ใช้ชีวิตกันยังไงบ้างคะ จะเอาไปให้คนทั้งคู่อ่าน อยากได้กำลังใจดีๆ
ให้น้องทั้งสองคน เพื่อให้เค้าได้ตัดสินใจได้ ปัญหานี้ เรื้อรัง ไม่ได้รับการแก้ไข มานานกว่า 3 ปีแล้ว
เพราะตอนนี้ ผู้ใหญ่ของน้องทั้งสอง ไม่มีใครสนับสนุนให้คนทั้งคู่ออกมาใช้ชีวิตด้วยกันเลยค่ะ
ครอบครัวฝ่าย ญ อยากให้กลับบ้าน แล้วต้องการให้เลิกติดต่อกับฝ่ายชายซะเพราะไม่มีความเป็นผู้นำ ปกป้องลูกสาวเขาไม่ได้
ส่วน ครอบครัวฝ่าย ช ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถทำใจรับน้อง ผญ คนนี้เข้าบ้านได้ เนื่องจากเข้ามาแบบผิดประเพณี และไม่ไว้ใจน้อง ผญ คนนี้ หาว่าเธอปล่อยให้ท้องเพื่อจับผู้ชาย - -"
ตอนนี้ ผญ เริ่มหมดกำลังใจ กำลังจะยื่นลาออกจากงานที่ กทม.
แล้วหอบลูกกลับบ้านแม่ที่ต่างจังหวัด หลังจากที่อยู่สู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองที่ กทม. อยู่สักระยะนึงแล้ว
เธอเลี้ยงลูกเอง มีหน้าที่การงานทำ เป็น พนักงานออฟฟิต เงินเดือนหมื่นปลายๆ ตอนที่มีเรื่องกัน คนทั้งคู่เพิ่งจะเรียนจบ
และปัจจุบันนี้ ทั้งคู่ไม่ได้นอนบ้านเดียวกัน เนื่องจากบ้านฝ่าย ชาย ยังกีดกัน โทรตามให้กลับบ้านทุกคืน
ส่วน ฝ่ายชายยังไม่กล้าๆกลัวๆออกจากบ้านมา ด้วยเหตุผล กลัวแม่เสียใจ ไม่อยากผิดใจ ไม่อยากให้คนที่บ้านมองว่าฝ่าย ญ ดูแย่ลงไปกว่านี้ กะว่าให้ยอมๆไปก่อน เดี๋ยวผู้ใหญ่ใจอ่อนเอง อะไรประมาณนี้ ประมาณว่า บ้านนี้คนเป็นแม่มีอำนาจสูงสูด ถ้านางไม่ยอม คนอื่นในบ้านก็ไม่มีใครกล้าขัดใจนาง
น้องผู้ชาย ตอนนี้เรียนต่ออีกใบตามที่แม่ขอไว้ เทอมนี้ก็จบแล้ว ปัจจุบันทำงาน part time , รับสอนพิเศษ รายได้ไม่แน่นอน บางเดือนได้มาก บางเดือนได้น้อย แต่ก็ได้จากที่บ้านเป็นประจำ 8,000 บาท
คนทั้งคู่ยังดูเหลื่อมล้ำกันในเรื่องความเป็นอยู่ ฝ่ายชายมีรถขับ(รถของที่บ้าน) ที่บ้านมีกินหรูอยู่แพง (แต่ก็เงินที่บ้านทั้งนั้น)
แต่ที่เห็นแล้วน่าตลกคือ เวลาที่บ้านฝ่ายชายฝากของให้ไปฝาก ลูก หรือ น้อง ผญ
น้อง ผช ก็ดีใจแทบแย่ (แต่เห็นแล้ว เป็นของเหลือจากที่บ้านพวกเขาทั้งนั้น)
ส่วนฝ่าย ญ แทบไม่มีอะไรเลย มีคอนโด 1 หลังที่แม่ของ ฝ่าย ญ ซื้อไว้ให้ทำทุน เพื่อหวังว่า จะให้คนทั้งคู่ออกมาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันทำงานทำการ
น้อง ผญ ยังต้องอุ้มลูกขึ้น BTS ไปส่งที่เนอสเซอรี่ แล้ว รีบมาตอกบัตรเข้าทำงานต่อ
ตอนเย็น น้องผู้ชายขับรถมารับเด็ก และ เธอกลับบ้าน
ค่ำๆ ก็โดนโทรตามให้กลับบ้าน วันไหนน้อง ผช บอกว่าทานอาหาร กับ น้อง ผญ ไปแล้ว คนที่บ้านก็จะงอน ถ้าวันไหน น้องบอกจะไปทานข้าวกับที่บ้าน
ไม่ทานกับ ผญ น้อง ผญ ก็จะจิตตก เสียใจ น้อยใจ ..... เห้ออออ
น้อง ผช ก็เลยต้องแก้ปัญหาด้วยการ ไปกินทั้ง 2 ที่
ยอมอิ่มจนจุก เพื่อที่ไม่อยากให้ขัดใคร เรื่องราวก็เป็นแบบนี้เรื่อยไปมาตลอด 3 ปี
ปัจจุบันลูกอายุจะ 3 ขวบแล้ว แต่ที่บ้านยังไม่ยอมรับ ผญ เป็นสะใภ้
เนื่องจากท้องกันแบบไม่พร้อม ประกอบกับหลายเหตุการณ์มันชวนให้คิด เช่น คบกันมาตั้งนาน ทำไมเพิ่งมาท้อง ตอนเรียนจบพอดี ไม่อยากทำงานรึ?
แม่ฝ่าย ช เลยคิดว่า ผญ ต้องการจะจับลูกชายซะงั้น
น้อง ผช คนนี้ก็ยังมีข้อดี คือ ไม่ทอดทิ้ง ผญ กับ ลูก เขาดูแลอย่างดี เทียวรับเทียวส่ง
ข้อเสียก็คือ ขัดคนที่บ้านไม่ได้สักที มีนิสัยชอบหนีปัญหา ไม่ชอบการปะทะ
แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ยังไม่มีความเป็นผู้นำ ออกแนวเป็นลูกแหง่ กลัวแม่
น้อง ผญ เกิดอาการท้อแท้ในการใช้ชีวิต
เธอผิดหวังในชีวิต เพราะคู่เธอไม่ได้มาอยู่ด้วยกันแบบร่วมหัวจมท้าย ไม่ได้ใช้ชีวิตคู่แบบผัวๆเมียๆ อย่างที่ควรจะเป็น
ทั้งที่เธอไม่ได้เป็นคนรักสบาย หรือ ต้องการเรียกร้องทรัพย์สินเงินทองจากฝ่ายชาย ยังทำงานหาเงินเอง แค่ให้ฝ่ายชายช่วยเรื่องค่าเนอสลูก
ค่ากินอยู่ของลูกบ้าง สลับกันไป แล้วแต่ว่าเดือนไหนใครได้เงินมามากกว่ากัน
ตอนนี้น้อง ผช ก็เครียดอยู่ไม่น้อย เนื่องจาก โดน น้อง ผญ ใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเอง พูดหว่านล้อม พยายามให้เขาออกจากบ้านมาอยู่กินกับเธอที่คอนโด หลังจากที่เคยพยายาม พูดมาแล้วตลอดตั้งแต่มีเรื่อง แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีข้ออ้างเรื่องเรียนต่อ
และ โดนที่บ้านให้ข้อแลกเปลี่ยน ว่า ถ้าเรียนจบแล้วจะไม่ยุ่งเรื่องครอบครัวน้องอีกเลย จะปล่อยเป็นอิสระ จะทำอะไรก็ทำ ขอแค่ให้ไปเรียนก่อน
ให้ ผญ ทนอยู่แบบนี้ไปก่อน เพราะกลัวน้อง ผช ไม่มีอนาคต ใช้คำพูดที่ว่า พวกเขาหวังดี ถ้าน้อง ผช สบาย อีกหน่อย แม่-ลูก ก็จะสบายด้วย
..... แต่แล้ว พอน้องใกล้เรียนจบแล้วจริงๆ พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนที่บ้านน้อง ผช กลับพลิกลิ้น พูดอีก อย่างนึง เพื่อที่จะไม่ต้องการให้น้อง ผช ไปอยู่กับ น้อง ผญ และลูก
และคิดว่าซึ่งถ้าออกมาแล้ว น้อง ผช จะต้องออกมาแต่ตัว รถเก๋งหรูๆ โทรศัพท์แพงๆ โน๊ตบุคดีๆ ก็ต้องวางไว้ที่บ้านทั้งหมด
ดีไม่ดี เงินเดือนที่ได้รับประจำอยู่ 8000 บาท ก็อาจจะต้องโดนงดไปด้วย
คุณๆ คิดกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรคะ ดิฉันว่า ปัญหานี้ยังมีทางออกที่แก้ได้ นอกเหนือไปจากการให้น้อง ผญ รอๆๆๆไปอีก หรือ
ให้น้องถอดใจ หอบลูกกลับต่างจังหวัดไป แต่ถ้าออกมาอยู่ด้วยจริงๆ แหม มันจะลำบากแค่ไหนกันเชียว.... ตามที่แม่ฝ่ายชายไซโคลูกชายไปซะเยอะ - -"
ขอบคุณค่ะ
มีใครหนีตามกันมา ออกจากบ้านรวยๆ แล้วไปอยู่แบบมีแต่ตัวบ้าง
ให้น้องทั้งสองคน เพื่อให้เค้าได้ตัดสินใจได้ ปัญหานี้ เรื้อรัง ไม่ได้รับการแก้ไข มานานกว่า 3 ปีแล้ว
เพราะตอนนี้ ผู้ใหญ่ของน้องทั้งสอง ไม่มีใครสนับสนุนให้คนทั้งคู่ออกมาใช้ชีวิตด้วยกันเลยค่ะ
ครอบครัวฝ่าย ญ อยากให้กลับบ้าน แล้วต้องการให้เลิกติดต่อกับฝ่ายชายซะเพราะไม่มีความเป็นผู้นำ ปกป้องลูกสาวเขาไม่ได้
ส่วน ครอบครัวฝ่าย ช ก็ชัดเจนแล้วว่าไม่สามารถทำใจรับน้อง ผญ คนนี้เข้าบ้านได้ เนื่องจากเข้ามาแบบผิดประเพณี และไม่ไว้ใจน้อง ผญ คนนี้ หาว่าเธอปล่อยให้ท้องเพื่อจับผู้ชาย - -"
ตอนนี้ ผญ เริ่มหมดกำลังใจ กำลังจะยื่นลาออกจากงานที่ กทม.
แล้วหอบลูกกลับบ้านแม่ที่ต่างจังหวัด หลังจากที่อยู่สู้เพื่อพิสูจน์ตัวเองที่ กทม. อยู่สักระยะนึงแล้ว
เธอเลี้ยงลูกเอง มีหน้าที่การงานทำ เป็น พนักงานออฟฟิต เงินเดือนหมื่นปลายๆ ตอนที่มีเรื่องกัน คนทั้งคู่เพิ่งจะเรียนจบ
และปัจจุบันนี้ ทั้งคู่ไม่ได้นอนบ้านเดียวกัน เนื่องจากบ้านฝ่าย ชาย ยังกีดกัน โทรตามให้กลับบ้านทุกคืน
ส่วน ฝ่ายชายยังไม่กล้าๆกลัวๆออกจากบ้านมา ด้วยเหตุผล กลัวแม่เสียใจ ไม่อยากผิดใจ ไม่อยากให้คนที่บ้านมองว่าฝ่าย ญ ดูแย่ลงไปกว่านี้ กะว่าให้ยอมๆไปก่อน เดี๋ยวผู้ใหญ่ใจอ่อนเอง อะไรประมาณนี้ ประมาณว่า บ้านนี้คนเป็นแม่มีอำนาจสูงสูด ถ้านางไม่ยอม คนอื่นในบ้านก็ไม่มีใครกล้าขัดใจนาง
น้องผู้ชาย ตอนนี้เรียนต่ออีกใบตามที่แม่ขอไว้ เทอมนี้ก็จบแล้ว ปัจจุบันทำงาน part time , รับสอนพิเศษ รายได้ไม่แน่นอน บางเดือนได้มาก บางเดือนได้น้อย แต่ก็ได้จากที่บ้านเป็นประจำ 8,000 บาท
คนทั้งคู่ยังดูเหลื่อมล้ำกันในเรื่องความเป็นอยู่ ฝ่ายชายมีรถขับ(รถของที่บ้าน) ที่บ้านมีกินหรูอยู่แพง (แต่ก็เงินที่บ้านทั้งนั้น)
แต่ที่เห็นแล้วน่าตลกคือ เวลาที่บ้านฝ่ายชายฝากของให้ไปฝาก ลูก หรือ น้อง ผญ
น้อง ผช ก็ดีใจแทบแย่ (แต่เห็นแล้ว เป็นของเหลือจากที่บ้านพวกเขาทั้งนั้น)
ส่วนฝ่าย ญ แทบไม่มีอะไรเลย มีคอนโด 1 หลังที่แม่ของ ฝ่าย ญ ซื้อไว้ให้ทำทุน เพื่อหวังว่า จะให้คนทั้งคู่ออกมาอยู่ด้วยกัน ช่วยกันทำงานทำการ
น้อง ผญ ยังต้องอุ้มลูกขึ้น BTS ไปส่งที่เนอสเซอรี่ แล้ว รีบมาตอกบัตรเข้าทำงานต่อ
ตอนเย็น น้องผู้ชายขับรถมารับเด็ก และ เธอกลับบ้าน
ค่ำๆ ก็โดนโทรตามให้กลับบ้าน วันไหนน้อง ผช บอกว่าทานอาหาร กับ น้อง ผญ ไปแล้ว คนที่บ้านก็จะงอน ถ้าวันไหน น้องบอกจะไปทานข้าวกับที่บ้าน
ไม่ทานกับ ผญ น้อง ผญ ก็จะจิตตก เสียใจ น้อยใจ ..... เห้ออออ
น้อง ผช ก็เลยต้องแก้ปัญหาด้วยการ ไปกินทั้ง 2 ที่
ยอมอิ่มจนจุก เพื่อที่ไม่อยากให้ขัดใคร เรื่องราวก็เป็นแบบนี้เรื่อยไปมาตลอด 3 ปี
ปัจจุบันลูกอายุจะ 3 ขวบแล้ว แต่ที่บ้านยังไม่ยอมรับ ผญ เป็นสะใภ้
เนื่องจากท้องกันแบบไม่พร้อม ประกอบกับหลายเหตุการณ์มันชวนให้คิด เช่น คบกันมาตั้งนาน ทำไมเพิ่งมาท้อง ตอนเรียนจบพอดี ไม่อยากทำงานรึ?
แม่ฝ่าย ช เลยคิดว่า ผญ ต้องการจะจับลูกชายซะงั้น
น้อง ผช คนนี้ก็ยังมีข้อดี คือ ไม่ทอดทิ้ง ผญ กับ ลูก เขาดูแลอย่างดี เทียวรับเทียวส่ง
ข้อเสียก็คือ ขัดคนที่บ้านไม่ได้สักที มีนิสัยชอบหนีปัญหา ไม่ชอบการปะทะ
แม้แต่เรื่องเล็กน้อย ยังไม่มีความเป็นผู้นำ ออกแนวเป็นลูกแหง่ กลัวแม่
น้อง ผญ เกิดอาการท้อแท้ในการใช้ชีวิต
เธอผิดหวังในชีวิต เพราะคู่เธอไม่ได้มาอยู่ด้วยกันแบบร่วมหัวจมท้าย ไม่ได้ใช้ชีวิตคู่แบบผัวๆเมียๆ อย่างที่ควรจะเป็น
ทั้งที่เธอไม่ได้เป็นคนรักสบาย หรือ ต้องการเรียกร้องทรัพย์สินเงินทองจากฝ่ายชาย ยังทำงานหาเงินเอง แค่ให้ฝ่ายชายช่วยเรื่องค่าเนอสลูก
ค่ากินอยู่ของลูกบ้าง สลับกันไป แล้วแต่ว่าเดือนไหนใครได้เงินมามากกว่ากัน
ตอนนี้น้อง ผช ก็เครียดอยู่ไม่น้อย เนื่องจาก โดน น้อง ผญ ใช้แรงเฮือกสุดท้ายของตัวเอง พูดหว่านล้อม พยายามให้เขาออกจากบ้านมาอยู่กินกับเธอที่คอนโด หลังจากที่เคยพยายาม พูดมาแล้วตลอดตั้งแต่มีเรื่อง แต่ก็ไม่เป็นผล เนื่องจากก่อนหน้านี้ มีข้ออ้างเรื่องเรียนต่อ
และ โดนที่บ้านให้ข้อแลกเปลี่ยน ว่า ถ้าเรียนจบแล้วจะไม่ยุ่งเรื่องครอบครัวน้องอีกเลย จะปล่อยเป็นอิสระ จะทำอะไรก็ทำ ขอแค่ให้ไปเรียนก่อน
ให้ ผญ ทนอยู่แบบนี้ไปก่อน เพราะกลัวน้อง ผช ไม่มีอนาคต ใช้คำพูดที่ว่า พวกเขาหวังดี ถ้าน้อง ผช สบาย อีกหน่อย แม่-ลูก ก็จะสบายด้วย
..... แต่แล้ว พอน้องใกล้เรียนจบแล้วจริงๆ พอพูดถึงเรื่องนี้ขึ้นมา คนที่บ้านน้อง ผช กลับพลิกลิ้น พูดอีก อย่างนึง เพื่อที่จะไม่ต้องการให้น้อง ผช ไปอยู่กับ น้อง ผญ และลูก
และคิดว่าซึ่งถ้าออกมาแล้ว น้อง ผช จะต้องออกมาแต่ตัว รถเก๋งหรูๆ โทรศัพท์แพงๆ โน๊ตบุคดีๆ ก็ต้องวางไว้ที่บ้านทั้งหมด
ดีไม่ดี เงินเดือนที่ได้รับประจำอยู่ 8000 บาท ก็อาจจะต้องโดนงดไปด้วย
คุณๆ คิดกับเรื่องนี้ว่าอย่างไรคะ ดิฉันว่า ปัญหานี้ยังมีทางออกที่แก้ได้ นอกเหนือไปจากการให้น้อง ผญ รอๆๆๆไปอีก หรือ
ให้น้องถอดใจ หอบลูกกลับต่างจังหวัดไป แต่ถ้าออกมาอยู่ด้วยจริงๆ แหม มันจะลำบากแค่ไหนกันเชียว.... ตามที่แม่ฝ่ายชายไซโคลูกชายไปซะเยอะ - -"
ขอบคุณค่ะ