ไม่พูดพร่ำทำเพลงละ เริ่มเลยละกัน กระทู้นี้ไม่ได้หวังให้คนมาตอบ แค่ขอให้เป็นพื้นที่เล็กๆให้เราได้ระบายความในใจบ้างก็แล้วกัน ใครหลงมาอ่านก็อ่านเพลินๆไปนะคะ
เราอายุ 26 เคยผ่านการแต่งงานมา และมันล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะตัวของเราเอง ตั้งแต่หย่ากับอดีตสามีมา ก็ใช้ชีวิตแค่คอนโด-บนรถ-ที่ทำงาน มีแค่นี้จริงๆค่ะ ส่วนใหญ่เจอแต่คนในออฟฟิศ ผู้ชงผู้ชายน่ะหรอ ไม่ตกถึงมือหรอกค่ะ จะเอาเวลาที่ไหนไปหา แค่ทำงานก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว เคยแอบชอบคนนึง แต่ก็ล้มเหลวแหละ ไม่กล้าคุยกับเค้า + มันคงเป็นแค่ first impression ล่ะมั้ง เลยไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ต่อ จบแค่คนรู้จักเท่านั้นเอง
ก็ใช้ชีวิตมาเรื่อยๆ ไม่ได้โฟกัสความรัก ใครมาคุยก็คุยนะคะ แต่ถ้าไม่คลิ๊กกันเราจะบอกเค้าตรงๆว่าไม่ใช่นะ คือเราก็ไม่ได้สวยนะคะที่ทำแบบนี้ แต่คนเรามันต้องมีความชัดเจนสิ ถูกไหม? จนแบบถึงจุดหนึ่งก็คิดกับตัวเอง เออถ้าสมมติไม่เจอใครถูกใจจริงๆ ยังไงก็จะไม่คุย เริ่มเบื่อกับชีวิตที่คุยกับคนนั้นทีคนนี้ที เก็บไว้คุยกับคนที่เราอยากคุยกับเค้าจริงๆดีกว่า คงจะดีไม่น้อย อีกอย่างเราก็อายุขนาดนี้ละ จะคุยเล่นๆมันก็ไม่ใช่แล้ว แก่แล้ว 5555
จนแบบได้รู้จักกับคนนึง ด้วยความบังเอิญมั้งหรือเราอาจจะคิดไปเอง คือเราติดตามผลงานของช่างภาพท่านหนึ่ง ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากนะคะ เราชอบโทนสีของเค้า ก็เลยกดติดตาม เวลาเค้าลงรูปอะไรสวยๆถ้ารูปไหนถูกใจแล้วเราชอบ เราจะไปคอมเมนต์ว่าขออนุญาติแคปรูปไปตั้งเป็น wallpaper หน้าจอมือถือนะคะ คือเพื่อนมองว่าเราติ๊งต๊อง แต่ด้วยความที่เราทำงานร่วมกับคนสายนี้ เรามองว่าถ้าเราอยากได้รูปใครมาใช้ส่วนตัวไม่ใช่เชิงพาณิชย์ ขออนุญาติเจ้าของก่อน เค้าคงดีใจไม่น้อยค่ะ
เกริ่นมาซะยาวเรื่องช่างภาพ คือผู้ชายที่เราจะพูดถึงเค้าก็เป็นคนที่ติดตามช่างภาพคนนี้เหมือนเรา เค้าเลย follow instagramของเรามาค่ะ เผอิญช่วงนั้นเราไม่ได้ private เค้าเลยติดตามเราได้เลย ปกติเราจะรับแค่คนรู้จักเท่านั้น ทีนี้เค้าก็มาไลค์รูปเราประมาณ5-6รูป เราเลยฟอลกลับไป คิดว่าคงเป็นเพื่อนของเพื่อนที่อาจจะเคยเจอกัน จนเค้าส่งรูปของช่างภาพคนนั้นมาทาง direct บอกว่าชอบรูปนี้เหมือนกันเลย ก็คุยๆไปๆมา สรุปไม่ใช่เพื่อนของเพื่อน แค่เค้าเห็นเราไปเมนต์ขออนุญาติเจ้าของภาพบ่อยๆ เค้าเลยฟอลโล่วมาทำความรู้จัก แถมชอบช่างภาพคนเดียวกันค่ะ คุยๆไปๆมาๆ เค้าก็เลยขอไลน์เรา เราก็โอเคให้ไป เพราะคุยทางไดเรคนี่ลำบากค่ะ
เล่าประวัติคร่าวๆ พี่เค้าแก่กว่าเรา5ปีนะคะ โสด ไม่เคยแต่งงาน แค่เกือบแต่ง แต่เลิกกันก่อน lifestyle คล้ายๆกะเรา แค่เพิ่มการออกกำลังกาย ปั่นจักรยานไปแค่นั้น คนละสายงานกัน แต่คุยปรึกษากันได้หลายเรื่องอยู่ค่ะ เค้าบอกสาเหตุที่เค้าไม่มีแฟน คงคล้ายๆกะเรา เอาจริงๆแรกๆคุยกันไม่เชิงจีบอะไรทั้งนั้น เหมือนเรียนรู้วิถีชีวิตของอีกฝ่ายมากกว่า ดูมุมมองทัศนคติของอีกฝ่าย เพราะมีข่าวอะไรเราจะอัพเดตกันตลอด ดุจสรยุทธ์และน้องไบท์
จนสนิทกันระดับนึงมั้งคะ ถึงเล่าอดีตของอีกฝ่ายให้ฟังได้ เค้าเริ่มที่จะเล่าเรื่องก่อน ส่วนเราก็เล่าบ้าง พาร์ทนี้ขอข้ามไปนะคะ แค่เรารู้ดีเทลของกันและกันมากขึ้นเท่านั้น มีเล่าเรื่องในครอบครัวบ้าง เล่าเรื่องที่ทำงาน มีให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษาให้กันและกันค่ะ เวลาใครเครียดอะไรมา ก็มาระบายในไลน์กันตลอด ผลัดกันเครียดเรื่องงาน ต้องผลัดกันปลอบใจทุกวันค่ะ เดี๋ยวเค้าเดี๋ยวเราสลับกัน
จนข้ามมาอีกขั้น แอดวานซ์โทรปรึกษา เริ่มจากการที่เราลังเลที่จะตัดสินใจเรื่องทำงานค่ะ เราเลยขอเบอร์เค้าและโทรไปเล่าให้เค้าฟัง ตอนที่ขอเบอร์เค้าขอโทรไปคุย ในใจคือเครียดเรื่องงานจริงค่ะ เค้าก็เป็นผู้ฟังที่น่ารักนะ คุยกันประมาณ2-3ชม.ได้ นี่คือคุยครั้งแรกนะคะ หลังจากนั้นก็คุยไลน์เหมือนเดิม ถ้าไม่มีธุระอะไรเร่งด่วนก็คุยในไลน์ค่ะส่วนมาก เพราะคุยกันจิปาถะเรื่อยเปื่อย
จนถึงวันที่นัดทานข้าวกัน เค้าเป็นคนชวนนะ เราก็ไปค่ะ ตอนนั้นเริ่มรู้สึกดีไม่ถึงกับชอบ ก็นัดทานข้าวที่ห้าง ทานข้าวไปเม้ามอยไป คุยกันได้แทบทุกเรื่อง มื้อนั้นเค้าเลี้ยง เห็นเค้าบ่นอยากกินครัวซองต์ไทยากิเราเลยถือโอกาสเลี้ยงกลับเลยละกัน เดทแรกผลัดกันเลี้ยงสนุกดีค่ะ ตามประสาคนอายุเท่านี้ จะมาหวานงุ้งงิ้งคงจะยาก หลังจากเจอกันเราประทับใจเค้ามากขึ้นค่ะยอมรับ
ขอระบายความอึดอัดในใจเกี่ยวกับความรักของเรา
เราอายุ 26 เคยผ่านการแต่งงานมา และมันล้มเหลวไม่เป็นท่าเพราะตัวของเราเอง ตั้งแต่หย่ากับอดีตสามีมา ก็ใช้ชีวิตแค่คอนโด-บนรถ-ที่ทำงาน มีแค่นี้จริงๆค่ะ ส่วนใหญ่เจอแต่คนในออฟฟิศ ผู้ชงผู้ชายน่ะหรอ ไม่ตกถึงมือหรอกค่ะ จะเอาเวลาที่ไหนไปหา แค่ทำงานก็แทบจะไม่มีเวลาแล้ว เคยแอบชอบคนนึง แต่ก็ล้มเหลวแหละ ไม่กล้าคุยกับเค้า + มันคงเป็นแค่ first impression ล่ะมั้ง เลยไม่ได้พัฒนาความสัมพันธ์ต่อ จบแค่คนรู้จักเท่านั้นเอง
ก็ใช้ชีวิตมาเรื่อยๆ ไม่ได้โฟกัสความรัก ใครมาคุยก็คุยนะคะ แต่ถ้าไม่คลิ๊กกันเราจะบอกเค้าตรงๆว่าไม่ใช่นะ คือเราก็ไม่ได้สวยนะคะที่ทำแบบนี้ แต่คนเรามันต้องมีความชัดเจนสิ ถูกไหม? จนแบบถึงจุดหนึ่งก็คิดกับตัวเอง เออถ้าสมมติไม่เจอใครถูกใจจริงๆ ยังไงก็จะไม่คุย เริ่มเบื่อกับชีวิตที่คุยกับคนนั้นทีคนนี้ที เก็บไว้คุยกับคนที่เราอยากคุยกับเค้าจริงๆดีกว่า คงจะดีไม่น้อย อีกอย่างเราก็อายุขนาดนี้ละ จะคุยเล่นๆมันก็ไม่ใช่แล้ว แก่แล้ว 5555
จนแบบได้รู้จักกับคนนึง ด้วยความบังเอิญมั้งหรือเราอาจจะคิดไปเอง คือเราติดตามผลงานของช่างภาพท่านหนึ่ง ไม่ได้มีชื่อเสียงอะไรมากนะคะ เราชอบโทนสีของเค้า ก็เลยกดติดตาม เวลาเค้าลงรูปอะไรสวยๆถ้ารูปไหนถูกใจแล้วเราชอบ เราจะไปคอมเมนต์ว่าขออนุญาติแคปรูปไปตั้งเป็น wallpaper หน้าจอมือถือนะคะ คือเพื่อนมองว่าเราติ๊งต๊อง แต่ด้วยความที่เราทำงานร่วมกับคนสายนี้ เรามองว่าถ้าเราอยากได้รูปใครมาใช้ส่วนตัวไม่ใช่เชิงพาณิชย์ ขออนุญาติเจ้าของก่อน เค้าคงดีใจไม่น้อยค่ะ
เกริ่นมาซะยาวเรื่องช่างภาพ คือผู้ชายที่เราจะพูดถึงเค้าก็เป็นคนที่ติดตามช่างภาพคนนี้เหมือนเรา เค้าเลย follow instagramของเรามาค่ะ เผอิญช่วงนั้นเราไม่ได้ private เค้าเลยติดตามเราได้เลย ปกติเราจะรับแค่คนรู้จักเท่านั้น ทีนี้เค้าก็มาไลค์รูปเราประมาณ5-6รูป เราเลยฟอลกลับไป คิดว่าคงเป็นเพื่อนของเพื่อนที่อาจจะเคยเจอกัน จนเค้าส่งรูปของช่างภาพคนนั้นมาทาง direct บอกว่าชอบรูปนี้เหมือนกันเลย ก็คุยๆไปๆมา สรุปไม่ใช่เพื่อนของเพื่อน แค่เค้าเห็นเราไปเมนต์ขออนุญาติเจ้าของภาพบ่อยๆ เค้าเลยฟอลโล่วมาทำความรู้จัก แถมชอบช่างภาพคนเดียวกันค่ะ คุยๆไปๆมาๆ เค้าก็เลยขอไลน์เรา เราก็โอเคให้ไป เพราะคุยทางไดเรคนี่ลำบากค่ะ
เล่าประวัติคร่าวๆ พี่เค้าแก่กว่าเรา5ปีนะคะ โสด ไม่เคยแต่งงาน แค่เกือบแต่ง แต่เลิกกันก่อน lifestyle คล้ายๆกะเรา แค่เพิ่มการออกกำลังกาย ปั่นจักรยานไปแค่นั้น คนละสายงานกัน แต่คุยปรึกษากันได้หลายเรื่องอยู่ค่ะ เค้าบอกสาเหตุที่เค้าไม่มีแฟน คงคล้ายๆกะเรา เอาจริงๆแรกๆคุยกันไม่เชิงจีบอะไรทั้งนั้น เหมือนเรียนรู้วิถีชีวิตของอีกฝ่ายมากกว่า ดูมุมมองทัศนคติของอีกฝ่าย เพราะมีข่าวอะไรเราจะอัพเดตกันตลอด ดุจสรยุทธ์และน้องไบท์
จนสนิทกันระดับนึงมั้งคะ ถึงเล่าอดีตของอีกฝ่ายให้ฟังได้ เค้าเริ่มที่จะเล่าเรื่องก่อน ส่วนเราก็เล่าบ้าง พาร์ทนี้ขอข้ามไปนะคะ แค่เรารู้ดีเทลของกันและกันมากขึ้นเท่านั้น มีเล่าเรื่องในครอบครัวบ้าง เล่าเรื่องที่ทำงาน มีให้กำลังใจ เป็นที่ปรึกษาให้กันและกันค่ะ เวลาใครเครียดอะไรมา ก็มาระบายในไลน์กันตลอด ผลัดกันเครียดเรื่องงาน ต้องผลัดกันปลอบใจทุกวันค่ะ เดี๋ยวเค้าเดี๋ยวเราสลับกัน
จนข้ามมาอีกขั้น แอดวานซ์โทรปรึกษา เริ่มจากการที่เราลังเลที่จะตัดสินใจเรื่องทำงานค่ะ เราเลยขอเบอร์เค้าและโทรไปเล่าให้เค้าฟัง ตอนที่ขอเบอร์เค้าขอโทรไปคุย ในใจคือเครียดเรื่องงานจริงค่ะ เค้าก็เป็นผู้ฟังที่น่ารักนะ คุยกันประมาณ2-3ชม.ได้ นี่คือคุยครั้งแรกนะคะ หลังจากนั้นก็คุยไลน์เหมือนเดิม ถ้าไม่มีธุระอะไรเร่งด่วนก็คุยในไลน์ค่ะส่วนมาก เพราะคุยกันจิปาถะเรื่อยเปื่อย
จนถึงวันที่นัดทานข้าวกัน เค้าเป็นคนชวนนะ เราก็ไปค่ะ ตอนนั้นเริ่มรู้สึกดีไม่ถึงกับชอบ ก็นัดทานข้าวที่ห้าง ทานข้าวไปเม้ามอยไป คุยกันได้แทบทุกเรื่อง มื้อนั้นเค้าเลี้ยง เห็นเค้าบ่นอยากกินครัวซองต์ไทยากิเราเลยถือโอกาสเลี้ยงกลับเลยละกัน เดทแรกผลัดกันเลี้ยงสนุกดีค่ะ ตามประสาคนอายุเท่านี้ จะมาหวานงุ้งงิ้งคงจะยาก หลังจากเจอกันเราประทับใจเค้ามากขึ้นค่ะยอมรับ