รักษาศีล ๕ ทำให้หลายเรื่องร้าย ๆ ในชีวิต หมดไป

ศีล ๕ ข้อ คือ

๑. ปาณาติปาตา เวรมณี งดเว้นจากการทำชีวิตสัตว์ให้ตกล่วงไป
๒. อทินนาทานา เวรมณี งดเว้นจากการถือเอาของที่เจ้าของมิได้ให้
๓. กาเมสุ มิจฉาจารา เวรมณี งดเว้นจากการประพฤติผิดในกาม
๔. มุสาวาทา เวรมณี งดเว้นจากการกล่าวเท็จ
๕. สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานา เวรมณี งดเว้นจากการดื่มสุราและเมรัย อันเป็นที่ตั้งแห่งความประมาท




**********************

อานิสงส์ของศีลแต่ละข้อ ~

ปาณาติปาตาเวรมณี
มีผลมีอาทิอย่างนี้คือ


องฺคปจฺจงฺคสมนฺนาคตา (ความเป็นผู้สมบูรณ์ด้วยอวัยวะน้อยใหญ่) ๑

อาโรหปริณาหสมฺปตฺติ (ความถึงพร้อมด้วยส่วนสูงและส่วนกว้าง) ๑

ชวนสมฺปตฺติ (ความถึงพร้อมด้วยเชาว์ไวไหวพริบ) ๑

สุปติฏฺฐิตปาทตา (ความเป็นผู้มีเท้าตั้งอยู่เหมาะสม) ๑

จารุตา (ความสวยงาม) ๑

มุทุตา (ความเป็นผู้อ่อนโยน) ๑

สุจิตา (ความสะอาด) ๑

สูรตา (ความกล้าหาญ) ๑

มหาพลตา (ความเป็นผู้มีกำลังมาก) ๑

วิสฏฺฐวจนตา (ความเป็นผู้มีถ้อยคำสละสลวย พูดจาน่ารัก) ๑

สตฺตานํ ปิยมนาปตา (ความเป็นผู้น่ารัก น่าพอใจ ของสัตว์ทั้งหลาย) ๑

อภิชฺชปริสตา (ความเป็นผู้มีบริษัทบริวารไม่แตกแยกกัน) ๑

อฉมฺภิตา (ความเป็นผู้ไม่สะดุ้งหวาดเสียว) ๑

ทุปฺปธํสิยตา (ความเป็นผู้อันใครๆ กำจัดได้ยาก) ๑

ปรูปกฺกเมน อมรณตา (ความเป็นผู้ไม่ตายด้วยการปองร้ายของผู้อื่น) ๑

มหาปริวารตา (ความเป็นผู้มีบริวารมาก) ๑

สุวณฺณตา (ความเป็นผู้มีผิวดังทอง) ๑

สุสณฺฐานตา (ความเป็นผู้มีทรวดทรงงาม) ๑

อปฺปาพาธตา (ความเป็นผู้มีอาพาธน้อย) ๑

อโสกตา (ความเป็นผู้ไม่เศร้าโศก) ๑

ปิยมนาเปหิ อวิปฺปโยคตา (ความเป็นผู้ไม่พลัดพราก จากของรักของชอบใจ) ๑

ทีฆายุตา (ความเป็นผู้มีอายุยืน) ๑.



อทินนาทานาเวรมณี มีผลมีอาทิอย่างนี้คือ


มหาธนธญฺญตา (ความเป็นผู้มีทรัพย์ และข้าวเปลือกมาก) ๑

อนนฺตโภคตา (ความเป็นผู้มีโภคะ อเนกอนันต์) ๑

ถิรโภคตา (ความเป็นผู้มีโภคะยั่งยืน) ๑

อิจฺฉิตานํ โภคานํ ขิปฺปปฏิลาโภ (การได้โภคทรัพย์ตามที่ต้องการอย่างฉับพลัน) ๑

ราชาทีหิ อสาธารณโภคตา (การมีโภคะไม่ทั่วไปกับพระราชาเป็นต้น) ๑

อุฬารโภคตา (ความเป็นผู้มีโภคะโอฬาร) ๑

ตตฺถ ตตฺถ เชฏฺฐกภาโว (ความเป็นหัวหน้าในที่นั้นๆ) ๑

นตฺถิภาวสฺส อชานนตา (ความเป็นผู้ไม่รู้จักคำว่าไม่มี) ๑

สุขวิหารตา (ความเป็นผู้อยู่อย่างสบาย) ๑.




อพฺรหฺมจริยาเวรมณี มีผลมีอาทิอย่างนี้ คือ
             

วิคตปจฺจตฺถิกตา (ความเป็นผู้ปราศจากข้าศึก) ๑

สพฺพสตฺตานํ ปิยมนาปตา (ความเป็นที่รักเป็นที่พอใจของสรรพสัตว์) ๑

อนฺนปานวตฺถจฺฉาทนาทีนํ ลาภิตา (ความเป็นผู้มีปกติได้ของต่างๆ เช่น ข้าว น้ำ ผ้า และวัตถุเครื่องปกปิด) ๑

สุขสุปนตา (การนอนหลับสบาย) ๑

สุขปฏิพุชฺฌนตา (การตื่นขึ้นมาสบาย) ๑

อปายภยวิโมกฺโข (การพ้นจากภัยในอบาย) ๑

อตฺถีภาวนปุ ํสกภาวานํ อภพฺพตา (ความไม่ควรแก่การเกิดเป็นหญิง เป็นกะเทย) ๑

อกฺโกธนตา (ความเป็นผู้ไม่โกรธ) ๑

สจฺจการิตา (ความเป็นผู้มีปกติทำจริง) ๑

อมงฺกุภูตตา (ความเป็นผู้ไม่เก้อเขินหรือประหม่า ๑)

อาราธนสุขตา (ความเป็นผู้มีความสุขด้วยการรับเชิญ) ๑

ปริปุณฺณินฺทฺริยตา (ความเป็นผู้มีอินทรีย์บริบูรณ์) ๑

นิราสงฺกตา (ความเป็นผู้ปราศจากความระแวง) ๑

อปฺโปสฺสุกฺกตา (ความเป็นผู้มีความขวนขวายน้อย-คือไม่ต้องลำบาก ดิ้นรนมาก) ๑

สุขวิหารตา (ความเป็นผู้อยู่อย่างเป็นสุข) ๑

อกุโตภยตา (ความเป็นผู้ไม่มีภัยจากที่ไหนๆ) ๑

ปิยวิปฺปโยคาภาโว (ความเป็นผู้ไม่มีการพลัดพรากจากของรัก) ๑.


             แม้ผลของการงดเว้นจากมิจฉาจาร ก็รวมอยู่ในผลของการงดเว้นจากการไม่ประพฤติพรหมจรรย์ เพราะฉะนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าจึงตรัสว่า อพฺรหฺมจริยา เวรมณี ดังนี้.

(ผู้ที่รักษาศีลห้า  แต่ไม่สำเร็จความใคร่  จะได้ผลดี  ในข้อนี้มาก  แต่ผู้ที่รักษาศีลแปด  หรืออุโบสถศีลจะได้รับสิ่งที่เจริญกว่านั้น  เป็นเพราะ  อกุศลได้รับการเบียดบัง  จิตจะผ่องใสขึ้น  กุศลได้รับการสั่งสมมากขึ้นนั่นเอง)




มุสาวาทาเวรมณี มีผลมีอาทิอย่างนี้ คือ


วิปฺปสนฺนินฺทฺริยตา (ความเป็นผู้มีอินทรีย์ผ่องใส) ๑

วิสฏฺฐมธุรภาณิตา (ความเป็นผู้มีปกติพูดด้วยคำสละสลวย อ่อนหวาน) ๑

สมสิตสุทฺธทนฺตตา (ความเป็นผู้มีฟันเรียบเสมอ ทั้งขาวทั้งสะอาด) ๑

นาติถูลตา (ความเป็นผู้ไม่อ้วนจนเกินไป) ๑

นาติกีสตา (ความเป็นผู้ไม่ผอมจนเกินไป) ๑

นาติรสสตา (ความเป็นผู้ไม่ต่ำเกินไป) ๑

นาติทีฆตา (ความเป็นผู้ไม่สูงเกินไป) ๑

สุขสมฺผสฺสตา (ความเป็นผู้มีสัมผัสเป็นสุข) ๑

อุปฺปลคนฺธมุขตา (ความเป็นผู้มีกลิ่นปากหอมเหมือนกลิ่นดอกอุบล) ๑

สุสสูสกปริสตา (ความเป็นผู้มีบริษัท เชื่อฟังตั้งอยู่ในโอวาท) ๑

อาเทยฺยวจนตา (ความเป็นผู้มีวาจาเชื่อถือได้) ๑

กมลทลสทิสมุทุโลหิตนยชิวฺหตา (ความเป็นผู้มีลิ้นอ่อน แดงและบางเหมือนกลีบดอกอุบล) ๑

อลีนตา (ความเป็นผู้ไม่หดหู่) ๑

อนุทฺธตตา (ความเป็นผู้ไม่ฟุ้งซ่าน) ๑.

  

สุราเมรยมัชชปมาทัฏฐานาเวรมณี มีผลมีอาทิอย่างนี้ คือ

             
อตีตานาคตปจฺจุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ อปฺปมาทตา (ความเป็นผู้ไม่ประมาทในกิจและกรณียกิจ ทั้งที่เป็นอดีตอนาคตและปัจจุบัน) ๑

ญาณวนฺตตา (ความเป็นผู้มีญาณ) ๑

สทา อุปฏฺฐิตสติตา (ความเป็นผู้มีสติปรากฏอยู่ทุกเมื่อ) ๑

อุปฺปนฺเนสุ กิจฺจกรณีเยสุ สพฺพฏฺฐานุปฺปตฺติกปฏิภาณวนตตา (ความเป็นผู้มีปฏิภาณ เกิดขึ้นทุกสถาน ในเมื่อมีกิจและกรณียกิจเกิดขึ้น) ๑

อนลสตา (ความเป็นผู้ไม่เกียจคร้าน) ๑

อชฬตา (ความเป็นผู้ไม่โง่เขลา) ๑

อมูคตา (ความเป็นผู้ไม่บ้าใบ้) ๑

อจฺฉมฺภิตา (ความเป็นผู้ไม่หวาดสะดุ้ง) ๑

อสารมฺภตา (ความเป็นผู้ไม่มีการแข่งดี) ๑

อนิสสุกิตา (ความเป็นผู้ไม่มีความริษยา) ๑

อมจฺฉริตา (ความเป็นผู้ไม่ตระหนี่) ๑

สจฺจวาทิตา (ความเป็นผู้มีปกติกล่าวคำสัตย์) ๑

อปิสุณ อผรุส อสมฺผปฺปลาปวาทิตา (ความเป็นผู้มีปกติไม่พูดส่อเสียด ไม่พูดคำหยาบ ไม่พูดเพ้อเจ้อ) ๑

กตญฺญุตา (ความเป็นคนกตัญญู) ๑ กตเวทิตา (ความเป็นผู้มีกตเวที) ๑

โภควนฺตตา (ความเป็นผู้มีโภคะทรัพย์สมบัติ) ๑

สีลวนฺตตา (ความเป็นผู้มีศีล) ๑

อุชุคตา (ความเป็นผู้ซื่อตรง) ๑

อกฺโกธนตา (ความเป็นผู้ไม่โกรธ) ๑

หิโรตฺตปฺปสมฺปนฺนตา (ความเป็นผู้ถึงพร้อมด้วยหิริและโอตัปปะ) ๑

มหตฺตตา (ความเป็นผู้มีใจใหญ่) ๑

ปณฺฑิตตา (ความเป็นผู้ฉลาด) ๑

อุชุทิฏฺฐิตา (ความเป็นผู้มีความเห็นตรง) ๑

อตฺถานตฺถกุสลตา (ความเป็นผู้ฉลาดในสิ่งที่เป็นประโยชน์ และสิ่งมิใช่ประโยชน์) ๑



******************

คัดลอกจาก  อรรถกถา  ปุตตสูตร

ปุตตสูตร ในขุททกนิกาย
http://84000.org/tipitaka/attha/v.php?B=25&A=5822&Z=5863&pagebreak=0
          
ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=25&i=252
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่