สวัสดีค่ะ กระทู้นี้เป็นรีวิวการเที่ยวครั้งแรกของเรา เป็นประสบการณ์โดยตรงที่เราพบเจอจึงอยากมาแชร์ให้เพื่อนๆทราบกัน
เกริ่นสักเล็กน้อย ความจริงทริปนี้เราตั้งใจลุยเดี่ยวค่ะ แต่ 2 วันก่อนเดินทางเพื่อนสาวตัดสินใจลางานกระทันหันแบบขอไปด้วยนะแก จึงกลายเป็น 2 สาวตะลุยสิงคโปร์ กำหนดเดินทางวันที่ 9 – 12 ก.ย.58
เนื่องจากไปเที่ยวทั้งทีก็อยากมีกล้องถ่ายรูปกับเค้าบ้าง ทริปนี้เราจึงยืมกล้อง Fuji X-m1 จากพี่ชายมา เราใช้โหมด Adv ซะส่วนใหญ่เพราะเห็นว่าถ่ายแล้วสีสดดี ขี้เกียจไปแต่งรูปอีก ถ่ายก็ไม่ค่อยเป็นโฟกัสตามใจฉัน เบลอไปอีก และก็กล้องจาก Iphone6 ค่ะ
เริ่มเลยนะคะ
เราเดินทางกับสายการบิน nokscoot เครื่องออกเวลา 22:55 ถึง สิงคโปร์ 02.25 ตามเวลาสิงคโปร์ (เร็วกว่า1ชม.)
นั่ง nokscoot ครั้งแรก ประทับใจค่ะคุ้มเกินราคา เราได้ตั๋วไป-กลับ 2800 เครื่องใหญ่ ช่องวางขาถือว่าสบายและแอร์สวย น่ารักมากช่วยเรายกกระเป๋าเก็บช่องด้านบนด้วย

ประมาณตีสองครึ่งมาถึงแล้วสนามบินชางฮี

เราไม่รอช้ารีบไปที่ information เพื่อขอรหัส wifiทันที แต่ๆๆๆๆ ไม่มีผู้ใดอยู่หน้า counter สักคน หึหึ เราเลยลอง free wifiแถวนั้น ก็เจออยู่อันหนึ่งเป็นชื่อร้านยาอะไรสักอย่างฟรีค่ะ ก็เชคอินบอกทางบ้านเรียบร้อย ได้เวลาผ่าน ตม.แบบสวยๆ สิงคโปร์จ๋าพี่มาแว้ววว

แอร์สาวจะแจกใบนี้บนเครื่องค่ะ
และปัญหาแรกของทริปก็มาจนได้ เราโดน ตม.เรียกเข้าห้องเย็นค่ะ ซึ่งเพื่อนเราผ่าน ตม.ไปแล้ว ซวยละ โดนอะไรเนี้ย ยังไม่ได้อธิบายสักอย่างไม่ถงไม่ถามสุขภาพตรูสักคำ เข้าไปในห้องเจอผู้หญิงไทย 4 คน(รวมเราด้วย) ผู้หญิงเอเชีย คิดว่าน่าจะฟิลิปินอีก2คน และสาวฝรั่งผิวดำอีก 2 คน อบอุ่นกันเลยทีเดียว ^^ นั่งรอนานมากกว่าจะเรียกแต่ละคนไปถาม เราหลับรอเลยค่ะ เค้าเรียกเราไปถาม 2 รอบ รอบแรกถามว่ามาทำไม มากับใคร มากี่คน มีตั๋วกลับหรือยัง ขอดูหน่อย พกเงินมาเท่าไหร่ รอบสอง ก็ถามว่าเพื่อนที่มาด้วยชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน เราก็บอกเพื่อนรออยู่ด้านนอก เค้าให้เราพาไปชี้เลยค่ะว่าเพื่อนเรานะอยู่นู้นๆ ใช้เวลารอนานมากๆเกือบ 2 ชม. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะรอนานๆทำไมทั้งที่เวลาเรียกไปถามใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ สงสารเพื่อนมากนั่งรอเราคนเดียว แล้วก็ผ่าน ตม.มาได้ค่ะ ส่วนบางคนเราเห็นเค้าค้นกระเป๋าเดินทางกันด้วยแต่เราไม่โดน นี่เรายังสงสัยอยู่เลยว่าโดนเรื่องอะไร พอดีเราเพิ่งไปต่อพาสปอร์ตมาใหม่เลยยังขาวสะอาดค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นข้อนี้ แต่เราคิดว่าประวัติเก่าก็น่าจะมีอยู่ เพื่อนเราลงความเห็นว่าเป็นเพราะสีผมแกนั่นแหละ เฮ้ยย ไม่ใช่ป่าวแก สีผมฉันออกจะสวย ชิชิ หรือจะจริง
หยิบมือถือขึ้นมาเซลฟี่หน่อยสิ อ้าวเค้าห้ามถ่าย เลยได้แค่นี้
อยากจะบอกว่าโดน ตม. เรียก ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรหากเราบริสุทธิ์ใจค่ะ เตรียมหลักฐานให้พร้อม
พวกตั๋วไป-กลับ ใบจองโรงแรม แผนที่ ถามมาตอบไป ไวยากรณ์ไม่จำเป็นเน้นคำหลักค่ะ 555 แต่หากใครเดินทางมาไฟล์ทเช้า เราคิดว่า
คนคงเยอะกว่านี้และอาจรอนานกว่านี้ค่ะ ขนาดของเราแค่ 8 คน ยังเกือบ 2 ชม.
หลังจากผ่าน ตม.มา เราก็หาที่นอนค่ะ รอ MRT เปิด เราแอบมานอนกันข้างๆ Mcdonald ตอนนั้นประมาณ ตี่สี่ครึ่งแล้ว
ค่อยเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมแล้วค่อยเที่ยวต่อ เราพักที่ Hotel LuLuย่าน Chinatown สะดวกมากใกล้ MRT สุดๆ ออกทาง Exit A เดินไปอีก 2 ซอย ก็ถึง เราไปถึงที่พักประมาณ 8 โมงเช้า ตั้งใจจะไปขออัพเกรดห้อง เนื่องจากเราจองห้องเดี่ยวไว้ และจะขอฝากกระเป๋า แต่คนที่เฝ้าที่พักใจดีมาก ให้เรา check-in เช้าที่พักได้เลย ปลื้มปริ่ม สบายแล้วเรา ^^
ด้านหน้าโรงแรม จากปากซอยไม่ถึง 100 เมตร

Reception จะอยู่ชั้น 2 ส่วนห้องพักเราอยู่ชั้น 3 ค่ะ
รูปในห้อง ถือว่ากว้างใช้ได้ ด้วยราคา 2 คืน 3500 บาท ห้องสะอาด นอนได้สบายถ้าไม่ติดหรูนะคะ แถมสะดวก

แต่ห้องอาบน้ำแคบมาก หมุนรอบตัวเองได้อย่างเดียว

ที่นี่จะใช้ห้องส้วมรวมค่ะ จะมีทุกชั้น ห้องเราอยู่ใกล้ส้วมเลย เวลาปลดทุกข์ก็เดินใกล้หน่อย สบาย
ส่วนใครที่ติดโซเชียลแบบเรา แนะให้ซื้อนอกสนามบินค่ะ เพราะเราเดินหาจนทั่วก็ไม่เห็นมีซิมที่ราคาต่ำกว่า 30 $
เรามาได้ซิม Singtel tourist 15 $ 100GB ที่ร้าน cheer แถวไชน่าทาว ใส่ซิมปุ๊ป รอ sms ก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องกดอะไร ง่ายมาก
เป้าหมายต่อไปคือเดินย่าน Chinatown และกินข้าวมันไก่ที่ Maxwell ค่ะ
โปรแกรมสำหรับวันที่ 1 วัดศรีมาริอัมมันต์ – วัดพระเขี้ยวแก้ว –Red dot design – marina barrage – merlion – Light&sound – Helix – marina bay sand – garden by the bay
วัดศรีมาริอัมมันต์ (sri mariamman temple)

วัดศรีมาริอัมมันต์ หรือวัดแขก เข้าไปก็งงๆค่ะ ไม่รู้ว่าต้องทำไงบ้าง เดินเข้าไปเห็นเค้ากำลังสวดอะไรสักอย่าง เราจะเดินเข้าไปข้างในแต่เค้าไม่ให้เข้า เราก็เลยตัดสินใจออกมาเลย แลดูวังเวงแปลกๆ
เดินต่อมาเรื่อยๆ วัดพระเขี้ยวแก้ว ข้างหน้าเหมือนจะมีก่อสร้าง แต่สามารถเดินเข้าด้านข้างได้ค่ะ

แล้วก็เดินต่อไปอีกถึงแล้ว Maxwell ข้าวมันไก่ มื้อแรกของพวกเรา แต่เราไปถึงเร็ว ร้านยังไม่เปิด อดไปสิ เลยได้กิน
เมนูชื่อว่า Mee Hoon Kuey 3.5$ มีหลายคนถามเราว่าตัวหลังออกเสียงยังไง เอิ่ม จุดนี้เราก็ไม่แน่ใจนัก 555 เพื่อนๆช่วยออกเสียงให้เราที
ลักษณะเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ใหญ่มาก อารมแบบแป้งเป็นแผ่นๆเลย จืดๆ ไม่ค่อยถูกปากค่ะ

อันนี้ของเพื่อนเรา น่ากินกว่า แซ่บกว่าด้วย Tom Yam Noodle 4.5$

กินเสร็จก็ไปเดินย่อย ผ่าน singapore city gallery ด้านในจัดนิทรรศการ มีโมเดลผังเมือง

ด้านหน้ามีคุณลุง นั่งวาดรูป สวยเชียว ชิวไปอีก

จากนั้นเราก็ถ่ายรูปหน้า Red dot design

เบี้ยวเชียว ตอนถ่ายคิดว่าน่าจะง่วงแล้ว ฮ่าๆ
จากนั้น พวกเราก็กลับไปนอนกันก่อนค่ะ เพราะเหนื่อยและง่วงมาก
ระหว่างเดินกลับเห็นตึกนี้สวยดีค่ะ เราชอบสไตล์แบบนี้ดูคลาสสิคดี

แอบเห็นป้ายหาเสียงด้วย เหมือนสมัคร อบต.แถวบ้านเลย
[CR] "ความทรงจำครั้งแรก ณ สิงคโปร์" <<< ตามมาเลย ไปเที่ยวกัน
เกริ่นสักเล็กน้อย ความจริงทริปนี้เราตั้งใจลุยเดี่ยวค่ะ แต่ 2 วันก่อนเดินทางเพื่อนสาวตัดสินใจลางานกระทันหันแบบขอไปด้วยนะแก จึงกลายเป็น 2 สาวตะลุยสิงคโปร์ กำหนดเดินทางวันที่ 9 – 12 ก.ย.58
เนื่องจากไปเที่ยวทั้งทีก็อยากมีกล้องถ่ายรูปกับเค้าบ้าง ทริปนี้เราจึงยืมกล้อง Fuji X-m1 จากพี่ชายมา เราใช้โหมด Adv ซะส่วนใหญ่เพราะเห็นว่าถ่ายแล้วสีสดดี ขี้เกียจไปแต่งรูปอีก ถ่ายก็ไม่ค่อยเป็นโฟกัสตามใจฉัน เบลอไปอีก และก็กล้องจาก Iphone6 ค่ะ
เริ่มเลยนะคะ
เราเดินทางกับสายการบิน nokscoot เครื่องออกเวลา 22:55 ถึง สิงคโปร์ 02.25 ตามเวลาสิงคโปร์ (เร็วกว่า1ชม.)
นั่ง nokscoot ครั้งแรก ประทับใจค่ะคุ้มเกินราคา เราได้ตั๋วไป-กลับ 2800 เครื่องใหญ่ ช่องวางขาถือว่าสบายและแอร์สวย น่ารักมากช่วยเรายกกระเป๋าเก็บช่องด้านบนด้วย
ประมาณตีสองครึ่งมาถึงแล้วสนามบินชางฮี
เราไม่รอช้ารีบไปที่ information เพื่อขอรหัส wifiทันที แต่ๆๆๆๆ ไม่มีผู้ใดอยู่หน้า counter สักคน หึหึ เราเลยลอง free wifiแถวนั้น ก็เจออยู่อันหนึ่งเป็นชื่อร้านยาอะไรสักอย่างฟรีค่ะ ก็เชคอินบอกทางบ้านเรียบร้อย ได้เวลาผ่าน ตม.แบบสวยๆ สิงคโปร์จ๋าพี่มาแว้ววว
แอร์สาวจะแจกใบนี้บนเครื่องค่ะ
และปัญหาแรกของทริปก็มาจนได้ เราโดน ตม.เรียกเข้าห้องเย็นค่ะ ซึ่งเพื่อนเราผ่าน ตม.ไปแล้ว ซวยละ โดนอะไรเนี้ย ยังไม่ได้อธิบายสักอย่างไม่ถงไม่ถามสุขภาพตรูสักคำ เข้าไปในห้องเจอผู้หญิงไทย 4 คน(รวมเราด้วย) ผู้หญิงเอเชีย คิดว่าน่าจะฟิลิปินอีก2คน และสาวฝรั่งผิวดำอีก 2 คน อบอุ่นกันเลยทีเดียว ^^ นั่งรอนานมากกว่าจะเรียกแต่ละคนไปถาม เราหลับรอเลยค่ะ เค้าเรียกเราไปถาม 2 รอบ รอบแรกถามว่ามาทำไม มากับใคร มากี่คน มีตั๋วกลับหรือยัง ขอดูหน่อย พกเงินมาเท่าไหร่ รอบสอง ก็ถามว่าเพื่อนที่มาด้วยชื่ออะไร ตอนนี้อยู่ที่ไหน เราก็บอกเพื่อนรออยู่ด้านนอก เค้าให้เราพาไปชี้เลยค่ะว่าเพื่อนเรานะอยู่นู้นๆ ใช้เวลารอนานมากๆเกือบ 2 ชม. ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าจะรอนานๆทำไมทั้งที่เวลาเรียกไปถามใช้เวลาไม่ถึง 5 นาทีด้วยซ้ำ สงสารเพื่อนมากนั่งรอเราคนเดียว แล้วก็ผ่าน ตม.มาได้ค่ะ ส่วนบางคนเราเห็นเค้าค้นกระเป๋าเดินทางกันด้วยแต่เราไม่โดน นี่เรายังสงสัยอยู่เลยว่าโดนเรื่องอะไร พอดีเราเพิ่งไปต่อพาสปอร์ตมาใหม่เลยยังขาวสะอาดค่ะ คิดว่าน่าจะเป็นข้อนี้ แต่เราคิดว่าประวัติเก่าก็น่าจะมีอยู่ เพื่อนเราลงความเห็นว่าเป็นเพราะสีผมแกนั่นแหละ เฮ้ยย ไม่ใช่ป่าวแก สีผมฉันออกจะสวย ชิชิ หรือจะจริง
หยิบมือถือขึ้นมาเซลฟี่หน่อยสิ อ้าวเค้าห้ามถ่าย เลยได้แค่นี้
อยากจะบอกว่าโดน ตม. เรียก ไม่ได้น่ากลัวอย่างที่หลายคนคิด เราไม่จำเป็นต้องกลัวอะไรหากเราบริสุทธิ์ใจค่ะ เตรียมหลักฐานให้พร้อม
พวกตั๋วไป-กลับ ใบจองโรงแรม แผนที่ ถามมาตอบไป ไวยากรณ์ไม่จำเป็นเน้นคำหลักค่ะ 555 แต่หากใครเดินทางมาไฟล์ทเช้า เราคิดว่า
คนคงเยอะกว่านี้และอาจรอนานกว่านี้ค่ะ ขนาดของเราแค่ 8 คน ยังเกือบ 2 ชม.
หลังจากผ่าน ตม.มา เราก็หาที่นอนค่ะ รอ MRT เปิด เราแอบมานอนกันข้างๆ Mcdonald ตอนนั้นประมาณ ตี่สี่ครึ่งแล้ว
ค่อยเอากระเป๋าไปฝากที่โรงแรมแล้วค่อยเที่ยวต่อ เราพักที่ Hotel LuLuย่าน Chinatown สะดวกมากใกล้ MRT สุดๆ ออกทาง Exit A เดินไปอีก 2 ซอย ก็ถึง เราไปถึงที่พักประมาณ 8 โมงเช้า ตั้งใจจะไปขออัพเกรดห้อง เนื่องจากเราจองห้องเดี่ยวไว้ และจะขอฝากกระเป๋า แต่คนที่เฝ้าที่พักใจดีมาก ให้เรา check-in เช้าที่พักได้เลย ปลื้มปริ่ม สบายแล้วเรา ^^
ด้านหน้าโรงแรม จากปากซอยไม่ถึง 100 เมตร
Reception จะอยู่ชั้น 2 ส่วนห้องพักเราอยู่ชั้น 3 ค่ะ
รูปในห้อง ถือว่ากว้างใช้ได้ ด้วยราคา 2 คืน 3500 บาท ห้องสะอาด นอนได้สบายถ้าไม่ติดหรูนะคะ แถมสะดวก
แต่ห้องอาบน้ำแคบมาก หมุนรอบตัวเองได้อย่างเดียว
ที่นี่จะใช้ห้องส้วมรวมค่ะ จะมีทุกชั้น ห้องเราอยู่ใกล้ส้วมเลย เวลาปลดทุกข์ก็เดินใกล้หน่อย สบาย
ส่วนใครที่ติดโซเชียลแบบเรา แนะให้ซื้อนอกสนามบินค่ะ เพราะเราเดินหาจนทั่วก็ไม่เห็นมีซิมที่ราคาต่ำกว่า 30 $
เรามาได้ซิม Singtel tourist 15 $ 100GB ที่ร้าน cheer แถวไชน่าทาว ใส่ซิมปุ๊ป รอ sms ก็ใช้ได้เลย ไม่ต้องกดอะไร ง่ายมาก
เป้าหมายต่อไปคือเดินย่าน Chinatown และกินข้าวมันไก่ที่ Maxwell ค่ะ
โปรแกรมสำหรับวันที่ 1 วัดศรีมาริอัมมันต์ – วัดพระเขี้ยวแก้ว –Red dot design – marina barrage – merlion – Light&sound – Helix – marina bay sand – garden by the bay
วัดศรีมาริอัมมันต์ (sri mariamman temple)
วัดศรีมาริอัมมันต์ หรือวัดแขก เข้าไปก็งงๆค่ะ ไม่รู้ว่าต้องทำไงบ้าง เดินเข้าไปเห็นเค้ากำลังสวดอะไรสักอย่าง เราจะเดินเข้าไปข้างในแต่เค้าไม่ให้เข้า เราก็เลยตัดสินใจออกมาเลย แลดูวังเวงแปลกๆ
เดินต่อมาเรื่อยๆ วัดพระเขี้ยวแก้ว ข้างหน้าเหมือนจะมีก่อสร้าง แต่สามารถเดินเข้าด้านข้างได้ค่ะ
แล้วก็เดินต่อไปอีกถึงแล้ว Maxwell ข้าวมันไก่ มื้อแรกของพวกเรา แต่เราไปถึงเร็ว ร้านยังไม่เปิด อดไปสิ เลยได้กิน
เมนูชื่อว่า Mee Hoon Kuey 3.5$ มีหลายคนถามเราว่าตัวหลังออกเสียงยังไง เอิ่ม จุดนี้เราก็ไม่แน่ใจนัก 555 เพื่อนๆช่วยออกเสียงให้เราที
ลักษณะเหมือนก๋วยเตี๋ยวเส้นใหญ่ ใหญ่มาก อารมแบบแป้งเป็นแผ่นๆเลย จืดๆ ไม่ค่อยถูกปากค่ะ
อันนี้ของเพื่อนเรา น่ากินกว่า แซ่บกว่าด้วย Tom Yam Noodle 4.5$
กินเสร็จก็ไปเดินย่อย ผ่าน singapore city gallery ด้านในจัดนิทรรศการ มีโมเดลผังเมือง
ด้านหน้ามีคุณลุง นั่งวาดรูป สวยเชียว ชิวไปอีก
จากนั้นเราก็ถ่ายรูปหน้า Red dot design
เบี้ยวเชียว ตอนถ่ายคิดว่าน่าจะง่วงแล้ว ฮ่าๆ
จากนั้น พวกเราก็กลับไปนอนกันก่อนค่ะ เพราะเหนื่อยและง่วงมาก
ระหว่างเดินกลับเห็นตึกนี้สวยดีค่ะ เราชอบสไตล์แบบนี้ดูคลาสสิคดี
แอบเห็นป้ายหาเสียงด้วย เหมือนสมัคร อบต.แถวบ้านเลย
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น