เป็นกระทู้แรกของPantip นะครับ ผิดพลาดประการใดแนะนำด้วยครับ
บางแสน "นับ 1 ที่ มาริน่า ซี วิว บางแสน"
หลังจากผมสอบเสร็จก็เป็นช่องว่างของความเบื่อ ความขี้เกียจ และการพักสมอง ดังนั้นเมื่อเพื่อนโทรชวนไปเที่ยวผมจึงตอบรับทันที และสถานที่ปลายทางของเราคือ “ชายทะเลบางแสน”
บางแสนเมื่อแรกคิด
บางแสนเป็นชื่อของสถานที่ท่องเที่ยวที่แม้ผมจะคุ้นหู แต่ผมไม่คุ้นเลย เพราะถ้าให้ผมคิดถึงทะเลใกล้ๆกรุงเทพฯ ผมคงนึกถึงหัวหิน พัทยา เสม็ด ชะอำ เสียเป็นส่วนใหญ่ พอได้ยินบางแสนผมจึงอคติ ในใจผมคิดว่าบางแสนจะมีอะไร? ไปทำไม? ถ้าจะไปบางแสนขับรถอีกหน่อยไปพัทยา ไปเสม็ดไม่ดีกว่ารึ!! อย่างไรก็ตามการเที่ยวครั้งนี้ทุกอย่างมันล็อคแล้วให้ผมต้องไปบางแสน เนื่องจากเพื่อนที่โทรชวนบอกว่าเพื่อนเก่าตอน ม.ปลายเพิ่งเปิดโรงแรมเล็กๆที่ชายทะเลบางแสน
บางแสนเมื่อแรกเห็น
ผมกับเพื่อนนัดรวมตัวที่มหาชัย จากนั้นขับรถจากถนนพระราม ๒ เข้าถนนเส้นกาญจนาพิเษกลงบางนาก่อนขึ้นบูรพาวิถี เราใช้เวลาเพียง ๒ ชั่วโมงกว่าก็ถึงบางแสน ผมเห็นบางแสนครั้งแรกด้วยความแปลกใจ ความเจริญของบางแสนพรั่งพร้อมไปด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ถนนหนทางกว้างขวาง รถราผู้คนพาผมตื่นตาตื่นใจ แม้จะรู้มาบ้างว่าที่นี้มีมหาวิทยาลัยบูรพาตั้งอยู่ แต่ผมไม่คิดไม่นึกว่ามมหาวิทยาลัยแห่งนี้จะกว้างใหญ่ไม่ต่างจากเมืองมหาวิทยาลัยย่อมๆ ประกอบนิคมอุตสาหกรรมรอบข้างทำให้บางแสนระรานตาไปด้วยที่พัก โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมามันแค่การยิ้มทักของบางแสนเท่านั้น
มาริน่าซีวิว บางแสน
เมื่อพวกผมมาถึงก็ตรงไปยังที่มาริน่าซีวิว บางแสนที่พักของพวกเราในคืนนี้ ผมลงจากรถก็สัมผัสถึงเสียงคลื่นกระทบเขื่อนหิน ลมทะเลพร้อมกลิ่นเกลือบางๆผ่านผมไป หลังจากนั้นเพียงแค่ถนนคั่นผมก็เห็นมาริน่าซีวิว บางแสนอยู่ตรงหน้า โดยด้านหน้าชั้นล่างของโรงแรมมีโต๊ะรับแขกเพื่อนั่งเล่น นั่งดื่ม นั่งกินข้าวกันที่นี่ ทั้งนี้สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมาริน่าซีวิวคือตู้อบข้าวโพดคั่วไว้บริการลูกค้าเวลานั่งรับลมทะเล
เมื่อมาถึงเราก็ได้รับคำทักทายและรอยยิ้มของจิ๊บและพี่เล็กเจ้าของมาริน่าซีวิวเพื่อนเก่าของเรา พวกเราพูดคุยกันสักพักเพื่อระลึกความหลัง ก่อนที่จิ๊บจะพาเราไปห้องพักที่จองไว้ ซึ่งก่อนที่จะขึ้นห้องพักเราต้องเปลี่ยนรองเท้าเก็บไว้ในตู้และใส่รองเท้าลำลองที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ ขณะเดียวกันสิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้ระหว่างทางเดินขึ้นห้องพักคือกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆตลอดทางและความสะอาดของที่นี่
ภายในห้องพักจัดเป็นโทนสีสว่างสะอาดตาพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆไม่ต่างจากโรงแรมขนาดใหญ่ แต่ลักษณะเฉพาะของที่นี่คือด้านหน้าห้องจะเป็นบานกระจกใสขนาดใหญ่ที่เมื่อเปิดผ้าม่านก็จะเห็นวิวชายทะเลบางแสนอย่างเต็มตาสมชื่อ “ซีวิว” จริงๆ
พวกเราพักผ่อนและชื่มชมห้องพักกันสักครู่ก่อนที่จะลงมาชั้นล่างอย่างงงๆเพราะการเที่ยวครั้งนี้พวกเราไม่ได้ทำการบ้านกันมาเลย ดังนั้นความหวังเดียวก็คือจิ๊บ และพี่เล็กที่อาสาจะพาเราเที่ยว ซึ่งในเวลานั้นพวกเราหิวมาก จิ๊บเลยพาพวกเรามาจัดหนักทั้งคาวทั้งหวานที่หน้ามนก๋วยเตี๋ยวและหน้ามนขนมหวาน
------------------^_^----------------
หน้ามน ก๊วยเตี๋ยว

สำหรับหน้ามนก๊วยเตี๋ยวในเวลาคล้อยบ่ายคึกคักไปด้วยลูกค้าภายใต้บรรยากาศการตกแต่งสไตล์จีนร่วมสมัย ในขณะเดียวกันเมนูก๋วยเตี๋ยวของที่นี่ก็หลากหลายทั้งต้มยำ เย็นตาโฟ บะหมี่ โดยเฉพาะเงาะที่เป็นความลับของที่นี่ ผมคงไม่บอกว่าเงาะของที่นี่อร่อยขนาดไหนคงต้องมาลองเอง
หน้ามน หนมหวาน
เมื่ออิ่มของคาวพวกเราก็มาเต็มน้ำตาลเข้าเส้นเลือดที่ “หน้ามน หนมหวาน” ร้านขนม นม กาแฟ สุดคูล ด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ภายในพื้นที่ล้อมรอบไปด้วยไม้ประดับและดอกไม้ตามทางเดินเข้าภายในอาคารเรือนแก้วใสวิวเกือบ ๓๖๐ องศา ภายในร้านทั้งเก้าอี้โต๊ะของประดับตกแต่งล้วนแปลกตา และของเก่าเหมาะแก่การถ่ายรูป และยิ่งไปกว่านั้นคือ ภาชนะรองรับขนมไอศครีมที่แปลกตาหลากอารมณ์ที่ทำให้พวกเราเพลินไปกับการถ่ายรูป ทั้งหมดนี้แน่นอนว่ารสชาติ และวัตถุดิบของขนมหวานต่างๆย่อมถูกใจเราอย่างไม่ต้องสงสัย
----------^_^---------
ยามเย็นที่บางแสน
หลังจากอิ่มจากอาหารเมื่อใหญ่ก็ได้เวลาเย็น พวกเราจึงมาเดินเล่นริมชายหาดบางแสนจากหน้ามาริน่าซีวิว ซึ่งบรรยายในยามเย็นก็เริ่มมีผู้คนทยอยมาตกปลากันที่ริมเขื่อนหินกั้นคลื่น บางกลุ่มก็จับจองที่นั่งดูพระอาทิตย์ที่เส้นขอบฟ้าของทะเลบางแสน ในขณะที่สองข้างทางร้านอาหาร ร้านเหล้า ร้านนมเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น ทั้งนักศึกษา และนักท่องเที่ยว พวกเราเดินมาสักพักก็เดินกลับไปกินที่ข้าวเย็นที่โรงแรม ซึ่งจิ๊บได้อาสาจัดเตรียมสถานที่สำหรับดูพระอาทิตย์ตกดินเช่นกัน
Unseen the marina seaview bangsaen
จิ๊บพาพวกเราขึ้นดาดฟ้าของอาคารใกล้ๆมาริน่าซีวิวซึ่งกำลังจะปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมอีกส่วนของที่นี่ เมื่อไปถึงดาดฟ้าพวกเราประทับใจกับสิ่งจิ๊บเตรียมให้เรามากนั่นคือสถานที่ดินเนอร์สุดชิวคล้อยตาเพลินไปกับการถ่ายรูปพระอาทิตย์ลาเส้นขอบฟ้าและวิวยามเย็นของบางแสนจากมุมสูงของมาริน่าซีวิว ซึ่งถ้ามองจากด้านขวามือของทะเลบางแสนจะเห็นสะพานปลาพุ่งไปในทะเลถัดออกก็เป็นสวนสาธารณะที่กำลังเคลื่อนไหวไปกับเสียงเพลงแอลโรบิค พอเรื่อยไปในตอนค่ำทางฝั่งสะพานปลาพวกเราเห็นแสงไฟเหลืองแดงของเรือประมงขนาดเล็กเต้นแข็งกันระยิบระยับอย่างไม่รู้เหนื่อย ต่อจากนั้นจิ๊บได้แนะนำร้านเหล้าริมทะเลเพื่อขับกล่อมเราในคืนนี้ ซึ่งตัวเลือกของเรามี La Mer Bangsaen กับ The Beach Bangsaen โดยเมื่อเย็นย่ำที่ผ่านมาเราสำรวจทั้ง 2 ที่แล้วซึ่งนั้นทำให้พวกเราลังเลและคิดหนัก สุดท้ายพวกเราเลือก The Beach
-----------^_^-----------
The Beach Bangsaen
เดอะบีช บางแสนเป็นร้านเหล้าและร้านอาหารริมทะเลที่แบ่งเป็นสองโซนคือ โซนด้านนอกสำหรับนั่งรับลมฟังแสงคลื่นและดนตรีสด อาหารของที่นี่มีหลากหลายรสชาติได้มาตรฐาน เครื่องดื่มพร้อมพรั่งสนองความต้องการของนักดื่มได้ตามอารมณ์ทั้งเบียร์ เหล้า ค็อกเทล และน้ำผลไม้ปั่น พวกเราใช้เวลาที่นี่จนเที่ยงคืน ก่อนกลับผมทิ้งความทรงจำไว้ที่เดอะบีช หวังไว้ว่าคราวหน้าจะกลับมาเอาคืน เพราะคราวนี้ผมไม่ได้เตรียมตัวเลยจริงๆ
----------^_^----------
รุ่งเช้าที่บางแสน

เช้านี้ผมรีบตื่นขึ้นมาด้วยใจมุ่งมั่นที่จะมาดูตลาดอาหารทะเลที่อยู่เยื้องไปทางซ้ายจากมาริน่าซีวิวเพียงสบตาเห็นใต้ต้นมะพร้าวนั้น เรือหาปลาขนาดเล็กๆจะทยอยนำปลาที่จับได้มาคัดแยกแบ่งขายในราคาถูกมากๆ ทั้ง ปูม้า ปูดำ หมึก กั้ง กุ้ง และปลานานาชนิดขึ้นอยู่ว่าทะเลจะใจดีให้อะไรเรากิน ผมได้ปูม้ามา ๑ กิโลกรัม ในราคาเพียง 200 บาท พร้อมปูดำ และกั้งนิดหน่อยเป็นของแถม ก่อนจะไปจ้างอากงภายในบ้านใกล้ๆที่รับนึ่งของทะเลในราคาโลละ 20 บาท ผมนำปูมาใส่จานรอเพื่อนๆพร้อมกับอาหารเช้าของมาริน่าซีวิวที่เป็นสลัดผัก อเมริกันเบรคฟาส และขนมใส่ไส้ที่หอมหวานนุ่มลิ้น ผมชอบมากกินไปเยอะจนทางมาริน่าซีวิวให้กลับมาเป็นที่ระลึกก่อนจากลา
บางแสนเมื่อแรกสัมผัส
ผมยอมรับความจริงว่าถ้าเพื่อนไม่ชวนมาบางแสน ในหัวผมถ้าคิดถึงทะเลผมก็ไม่เคยคิดถึงบางแสนเลย แต่เมื่อผมได้มีโอกาสสัมผัสบางแสนโดยบังเอิญในครั้งนี้ ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่นี่ตรึงความรู้สึกผมให้คิดถึงเมื่อแรกรู้จัก ดังนั้น ๒ วัน ๑ คืนไม่พอหรอกครับสำหรับที่นี่เพราะรายละเอียดที่ซ่อนไว้มันเยอะมากจริงๆ อาจเป็นเพราะบางแสนเป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เป็นเมืองที่เป็นทางผ่านของสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย และเป็นเมืองที่รายล้อมไปด้วยนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บางแสนจึงมีวัฒนธรรม วีถีชีวิตเฉพาะถิ่น ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่ทำให้ความเป็นนักศึกษาแทรกอยู่ทุกหนแห่งของนี้ทั้งร้านอาหารอาร์ตๆ ร้านขนม ร้านนม ร้านกาแฟที่เฟี้ยวฟ่าวน่ารักอีกหลายร้านที่ผมได้แต่มองผ่านเพราะไม่มีเวลา ส่วนพื้นที่ริมชายหาดก็คึกคักมีชีวิตชีวารับใช้นักท่องเที่ยวนักศึกษาที่ผมยังไม่ได้สัมผัส อีกส่วนก็มาจากที่เป็นทางผ่านไปยังสถานที่เที่ยวอื่นๆและรอบล้อมด้วยนิคมอุตสาหกรรมทำให้ความเจริญความสะดวกสบายของถนนที่พักศูนย์การค้าต่างๆครบครัน ทั้งหมดนี้ผมบอกได้เลยว่าสำหรับต้องมีนับ ๒ ๓ และนับต่อไปอีกแน่ที่บางแสน
ขอบคุณ จิ๊บ และ มาริน่าซีวิว บางแสน สำหรับการพาเที่ยว และที่พัก ขอบคุณ ต้อ ต้นเปิ้ล ที่ชวนเที่ยวในครั้งนี้ และเอื้อเฟื้อรูปถ่ายสวยๆประกอบการเขียน
บางแสน "นับ 1 ที่ มาริน่า ซี วิว บางแสน"
บางแสน "นับ 1 ที่ มาริน่า ซี วิว บางแสน"
หลังจากผมสอบเสร็จก็เป็นช่องว่างของความเบื่อ ความขี้เกียจ และการพักสมอง ดังนั้นเมื่อเพื่อนโทรชวนไปเที่ยวผมจึงตอบรับทันที และสถานที่ปลายทางของเราคือ “ชายทะเลบางแสน”
บางแสนเมื่อแรกคิด
บางแสนเป็นชื่อของสถานที่ท่องเที่ยวที่แม้ผมจะคุ้นหู แต่ผมไม่คุ้นเลย เพราะถ้าให้ผมคิดถึงทะเลใกล้ๆกรุงเทพฯ ผมคงนึกถึงหัวหิน พัทยา เสม็ด ชะอำ เสียเป็นส่วนใหญ่ พอได้ยินบางแสนผมจึงอคติ ในใจผมคิดว่าบางแสนจะมีอะไร? ไปทำไม? ถ้าจะไปบางแสนขับรถอีกหน่อยไปพัทยา ไปเสม็ดไม่ดีกว่ารึ!! อย่างไรก็ตามการเที่ยวครั้งนี้ทุกอย่างมันล็อคแล้วให้ผมต้องไปบางแสน เนื่องจากเพื่อนที่โทรชวนบอกว่าเพื่อนเก่าตอน ม.ปลายเพิ่งเปิดโรงแรมเล็กๆที่ชายทะเลบางแสน
บางแสนเมื่อแรกเห็น
ผมกับเพื่อนนัดรวมตัวที่มหาชัย จากนั้นขับรถจากถนนพระราม ๒ เข้าถนนเส้นกาญจนาพิเษกลงบางนาก่อนขึ้นบูรพาวิถี เราใช้เวลาเพียง ๒ ชั่วโมงกว่าก็ถึงบางแสน ผมเห็นบางแสนครั้งแรกด้วยความแปลกใจ ความเจริญของบางแสนพรั่งพร้อมไปด้วยศูนย์การค้าขนาดใหญ่ ถนนหนทางกว้างขวาง รถราผู้คนพาผมตื่นตาตื่นใจ แม้จะรู้มาบ้างว่าที่นี้มีมหาวิทยาลัยบูรพาตั้งอยู่ แต่ผมไม่คิดไม่นึกว่ามมหาวิทยาลัยแห่งนี้จะกว้างใหญ่ไม่ต่างจากเมืองมหาวิทยาลัยย่อมๆ ประกอบนิคมอุตสาหกรรมรอบข้างทำให้บางแสนระรานตาไปด้วยที่พัก โรงแรม ร้านค้า ร้านอาหาร ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมามันแค่การยิ้มทักของบางแสนเท่านั้น
มาริน่าซีวิว บางแสน
เมื่อพวกผมมาถึงก็ตรงไปยังที่มาริน่าซีวิว บางแสนที่พักของพวกเราในคืนนี้ ผมลงจากรถก็สัมผัสถึงเสียงคลื่นกระทบเขื่อนหิน ลมทะเลพร้อมกลิ่นเกลือบางๆผ่านผมไป หลังจากนั้นเพียงแค่ถนนคั่นผมก็เห็นมาริน่าซีวิว บางแสนอยู่ตรงหน้า โดยด้านหน้าชั้นล่างของโรงแรมมีโต๊ะรับแขกเพื่อนั่งเล่น นั่งดื่ม นั่งกินข้าวกันที่นี่ ทั้งนี้สิ่งที่เป็นเอกลักษณ์ของมาริน่าซีวิวคือตู้อบข้าวโพดคั่วไว้บริการลูกค้าเวลานั่งรับลมทะเล
เมื่อมาถึงเราก็ได้รับคำทักทายและรอยยิ้มของจิ๊บและพี่เล็กเจ้าของมาริน่าซีวิวเพื่อนเก่าของเรา พวกเราพูดคุยกันสักพักเพื่อระลึกความหลัง ก่อนที่จิ๊บจะพาเราไปห้องพักที่จองไว้ ซึ่งก่อนที่จะขึ้นห้องพักเราต้องเปลี่ยนรองเท้าเก็บไว้ในตู้และใส่รองเท้าลำลองที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ ขณะเดียวกันสิ่งหนึ่งที่ผมรับรู้ได้ระหว่างทางเดินขึ้นห้องพักคือกลิ่นน้ำหอมอ่อนๆตลอดทางและความสะอาดของที่นี่
ภายในห้องพักจัดเป็นโทนสีสว่างสะอาดตาพรั่งพร้อมไปด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆไม่ต่างจากโรงแรมขนาดใหญ่ แต่ลักษณะเฉพาะของที่นี่คือด้านหน้าห้องจะเป็นบานกระจกใสขนาดใหญ่ที่เมื่อเปิดผ้าม่านก็จะเห็นวิวชายทะเลบางแสนอย่างเต็มตาสมชื่อ “ซีวิว” จริงๆ
พวกเราพักผ่อนและชื่มชมห้องพักกันสักครู่ก่อนที่จะลงมาชั้นล่างอย่างงงๆเพราะการเที่ยวครั้งนี้พวกเราไม่ได้ทำการบ้านกันมาเลย ดังนั้นความหวังเดียวก็คือจิ๊บ และพี่เล็กที่อาสาจะพาเราเที่ยว ซึ่งในเวลานั้นพวกเราหิวมาก จิ๊บเลยพาพวกเรามาจัดหนักทั้งคาวทั้งหวานที่หน้ามนก๋วยเตี๋ยวและหน้ามนขนมหวาน
------------------^_^----------------
หน้ามน ก๊วยเตี๋ยว
สำหรับหน้ามนก๊วยเตี๋ยวในเวลาคล้อยบ่ายคึกคักไปด้วยลูกค้าภายใต้บรรยากาศการตกแต่งสไตล์จีนร่วมสมัย ในขณะเดียวกันเมนูก๋วยเตี๋ยวของที่นี่ก็หลากหลายทั้งต้มยำ เย็นตาโฟ บะหมี่ โดยเฉพาะเงาะที่เป็นความลับของที่นี่ ผมคงไม่บอกว่าเงาะของที่นี่อร่อยขนาดไหนคงต้องมาลองเอง
หน้ามน หนมหวาน
เมื่ออิ่มของคาวพวกเราก็มาเต็มน้ำตาลเข้าเส้นเลือดที่ “หน้ามน หนมหวาน” ร้านขนม นม กาแฟ สุดคูล ด้วยต้นไม้ขนาดใหญ่ภายในพื้นที่ล้อมรอบไปด้วยไม้ประดับและดอกไม้ตามทางเดินเข้าภายในอาคารเรือนแก้วใสวิวเกือบ ๓๖๐ องศา ภายในร้านทั้งเก้าอี้โต๊ะของประดับตกแต่งล้วนแปลกตา และของเก่าเหมาะแก่การถ่ายรูป และยิ่งไปกว่านั้นคือ ภาชนะรองรับขนมไอศครีมที่แปลกตาหลากอารมณ์ที่ทำให้พวกเราเพลินไปกับการถ่ายรูป ทั้งหมดนี้แน่นอนว่ารสชาติ และวัตถุดิบของขนมหวานต่างๆย่อมถูกใจเราอย่างไม่ต้องสงสัย
----------^_^---------
ยามเย็นที่บางแสน
หลังจากอิ่มจากอาหารเมื่อใหญ่ก็ได้เวลาเย็น พวกเราจึงมาเดินเล่นริมชายหาดบางแสนจากหน้ามาริน่าซีวิว ซึ่งบรรยายในยามเย็นก็เริ่มมีผู้คนทยอยมาตกปลากันที่ริมเขื่อนหินกั้นคลื่น บางกลุ่มก็จับจองที่นั่งดูพระอาทิตย์ที่เส้นขอบฟ้าของทะเลบางแสน ในขณะที่สองข้างทางร้านอาหาร ร้านเหล้า ร้านนมเริ่มมีชีวิตชีวามากขึ้น ทั้งนักศึกษา และนักท่องเที่ยว พวกเราเดินมาสักพักก็เดินกลับไปกินที่ข้าวเย็นที่โรงแรม ซึ่งจิ๊บได้อาสาจัดเตรียมสถานที่สำหรับดูพระอาทิตย์ตกดินเช่นกัน
Unseen the marina seaview bangsaen
จิ๊บพาพวกเราขึ้นดาดฟ้าของอาคารใกล้ๆมาริน่าซีวิวซึ่งกำลังจะปรับเปลี่ยนเป็นโรงแรมอีกส่วนของที่นี่ เมื่อไปถึงดาดฟ้าพวกเราประทับใจกับสิ่งจิ๊บเตรียมให้เรามากนั่นคือสถานที่ดินเนอร์สุดชิวคล้อยตาเพลินไปกับการถ่ายรูปพระอาทิตย์ลาเส้นขอบฟ้าและวิวยามเย็นของบางแสนจากมุมสูงของมาริน่าซีวิว ซึ่งถ้ามองจากด้านขวามือของทะเลบางแสนจะเห็นสะพานปลาพุ่งไปในทะเลถัดออกก็เป็นสวนสาธารณะที่กำลังเคลื่อนไหวไปกับเสียงเพลงแอลโรบิค พอเรื่อยไปในตอนค่ำทางฝั่งสะพานปลาพวกเราเห็นแสงไฟเหลืองแดงของเรือประมงขนาดเล็กเต้นแข็งกันระยิบระยับอย่างไม่รู้เหนื่อย ต่อจากนั้นจิ๊บได้แนะนำร้านเหล้าริมทะเลเพื่อขับกล่อมเราในคืนนี้ ซึ่งตัวเลือกของเรามี La Mer Bangsaen กับ The Beach Bangsaen โดยเมื่อเย็นย่ำที่ผ่านมาเราสำรวจทั้ง 2 ที่แล้วซึ่งนั้นทำให้พวกเราลังเลและคิดหนัก สุดท้ายพวกเราเลือก The Beach
-----------^_^-----------
The Beach Bangsaen
เดอะบีช บางแสนเป็นร้านเหล้าและร้านอาหารริมทะเลที่แบ่งเป็นสองโซนคือ โซนด้านนอกสำหรับนั่งรับลมฟังแสงคลื่นและดนตรีสด อาหารของที่นี่มีหลากหลายรสชาติได้มาตรฐาน เครื่องดื่มพร้อมพรั่งสนองความต้องการของนักดื่มได้ตามอารมณ์ทั้งเบียร์ เหล้า ค็อกเทล และน้ำผลไม้ปั่น พวกเราใช้เวลาที่นี่จนเที่ยงคืน ก่อนกลับผมทิ้งความทรงจำไว้ที่เดอะบีช หวังไว้ว่าคราวหน้าจะกลับมาเอาคืน เพราะคราวนี้ผมไม่ได้เตรียมตัวเลยจริงๆ
----------^_^----------
รุ่งเช้าที่บางแสน
เช้านี้ผมรีบตื่นขึ้นมาด้วยใจมุ่งมั่นที่จะมาดูตลาดอาหารทะเลที่อยู่เยื้องไปทางซ้ายจากมาริน่าซีวิวเพียงสบตาเห็นใต้ต้นมะพร้าวนั้น เรือหาปลาขนาดเล็กๆจะทยอยนำปลาที่จับได้มาคัดแยกแบ่งขายในราคาถูกมากๆ ทั้ง ปูม้า ปูดำ หมึก กั้ง กุ้ง และปลานานาชนิดขึ้นอยู่ว่าทะเลจะใจดีให้อะไรเรากิน ผมได้ปูม้ามา ๑ กิโลกรัม ในราคาเพียง 200 บาท พร้อมปูดำ และกั้งนิดหน่อยเป็นของแถม ก่อนจะไปจ้างอากงภายในบ้านใกล้ๆที่รับนึ่งของทะเลในราคาโลละ 20 บาท ผมนำปูมาใส่จานรอเพื่อนๆพร้อมกับอาหารเช้าของมาริน่าซีวิวที่เป็นสลัดผัก อเมริกันเบรคฟาส และขนมใส่ไส้ที่หอมหวานนุ่มลิ้น ผมชอบมากกินไปเยอะจนทางมาริน่าซีวิวให้กลับมาเป็นที่ระลึกก่อนจากลา
บางแสนเมื่อแรกสัมผัส
ผมยอมรับความจริงว่าถ้าเพื่อนไม่ชวนมาบางแสน ในหัวผมถ้าคิดถึงทะเลผมก็ไม่เคยคิดถึงบางแสนเลย แต่เมื่อผมได้มีโอกาสสัมผัสบางแสนโดยบังเอิญในครั้งนี้ ผมปฏิเสธไม่ได้เลยว่าที่นี่ตรึงความรู้สึกผมให้คิดถึงเมื่อแรกรู้จัก ดังนั้น ๒ วัน ๑ คืนไม่พอหรอกครับสำหรับที่นี่เพราะรายละเอียดที่ซ่อนไว้มันเยอะมากจริงๆ อาจเป็นเพราะบางแสนเป็นเมืองที่มีมหาวิทยาลัยขนาดใหญ่ตั้งอยู่ เป็นเมืองที่เป็นทางผ่านของสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญมากมาย และเป็นเมืองที่รายล้อมไปด้วยนิคมอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ บางแสนจึงมีวัฒนธรรม วีถีชีวิตเฉพาะถิ่น ส่วนหนึ่งก็มาจากการที่เป็นเมืองมหาวิทยาลัยที่ทำให้ความเป็นนักศึกษาแทรกอยู่ทุกหนแห่งของนี้ทั้งร้านอาหารอาร์ตๆ ร้านขนม ร้านนม ร้านกาแฟที่เฟี้ยวฟ่าวน่ารักอีกหลายร้านที่ผมได้แต่มองผ่านเพราะไม่มีเวลา ส่วนพื้นที่ริมชายหาดก็คึกคักมีชีวิตชีวารับใช้นักท่องเที่ยวนักศึกษาที่ผมยังไม่ได้สัมผัส อีกส่วนก็มาจากที่เป็นทางผ่านไปยังสถานที่เที่ยวอื่นๆและรอบล้อมด้วยนิคมอุตสาหกรรมทำให้ความเจริญความสะดวกสบายของถนนที่พักศูนย์การค้าต่างๆครบครัน ทั้งหมดนี้ผมบอกได้เลยว่าสำหรับต้องมีนับ ๒ ๓ และนับต่อไปอีกแน่ที่บางแสน
ขอบคุณ จิ๊บ และ มาริน่าซีวิว บางแสน สำหรับการพาเที่ยว และที่พัก ขอบคุณ ต้อ ต้นเปิ้ล ที่ชวนเที่ยวในครั้งนี้ และเอื้อเฟื้อรูปถ่ายสวยๆประกอบการเขียน