[CR] ทริปแบ็คแพ็คออกตามหาทะเลหมอกที่ภูทับเบิก ไม่ได้จองที่พักล่วงหน้า ประสบการณ์ มิตรภาพ คือสิ่งที่ได้มา



ก่อนอื่นบอกก่อนเลยว่า ผมเป็นแค่คนชอบถ่ายภาพและท่องเที่ยว กล้องที่ใช้คือ NIKON D3200 เลนส์ KIT 18-55 ถ้าภาพไม่สวยขออภัยด้วยครับ ผมแค่อยากแชร์ประสบการณ์และบันทึกการเดินทางท่องเที่ยวแบ็คแพ็คครั้งแรกในชีวิต เผื่อมีคนชอบท่องเที่ยวหรือหาข้อมูลการท่องเที่ยวครับ

ทริปเที่ยวภูทับเบิกนี้ไม่ได้อยู่ในหัวเราเลยตอนแรก ที่จริงผมและเพื่อน 5-6 คนกะจะไปเที่ยวค้างคืนที่อุทยานแห่งชาติภูผาม่านที่ขอนแก่นวันที่ 5-6 กันยายน เพราะว่าใกล้ดีค่าใช้จ่ายน้อย เพราะเราอยู่กาฬสินธุ์กัน ดูข้อมูลของอุทยานภูผาม่านแล้วน่าสนใจดี มีทั้งน้ำตกและถ้ำค้างคาวและถ้ำต่างๆ เราหาข้อมูลเป็นอาทิตย์แต่พอถึงวันที่จะไปจริงโทรถามข้อมูลจะจองห้องพัก ห้องพักเต็ม น้ำตกยังไม่มีน้ำไหลเลย เอาละซิยังไง ยังไง วางแผนแล้วไม่ได้ไป เราเลยคุยกันว่าไม่ไปไม่ได้วางแผนกันแล้ว เลยหาข้อมูลการท่องเที่ยวอีกพบว่าที่ภูทับเบิกนี้แหละหน้าฝนนี้คนน้อย และมีสิทธื์เจอทะเลหมอกด้วย เราเลยตกลงกันว่าจะไปภูทับเบิกกัน โดยเดินทางแบบแบ็คแพ็คซึ่งจะเสียค่าใช้จ่ายน้อยสุดตามที่เราตั้งใจไว้ตอนแรก เราตกลงกันจะเดินทางเย็นวันศุกร์ ที่ 11 กันยายน กัน ช่วงเวลาเกือบทั้งอาทิตย์เราไม่กระตือรือร้นอะไรเลย จนวันพฤหัสบดี เราหาข้อมูลที่พักต่างๆแล้วโทรถามปรากฏว่าเต็มหมดครับ  แต่มีที่พักที่หนึ่งบอกพวกเราว่า ตอนนี้มีที่พักสร้างใหม่เยอะไปจองเอาที่โน้นก็ได้  เราเลยตัดสินใจว่าต้องไปให้ได้ แต่สมาชิกลดลงครับ จากเพื่อนที่จะไปกัน 5-6 คนเมื่อเปลี่ยนทริป ความคิดคนก็เปลี่ยนเหลือแค่ 3 คน ยังไงก็สู้




เราออกเดินทางเย็นวันศุกร์ ที่ 11 กันยายน เวลา 20.00  น. เราเลือกจะเดินทางรอบนี้เพราะรถจาก บขส. กาฬสินธุ์ไปหล่มสักมีแค่เที่ยวเดียวเอง ยังไงก็ต้องขึ้นเที่ยวนี้


เราเดินทางมาถึงหล่มสักเวลา เที่ยงคืน เอาล่ะสิ จะยังไงล่ะพึ่งเคยมา  เห็นแต่ในรีวิวว่าต้องไปโบกรถที่ชาวม้งเอาผักลงมาขาย และรถนักท่องเที่ยวที่จะขึ้นไป เวลานี้คงไม่มีใครขึ้นไปแน่ แต่ดีที่มีพี่ที่อยู่บริษัทเดินรถให้คำแนะนำกับพวกเราว่าเดี๋ยวตอนตีสี่จะให้ติดรถของบริษัทไปลงบขส.หล่มสักซึ่งตรงข้ามกับตลาดผักที่ชาวม้งลงมาขายผัก แล้วบอกกับเราว่ามีอีกสองคนที่นั่งรอไปภูทับเบิกเหมือนกัน เราเลยใช้เวลาที่เหลือนั่งชิวๆ กันเล่น แบบนี้เลย


ถึงเวลาตีสี่ เราได้ติดรถไปลงที่ตลาดผัก แค่เดินเข้าไปเขาร้องบอกเลยครับ นั่งรอก่อนๆ เดี๋ยวขนผักเสร็จเดี๋ยวเรียกประมาณหกโมงเช้าว่างั้น แต่ผมเห็นพี่อีกสองคนที่เดินข้ามถนนมาด้วยกันคิดว่าจะขึ้นภูทับเบิกเหมือนกันเดินถามรถที่กำลังขนผักลงที่ในตลาด โดยพี่เค้าไม่รอเลย ไอ้ผมกับเพื่อนก็นั่งกินกาแฟรอไม่ถึง 10 นาทีพี่เค้าก็มาเรียกว่า ได้รถขึ้นไปแล้ว อ้าวผมก็นึกว่าต้องรอหกโมง วันนั้นมีคนที่ไปเที่ยวเหมือนเราติดรถขึ้นไป 10 คนได้
เพื่อนร่วมเดินทางครับ

พวกเราได้พูดคุยและรู้จักกับพี่ผู้หญิงอีกสองคนที่อยู่ตรงกลางได้ความว่าพี่เค้ามาจากสารคาม พึ่งมาครั้งแรกเหมือนกัน และได้จองที่พักไว้แล้ว ถามเรากลับว่าจองที่ไหน ตอบได้เต็มปากเลยครับว่ายังไม่มีที่พักเลย พูดคุยกันได้แปบจากนั้นเราก็ได้ขึ้นรถเดินทางขึ้นภูทับเบิก
การเดินทางอยากบอกว่าทั้งเสียวและตื่นเต้นครับ ยิ่งรถวิ่งไต่ระดับความสูงเท่าไหร่ อากาศเริ่มเย็นพัดผ่านใบหน้า รถเลี้ยวโค้งไปมามือนี้จับราวเหล็กแน่นเลย แต่คันเร่งรถดังขึ้นเรื่อยความเร็วรถไม่ได้น้อยลงเลย พี่เค้าคงชำนาญมากๆ
เรามาถึงบนยอดภู ตีห้ากว่าๆ เริ่มมีแสงแรกให้เห็น พวกเราลงจากรถและขอบคุณพี่เค้า ถามเรื่องค่ารถพี่เค้าบอกว่าไม่เป็นไรพี่เค้าใจดีมากๆ ผมกับเพื่อนวิ่งหาห้องน้ำก่อนเลยทั้งที่คนอื่นที่มาด้วยกันเค้าวิ่งไปที่จุดชมวิว มันไม่ไหวจริงๆ ครับ จากนั้นเรารีบวิ่งขึ้นไปทีหลัง อากาศเย็น วิ่งขึ้นเขาหอบ-สิครับ กว่าจะถึงที่จุดชมวิว สิ่งแรกเลยที่เราเห็น มันช่างสวยงามจริงๆ เห็นแต่ในรีวิวต่างๆ ไม่คิดว่าตัวเองจะได้มาเห็นแบบนี้ ผมรีบจับขาตั้งกล้องแล้วคว้ากล้องออกมาตั้ง ยิง ยิง ยิง แล้วก็ ยิง เก็บบรรยากาศได้ประมาณนี้ครับ



ผมนี่ย้ายกล้องแทบไม่ทันครับ หมอกมันฟุ้งกระจายเร็ว



เราอยู่ที่จุดชมวิวได้สักพักหมอกก็ฟุ้งกระจายเต็มไปหมด เราเลยคิดว่าคงไม่เห็นทะเลหมอกอีกแล้วล่ะจึงตัดสินใจกันเดินลงมาหาที่พักกันเพราะเริ่มสายแล้ว แต่เอะ! มองซ้ายมองขวา กลุ่มคนที่นั่งรถขึ้นมาด้วยกันไม่เห็นเลยครับ คงแยกย้ายกันกลับที่พักหมดแล้ว เหลือแต่เราสามคนสิต้องเดินหาที่พัก เดินลงเขาถ่ายวิวข้างทาง บรรยากาศเย็นๆมีหมอกแบบนี้ช่างสุขอุราเสียจริง




วิวสวยๆทำให้เราลืมเรื่องเหนื่อยไปได้เลย


เราเดินลงมาก็ถามที่พักไปเรื่อย แต่ไม่มีที่ไหนว่างเลย จนมาถึงที่พักอีกที่ ชื่อ บ้านกลางหมอก ภูทับเบิก

ถามคนดูแลที่พักบอกว่ากำลังมีคนเช็คเอ้าท์ออกพอดีแต่เค้าจะออกประมาณ 4 โมงเช้า เอาละสิ ตอนนี้พึ่ง 2 โมงกว่าๆเอง เราตกลงว่าต้องเอาแล้วล่ะรอหน่อยไม่เป็นไร ราคาห้องพัก 800 บาทต่อคืน หารสามกำลังดีเลยมีสิ่งอำนวยความสะดวกทุกอย่าง มีอาหารเช้าให้ด้วย
เราเลยขอฝากกระเป๋าไว้ก่อน ถ้าคนเก่าเค้าออกไปให้พี่ที่ดูแลที่พักโทรหา พวกเราขอตัวเดินหาถ่ายรูปฟินต่อกับบรรยากาศแบบนี้





เดินจนเหนื่อยหิวข้าวเราเลยแวะร้านอาหารแถวนั้นเป็นร้านที่วิวสวยมากเลยครับ
กับข้าวมื้อแรกบนภูทับเบิกกับวิวสวยๆ


กินข้าวเสร็จพี่ที่ดูแลที่พัก ก็โทรหาพอดีเรารีบกลับห้องมาอาบน้ำ นอนพักเอาแรง ตอนบ่ายว่าจะไปเที่ยวที่วัดป่าภูทับเบิกต่อ
ห้องพักของเรา


ตกบ่ายมาเราก็มีภารกิจเที่ยวต่อ คือวัดป่าภูทับเบิกเขาบอกว่าเป็นวัดที่สูงที่สุดในประเทศไทย โดยเราโบกรถจากหน้าที่พักเลย โชคดีที่โบกรถคันที่พี่เค้าจะไปวัดภูป่าภูทับเบิกพอดี เราเลยติดรถพี่เค้าทั้งขาไปและกลับเลย





หลังจากไหว้พระเสร็จเราก็กลับที่พักจนค่ำเราค่อยออกไปหาอะไรกิน แล้วกลับเข้าที่พักนอน เพื่อจะตื่นแต่เช้ากะไปชมทะเลหมอกอีกครั้ง

เช้าวันเสาร์ที่ 12 กันยายน 2558
เสียงนาฬิกาปลุกดังขึ้นตามหน้าที่ของมัน เป็นเวลา 04.30 น. พวกเราตื่นมาพร้อมกัน เพื่ออาบน้ำแต่งตัวไปชมทะเลหมอก แต่ออกมาส่องหน้าต่างตอนเช้าแทบมองไม่เห็นอะไรเลยครับ หมอกลงฟุ้งกระจายเยอะมากมองแทบไม่เห็นอะไรเลย


แต่เราก็ไม่หวั่นขอเพียงมีหวัง เราแต่งตัวเสร็จออกเดินไปจุดชมวิวด้วยความหวังอันยิ่งใหญ่ แววตามีแต่ความมุ่งมั่น เอ่อเม่าเซย์โน คงไม่ใช่แล้ว
เหตุที่หวั่นที่สุดก็เกิดขึ้น หมอกมาฝนก็มาครับ แต่เราได้เตรียมการไว้แล้วล่ะ เที่ยวนหน้าฝนคงขาดไม่ได้ครับ เสื้อกันฝน



มันคือฝันร้ายชัดๆ เรามาถึงจุดชมวิวเห็นแบบนี้อยากจิร้องไห้

เรารอดูยุพักใหญ่ แต่ไม่มีวี่แววว่าหมอกจะจางลง เราเลยกลับที่พักเพื่อจะเช็คเอ้าท์กลับ จึงส่งข้อความไปหาพี่ที่มาจากสารคามที่ขึ้นมาภูทับเบิกพร้อมกัน พวกเราได้ขอเฟสพี่เค้าไว้ตั้งแต่ตอนขึ้นมา ตกลงว่าเรามาพร้อมกันเราก็จะกลับพร้อมกันว่างั้น [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ พวกเราได้ไปรอพี่เค้าที่ทางลงจุดชมวิว แล้วโบกรถกลับพร้อมกัน พอดีรถชาวม้งกำลังจะลงไปข้างล่างเลยขอติดรถพี่เค้าลงมาแต่มาได้ครึ่งทางครับ ข้างล่างมีแดด วิวสวยเลยขอพี่เค้าลงตรงจุดชมวิวนี้เพื่อถ่ายภาพ



จากนั้นเราโบกรถต่อโดยมีเป้าหมายใหม่ เพราะตอนนี้ยังเช้ามีเวลาเที่ยวต่อ เป้าหมายใหม่คือเขาค้อทั้งที่เราไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาค้อเลย ไม่รู้ว่ามีอะไรเที่ยวที่เขาค้อ แต่ตกลงว่าไปด้วยกันทั้งหมดเลย เราขอติดรถอีกคันลงมา


โดยบอกพี่เค้าว่าเราจะไปเขาค้อ พี่เค้าก็ให้คำแนะนำอย่างดีว่าจะขึ้นสายไหนไปลงไหนพี่ใจดีมากๆๆ พี่เค้ามาส่งที่จุดรอรถประจำทาง เลยขอถ่ายรูปร่วมกับพี่เค้าสักหน่อย ไม่รู้จักชื่อพี่เค้าเลย อย่างไรก็ขอบคุณพี่นะตรงนี้ด้วยนะครับ จากนั้นเราก็เดินทางต่อ



ตอนแรกกะจะไปเขาค้อกันครับ แต่เปลี่ยนแผนไปวัดพระธาตุผาซ่อนแก้วเป็นที่สุดท้าย เพราะเวลาเราคงไม่พอต้องไปจองตั๋วกลับอีก เลยเลือกเหมาสองแถวราคา 300 บาท 5 คนสบายกระเป๋า แถมน้าขับสองแถวยังรอรับกลับมาส่งตรงร้านของฝากด้วย




หลังจากเที่ยวถ่ายรูปเสร็จเราก็รีบกลับลงมาเพราะฝนกำลังจะตก ไม่รอดเหมือนเดิมครับไปติดฝนที่ร้านของฝากเกือบครึ่งชั่วโมง แล้วนั่งรถประจำทางมาลงที่บริษัทเดินรถที่เดิมแล้วจองตั๋วกลับเวลา 16.30 น.

รีวิวนี้เป็นรีวิวที่ยาวที่สุดในชีวิตเลย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้ หากผิดพลาดอย่างไรต้องขออภัยด้วยครับ ข้อมูลการเดินทางอาจจะไม่ครบถ้วน ทริปครั้งนี้ ได้อะไรมากกว่าที่คิดครับ สุดท้ายขอบคุณทุกๆมิตรภาพในการเดินทาง
ชื่อสินค้า:   ริวิวพันทิป
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่