http://news.voicetv.co.th/business/259782.html
ธปท.ย้ำตลาดเงินไทยยังมีเสถียรภาพ
ธนาคารแห่งประเทศไทย เชื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบไทยในวงจำกัด มั่นใจทุนสำรองระหว่างประเทศเพียงพอชำระหนี้ต่างประเทศได้
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ระบุ แม้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่กระทบต่อการไหลออกของเงินทุนต่างชาติไม่มาก และน่าจะอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย สูงถึง 1 แสน 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าหนี้ต่างประเทศที่มีอยู่ 1 แสน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตร ธปท. เพียงร้อยละ 8
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของต่างชาติ มีสัดส่วนร้อยละ 30 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งตลาดมีกลไกดูแลอยู่แล้ว ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพราะการนำเข้าหดตัวมากกว่าการส่งออก ดังนั้น หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ยังมีความแข็งแกร่ง และมีทุนสำรองมากพอชำระหนี้ได้ ไม่มีปัญหา
ส่วนกรณี คณะกรรมการนโยบายการเงิน คงดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.5 เพราะทั้งดอกเบี้ยและเงินบาทอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาค
ส่วนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในอีก 10 ปีข้างหน้า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า เป็นเป้าหมายที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันผลักดัน เพราะหากวัดด้วยรายได้ประชากร ต้องมีรายได้เกิน 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่ปัจจุบันคนไทยมีรายได้เฉลี่ย 5 - 6 พันดอลลาร์ต่อปี ซึ่งคงต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้มีรายได้น้อย แต่จะเห็นผลแค่ระยะสั้น
ธนาคารแห่งประเทศไทย เชื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบไทยในวงจำกัด
ธปท.ย้ำตลาดเงินไทยยังมีเสถียรภาพ
ธนาคารแห่งประเทศไทย เชื่อเฟดขึ้นดอกเบี้ยกระทบไทยในวงจำกัด มั่นใจทุนสำรองระหว่างประเทศเพียงพอชำระหนี้ต่างประเทศได้
นายประสาร ไตรรัตน์วรกุล ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย หรือ ธปท. ระบุ แม้ธนาคารกลางสหรัฐ หรือ เฟด ปรับขึ้นดอกเบี้ย แต่กระทบต่อการไหลออกของเงินทุนต่างชาติไม่มาก และน่าจะอยู่ในวงจำกัด เนื่องจากทุนสำรองระหว่างประเทศของไทย สูงถึง 1 แสน 7 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐฯ มากกว่าหนี้ต่างประเทศที่มีอยู่ 1 แสน 3 หมื่นล้านดอลลาร์ โดยต่างชาติถือครองพันธบัตรรัฐบาลและพันธบัตร ธปท. เพียงร้อยละ 8
ส่วนการลงทุนในตลาดหุ้นไทยของต่างชาติ มีสัดส่วนร้อยละ 30 ส่วนใหญ่เป็นการลงทุนระยะยาว ซึ่งตลาดมีกลไกดูแลอยู่แล้ว ขณะที่ดุลบัญชีเดินสะพัดเกินดุลถึง 2 หมื่นล้านดอลลาร์ เพราะการนำเข้าหดตัวมากกว่าการส่งออก ดังนั้น หากพิจารณาปัจจัยพื้นฐานของเศรษฐกิจไทย ยังมีความแข็งแกร่ง และมีทุนสำรองมากพอชำระหนี้ได้ ไม่มีปัญหา
ส่วนกรณี คณะกรรมการนโยบายการเงิน คงดอกเบี้ยนโยบายที่ร้อยละ 1.5 เพราะทั้งดอกเบี้ยและเงินบาทอยู่ในระดับที่เอื้อต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจ และสอดคล้องกับสกุลเงินในภูมิภาค
ส่วนแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ ฉบับที่ 12 โดยมีเป้าหมายให้ไทยเป็นประเทศที่มีรายได้สูงในอีก 10 ปีข้างหน้า ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย ระบุว่า เป็นเป้าหมายที่ทุกฝ่ายต้องช่วยกันผลักดัน เพราะหากวัดด้วยรายได้ประชากร ต้องมีรายได้เกิน 1 หมื่นดอลลาร์สหรัฐต่อปี แต่ปัจจุบันคนไทยมีรายได้เฉลี่ย 5 - 6 พันดอลลาร์ต่อปี ซึ่งคงต้องใช้เวลามากกว่า 5 ปี แม้รัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจผู้มีรายได้น้อย แต่จะเห็นผลแค่ระยะสั้น