ชวน กระตุกต่อม "ความกลัว" ที่คุณเคยสัมผัสกับซีรีส์ภาคแยกของ The Walking Dead
"Fear the Walking Dead" มันจึงว่าด้วยเรื่องซอมบี้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยในซีรีส์นี้จะมีความยาวเพียงแค่ 6 ตอนเท่านั้น
เล่าเรื่องราวของครอบครัวที่ต้องฟันฝ่าวิกฤติซอมบี้ในลอสแอนเจลิส ณ เวลานี้ Fear the Walking Dead
เดินมาได้ครึ่งทางแล้ว ถ้าคุณยังไม่ได้ดู รีบไปดูย้อนหลังซะนะ เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง!
เพราะดีกรีความฮอตของซีรีส์นี้ไม่ธรรมดา หลังจากออกอากาศตอนแรก ปรากฏว่ามีผู้ชม 10.1 ล้านคน
ถือว่าเป็นสถิติการเปิดตัวซีรีส์ที่สูงที่สุด เชื่อหรือยังว่าพลาดไม่ได้!
ถึงแม้จะมีเสียงค่อนขอดว่าเดินเรื่องจะออกแนวเนือยๆ อืดอาดไม่ทันใจแฟนๆ (ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์) ในช่วงเริ่มเรื่อง โดยเฉพาะแฟนหนังซอมบี้ที่ยังติดความระห่ำแบบ The Walking Dead แต่ก็นั่นแหละนะ ส่วนที่ดีงามของซีรีส์ภาคแยกก้ยังมี มันมีการปล่อยหมัดแย็บเพื่อแสดงที่มาที่ไปของตัวละครหลัก
นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าความดราม่าของซีรีส์นี้จะเข้มข้นไม่แพ้ The Walking Dead เฉพาะแค่โครงเรื่องของมันก็น่าสนใจอยู่แล้ว
“ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาด ฝูงชนที่บ้าคลั่ง และศพเดินได้ คุณจะทำอย่างไร ถ้าต้องพาครอบครัวเมียเก่าและครอบครัวเมียใหม่หนีซอมบี้ไปพร้อมๆ กัน?”
ถ้าจะถามหาความตื่นเต้นสยองขวัญตามแบบฉบับหนังซอมบี้ มันก็ตอบโจทย์แหละ แต่ถ้าจะมองหาความเข้มข้น ดราม่า และปมขัดแย้งของตัวละคร มันก็ยิ่งตอบโจทย์เหมือนกัน ( ฮ่าๆๆ จะพูดให้มันซับซ้อนทำไมเนี่ย ) เอาเป็นว่าซีรีส์นี้ก้เป็นซีรี่ส์ที่ครบเครื่องเรื่องนึงเลยทีเดียว
Fear the Walking Dead เล่าเรื่องจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัส โดยมีลอสแอนเจลิสเป็นฉากหลัง ถ้าเทียบไทม์ไลน์กับ The Walking Dead มันอาจจะเป็นช่วงที่ริคยังสลบอยู่ในโรงพยาบาล บรรยากาศของ Fear the Walking Dead จึงเป็นความอึมครึมแบบครึ่งๆ กลางๆ เพราะผู้คนบางส่วนก็ยังใช้ชีวิตกันตามปกติ มีเพียงสัญญาณบางอย่างเท่านั้นที่บ่งชี้ว่าเหตุการณ์เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
ถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้วมันคือวิธีเล่าเรื่องที่ซื่อตรงกับคนดูมากที่สุด เพราะมันคือช่วงที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ฉากชวนหลอนจึงมีมาให้เห็นแบบหอมปากหอมคอพอให้ได้ระทึกกันบ้าง ในขณะที่ปมความขัดแย้งและพัฒนาการของตัวละครถูกให้น้ำหนักมากเป็นพิเศษ
ถึงจะไม่ได้ทำให้อะดรีนาลีนพุ่งพล่าน แต่ก็ทำให้เราต้องลุ้นด้วยปมหลายๆ อย่างที่ถูกทิ้งไว้ให้ขบคิดและชวนติดตาม
ความล่าช้าในการเล่าเรื่องจึงเป็นความช้าที่มีเหตุมีผลในตัวมันเอง และมันทำให้คนดูอย่างเราเข้าใจว่า
"การมีชีวิตรอดมีความหมายมากกว่าที่คิด"
แต่ถึงแม้จะไม่เห็นซอมบี้เลยสักตัว ซีรีส์เรื่องนี้ก็ทำให้คนดูอย่างเราออกอาการเสียวจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ซึ่งก็คงจะต้องยกความดีความชอบให้กับ Michael McDonough ผู้กำกับภาพมือรางวัลที่มาสร้างความหวาดระแวงผ่านการเคลื่อนที่ของกล้องในซีรีส์นี้
งานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Michael McDonough คือภาพยนตร์เรื่อง Winter’s bone (2010) ที่คว้ารางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนัง Sun Dance และภาพยนตร์เรื่อง New York, I love you (2008) ในตอนที่มีชุนจิ อิวาอิ เป็นผู้กำกับ
สำหรับ Fear the Walking Dead ไม่ว่าจะเป็นความหลอน ความวุ่นวาย โกลาหล ความสิ้นหวัง และความสับสนจิตแตกของตัวละคร ล้วนมีมุมกล้องเจ๋งๆ เป็นตัวช่วยในการถ่ายทอด นี่คืออีกเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด
นอกจากนี้ การแคสติ้งตัวละครของ Fear the Walking Dead ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์ชุดนี้เปิดตัวด้วยเรตติ้งถล่มทลาย
มาดูกันว่ามีใครบ้างที่ถูกเลือกให้มารับหน้าที่แสดงนำในเรื่องนี้ ที่มาที่ไปของพวกเขาเป็นอย่างไร รับรองว่าจะช่วยเพิ่มดีกรีความน่าสนใจมากขึ้นอย่างแน่นอน
เมดิสัน คลาร์ก (Madison Clark) บทแม่หม้ายลูกสอง คนหนึ่งติดยา เดินเข้าออกสถานบำบัดเป็นว่าเล่น อีกคนหนึ่งเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ที่เซ็งกับดราม่าน่าเบื่อในครอบครัว พูดให้นึกภาพตามง่ายๆ คือครอบครัวที่ปราศจากความสงบนั่นแหละ
คนที่ถูกเลือกมารับบทนี้คือ คิม ดิคเค่นส์ (Kim Dickens) สาวใหญ่วัย 50 ที่แฟนหนังสืบสวนสอบสวนอาจจะพอระลึกได้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ เจ๊คิมรับบทเป็นนักสืบรอนด้า โบนีย์ ในภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl (เล่นซ่อนหาย)
นั่นแหละ อาเจ๊นักสืบที่โผล่เข้ามาในบ้านพระเอกพร้อมถือแก้วกาแฟร่อนไปมาพร้อมกับแปะโพสต์อิทลงไปตามจุดต้องสงสัย แล้วเราก็เห็นตัวละครนี้ไปตลอดทั้งเรื่องในฐานะตัวเดินเรื่องคนหนึ่ง
ปัจจุบัน คิม ดิคเค่นส์ อาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิส ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะอินมากแค่ไหน ถ้าต้องเอาตัวรอดจากซอมบี้ในซีรีส์ที่มีฉากหลังเป็นชุมชนบ้านตัวเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทราวิส มานาว่า (Travis Manawa) บทคุณพ่อที่พยายามเยียวยาความสัมพันธ์ที่ล่มสลายกับเมียเก่า เพื่อให้ลูกชายมีชีวิตที่ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และในขณะเดียวกัน ทราวิสก็พยายามจะเป็นคนรักและพ่อที่ดีของครอบครัวเมียใหม่ หรือเมดิ สันคลาร์ก และลูกๆ
คลิฟฟ์ เคอร์ติส (Cliff Curtis) ถูกเลือกมารับบทนี้ และถึงแม้ว่าซีรีส์จะเพิ่งออกอากาศไปได้ไม่กี่ตอน แต่ชื่อของลุงเคอร์ติสทำให้แฟนๆ หลายคนรอติดตามซีรีส์ชุดนี้ จะบอกว่าแกเป็นดาราแม่เหล็กก็ได้
ก่อนที่จะมารับบทคุณพ่อวัยกลางคนที่ต้องพาครอบครัวฝ่าวิกฤติไวรัส ลุงเคอร์ติสเคยเพิ่มน้ำหนักตัวอีก 27 กิโลกรัม เพื่อรับบท Genesis Potini อดีตแชมป์หมากรุกตกอับที่ป่วยด้วยโรคไบโพลาร์ ใน The Dark Horse หนังรางวัลเรื่องเยี่ยมจากนิวซีแลนด์ ดราม่าเข้มข้นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง
เพราะฉะนั้น เรื่องฝีไม้ลายมือในการแสดงคงไม่ต้องพูดถึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นิค คลาร์ก (Nick Clark) ตัวละครวัยรุ่นจิตแตกที่สร้างปัญหาให้ครอบครัว ความสำคัญของตัวละครนี้คือ เขาอาจจะเป็นคนแรกๆ ที่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังจะเกิดขึ้น แหม่...เกือบจะหล่อแล้วถ้าไม่ติดว่านิคเป็นตัวละครประเภทต่อต้านสังคม
บท นิค คลาร์ก แสดงโดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร...
ดูไปตอนแรกก็รู้สึกว่านักแสดงคนนี้หน้าตาคุ้นๆ เลยไปลองค้นข้อมูลดู เลยรู้ว่าเขาคือ แฟรงค์ ดิลเลน (Frank Dillane) มั่นใจว่าแฟนๆ พ่อมดน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะต้องรู้จักเขาดีแน่ๆ เพราะเคยรับบท Tom Riddle Jr. หรือ ลอร์ด โวลเดอมอร์ ตอนเด็ก
แต่อย่าแปลกใจที่จำไม่ค่อยจะได้ เพราะคาแรคเตอร์ของนิคใน Fear the Walking Dead คือทุกอย่างที่ตรงข้ามกับ Tom Riddle Jr. ทุกอย่าง ไร้ซึ่งความเนี้ยบใดๆ ทั้งสิ้น เลยขอบเขตของคำว่าซกมกไปหลายช่วงตัว แต่ก็นั่นแหละ ถือว่าต้องชมนักแสดงที่เล่นได้เนียนจนคนดูอย่างเราเชื่อในความจิตแตกของตัวละคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับตัวละครหลักคนสุดท้ายที่เราจะพูดถึงคือ อะลีเซีย คลาร์ก (Alicia Clark) น้องสาวของนิคที่เริ่มจะเซ็งกับพฤติกรรมติดยาของพี่ชาย เพราะมันทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข
อะลีเซีย เดบาม – แครีย์ (Alycia Debnam-Carey) ถูกเลือกมารับบทนี้ เธอคือว่าที่ขวัญใจมหาชนคนต่อไปของฮอลลีวู้ด โดยนิตยสาร Australians in Films จัดให้เป็น 1 ในนักแสดงที่น่าจับตามองที่สุด และในปี 2012 เธอคือผู้ได้รับทุน Heath Ledger Scholarship ซึ่งเป็นทุนการศึกษาเพื่อสนับสนุนศิลปินหน้าใหม่ในออสเตรเลีย
และคนดูอย่างเราคงจะโกรธคนเขียนบทมาก ถ้าปล่อยให้เธอคนนี้ถูกซอมบี้กิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Fear The Walking Dead จะออกอากาศถึงวันที่ 4 ตุลาคมนี้ มาเกาะขอบจอรอติดตามความเข้มข้นแบบขนหัวลุก
ว่าด้วยเรื่องที่คุณ “ไม่ควรพลาด” ในซีรีส์ Fear the Walking Dead
"Fear the Walking Dead" มันจึงว่าด้วยเรื่องซอมบี้อย่างไม่ต้องสงสัย โดยในซีรีส์นี้จะมีความยาวเพียงแค่ 6 ตอนเท่านั้น
เล่าเรื่องราวของครอบครัวที่ต้องฟันฝ่าวิกฤติซอมบี้ในลอสแอนเจลิส ณ เวลานี้ Fear the Walking Dead
เดินมาได้ครึ่งทางแล้ว ถ้าคุณยังไม่ได้ดู รีบไปดูย้อนหลังซะนะ เดี๋ยวจะคุยกับเขาไม่รู้เรื่อง!
เพราะดีกรีความฮอตของซีรีส์นี้ไม่ธรรมดา หลังจากออกอากาศตอนแรก ปรากฏว่ามีผู้ชม 10.1 ล้านคน
ถือว่าเป็นสถิติการเปิดตัวซีรีส์ที่สูงที่สุด เชื่อหรือยังว่าพลาดไม่ได้!
ถึงแม้จะมีเสียงค่อนขอดว่าเดินเรื่องจะออกแนวเนือยๆ อืดอาดไม่ทันใจแฟนๆ (ตามเสียงวิพากษ์วิจารณ์) ในช่วงเริ่มเรื่อง โดยเฉพาะแฟนหนังซอมบี้ที่ยังติดความระห่ำแบบ The Walking Dead แต่ก็นั่นแหละนะ ส่วนที่ดีงามของซีรีส์ภาคแยกก้ยังมี มันมีการปล่อยหมัดแย็บเพื่อแสดงที่มาที่ไปของตัวละครหลัก
นั่นทำให้มั่นใจได้ว่าความดราม่าของซีรีส์นี้จะเข้มข้นไม่แพ้ The Walking Dead เฉพาะแค่โครงเรื่องของมันก็น่าสนใจอยู่แล้ว
“ท่ามกลางสถานการณ์ไวรัสแพร่ระบาด ฝูงชนที่บ้าคลั่ง และศพเดินได้ คุณจะทำอย่างไร ถ้าต้องพาครอบครัวเมียเก่าและครอบครัวเมียใหม่หนีซอมบี้ไปพร้อมๆ กัน?”
ถ้าจะถามหาความตื่นเต้นสยองขวัญตามแบบฉบับหนังซอมบี้ มันก็ตอบโจทย์แหละ แต่ถ้าจะมองหาความเข้มข้น ดราม่า และปมขัดแย้งของตัวละคร มันก็ยิ่งตอบโจทย์เหมือนกัน ( ฮ่าๆๆ จะพูดให้มันซับซ้อนทำไมเนี่ย ) เอาเป็นว่าซีรีส์นี้ก้เป็นซีรี่ส์ที่ครบเครื่องเรื่องนึงเลยทีเดียว
Fear the Walking Dead เล่าเรื่องจุดเริ่มต้นการแพร่ระบาดของไวรัส โดยมีลอสแอนเจลิสเป็นฉากหลัง ถ้าเทียบไทม์ไลน์กับ The Walking Dead มันอาจจะเป็นช่วงที่ริคยังสลบอยู่ในโรงพยาบาล บรรยากาศของ Fear the Walking Dead จึงเป็นความอึมครึมแบบครึ่งๆ กลางๆ เพราะผู้คนบางส่วนก็ยังใช้ชีวิตกันตามปกติ มีเพียงสัญญาณบางอย่างเท่านั้นที่บ่งชี้ว่าเหตุการณ์เลวร้ายกำลังจะเกิดขึ้น
ถ้าจะพูดกันจริงๆ แล้วมันคือวิธีเล่าเรื่องที่ซื่อตรงกับคนดูมากที่สุด เพราะมันคือช่วงที่ยังจับต้นชนปลายไม่ถูก ฉากชวนหลอนจึงมีมาให้เห็นแบบหอมปากหอมคอพอให้ได้ระทึกกันบ้าง ในขณะที่ปมความขัดแย้งและพัฒนาการของตัวละครถูกให้น้ำหนักมากเป็นพิเศษ
ถึงจะไม่ได้ทำให้อะดรีนาลีนพุ่งพล่าน แต่ก็ทำให้เราต้องลุ้นด้วยปมหลายๆ อย่างที่ถูกทิ้งไว้ให้ขบคิดและชวนติดตาม
ความล่าช้าในการเล่าเรื่องจึงเป็นความช้าที่มีเหตุมีผลในตัวมันเอง และมันทำให้คนดูอย่างเราเข้าใจว่า
"การมีชีวิตรอดมีความหมายมากกว่าที่คิด"
แต่ถึงแม้จะไม่เห็นซอมบี้เลยสักตัว ซีรีส์เรื่องนี้ก็ทำให้คนดูอย่างเราออกอาการเสียวจนนั่งไม่ติดเก้าอี้ ซึ่งก็คงจะต้องยกความดีความชอบให้กับ Michael McDonough ผู้กำกับภาพมือรางวัลที่มาสร้างความหวาดระแวงผ่านการเคลื่อนที่ของกล้องในซีรีส์นี้
งานที่สร้างชื่อเสียงให้กับ Michael McDonough คือภาพยนตร์เรื่อง Winter’s bone (2010) ที่คว้ารางวัลกำกับภาพยอดเยี่ยมจากเทศกาลหนัง Sun Dance และภาพยนตร์เรื่อง New York, I love you (2008) ในตอนที่มีชุนจิ อิวาอิ เป็นผู้กำกับ
สำหรับ Fear the Walking Dead ไม่ว่าจะเป็นความหลอน ความวุ่นวาย โกลาหล ความสิ้นหวัง และความสับสนจิตแตกของตัวละคร ล้วนมีมุมกล้องเจ๋งๆ เป็นตัวช่วยในการถ่ายทอด นี่คืออีกเหตุผลที่คุณไม่ควรพลาด
นอกจากนี้ การแคสติ้งตัวละครของ Fear the Walking Dead ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ซีรีส์ชุดนี้เปิดตัวด้วยเรตติ้งถล่มทลาย
มาดูกันว่ามีใครบ้างที่ถูกเลือกให้มารับหน้าที่แสดงนำในเรื่องนี้ ที่มาที่ไปของพวกเขาเป็นอย่างไร รับรองว่าจะช่วยเพิ่มดีกรีความน่าสนใจมากขึ้นอย่างแน่นอน
เมดิสัน คลาร์ก (Madison Clark) บทแม่หม้ายลูกสอง คนหนึ่งติดยา เดินเข้าออกสถานบำบัดเป็นว่าเล่น อีกคนหนึ่งเป็นสาวเจ้าเสน่ห์ที่เซ็งกับดราม่าน่าเบื่อในครอบครัว พูดให้นึกภาพตามง่ายๆ คือครอบครัวที่ปราศจากความสงบนั่นแหละ
คนที่ถูกเลือกมารับบทนี้คือ คิม ดิคเค่นส์ (Kim Dickens) สาวใหญ่วัย 50 ที่แฟนหนังสืบสวนสอบสวนอาจจะพอระลึกได้ว่าเมื่อเร็วๆ นี้ เจ๊คิมรับบทเป็นนักสืบรอนด้า โบนีย์ ในภาพยนตร์เรื่อง Gone Girl (เล่นซ่อนหาย)
นั่นแหละ อาเจ๊นักสืบที่โผล่เข้ามาในบ้านพระเอกพร้อมถือแก้วกาแฟร่อนไปมาพร้อมกับแปะโพสต์อิทลงไปตามจุดต้องสงสัย แล้วเราก็เห็นตัวละครนี้ไปตลอดทั้งเรื่องในฐานะตัวเดินเรื่องคนหนึ่ง
ปัจจุบัน คิม ดิคเค่นส์ อาศัยอยู่ในลอสแอนเจลิส ไม่ต้องสงสัยเลยว่าเธอจะอินมากแค่ไหน ถ้าต้องเอาตัวรอดจากซอมบี้ในซีรีส์ที่มีฉากหลังเป็นชุมชนบ้านตัวเอง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ทราวิส มานาว่า (Travis Manawa) บทคุณพ่อที่พยายามเยียวยาความสัมพันธ์ที่ล่มสลายกับเมียเก่า เพื่อให้ลูกชายมีชีวิตที่ดีที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และในขณะเดียวกัน ทราวิสก็พยายามจะเป็นคนรักและพ่อที่ดีของครอบครัวเมียใหม่ หรือเมดิ สันคลาร์ก และลูกๆ
คลิฟฟ์ เคอร์ติส (Cliff Curtis) ถูกเลือกมารับบทนี้ และถึงแม้ว่าซีรีส์จะเพิ่งออกอากาศไปได้ไม่กี่ตอน แต่ชื่อของลุงเคอร์ติสทำให้แฟนๆ หลายคนรอติดตามซีรีส์ชุดนี้ จะบอกว่าแกเป็นดาราแม่เหล็กก็ได้
ก่อนที่จะมารับบทคุณพ่อวัยกลางคนที่ต้องพาครอบครัวฝ่าวิกฤติไวรัส ลุงเคอร์ติสเคยเพิ่มน้ำหนักตัวอีก 27 กิโลกรัม เพื่อรับบท Genesis Potini อดีตแชมป์หมากรุกตกอับที่ป่วยด้วยโรคไบโพลาร์ ใน The Dark Horse หนังรางวัลเรื่องเยี่ยมจากนิวซีแลนด์ ดราม่าเข้มข้นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเรื่องจริง
เพราะฉะนั้น เรื่องฝีไม้ลายมือในการแสดงคงไม่ต้องพูดถึง
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
นิค คลาร์ก (Nick Clark) ตัวละครวัยรุ่นจิตแตกที่สร้างปัญหาให้ครอบครัว ความสำคัญของตัวละครนี้คือ เขาอาจจะเป็นคนแรกๆ ที่รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกำลังจะเกิดขึ้น แหม่...เกือบจะหล่อแล้วถ้าไม่ติดว่านิคเป็นตัวละครประเภทต่อต้านสังคม
บท นิค คลาร์ก แสดงโดยคนที่คุณก็รู้ว่าใคร...
ดูไปตอนแรกก็รู้สึกว่านักแสดงคนนี้หน้าตาคุ้นๆ เลยไปลองค้นข้อมูลดู เลยรู้ว่าเขาคือ แฟรงค์ ดิลเลน (Frank Dillane) มั่นใจว่าแฟนๆ พ่อมดน้อย แฮร์รี่ พอตเตอร์ จะต้องรู้จักเขาดีแน่ๆ เพราะเคยรับบท Tom Riddle Jr. หรือ ลอร์ด โวลเดอมอร์ ตอนเด็ก
แต่อย่าแปลกใจที่จำไม่ค่อยจะได้ เพราะคาแรคเตอร์ของนิคใน Fear the Walking Dead คือทุกอย่างที่ตรงข้ามกับ Tom Riddle Jr. ทุกอย่าง ไร้ซึ่งความเนี้ยบใดๆ ทั้งสิ้น เลยขอบเขตของคำว่าซกมกไปหลายช่วงตัว แต่ก็นั่นแหละ ถือว่าต้องชมนักแสดงที่เล่นได้เนียนจนคนดูอย่างเราเชื่อในความจิตแตกของตัวละคร
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สำหรับตัวละครหลักคนสุดท้ายที่เราจะพูดถึงคือ อะลีเซีย คลาร์ก (Alicia Clark) น้องสาวของนิคที่เริ่มจะเซ็งกับพฤติกรรมติดยาของพี่ชาย เพราะมันทำให้ครอบครัวไม่สงบสุข
อะลีเซีย เดบาม – แครีย์ (Alycia Debnam-Carey) ถูกเลือกมารับบทนี้ เธอคือว่าที่ขวัญใจมหาชนคนต่อไปของฮอลลีวู้ด โดยนิตยสาร Australians in Films จัดให้เป็น 1 ในนักแสดงที่น่าจับตามองที่สุด และในปี 2012 เธอคือผู้ได้รับทุน Heath Ledger Scholarship ซึ่งเป็นทุนการศึกษาเพื่อสนับสนุนศิลปินหน้าใหม่ในออสเตรเลีย
และคนดูอย่างเราคงจะโกรธคนเขียนบทมาก ถ้าปล่อยให้เธอคนนี้ถูกซอมบี้กิน
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
Fear The Walking Dead จะออกอากาศถึงวันที่ 4 ตุลาคมนี้ มาเกาะขอบจอรอติดตามความเข้มข้นแบบขนหัวลุก