เรื่องสั้น
คนไม่ยอมยิ้ม
ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อนายหงอก เพราะเส้นผมบนศรีษะของผม เป็นสีขาวมาตั้งแต่หนุ่มแล้ว นายคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับนายแมวมาตั้งแต่เด็ก เพราะเรียนหนังสือที่วัดแจ้ง รุ่นเดียวกัน จบชั้นมัธยมออกมาพร้อมกัน และเข้ามารับราชการหน่วยเดียวกันแต่คนละกอง เขาเป็นนักเรียนนายสิบรุ่นเดียวกับผม ก็เลยนับไม่ค่อยถูกว่า ใครเป็นเพื่อนใครกันแน่ แต่ว่าเราก็เป็นเพื่อนกันทั้งสามคนนั่นแหละ
วันหนึ่งเขาโผล่หน้ามาเข้าวงกับเพื่อนแล้วไม่ยอมยิ้ม ได้ความว่าฟันหน้าของเขาหายไปสามสี่ซี่ เมื่อเพื่อนถามเขาก็บอกสั้น ๆ ว่าหมากัด
เพื่อนก็ตกอกตกใจไปตาม ๆ กันว่า หมากัดอย่างไรถึงฟันหัก เขาบอกว่าไม่ใช่ฟันจริงหรอก เป็นฟันปลอม ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เพื่อนยังไม่หายข้องใจ หมาอะไรมากัดเอาจนฟันปลอมหลุดไปได้ แล้วปากคอไม่เยินไปหมดหรือ
เขาก็เลยต้องเล่ารายละเอียดให้ฟัง อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เขาว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง เมียของเขาซื้อกระดูกหมูมาต้มยำ หอมน่าอร่อย แต่ยังไม่ทันจะเปื่อยดี เขาอยากจะกินมื้อนั้น แต่ก็แทะไม่ค่อยจะออก จึงถอดฟันปลอมออกวางไว้ แล้วก็กินอย่างเอร็ดอร่อย อิ่มแล้วเหลือแต่กระดูกกองโต ก็เอาไปทิ้งถังขยะหน้าบ้าน พอล้างปากจะหาฟันปลอมใส่ก็หาไม่เจอ
เพื่อนก็ซักว่าแล้วหมามันมากัดตอนไหน นายหงอกโบกไม้โบกมือพัลวัน แล้วก็บอกว่า
“ คืองี้…เวลากินกระดูกหมูแล้ว ก็กองเศษกระดูกไว้กับฟันปลอม พอเอาไปทิ้ง ก็กอบไปทั้งกอง กว่าจะนึกขึ้นมาได้รีบวิ่งไปดู ที่ไหนได้มีไอ้หมาเวรตัวหนึ่ง กำลังกัดแทะฟันเราเพลินไปเลย “
เสียงหัวเราะก็ประสานขึ้นเกือบพร้อมกัน บางคนถึงกับสำลักเบียร์ บางคนน้ำตาไหลต้องเอากระดาษมาเช็ด บางคนกำลังจะซดต้มแซ่บ ต้องทิ้งช้อนลงในชาม เว้นแต่ตัวผู้เล่า คนเดียว ไม่ยอมยิ้มเพราะยังไม่ได้ใส่ฟันใหม่ แทนชุดเก่าที่หมาเคี้ยวแตกไปแล้ว
ผมชอบเขียนแต่เรื่องพรรค์อย่างนี้แหละ จึงไม่มีใครเขาเอาไปรวมเล่มไงครับ.
############
คนไม่ยอมยิ้ม ๑๗ ก.ย.๕๘
คนไม่ยอมยิ้ม
ผมมีเพื่อนคนหนึ่ง ชื่อนายหงอก เพราะเส้นผมบนศรีษะของผม เป็นสีขาวมาตั้งแต่หนุ่มแล้ว นายคนนี้เป็นเพื่อนสนิทกับนายแมวมาตั้งแต่เด็ก เพราะเรียนหนังสือที่วัดแจ้ง รุ่นเดียวกัน จบชั้นมัธยมออกมาพร้อมกัน และเข้ามารับราชการหน่วยเดียวกันแต่คนละกอง เขาเป็นนักเรียนนายสิบรุ่นเดียวกับผม ก็เลยนับไม่ค่อยถูกว่า ใครเป็นเพื่อนใครกันแน่ แต่ว่าเราก็เป็นเพื่อนกันทั้งสามคนนั่นแหละ
วันหนึ่งเขาโผล่หน้ามาเข้าวงกับเพื่อนแล้วไม่ยอมยิ้ม ได้ความว่าฟันหน้าของเขาหายไปสามสี่ซี่ เมื่อเพื่อนถามเขาก็บอกสั้น ๆ ว่าหมากัด
เพื่อนก็ตกอกตกใจไปตาม ๆ กันว่า หมากัดอย่างไรถึงฟันหัก เขาบอกว่าไม่ใช่ฟันจริงหรอก เป็นฟันปลอม ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เพื่อนยังไม่หายข้องใจ หมาอะไรมากัดเอาจนฟันปลอมหลุดไปได้ แล้วปากคอไม่เยินไปหมดหรือ
เขาก็เลยต้องเล่ารายละเอียดให้ฟัง อย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก
เขาว่าเมื่อไม่กี่วันมานี้เอง เมียของเขาซื้อกระดูกหมูมาต้มยำ หอมน่าอร่อย แต่ยังไม่ทันจะเปื่อยดี เขาอยากจะกินมื้อนั้น แต่ก็แทะไม่ค่อยจะออก จึงถอดฟันปลอมออกวางไว้ แล้วก็กินอย่างเอร็ดอร่อย อิ่มแล้วเหลือแต่กระดูกกองโต ก็เอาไปทิ้งถังขยะหน้าบ้าน พอล้างปากจะหาฟันปลอมใส่ก็หาไม่เจอ
เพื่อนก็ซักว่าแล้วหมามันมากัดตอนไหน นายหงอกโบกไม้โบกมือพัลวัน แล้วก็บอกว่า
“ คืองี้…เวลากินกระดูกหมูแล้ว ก็กองเศษกระดูกไว้กับฟันปลอม พอเอาไปทิ้ง ก็กอบไปทั้งกอง กว่าจะนึกขึ้นมาได้รีบวิ่งไปดู ที่ไหนได้มีไอ้หมาเวรตัวหนึ่ง กำลังกัดแทะฟันเราเพลินไปเลย “
เสียงหัวเราะก็ประสานขึ้นเกือบพร้อมกัน บางคนถึงกับสำลักเบียร์ บางคนน้ำตาไหลต้องเอากระดาษมาเช็ด บางคนกำลังจะซดต้มแซ่บ ต้องทิ้งช้อนลงในชาม เว้นแต่ตัวผู้เล่า คนเดียว ไม่ยอมยิ้มเพราะยังไม่ได้ใส่ฟันใหม่ แทนชุดเก่าที่หมาเคี้ยวแตกไปแล้ว
ผมชอบเขียนแต่เรื่องพรรค์อย่างนี้แหละ จึงไม่มีใครเขาเอาไปรวมเล่มไงครับ.
############