บ่อยครั้งที่เราต้องออกเรือไปในทะเลกว้างไม่รู้จุดหมายปลายทาง การเดินทางเพียงคนเดียวช่างยากเย็นและเงียบเหงา เราไม่มีทางรู้อุปสรรคข้างหน้าได้ว่าจะเจอกับอะไรบ้าง การมีลูกเรือหรือเพื่อนร่วมจึงเป็นเรื่องที่จำเป็น เพื่อที่ต่อไปในภายภาคหน้าจะได้มีคนคอยช่วยคิดแก้ปัญหา เช่นคำกล่าวที่ว่า สองหัวดีกว่าหัวเดียว
ช่วงเวลาก่อนออกเรือนั้นสำคัญ หากเราตั้งใจไว้แล้วว่าอยากจะหาลูกเรือสักคน หรือลูกเรือสักทีม เราไม่มีทางรู้เลยว่าลูกเรือเหล่านั้นจะเป็นลูกเรือที่จะสามารถร่วมทางกันไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ หรือเพื่อนร่วมทางของเราจะช่วยกันประคับประคองเรือลำนั้นให้รอดพ้นคลื่นล้มทะเลที่ไม่รู้จะพัดมาเมื่อไหร่ได้หรือไม่
ยากที่จะใช้เหตุผลหรืออารมณ์เป็นเครื่องตัดสิน 2 สิ่งนี้ไม่ทำให้เรามั่นใจได้มากนักว่าลูกเรือที่เราเลือกจะเป็นลูกเรือที่ดี คงอาจจะต้องใช้ความศรัทธาเท่านั้นที่จะทำให้เรากล้าที่จะแล่นเรือออกจากฝั่ง คงจะมีแต่ความเชื่อและมั่นใจในตัวลูกเรือเท่านั้นที่จะทำให้เรามั่นใจว่าเรือจะไม่ล่มกลางทะเลและจะไม่พากันตายยกลำ
หากลูกเรือหรือเพื่อนร่วมทางเป็นเหมือนที่เราศรัทธาไว้นั้นคงไม่มีปัญหาอะไร การเดินทางผ่านน่านน้ำและคลื่นลมจะผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่ทว่าหากลูกเรือไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดล่ะ เราจะทำยังไงเมื่อเรือลอยอยู่กลางทะเลแล้ว
หากจะเปลี่ยนลูกเรือใหม่เราคงต้องนำเรือกลับขึ้นฝั่งแล้วหาลูกเรือใหม่ นั่นคือเราต้องเริ่มต้นการเดินทางใหม่อีกครั้ง หรือบางครั้งเหตุการณ์มันเลวร้ายมากเกินกว่าจะกลับลำทัน เราคงต้องสละเรือ แล้วหาทางเอาตัวรอดกันไป
สิ่งที่บทความนี้อยากจะพูดถึง ไม่ใช่การให้ความสำคัญในการหาลูกเรือ แต่คือเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วเราจะทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถทำตามหน้าที่ของแต่ละคนได้ เมื่อเราค้นพบว่าลูกเรือคนใดไร้ความสามารถ ไม่สามารถทำงานตามหน้าที่ได้ หน้าที่ของกับตันเรืออย่างเราคือต้องสอนงานให้เขา ไม่มีเวลาแล้วที่จะไปดุด่าว่ากล่าวหรือตีโพยตีพายใดๆในยามที่เรือลอยอยู่กลางทะเล ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานหากผู้นำยังคงกล่าวโทษกันไปกันมา ความหายนะจะค่อยๆคืบคลานเข้ามาอย่างแน่นอน
สำนวนไทยลงเรือลำเดียวกันกินความหมายมากกว่าการออกเรือ แม้แต่การออกเรือนก็ยังสามารถใช้แนวคิดนี้ได้เหมือนกัน เมื่อเราคิดที่จะออกเรือนไปใช้ชีวิตคู่กับใคร นั่นก็คือการลงเรือลำเดียวกัน ขั้นแรกที่เราจะหาลูกเรือหรือเพื่อนร่วมทาง ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวใดๆที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าคู่ชีวิตที่เราเลือกนั้น จะสมบูรณ์แบบในอย่างที่เราอยากให้เป็น คงจะใช้แค่ความเชื่อมั่นและความศรัทธาเท่านั้นที่จะทำให้เรากล้าที่จะเดินออกจากเรือน
และหากต่อมาเรารู้ว่าคู่ชีวิตของเราไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่เราคิดล่ะ มีบางเรื่องบางความคาดหวังที่ไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้ เราจะทำอย่างไร มี 2 ทางเลือก 1 คือการนำเรือกลับฝั่งแล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นหาคู่ชีวิตใหม่ เสี่ยงดวงใหม่อีกครั้ง
สำหรับทางเลือกแรกนั้นมันอาจจะง่ายที่เราจะคิด เพราะการเปลี่ยนลูกเรือนั่นคือการจบปัญหาทุกอย่าง แล้วกลับไปเริ่มใหม่ แต่ข้อเสียของวิธีการนี้ก็มีคือนั่นอาจทำให้เราเสียเวลากลับมาเริ่มต้นใหม่ และที่สำคัญคือเราไม่มีทางรู้เลยว่าลูกเรือคนใหม่จะดีกว่าคนเก่า สำหรับทางเลือกที่ 2 คือการปรับความเข้าใจระหว่างเรากับลูกเรือ คอยสอนในสิ่งที่เขาไม่รู้และอาจจะยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
คู่สามีภรรยาหลายคู่ที่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตคู่ พวกเขาไม่ใช่คู่ที่ฉลาดเลือกคู่ชีวิตหรือมีดวงในการเลือกคู่ชีวิต แต่พวกเขาคือคู่ที่ปรับจูนซึ่งกันและกันจนรวมกันเป็นทีมที่ดีเยี่ยม หากเปรียบการแต่งงานคือการออกทะเล ระหว่างทางที่ล่องลอยกลางทะเลย่อมมีอุปสรรคและคลื่นลมเป็นเรื่องธรรมดา การประคับประคองให้เรือไม่ล่มกลางทะเลเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้ความสามัคคีหรือเข้าใจกัน ยิ่งโดยการแค่มองตาก็เข้าใจกันยิ่งจะทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ปัญหาแม้จะใหญ่หลวงแค่ไหนก็ไม่ทำให้ทั้งคู่ท้อแท้ที่จะฝ่าฟันมันไป
แต่ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ ยังไม่มีนักฟิสิกส์คนใดที่จะสามารถค้นพ้นทฤษฎีที่อธิบายได้ทุกสิ่ง บางครั้งเรือล่มกลางทะเลโดยที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ เราต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรสละเรือ เพราะการดันทุลังเดินเรือต่อไปเมื่อคนบนเรือไม่ได้เป็นทีมเดียวกัน นั่นอาจจะทำให้พบจุดจบโดยที่ไม่สามารถกลับลำทัน
ลงเรือเดียวกันไม่ได้กินความหมายเพียงแค่ออกเรือและออกเรือนเท่านั้น การเปิดร้านขายของ การจัดตั้งบริษัท ตั้งวงดนตรี รวมทีมฟุตบอล หรือแค่จะทำงานอะไรสักอย่างร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป นั่นก็ใช้แนวคิดเรื่องลงเรือลำเดียวกันได้เสมอ
ลงเรือลำเดียวกัน
ช่วงเวลาก่อนออกเรือนั้นสำคัญ หากเราตั้งใจไว้แล้วว่าอยากจะหาลูกเรือสักคน หรือลูกเรือสักทีม เราไม่มีทางรู้เลยว่าลูกเรือเหล่านั้นจะเป็นลูกเรือที่จะสามารถร่วมทางกันไปตลอดรอดฝั่งหรือไม่ หรือเพื่อนร่วมทางของเราจะช่วยกันประคับประคองเรือลำนั้นให้รอดพ้นคลื่นล้มทะเลที่ไม่รู้จะพัดมาเมื่อไหร่ได้หรือไม่
ยากที่จะใช้เหตุผลหรืออารมณ์เป็นเครื่องตัดสิน 2 สิ่งนี้ไม่ทำให้เรามั่นใจได้มากนักว่าลูกเรือที่เราเลือกจะเป็นลูกเรือที่ดี คงอาจจะต้องใช้ความศรัทธาเท่านั้นที่จะทำให้เรากล้าที่จะแล่นเรือออกจากฝั่ง คงจะมีแต่ความเชื่อและมั่นใจในตัวลูกเรือเท่านั้นที่จะทำให้เรามั่นใจว่าเรือจะไม่ล่มกลางทะเลและจะไม่พากันตายยกลำ
หากลูกเรือหรือเพื่อนร่วมทางเป็นเหมือนที่เราศรัทธาไว้นั้นคงไม่มีปัญหาอะไร การเดินทางผ่านน่านน้ำและคลื่นลมจะผ่านไปอย่างง่ายดาย แต่ทว่าหากลูกเรือไม่ได้เป็นอย่างที่เราคิดล่ะ เราจะทำยังไงเมื่อเรือลอยอยู่กลางทะเลแล้ว
หากจะเปลี่ยนลูกเรือใหม่เราคงต้องนำเรือกลับขึ้นฝั่งแล้วหาลูกเรือใหม่ นั่นคือเราต้องเริ่มต้นการเดินทางใหม่อีกครั้ง หรือบางครั้งเหตุการณ์มันเลวร้ายมากเกินกว่าจะกลับลำทัน เราคงต้องสละเรือ แล้วหาทางเอาตัวรอดกันไป
สิ่งที่บทความนี้อยากจะพูดถึง ไม่ใช่การให้ความสำคัญในการหาลูกเรือ แต่คือเมื่อลงเรือลำเดียวกันแล้วเราจะทำอย่างไรให้ทุกคนสามารถทำตามหน้าที่ของแต่ละคนได้ เมื่อเราค้นพบว่าลูกเรือคนใดไร้ความสามารถ ไม่สามารถทำงานตามหน้าที่ได้ หน้าที่ของกับตันเรืออย่างเราคือต้องสอนงานให้เขา ไม่มีเวลาแล้วที่จะไปดุด่าว่ากล่าวหรือตีโพยตีพายใดๆในยามที่เรือลอยอยู่กลางทะเล ในยามหน้าสิ่วหน้าขวานหากผู้นำยังคงกล่าวโทษกันไปกันมา ความหายนะจะค่อยๆคืบคลานเข้ามาอย่างแน่นอน
สำนวนไทยลงเรือลำเดียวกันกินความหมายมากกว่าการออกเรือ แม้แต่การออกเรือนก็ยังสามารถใช้แนวคิดนี้ได้เหมือนกัน เมื่อเราคิดที่จะออกเรือนไปใช้ชีวิตคู่กับใคร นั่นก็คือการลงเรือลำเดียวกัน ขั้นแรกที่เราจะหาลูกเรือหรือเพื่อนร่วมทาง ไม่มีสูตรสำเร็จตายตัวใดๆที่จะทำให้เรามั่นใจได้ว่าคู่ชีวิตที่เราเลือกนั้น จะสมบูรณ์แบบในอย่างที่เราอยากให้เป็น คงจะใช้แค่ความเชื่อมั่นและความศรัทธาเท่านั้นที่จะทำให้เรากล้าที่จะเดินออกจากเรือน
และหากต่อมาเรารู้ว่าคู่ชีวิตของเราไม่ได้เป็นไปตามอย่างที่เราคิดล่ะ มีบางเรื่องบางความคาดหวังที่ไม่เป็นไปตามที่เราคิดไว้ เราจะทำอย่างไร มี 2 ทางเลือก 1 คือการนำเรือกลับฝั่งแล้วกลับไปเริ่มต้นใหม่ เริ่มต้นหาคู่ชีวิตใหม่ เสี่ยงดวงใหม่อีกครั้ง
สำหรับทางเลือกแรกนั้นมันอาจจะง่ายที่เราจะคิด เพราะการเปลี่ยนลูกเรือนั่นคือการจบปัญหาทุกอย่าง แล้วกลับไปเริ่มใหม่ แต่ข้อเสียของวิธีการนี้ก็มีคือนั่นอาจทำให้เราเสียเวลากลับมาเริ่มต้นใหม่ และที่สำคัญคือเราไม่มีทางรู้เลยว่าลูกเรือคนใหม่จะดีกว่าคนเก่า สำหรับทางเลือกที่ 2 คือการปรับความเข้าใจระหว่างเรากับลูกเรือ คอยสอนในสิ่งที่เขาไม่รู้และอาจจะยอมรับในสิ่งที่เขาเป็น
คู่สามีภรรยาหลายคู่ที่ประสบความสำเร็จในการใช้ชีวิตคู่ พวกเขาไม่ใช่คู่ที่ฉลาดเลือกคู่ชีวิตหรือมีดวงในการเลือกคู่ชีวิต แต่พวกเขาคือคู่ที่ปรับจูนซึ่งกันและกันจนรวมกันเป็นทีมที่ดีเยี่ยม หากเปรียบการแต่งงานคือการออกทะเล ระหว่างทางที่ล่องลอยกลางทะเลย่อมมีอุปสรรคและคลื่นลมเป็นเรื่องธรรมดา การประคับประคองให้เรือไม่ล่มกลางทะเลเป็นสิ่งสำคัญที่จะต้องใช้ความสามัคคีหรือเข้าใจกัน ยิ่งโดยการแค่มองตาก็เข้าใจกันยิ่งจะทำให้การสื่อสารเป็นไปอย่างรวดเร็วยิ่งขึ้น ปัญหาแม้จะใหญ่หลวงแค่ไหนก็ไม่ทำให้ทั้งคู่ท้อแท้ที่จะฝ่าฟันมันไป
แต่ทุกอย่างในโลกนี้ไม่มีสูตรสำเร็จ ยังไม่มีนักฟิสิกส์คนใดที่จะสามารถค้นพ้นทฤษฎีที่อธิบายได้ทุกสิ่ง บางครั้งเรือล่มกลางทะเลโดยที่เราไม่สามารถคาดการณ์ได้ เราต้องรู้ว่าเมื่อไหร่ควรสละเรือ เพราะการดันทุลังเดินเรือต่อไปเมื่อคนบนเรือไม่ได้เป็นทีมเดียวกัน นั่นอาจจะทำให้พบจุดจบโดยที่ไม่สามารถกลับลำทัน
ลงเรือเดียวกันไม่ได้กินความหมายเพียงแค่ออกเรือและออกเรือนเท่านั้น การเปิดร้านขายของ การจัดตั้งบริษัท ตั้งวงดนตรี รวมทีมฟุตบอล หรือแค่จะทำงานอะไรสักอย่างร่วมกันตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป นั่นก็ใช้แนวคิดเรื่องลงเรือลำเดียวกันได้เสมอ