คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
รุ่นไหนดีกว่า ?
ตอบ รุ่น 2.0 E ย่อมดีกว่าอยู่แล้วครับ
แต่ส่วนต่าง 125,000 บาท มันก็น่าคิด กับออฟชั่นที่ได้เพิ่มมา หลัก ๆ คือ ระบบ REAL TIME 4WD ระบบแอร์ดิจิตอล และล้อแม็ก
จริง ๆ แล้ว มันมีส่วนต่างอื่นด้วยนะครับ
2.0 E มีไฟตัดหมอก
2.0 E มีระบบเครื่องเสียงเป็นจอสัมผัส 7 นิ้ว
2.0 E มีกล้องมองหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
2.0 E รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Siri มีช่อง HDMI มีช่อง USB ให้ 2 ช่อง
ทีนี้ก็ต้องมาชั่งใจดูครับว่า สิ่งที่ได้มา มันคุ้มหรือไม่
จาก 135,000 ออฟชั่นที่แพงที่สุด ก็คงจะเป็น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ถ้าถามว่า มันจำเป็นไหม อันนี้คงตอบไม่ได้ครับ เพราะ ในบางสถานการณ์ เช่น คุณดันไปจอดรถบนสนามหญ้าหรือ ถนนที่เป็นดิน และฝนเกิดตกหนัก อาจจะทำให้ยากต่อการขับออกมา แต่หากมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อช่วย มันก็สามารถพาคุณออกมาได้ หรือ ทางลูกรังที่คุณอาจจำเป็นต้องขับไป
นอกจากนี้ มันก็ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้คุณอีกด้วย เช่น ในขณะที่ขับผ่านแอ่งน้ำ เมื่อล้อหน้าเกิดอาการเหินน้ำซึ่งจะทำให้ล้อหมุนฟรี มันจะส่งกำลังไปที่ล้อหลังทันที
นอกจากนี้ อันดับต่อไปคงเป็น เรื่องของ ระบบเครื่องปรับอากาศ แบบอัตโนมัติ สามารถ แยกฝั่ง ซ้ายขวา ซึ่ง สามารถปรับอุณหภูมิที่แตกต่างกันได้ ระหว่าง 2 ฝั่ง เช่น คนขับชอบเย็นสัก 20 องศา แต่ผู้โดยสารตอนหน้า ขี้หนาว ตั้งไว้ที่ 26 องศา ก็สามารถทำได้ครับ
นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศอัตโนมิต ยังมีระบบ Heater ให้คุณด้วย เมื่ือใดก็ตาม หาก อุณหภูมิข้างนอกต่ำมาก ๆ เช่น สมมติคุณขับจากกรุงเทพ อุณหภูมิอาจจะสัก 28 องศา คุณตั้งอุณหภูมิในรถไว้ 25 องศา แอร์ก็จะเย็นปกติของมัน และคุณอาจจะขับไปเชียงใหม่ ขึ้นดอย พออุณหภูมิข้างนอกสมมติเหลือ 18 องศา แต่คุณตั้งอุณหภูมิในรถไว้ที่ 25 องศา มันจะปรับเป็น Heater ให้คุณโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องไปยุ่งกับมัน
ระบบเครื่องเสียง จอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมกล้องมองหลังปรับ 3 ระดับ
ผมว่า ออฟชั่นนี้ก็ถือว่าดีนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล้องมองหลัง มันช่วยเรื่องความปลอดภัยได้ดีมากครับ อาจจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันได้ครับ
ตอบ รุ่น 2.0 E ย่อมดีกว่าอยู่แล้วครับ
แต่ส่วนต่าง 125,000 บาท มันก็น่าคิด กับออฟชั่นที่ได้เพิ่มมา หลัก ๆ คือ ระบบ REAL TIME 4WD ระบบแอร์ดิจิตอล และล้อแม็ก
จริง ๆ แล้ว มันมีส่วนต่างอื่นด้วยนะครับ
2.0 E มีไฟตัดหมอก
2.0 E มีระบบเครื่องเสียงเป็นจอสัมผัส 7 นิ้ว
2.0 E มีกล้องมองหลังปรับมุมมองได้ 3 ระดับ
2.0 E รองรับการเชื่อมต่อ Smart Phone รองรับการสั่งงานด้วยเสียง Siri มีช่อง HDMI มีช่อง USB ให้ 2 ช่อง
ทีนี้ก็ต้องมาชั่งใจดูครับว่า สิ่งที่ได้มา มันคุ้มหรือไม่
จาก 135,000 ออฟชั่นที่แพงที่สุด ก็คงจะเป็น ระบบขับเคลื่อน 4 ล้อ ถ้าถามว่า มันจำเป็นไหม อันนี้คงตอบไม่ได้ครับ เพราะ ในบางสถานการณ์ เช่น คุณดันไปจอดรถบนสนามหญ้าหรือ ถนนที่เป็นดิน และฝนเกิดตกหนัก อาจจะทำให้ยากต่อการขับออกมา แต่หากมีระบบขับเคลื่อน 4 ล้อช่วย มันก็สามารถพาคุณออกมาได้ หรือ ทางลูกรังที่คุณอาจจำเป็นต้องขับไป
นอกจากนี้ มันก็ยังช่วยเพิ่มสมรรถนะการขับขี่ให้คุณอีกด้วย เช่น ในขณะที่ขับผ่านแอ่งน้ำ เมื่อล้อหน้าเกิดอาการเหินน้ำซึ่งจะทำให้ล้อหมุนฟรี มันจะส่งกำลังไปที่ล้อหลังทันที
นอกจากนี้ อันดับต่อไปคงเป็น เรื่องของ ระบบเครื่องปรับอากาศ แบบอัตโนมัติ สามารถ แยกฝั่ง ซ้ายขวา ซึ่ง สามารถปรับอุณหภูมิที่แตกต่างกันได้ ระหว่าง 2 ฝั่ง เช่น คนขับชอบเย็นสัก 20 องศา แต่ผู้โดยสารตอนหน้า ขี้หนาว ตั้งไว้ที่ 26 องศา ก็สามารถทำได้ครับ
นอกจากนี้ ระบบปรับอากาศอัตโนมิต ยังมีระบบ Heater ให้คุณด้วย เมื่ือใดก็ตาม หาก อุณหภูมิข้างนอกต่ำมาก ๆ เช่น สมมติคุณขับจากกรุงเทพ อุณหภูมิอาจจะสัก 28 องศา คุณตั้งอุณหภูมิในรถไว้ 25 องศา แอร์ก็จะเย็นปกติของมัน และคุณอาจจะขับไปเชียงใหม่ ขึ้นดอย พออุณหภูมิข้างนอกสมมติเหลือ 18 องศา แต่คุณตั้งอุณหภูมิในรถไว้ที่ 25 องศา มันจะปรับเป็น Heater ให้คุณโดยอัตโนมัติ โดยที่คุณไม่ต้องไปยุ่งกับมัน
ระบบเครื่องเสียง จอสัมผัส 7 นิ้ว พร้อมกล้องมองหลังปรับ 3 ระดับ
ผมว่า ออฟชั่นนี้ก็ถือว่าดีนะครับ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง กล้องมองหลัง มันช่วยเรื่องความปลอดภัยได้ดีมากครับ อาจจะช่วยป้องกันอุบัติเหตุร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นโดยไม่คาดฝันได้ครับ
แสดงความคิดเห็น
ระหว่าง CRV. 2.0 S กับ 2.0 E ตัวใหนคุ้มค่าน่าใช้มากกว่ากัน