ตามล่าหาปลาการ์ตูนหน้าฝนที่เกาะทะลุ+++นอนดูพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลบนเตียงนอนที่ Sunshine Paradise Resort

วันที่ผมไปดำน้ำได้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวมาให้ชมด้วยครับ
ทริปนี้ขอรีวิวเที่ยววันธรรมดา 3วัน 2 คืน ที่บอกได้ว่าสุดคุ้มและสุดฟิน ที่บอกว่าสุดคุ้มเพราะวันธรรมดาเที่ยวราคาประหยัด ที่บอกว่าสุดฟินเพราะแต่ละที่ที่เราไปคนน้อยได้ถ่ายรูปเต็มที่แบบไม่ติดผู้คนมากมาย ที่สำคัญไม่ต้องไปแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวแย่งกันพัก
จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะว่าใช้ที่พักเป็นตัวกำหนดโซนการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งตอนทำการบ้านก็ว่างแผนไว้เยอะมากว่าจะเที่ยวที่ไหนบ้าง แต่แผนก็คือแผนปรับเปลี่ยนได้เสมอ สรุปหลักๆก็จะไปดำน้ำที่เกาะทะลุ เป็น วันเดย์ทริป ส่วนวันที่เดินทางก็แวะเที่ยวระหว่างทางเอา
วันแรกของการเดินทาง
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯใช้เส้นทางด่วนลงถนนพระราม 2 ขับตรงยาวผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เฉียดจังหวัดราชบุรี เข้าจังหวัดเพชรบุรีแล้วไปเส้นเลี่ยงเมืองชะอำเพราะว่าถ้าเข้าเส้นนั้นรถจะเยอะไปเจอรถติดที่หัวหิน
ที่แรกที่แวะก็อยู่ที่หัวหินแต่สามารถเข้าทางเลี่ยงเมืองได้ ที่ที่ว่าคือ อุทยานราชภักดิ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งความศรัธราภักดีต่อวีรกษัตริย์ไทย 7 พระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อว่า "อุทยานราชภักดิ์" ซึ่งเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม ๗ พระองค์ ได้แก่
๑.พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย)
๒.สมเด็จพระนเรศวร (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
๓.สมเด็จพระนารายณ์ (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
๔.สมเด็จพระเจ้าตากสิน (สมัยกรุงธนบุรี)
๕.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
๖.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
๗.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ในบริเวณ 222 ไร่ มีเจ้าหน้าที่ทหารคอยอำนวยความสะดวกให้ไม่ว่าจะเป็นจุดจอดรถหรือจุดบริการ อยากให้มาเที่ยวเพราะว่าจะเห็นความยิ่งใหญ่อลังการถึงแม้ว่าจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมก็ตาม
หลังจากแวะเที่ยวถ่ายรูปก็เดินทางกันต่อ มุ่งหน้าสู่ที่พัก Sunshine Paradise Resort ทับสะแก เพื่อเช็คอินเก็บสัมภาระและพักผ่อน เพราะว่าวันรุ่งขึ้นหรือวันที่สองของการเดินทางจะไปดำน้ำที่เกาะทะลุ
เมื่อมาถึงที่นี่บริเวณส่วนต้อนรับถูกจัดแต่งแบบผสมระหว่างโมเดิร์นและเครื่องสาน พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มแจ่มใสดีครับตรงนี้สำหรับผมถือว่าสำคัญมาก หลังจาก check-in เรียบร้อยพนักงานพาผมไปส่งถึงห้องพักและอธิบายว่าสิ่งไหนทำได้สิ่งไหนที่ควรเลี่ยง อ่อลืมบอกครับว่า เราสามารถจอดรถหน้าห้องพักได้เลย ใครที่รักรถต้องชอบแน่ๆเพราะนอกจะจอดรถหน้าห้องพักได้ตรงจุดจอดรถยังมีหลังคาให้ด้วย ผมนี่บอกตรงๆครับเป็นปลื้ม
ก่อนที่จะออกไปสำรวจด้านนอกขอสำรวจห้องพักของตัวเองก่อนครับ เริ่มจากเปิดประตูห้อง ซ้ายมือเป็นโซนครัวมีโต๊ะบาร์ขนาดใหญ่ ซิ้งค์ล้างจาน ไมโครเวฟ จาน ชาม ช้อนกาน้ำร้อน เรียกได้ว่าครบมาก อ่อมีตู้เย็นตู้ใหญ่มากแบบไม่เคยเจอที่พักไหนให้แบบนี้มาก่อน ขวามือเป็นทางเข้าห้องน้ำสามารถทะลุเข้าห้องนอนได้เลยครับ
ห้องน้ำมี 2 Shower ใหญ่ๆเหมาะมากกับคนมีคู่ จากห้องน้ำสามารถมองผ่านเตียงนอน ผ่านสระว่ายน้ำ ผ่านทะเลไปสุดสายตา มีอ่างจากุซชี่ให้แช่สบายๆ ส่วนเครื่องอำนวยความสะดวกในห้องน้ำมีครบไปแค่ตัวยังอยู่แบบสบายๆครับ
เข้ามาดูต่อที่ห้องนอน ผนังห้องสามารถเปิดได้เป็นบานหมุน มีทีวีและลำโพงพร้อมสายสามารถเสียบตรงเข้าโทรศัพท์มือถือได้เลย แต่ที่ถือว่าสุดมากคือ จากเตียงนอนสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้เลยเพียงแค่เปิดม่านออกเท่านั้น
มาในโซน living room เป็นโซฟาใหญ่นั่งชมวิวสระว่ายน้ำ ชมวิวทะเลได้เช่นกัน ถ้าจะดูทีวีก็แค่หมุนผนังห้องนอนบานที่มีทีวีก็ดูได้สบายๆแล้วครับ
ออกมาที่สระว่ายน้ำ มีเตียงพร้อมเบาะนอนเล่นและยังมีหลุมเบาะไว้นั่งเล่น นั่งชิล จั่งจิบเครื่องดื่มอีกด้วย สระว่ายน้ำกว้างพอให้ดำผุดดำว่ายกำลังดีแบบอบอุ่นไม่กว้างจนเคว้งคว้าง ไม่แคบจนอึดอัด
สำรวจห้องเรียบร้อยถึงเวลาสำรวจพื้นที่รอบๆบ้างว่ามีอะไรให้เล่นให้ซนบ้าง อ่อมีสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุเห็นคือ มีทางลาดในทุกๆที่ น่าจะไว้สำหรับรถวิลแชร์ เรื่องนี้ผมว่าดีมากเพราะหลายๆที่ไม่มีเส้นทางลาด
โซนแรกคือสระว่ายน้ำกลางที่มาพร้อมกับห้องฟิตเนสขนาดกระทัดลัด มีเครื่องเวท จักรยาน ล็อกเกอร์ ส่วนสระว่ายน้ำผมว่าทำได้ดี เรียกได้ว่า อินฟินิตี้วิวพูลก็ไม่เชิง แต่น่าว่ายน้ำมาก
ด้านล่างสระว่ายน้ำเป็นบาร์เครื่องดื่ม มีให้เลือกทั้งค็อกเทล น้ำผลไม้และแอลกอฮอล์ มีโต๊ะให้นั่งจิบเครื่องดื่มยามเย็น จิบเครื่องดื่มไปชมวิวไปเพลินเลย
ห้องอาหารอยู่บริเวณชั้นสองครับมีในส่วนที่เป็นห้องแอร์และโซนโอเพ่นแอร์ ถ้าอยากชิวและโรแมนติดผมแนะนำด้านนอกโซนโอเพ่นแอร์หรือพอทานอาหารเสร็จด้านบนห้องหาหารก็มีโซนนั่งชิวเป็นหญ้าเทียมชมวิวมุมสูง
รสชาติอาหารจากที่สั่งมาทานคือ หมึกนึ่งมะนาว หมึกแดดเดียว ปลากระพงทอดราดน้ำปลาและฉู่ฉี่ปลาทู รสชาติดีครับไม่ต้องขับรถออกไปทานที่อื่นเลยที่สำคัญราคาไม่แพงเท่าๆกับร้านอาหารทั่วไป
ด้วยความที่ Sunshine paradise เป็น pool villa ติดริมทะเล จะไม่พูดถึงทะเลเลยก็ไม่ได้ อยางที่บอกไว้ทีแรกว่าถ้าพัก pool villa จะอยู่ติดทะเลและเป็นวิวทะเลทุกห้องครับ ชายหาดสามารถลงเล่นได้ ทรายค่อนข้างละเอียดและสะอาดครับ ซึ่งที่รีสอร์ทมีเรือคายักไว้ให้พายเล่นด้วยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายนอกจากว่าเราทำชำรุดเสียหาย
บริเวณอ่าวจะมีเรือประมงลอยลำอยู่ในตอนกลางวัน ส่วนตอนเย็นค่ำๆเรือจะออกไปหาหมึกเราจะเห็นแสงเขียวๆในท้องทะเล แต่ช่วงเย็นจะมีคนมาหาปลาลากอวนชายฝั่งสามารถไปดูไปคุยกับเขาได้ครับเพราะว่าผมเองก็เดินไปคุยเรียนรู้วิถีประมงพื้นบ้านครับ
[SR] ตามล่าหาปลาการ์ตูนหน้าฝนที่เกาะทะลุ+++นอนดูพระอาทิตย์ขึ้นจากทะเลบนเตียงนอนที่ Sunshine Paradise Resort
วันที่ผมไปดำน้ำได้ถ่ายภาพเคลื่อนไหวมาให้ชมด้วยครับ
ทริปนี้ขอรีวิวเที่ยววันธรรมดา 3วัน 2 คืน ที่บอกได้ว่าสุดคุ้มและสุดฟิน ที่บอกว่าสุดคุ้มเพราะวันธรรมดาเที่ยวราคาประหยัด ที่บอกว่าสุดฟินเพราะแต่ละที่ที่เราไปคนน้อยได้ถ่ายรูปเต็มที่แบบไม่ติดผู้คนมากมาย ที่สำคัญไม่ต้องไปแย่งกันกินแย่งกันเที่ยวแย่งกันพัก
จุดหมายปลายทางของการเดินทางครั้งนี้อยู่ที่ อ.ทับสะแก จ.ประจวบคีรีขันธ์ เพราะว่าใช้ที่พักเป็นตัวกำหนดโซนการเดินทางท่องเที่ยว ซึ่งตอนทำการบ้านก็ว่างแผนไว้เยอะมากว่าจะเที่ยวที่ไหนบ้าง แต่แผนก็คือแผนปรับเปลี่ยนได้เสมอ สรุปหลักๆก็จะไปดำน้ำที่เกาะทะลุ เป็น วันเดย์ทริป ส่วนวันที่เดินทางก็แวะเที่ยวระหว่างทางเอา
วันแรกของการเดินทาง
ผมออกเดินทางจากกรุงเทพฯใช้เส้นทางด่วนลงถนนพระราม 2 ขับตรงยาวผ่านจังหวัดสมุทรสาคร สมุทรสงคราม เฉียดจังหวัดราชบุรี เข้าจังหวัดเพชรบุรีแล้วไปเส้นเลี่ยงเมืองชะอำเพราะว่าถ้าเข้าเส้นนั้นรถจะเยอะไปเจอรถติดที่หัวหิน
ที่แรกที่แวะก็อยู่ที่หัวหินแต่สามารถเข้าทางเลี่ยงเมืองได้ ที่ที่ว่าคือ อุทยานราชภักดิ์ ซึ่งถือได้ว่าเป็นสถานที่ท่องเที่ยวแห่งความศรัธราภักดีต่อวีรกษัตริย์ไทย 7 พระองค์ โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระราชทานชื่อว่า "อุทยานราชภักดิ์" ซึ่งเป็นอุทยานที่สร้างขึ้นด้วยความจงรักภักดีต่อพระมหากษัตริย์ และเพื่อเป็นการเทิดทูนและประกาศเกียรติคุณสมเด็จพระมหากษัตริย์แห่งสยาม ๗ พระองค์ ได้แก่
๑.พ่อขุนรามคำแหง (สมัยกรุงสุโขทัย)
๒.สมเด็จพระนเรศวร (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
๓.สมเด็จพระนารายณ์ (สมัยกรุงศรีอยุธยา)
๔.สมเด็จพระเจ้าตากสิน (สมัยกรุงธนบุรี)
๕.พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก (รัชกาลที่ 1 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
๖.พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 4 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
๗.พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (รัชกาลที่ 5 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์)
ในบริเวณ 222 ไร่ มีเจ้าหน้าที่ทหารคอยอำนวยความสะดวกให้ไม่ว่าจะเป็นจุดจอดรถหรือจุดบริการ อยากให้มาเที่ยวเพราะว่าจะเห็นความยิ่งใหญ่อลังการถึงแม้ว่าจะมีการปรับปรุงเพิ่มเติมก็ตาม
หลังจากแวะเที่ยวถ่ายรูปก็เดินทางกันต่อ มุ่งหน้าสู่ที่พัก Sunshine Paradise Resort ทับสะแก เพื่อเช็คอินเก็บสัมภาระและพักผ่อน เพราะว่าวันรุ่งขึ้นหรือวันที่สองของการเดินทางจะไปดำน้ำที่เกาะทะลุ
เมื่อมาถึงที่นี่บริเวณส่วนต้อนรับถูกจัดแต่งแบบผสมระหว่างโมเดิร์นและเครื่องสาน พนักงานต้อนรับยิ้มแย้มแจ่มใสดีครับตรงนี้สำหรับผมถือว่าสำคัญมาก หลังจาก check-in เรียบร้อยพนักงานพาผมไปส่งถึงห้องพักและอธิบายว่าสิ่งไหนทำได้สิ่งไหนที่ควรเลี่ยง อ่อลืมบอกครับว่า เราสามารถจอดรถหน้าห้องพักได้เลย ใครที่รักรถต้องชอบแน่ๆเพราะนอกจะจอดรถหน้าห้องพักได้ตรงจุดจอดรถยังมีหลังคาให้ด้วย ผมนี่บอกตรงๆครับเป็นปลื้ม
ก่อนที่จะออกไปสำรวจด้านนอกขอสำรวจห้องพักของตัวเองก่อนครับ เริ่มจากเปิดประตูห้อง ซ้ายมือเป็นโซนครัวมีโต๊ะบาร์ขนาดใหญ่ ซิ้งค์ล้างจาน ไมโครเวฟ จาน ชาม ช้อนกาน้ำร้อน เรียกได้ว่าครบมาก อ่อมีตู้เย็นตู้ใหญ่มากแบบไม่เคยเจอที่พักไหนให้แบบนี้มาก่อน ขวามือเป็นทางเข้าห้องน้ำสามารถทะลุเข้าห้องนอนได้เลยครับ
ห้องน้ำมี 2 Shower ใหญ่ๆเหมาะมากกับคนมีคู่ จากห้องน้ำสามารถมองผ่านเตียงนอน ผ่านสระว่ายน้ำ ผ่านทะเลไปสุดสายตา มีอ่างจากุซชี่ให้แช่สบายๆ ส่วนเครื่องอำนวยความสะดวกในห้องน้ำมีครบไปแค่ตัวยังอยู่แบบสบายๆครับ
เข้ามาดูต่อที่ห้องนอน ผนังห้องสามารถเปิดได้เป็นบานหมุน มีทีวีและลำโพงพร้อมสายสามารถเสียบตรงเข้าโทรศัพท์มือถือได้เลย แต่ที่ถือว่าสุดมากคือ จากเตียงนอนสามารถมองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้เลยเพียงแค่เปิดม่านออกเท่านั้น
มาในโซน living room เป็นโซฟาใหญ่นั่งชมวิวสระว่ายน้ำ ชมวิวทะเลได้เช่นกัน ถ้าจะดูทีวีก็แค่หมุนผนังห้องนอนบานที่มีทีวีก็ดูได้สบายๆแล้วครับ
ออกมาที่สระว่ายน้ำ มีเตียงพร้อมเบาะนอนเล่นและยังมีหลุมเบาะไว้นั่งเล่น นั่งชิล จั่งจิบเครื่องดื่มอีกด้วย สระว่ายน้ำกว้างพอให้ดำผุดดำว่ายกำลังดีแบบอบอุ่นไม่กว้างจนเคว้งคว้าง ไม่แคบจนอึดอัด
สำรวจห้องเรียบร้อยถึงเวลาสำรวจพื้นที่รอบๆบ้างว่ามีอะไรให้เล่นให้ซนบ้าง อ่อมีสิ่งหนึ่งที่ผมสังเกตุเห็นคือ มีทางลาดในทุกๆที่ น่าจะไว้สำหรับรถวิลแชร์ เรื่องนี้ผมว่าดีมากเพราะหลายๆที่ไม่มีเส้นทางลาด
โซนแรกคือสระว่ายน้ำกลางที่มาพร้อมกับห้องฟิตเนสขนาดกระทัดลัด มีเครื่องเวท จักรยาน ล็อกเกอร์ ส่วนสระว่ายน้ำผมว่าทำได้ดี เรียกได้ว่า อินฟินิตี้วิวพูลก็ไม่เชิง แต่น่าว่ายน้ำมาก
ด้านล่างสระว่ายน้ำเป็นบาร์เครื่องดื่ม มีให้เลือกทั้งค็อกเทล น้ำผลไม้และแอลกอฮอล์ มีโต๊ะให้นั่งจิบเครื่องดื่มยามเย็น จิบเครื่องดื่มไปชมวิวไปเพลินเลย
ห้องอาหารอยู่บริเวณชั้นสองครับมีในส่วนที่เป็นห้องแอร์และโซนโอเพ่นแอร์ ถ้าอยากชิวและโรแมนติดผมแนะนำด้านนอกโซนโอเพ่นแอร์หรือพอทานอาหารเสร็จด้านบนห้องหาหารก็มีโซนนั่งชิวเป็นหญ้าเทียมชมวิวมุมสูง
รสชาติอาหารจากที่สั่งมาทานคือ หมึกนึ่งมะนาว หมึกแดดเดียว ปลากระพงทอดราดน้ำปลาและฉู่ฉี่ปลาทู รสชาติดีครับไม่ต้องขับรถออกไปทานที่อื่นเลยที่สำคัญราคาไม่แพงเท่าๆกับร้านอาหารทั่วไป
ด้วยความที่ Sunshine paradise เป็น pool villa ติดริมทะเล จะไม่พูดถึงทะเลเลยก็ไม่ได้ อยางที่บอกไว้ทีแรกว่าถ้าพัก pool villa จะอยู่ติดทะเลและเป็นวิวทะเลทุกห้องครับ ชายหาดสามารถลงเล่นได้ ทรายค่อนข้างละเอียดและสะอาดครับ ซึ่งที่รีสอร์ทมีเรือคายักไว้ให้พายเล่นด้วยโดยไม่มีค่าใช้จ่ายนอกจากว่าเราทำชำรุดเสียหาย
บริเวณอ่าวจะมีเรือประมงลอยลำอยู่ในตอนกลางวัน ส่วนตอนเย็นค่ำๆเรือจะออกไปหาหมึกเราจะเห็นแสงเขียวๆในท้องทะเล แต่ช่วงเย็นจะมีคนมาหาปลาลากอวนชายฝั่งสามารถไปดูไปคุยกับเขาได้ครับเพราะว่าผมเองก็เดินไปคุยเรียนรู้วิถีประมงพื้นบ้านครับ