กองโจรกลับใจ (๘) ๑๔ ก.ย.๕๘

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

ซ้องกั๋ง.....จอมโจรกลับใจ

ตอนที่ ๘ บำเหน็จชิ้นสุดท้าย

"เล่าเซี่ยงชุน"

เมื่อ ซ้องกั๋งได้รับรับสั่ง พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ ให้ยกกองทัพไปปราบปรามพวกฮวนที่เมืองไต้เหลียว ก็ตั้งหน้าทำการอย่างเข้มแข็ง จนตีได้เมืองไลกุ้ย เมืองทันจิว เมืองกีจิว มาถึงเมืองฮิวจิว ไต้เหลียวอ๋อง เจ้าแคว้นจึงส่งคนถือหนังสือมาเกลี้ยกล่อมซ้องกั๋ง มีความว่า

".....ในเมืองตังเกียนั้นประกอบด้วย ขุนนางกังฉินเป็นอันมาก ถ้าเห็นผู้ใดมีสติปัญญาดีกว่าตัวแล้ว ก็อิจฉาพยาบาทคิดเบียดเบียนต่าง ๆ ตัวทำผิดสักเท่าใด ก็ปิดเนื้อความไว้ ถ้าผู้อื่นทำผิดบ้างแต่เล็กน้อย ก็แคะไค้ว่ากล่าวให้ความผิดนั้นมากขึ้น ถึงผู้ใดจะมีความชอบต่อแผ่นดิน ก็ทูลเกียดกันเสีย เอาความชอบของผู้อื่นมาเป็นของตัว เจ้าแผ่นดินซ้องยังหนุ่มไม่รอบรู้ในการบ้านเมือง ฟังแต่คำคนสอพลอประจบประแจง เป็นประมาณ ซึ่งท่านจะทำราชการร่วมกันกับคนพวกนี้ เห็นว่าภัยจะมีเป็นแน่แท้ จงตรึกตรองหาผู้ซึ่งเป็นที่พึ่งอันตั้งอยู่ในยุติธรรม จะได้มีความสุขต่อไป ให้สมควรกับสติปัญญาและฝีมือของท่าน....."

เมื่อซ้องกั๋งมาปรึกษากับโงวหยง ก็แกล้งให้ความเห็นว่า เมื่อทำราชการอยู่ที่เมือง ตังเกียไม่มีความสุข เพราะพวกขุนนางกังฉินคอยเบียดเบียน หาข้อผิดอยู่เป็นนิจ จะคิดเข้าเป็นพวกไต้เหลียวอ๋องให้พ้นพวกพาล จะเป็นอย่างไร

ซ้องกั๋งก็โกรธตอบว่า

".....พวกเราทำความผิดเป็นมหันตโทษ พระเจ้าแผ่นดินก็ยังเมตตา โปรดพระราชทานยศและทรัพย์แก่พวกเรา ควรที่ท่านทั้งปวงจะระลึกถึงพระคุณจงมาก ไม่ควรจะคิดทรยศประทุษร้าย หมายเอาผู้อื่นเป็นที่พึ่ง....."

โงวหยงก็ว่าเพียงสัพยอกลองใจดูเท่านั้น ขออย่าได้ถือโทษโกรธเลย ซ้องกั๋งจึงทำเป็นรับไมตรีจากไต้เหลียวอ๋อง แล้วขอเวลาเกลี้ยกล่อมพรรคพวกพี่น้อง ให้ลงใจด้วยกันก่อน การศึกก็สงบอยู่

อยู่มาวันหนึ่งซ้องกั๋งชวนพี่น้องไปหา ฬ่อจินหยิน อาจารย์ของ กงสุนสิน ซึ่งมีเพศเป็นหลวงจีน ที่เขายี่เซียนซัว โดยให้โงวหยงอยู่รักษาเมืองกีจิวไว้ให้ดี เมื่อพบกับอาจารย์ กงสุนสินก็แนะนำให้รู้จักซ้องกั๋ง อาจารย์ก็พอใจบอกว่า

".....ถ้าการศึกเสร็จแล้ว ท่านจงปล่อยกงสุนสินมาอยู่ปฏิบัติเรา จะได้มอบตำราวิชาทั้งปวงให้ ประการหนึ่งมารดากงสุนสินก็เป็นคนชราอายุมากกว่าเจ็ดสิบปี ไม่มีใครจะปฏิบัติรักษา ท่านอย่าหน่วงเหนี่ยวไว้ให้ช้า....."

ซ้องกั๋งก็รับคำ และขอให้ทำนายเหตุการณ์ภายหน้าของตน อาจารย์ก็ทำนายว่า

"....เดิมซ้องกั๋งตั้งก๊กอยู่ ณ แขวงเมืองซัวตัง ได้ชักชวนคนทั้งร้อยเจ็ดกระทำสัจสาบานเป็นพี่น้อง ซื่อตรงมิได้คิดคดต่อกัน จึงอาสาเจ้าแผ่นดินมาปราบปรามแผ่นดินฝ่ายเหนือ คือเมืองไต้เหลียวนั้น คงจะสำเร็จตามความปรารถนา แต่การศึกจะไปยุติอยู่ เพียงเมืองฌ้อ จะได้ดีก็ได้ดีพร้อมกัน แล้วจะพลัดพรากจากกัน เปรียบเหมือนฝูงนกเมื่อฤดูหนาว ธรรมดานกที่มีความหนาว เมื่อเวลาใกล้รุ่งก็มั่วสุมประชุมเป็นฝูงเข้า แล้วก็พากันบินโฉบเอาไอน้ำ ตามลำน้ำ และท้องทะเล กว่าแสงอาทิตย์จะกล้า ครั้นสิ้นฤดูหนาวก็แตกฝูงกระจัดกระจายไป พวกร้อยแปดคนนี้ก็เหมือนฝูงนก พี่น้องจะต้องจากกันเมื่อปลายมือ....."

เมื่อกลับมาแล้วซ้องกั๋งก็ทำอุบายลวง เข้าตีได้เมืองปาจิวอีกเมืองหนึ่ง และล้อมเมืองฮิวจิวไว้ ไต้เหลียวอ๋องจึงต้องขออ่อนน้อม จะยอมส่งเครื่องบรรณาการมาคำนับทุกปี พระเจ้าซ้องฮุยจงก็ยอมรับเมืองไต้เหลียวเป็นเมืองขึ้น และเรียกกองทัพของซ้องกั๋งกลับ

ในขณะที่ซ้องกั๋งนำกองทัพเดินทางกลับเมืองตังเกีย ผ่านเขาเงาไทซัวลูตีซิม ที่ถือเพศเป็นหลวงจีน ก็คิดถึงอาจารย์ ตีจินเจียงเล้า ซึ่งเป็นผู้วิเศษ จึงขอลาไปเยี่ยมอาจารย์ ซ้องกั๋งก็ขอตามไปเคารพอาจารย์ด้วย ลูตีซิมเอาเงินทองสิ่งของที่ได้รับพระราชทานจากฮ่องเต้ ให้อาจารย์ของตน อาจารย์ก็รับไว้ และบอกว่าจะเอาของเหล่านี้ไปสร้างคัมภีร์บาลีไว้ในศาสนาเพื่อลบล้างบาป กรรมที่ลูตีซิมได้ทำไว้ให้เบาบางลง ต่อไปจะได้บำเพ็ญเพียรให้ถึงขั้นสำเร็จได้

ซ้องกั๋งก็ขอให้อาจารย์ตีจินเจียงเล้า ทำนายเหตุการณ์ข้างหน้าของตนเองอีกอาจารย์ว่าความที่ถามนั้นเป็นความลับบอกไม่ได้ สืบไปข้างหน้าก็คงจะเห็นเอง

เมื่อซ้องกั๋งกลับมาเฝ้าพระเจ้าซ้องยินจงฮ่องเต้แล้ว ก็มิได้รับพระราชทานบำเหน็จความชอบเพิ่มขึ้นแต่อย่างใด เพราะมีกองโจรกลุ่มใหญ่อยู่ที่เมืองซิมจิว แขวงห้อปักทางทิศเหนือ แล้วตั้งตัวขึ้นเป็นไต้อ๋องชื่อ ซันโฮ้ว ได้ยกพวกมาตีเมืองเฉงจิว จึงได้รับรับสั่งให้ยกกองทัพ ไปปราบพวกโจรคณะนี้อีก

ซ้องกั๋งยกทัพไปตีเมืองซิมจิวแตก จับตัวซันโฮ้วผู้เป็นกบฏและ ซันปิว ผู้เป็นน้องชายมาได้ พระเจ้าซ้องยินจงก็เสด็จเป็นกระบวน ออกไปรับซ้องกั๋งนอกเมืองตังเกียถึงสิบลี้ เมื่อกลับเข้าเมืองหลวงได้พักผ่อนยังไม่ทันไร ก็มีข่าวว่า อองเข่ง เป็นหัวหน้าโจรก๊กใหญ่ที่เขาอังท่อซัว อยู่ทางทิศตะวันตก ได้ตั้งตัวเป็นอ๋องที่เมืองฮวยไซ ซึ่งได้ส่งท่องกวน แม่ทัพฝ่ายกังฉินยกทัพไปปราบปรามแล้วไม่สำเร็จ ขุนนางกังฉินในเมืองจึงกราบทูลฮ่องเต้ ให้ส่งซ้องกั๋งออกไปจัดการอีก

ซ้องกั๋งก็พาพี่น้องทั้งปวง ยกทัพไปโดยมิได้ย่อท้อ ตีได้เมืองเจียะคีเสีย เมืองเนียจิ๋ว เมืองเอี้ยวเอี๋ยง เมืองอวดกังเสีย จนถึงเมืองซินจิว จึงจับตัวอองเข่งกับบุตรภรรยา กลับมาเมืองตังเกียได้สำเร็จ

คราวนี้พระเจ้าซ้องฮุยจงก็เลื่อนยศ ซ้องกั๋งกับโลวจุนหงี ให้เป็นแม่ทัพใหญ่ของเมืองตังเกีย และพระราชทานเสื้อหมวกอย่างดี กับม้าฝีเท้าดีให้คนละตัว เสร็จศึกครั้งนี้แล้ว กงสุนสินก็ขอลาซ้องกั๋งกลับไปอยู่กับอาจารย์ฬ่อจินหยิน ตามที่ขอร้องไว้

แต่ซ้องกั๋งก็ยังไม่หมดกรรม พอถึงวันเจียอ๊วยชิวอิด เป็นวันตรุษจีน ขึ้นปีใหม่ บรรดาขุนนางผู้ใหญ่ผู้น้อยก็พากันเข้าเฝ้าพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ เพื่อถวายพระพรให้เจริญพระชันษายืนนานชั่วหมื่นปี ตามประเพณีมาแต่ก่อน ชัวเกียก็ขอรับสั่งให้แต่ซ้องกั๋งกับโลวจุนหงี เข้าเฝ้าได้เพียงสองคนเท่านั้น พรรคพวกทั้งหลายและไพร่พล ก็ให้พักอยู่นอกเมืองไม่ต้องมาเฝ้า

ซ้องกั๋งกับโลวจุนหงีกลับจากเฝ้าแล้วก็มีความโทมนัสน้อยใจยิ่งนัก โงวหยงก็ถามว่า ไปเฝ้ากลับมาทำไมจึงไม่สบายใจ ซ้องกั๋งก็ถอนใจใหญ่แล้วว่า

"....เราอุตส่าห์พากเพียรทำการศึกลำบากมาช้านาน พี่น้องทั้งปวงก็เหน็ดเหนื่อยถึงสาหัส ยังไม่มีความชอบสักนิดหนึ่ง....."

ลีขุย ได้ฟังดังนั้นก็พูดขึ้นมาบ้างว่า

"....เดิมทีเราอยู่เขาเนียซัวเปาะ เปรียบเหมือนราชสีห์ มิได้เกรงกลัวผู้ใด ครั้นมาทำราชการก็หมายว่าจะมีความสุข กลับได้ความคับแค้นเศร้าหมอง พวกเราพี่น้องชวนกันไปอยู่เขาเนียซัวเปาะตามเดิม ก็จะสบาย....."

ซ้องกั๋งก็โกรธตวาดเอาว่า พูดจาสิ่งใดก็ไม่ถูกธรรมเนียม ลีขุยก็ยืนยันว่าถ้าไม่เชื่อ สืบไปยิ่งจะเศร้าโศกทุกข์ร้อนมากขึ้น

ในระหว่างเทศกาลวันปีใหม่นั้นเอง พวกพี่น้องก็จัดโต๊ะและสุรา คำนับซ้องกั๋งผู้เป็นใหญ่ อวยพรให้เจริญสุขยืนยาวนาน แล้วซ้องกั๋งก็ชวนพี่น้องสิบนาย ขึ้นม้าออกจากค่ายเข้าไปในเมืองตังเกีย ไปอวยพรที่บ้านซกไทอวย แล้วก็กลับมาค่าย

ชัวเกียก็ให้คนเอาหนังสือมาปิดไว้ที่ประตูเมือง ห้ามมิให้ทหารของซ้องกั๋ง เข้าไปเที่ยวในเมืองหลวงอีก พรรคพวกของซ้องกั๋งก็พากันโกรธแค้นยิ่งขึ้น

พวกที่ชำนาญทางน้ำก็เชิญโงวหยง ไปปรึกษาที่ค่ายริมแม่น้ำ ชักชวนให้ช่วยกันจับ
พวกกังฉินฆ่าเสียให้หมด แล้วยกกองทัพกลับไปอยู่ ที่เขาเนียซัวเปาะตามเดิม

โงวหยงว่าน้องทั้งหลายพูดก็ควรแต่ซ้องกั๋งนั้นเห็นจะยอมไม่ได้ ด้วยอุตส่าห์ทำความชอบมาก็มากแล้ว และให้สติว่า

"...ธรรมเนียมมาแต่โบราณ เปรียบเหมือนสัตว์ยามจะไปสารทิศใด ต้องเอาศรีษะ ไปก่อน เราพี่น้องทั้งปวงเปรียบเหมือนท่อนหาง ถ้าศรีษะไปแล้วก็ต้องตาม....."

พวกนั้นจึงต้องจำยอมตามคำโงวหยง

เมื่อโงวหยงมาเล่าเรื่องให้ซ้องกั๋งฟัง ซ้องกั๋งก็ตกใจเรียกประชุมพวกพี่น้องทั้งปวง แล้วประกาศสัจจะว่า

".......พี่น้องคิดแปรปรวนไปต่าง ๆ ก็ตัดศรีษะพี่เสียก่อน ภายหลังจึงคิดการต่อไป ตามใจพี่น้องทั้งหลายเถิด....."

บรรดาพรรคพวกทั้งหลายได้ฟังก็ร้องไห้ และสาบานว่าจะไม่คิดเช่นนี้อีก

ต่อมาได้ข่าวว่า ฮ่องละ นายโจรแขวงเมืองกังหนำทางทิศใต้ คิดกบฏตีได้เมืองเลกจิวมาถึงเมืองยุ่นจิว ได้เมืองเอกแปดเมืองโทยี่สิบห้าเมือง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่