น้ำซุปนี้เลยไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนัก กลิ่นของหม่าล่าจะให้อารมณ์กึ่งๆเครื่องเทศคลุกสมุนไพร คนที่ไปทานด้วยกันบอกว่าทานแล้วรู้สึกเลือดลมสูบฉีดดี ก็เลยคาดว่าที่เป็นน้ำซุปยอดนิยมก็เพราะลิ้นของคนไทยที่ชอบรสเผ็ดร้อนนั่นเอง
มาต่อกันด้วยน้ำจิ้มที่มีให้เลือกจิ้มกันถึง 4 แบบ ดังต่อไปนี้
และแล้วก็ได้เวลาเข้าสู่ช่วง My favorite menu กันซักที นอกจากน้ำซุปโจ๊กที่ถูกปากคนไม่กินเผ็ดอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว Panda Sweet & Sour Fries หรือ เมนูผักทอดพิสดาร ที่เห็นเป็นครั้งแรกก็ตกหลุมหลงรัก เพราะดูคลับคล้ายคลับคาเหมือนเฟรนซ์ฟรายชิ้นใหญ่ แต่สะดุดตาที่สีเขียวเลยรู้ว่ามันคือผัก
พอกัดลงไปก็พบว่าเนื้อไม่กลวง ไม่ยวบ กรอบกำลังดี รสชาติหวานนิดๆ ถูกปากคออาหารทอดอย่างเราดีแท้ นาทีนั้นจะเป็นผักอะไรก็ให้ผ่านทั้งนั้น ก่อนกลับทางร้านมาเฉลยว่ามันคือมะเขือทอด ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะว่าทอดออกมาแล้วรสชาดไม่ขมเลย เด็กๆทานก็น่าจะชอบกัน
ลำดับถัดมา ขอท้าว่าถ้ารสชาดของข้าวผัดกระเทียมของบาร์บีคิวพลาซ่านั้นจัดว่าถูกปาก ประมาณ 9/10 ลองชิมข้าวผัดกระเทียมของจาร์ยด้าดู แต่ต้องคลุกเคล้าด้วยน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว แล้วจะรู้ว่าเมนูข้าวผัดกระเทียมที่ดูธรรมดาๆถ้วยหนึ่ง เมื่อเหยาะด้วยน้ำจิ้มสูตรนี้แล้ว รสชาตจะ Intense ถึงใจได้ขนาดไหน
ยังไม่หมดกัน ลองมาดูเผือกทอดในตำนานนี้กันหน่อย ตอนแรกก็เห็นว่านั่นเผือกทอดใช่ไหมนะ หน้าตาธรรมดาๆ พอต้มในหม้อรสชาติก็จะเฉยๆ ให้อารมณ์คลีนๆ สุขภาพๆ แต่ถ้าเปลี่ยนมาลวกแค่แป๊บๆ แล้วตักออกมาเลย พอไม่เสียความกรอบอร่อย เวลาทานกับน้ำจิ้มแพนด้า หรือน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวจะอร่อยมากอย่างคาดไม่ถึงเลย Confirm!
แล้วของหวานล่ะ ไอศครีมโมจิ ของจริงขนาดใหญ่กว่ารูปในเมนู แนะนำรสนมสดก้อนสีฟ้า เพราะรสของนมโดดออกมาสุดๆ อาจจะไม่เท่า Melt Me แต่พอกล้อมแกล้มได้ ส่วนเนื้อของโมจิหนืดได้ใจมาก ตินิดหนึ่งตรงที่มันแข็งไปหน่อย ถ้ามาเสิร์ฟแล้วสวาปามทันที จะตักเข้าปากได้ยากไปนิด แนะนำให้รอแป๊บหนึ่งแล้วค่อยทานจะดีกว่า
ท้ายที่สุด ขอปิดด้วยการบริการ ถึงที่ร้านจารย์ด้าแห่งนี้จะมีพนักงานเสริฟ์คอยดูแลลูกค้ากันอย่างทั่วถึง แต่ที่นี่ เจ้าของร้าน Panda Master Hongkong Shabu ก็ขอร่วมบริการด้วยตัวเองกับเขาด้วย หนำซ้ำยังดูมีความสุขมากกับการอธิบายที่มาที่ไปของเมนูต่างๆด้วยตัวเอง สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่ Walk in กันเข้ามาแบบสุดๆ
เพราะฉะนั้นหากใครมีรสนิยมชอบทานอาหารแล้วฟังเชฟอธิบายอย่างละมุนละมอมว่า รสชาติของน้ำซุปตรงหน้ามีที่มาที่ไปอย่างไร น้ำจิ้ม 4 รสนี้ทานคู่กับอาหารประเภทไหนแล้วเกิดความฟินขั้นสุดยอด เนื้อที่ทานอยู่พิเศษกว่าเนื้อในท้องตลาดยังไง แนะนำให้ไปทานจารย์ด้าตอนกลางวันช่วงที่คนน้อยๆ เชื่อว่าจะต้องได้สัมผัสกับประสบการณ์เช่นนี้ด้วยเหมือนกันอย่างแน่นอน
มาถึงตรงนี้ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ที่อ่านกันมาจนจบ หากเป็นการรีวิวอาหารที่อ่อนด้วย ไม่ได้อรรถรสประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย มือใหม่หัดเขียนจริงๆ หวังว่าจะได้พบกันใหม่เร็วๆนี้ ช่วงนี้ฝนตก ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยเนอะ
[CR] รีวิว: Panda Master Hongkong Shabu ร้านชาบูยุคใหม่ ครองใจวัยรุ่นอย่างเรา ^^
ร้านอาหารที่ตั้งใจจะมาแนะนำให้เพื่อนๆในวันนี้ เป็นร้านชาบูสไตล์ฮ่องกง ที่หากได้อ่านกันก็คงเข้าใจว่าอะไรที่ทำให้ติดใจนักหนา ถึงไปชิมมา 2 วันติด และกลับมาเขียนรีวิวถึง
อย่างไรก็ตาม ต้องขออนุญาติเกริ่นก่อนว่า ส่วนตัวแล้วไม่ใช่คอชาบู นานทีปีหนถึงจะได้กินบุฟเฟ่กับเขาบ้าง เพราะฉะนั้น การรีวิวครั้งนี้อาจจะไม่ได้หลากหลาย ละลานตา ถ่ายทุกเมนูแบบมืออาชีพ แต่จะเป็นการแนะนำร้าน เมนูที่ชอบ เมนูที่ได้ลอง และวิธีทานในสไตล์ของตัวเองเป็นหลัก ใครว่าง อยากลองอ่านดูก็ขอเรียนเชิญ
เอาล่ะ มาเริ่มที่พิกัดกันก่อน ร้าน Panda Master Hongkong Shabu หรือ Panda Master ชาบูบุฟเฟ่ฮ่องกงทวิสท์ ตั้งอยู่ในโครงการ Coco Walk สถานนี BTS ราชเทวี ติดกับร้านคาเฟ่แมวชื่อดัง Catherday Cafe ที่มักจะมีดาราของ GTH แวะเวียนกันไปบ่อยๆนั่นเอง
บรรยากาศร้านจะตบแต่งแนว Modern Chinese ใช้สีแดงจัดจ้าน น้ำเงิน ดำ เหลือง มีแพนด้าตัวยักย์ หรือที่ลูกค้าหลายๆคนเรียกห้วนๆว่า "จารย์ด้า" เป็น Signature ของร้าน ขนาดร้านไม่เล็ก ไม่ใหญ่ กำลังดี และข้าวของเครื่องใช้ทุกสิ่งอย่างคือใหม่แกะกล่อง
ราคา มีให้เลือก 2 แบบ จำกัดเวลาทาน 90 นาที ทั้ง 2 แบบไม่รวมเครื่องดื่ม มีของหวานเป็นถั่วแดงเย็น
- Silver Course ชุดหมู 358.-
- Gold Course ชุดเนื้อ 428.-
เมนูมีทั้งหมู, เนื้อ และสามารถ Request ได้ว่าต้องการเนื้อแบบไหน ขอเช่นเบคอนครึ่งจาน สันนอกอีกครึ่งจาน หรือเสือร้องไห้อย่างเดียว Super Rip Eye เน้นๆเป็นต้น
ไหน มาดูหน้าตาของเครื่องเคียงกันหน่อย ว่าเป็นยังไงบ้าง
ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเมนูในดวงใจ เรามาดูความพิเศษที่ไม่เหมือนใครของ Panda Master Hongkong Shabu กันซักนิด นั่นก็คือน้ำซุป ที่ร้านจารย์ด้าแห่งนี้ จะมีน้ำซุปอยู่ 4-5 แบบ เท่าที่จำได้มี น้ำซุปโจ๊ก น้ำซุปหม่าล่า น้ำซุปสะเต๊ะ น้ำซุปเห็ดหอม โดยใน 1 หม้อ เราสามารถเลือกน้ำซุปได้ 2 แบบ หรือจะของแบบเดียวลงหม้อแบบเพรียวๆเลยก็ได้ และที่ได้ทดลองสั่งมาทานคือน้ำซุปยอดนิยมจาก 2 ใน 4 ของที่นี่ นั่นก็คือน้ำซุปโจ๊ก และน้ำซุปหม่าล่าที่เกิดมาพึ่งเคยได้ยินชื่อ
สำหรับน้ำซุปโจ๊ก หลังจากที่ได้ชิมแล้ว ขอ Highly recommend เลยว่ามนุษย์คอกลมกล่อมทั้งหลายต้องไม่พลาด ครั้งแรกที่ได้ลิ้มรสหลังจากที่หม้อถูกตั้งไปได้ไม่นานก็รู้สึกว่าอร่อยดี แต่ยังไม่ถึงกับโดน มันจะค่อยๆเริ่มอร่อยขึ้นหลังจากที่ใส่เนื้อ และผักลงไปแล้วเคี่ยวซักพัก และความพิเศษอีกขั้นมันอยู่ตรงที่ทานไปทานมามันกลายเป็นเนื้อโจ๊กจริงๆ ส่วนตัวแล้วรู้สึกน้ำซุปโจ๊กนี้ เป็นน้ำซุปประเภทที่ว่าเมื่อทานจนใกล้อิ่มแล้วตักมาซกอีกทีเป็นการปิดท้ายจะรู้สึกถึงความอิ่มหมีพลีมันอย่างแท้จริง ช่วยเติมเต็มความสุขให้กับมื้ออาหารได้เป็นอย่างดี
ส่วนน้ำซุปหม่าล่าด้วยความเป็นคนไม่ทานรสจัด น้ำซุปนี้เลยไม่ได้ดึงดูดความสนใจมากนัก กลิ่นของหม่าล่าจะให้อารมณ์กึ่งๆเครื่องเทศคลุกสมุนไพร คนที่ไปทานด้วยกันบอกว่าทานแล้วรู้สึกเลือดลมสูบฉีดดี ก็เลยคาดว่าที่เป็นน้ำซุปยอดนิยมก็เพราะลิ้นของคนไทยที่ชอบรสเผ็ดร้อนนั่นเอง
มาต่อกันด้วยน้ำจิ้มที่มีให้เลือกจิ้มกันถึง 4 แบบ ดังต่อไปนี้
และแล้วก็ได้เวลาเข้าสู่ช่วง My favorite menu กันซักที นอกจากน้ำซุปโจ๊กที่ถูกปากคนไม่กินเผ็ดอย่างที่ได้กล่าวมาแล้ว Panda Sweet & Sour Fries หรือ เมนูผักทอดพิสดาร ที่เห็นเป็นครั้งแรกก็ตกหลุมหลงรัก เพราะดูคลับคล้ายคลับคาเหมือนเฟรนซ์ฟรายชิ้นใหญ่ แต่สะดุดตาที่สีเขียวเลยรู้ว่ามันคือผัก
พอกัดลงไปก็พบว่าเนื้อไม่กลวง ไม่ยวบ กรอบกำลังดี รสชาติหวานนิดๆ ถูกปากคออาหารทอดอย่างเราดีแท้ นาทีนั้นจะเป็นผักอะไรก็ให้ผ่านทั้งนั้น ก่อนกลับทางร้านมาเฉลยว่ามันคือมะเขือทอด ก็รู้สึกแปลกใจอยู่เหมือนกัน เพราะว่าทอดออกมาแล้วรสชาดไม่ขมเลย เด็กๆทานก็น่าจะชอบกัน
ลำดับถัดมา ขอท้าว่าถ้ารสชาดของข้าวผัดกระเทียมของบาร์บีคิวพลาซ่านั้นจัดว่าถูกปาก ประมาณ 9/10 ลองชิมข้าวผัดกระเทียมของจาร์ยด้าดู แต่ต้องคลุกเคล้าด้วยน้ำจิ้มเต้าเจี้ยว แล้วจะรู้ว่าเมนูข้าวผัดกระเทียมที่ดูธรรมดาๆถ้วยหนึ่ง เมื่อเหยาะด้วยน้ำจิ้มสูตรนี้แล้ว รสชาตจะ Intense ถึงใจได้ขนาดไหน
ยังไม่หมดกัน ลองมาดูเผือกทอดในตำนานนี้กันหน่อย ตอนแรกก็เห็นว่านั่นเผือกทอดใช่ไหมนะ หน้าตาธรรมดาๆ พอต้มในหม้อรสชาติก็จะเฉยๆ ให้อารมณ์คลีนๆ สุขภาพๆ แต่ถ้าเปลี่ยนมาลวกแค่แป๊บๆ แล้วตักออกมาเลย พอไม่เสียความกรอบอร่อย เวลาทานกับน้ำจิ้มแพนด้า หรือน้ำจิ้มเต้าเจี้ยวจะอร่อยมากอย่างคาดไม่ถึงเลย Confirm!
แล้วของหวานล่ะ ไอศครีมโมจิ ของจริงขนาดใหญ่กว่ารูปในเมนู แนะนำรสนมสดก้อนสีฟ้า เพราะรสของนมโดดออกมาสุดๆ อาจจะไม่เท่า Melt Me แต่พอกล้อมแกล้มได้ ส่วนเนื้อของโมจิหนืดได้ใจมาก ตินิดหนึ่งตรงที่มันแข็งไปหน่อย ถ้ามาเสิร์ฟแล้วสวาปามทันที จะตักเข้าปากได้ยากไปนิด แนะนำให้รอแป๊บหนึ่งแล้วค่อยทานจะดีกว่า
ท้ายที่สุด ขอปิดด้วยการบริการ ถึงที่ร้านจารย์ด้าแห่งนี้จะมีพนักงานเสริฟ์คอยดูแลลูกค้ากันอย่างทั่วถึง แต่ที่นี่ เจ้าของร้าน Panda Master Hongkong Shabu ก็ขอร่วมบริการด้วยตัวเองกับเขาด้วย หนำซ้ำยังดูมีความสุขมากกับการอธิบายที่มาที่ไปของเมนูต่างๆด้วยตัวเอง สร้างความประทับใจให้กับลูกค้าที่ Walk in กันเข้ามาแบบสุดๆ
เพราะฉะนั้นหากใครมีรสนิยมชอบทานอาหารแล้วฟังเชฟอธิบายอย่างละมุนละมอมว่า รสชาติของน้ำซุปตรงหน้ามีที่มาที่ไปอย่างไร น้ำจิ้ม 4 รสนี้ทานคู่กับอาหารประเภทไหนแล้วเกิดความฟินขั้นสุดยอด เนื้อที่ทานอยู่พิเศษกว่าเนื้อในท้องตลาดยังไง แนะนำให้ไปทานจารย์ด้าตอนกลางวันช่วงที่คนน้อยๆ เชื่อว่าจะต้องได้สัมผัสกับประสบการณ์เช่นนี้ด้วยเหมือนกันอย่างแน่นอน
มาถึงตรงนี้ ขอบคุณเพื่อนๆทุกคน ที่อ่านกันมาจนจบ หากเป็นการรีวิวอาหารที่อ่อนด้วย ไม่ได้อรรถรสประการใด ต้องขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วย มือใหม่หัดเขียนจริงๆ หวังว่าจะได้พบกันใหม่เร็วๆนี้ ช่วงนี้ฝนตก ยังไงก็รักษาสุขภาพกันด้วยเนอะ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้