ใครว่ากลุ่มประเทศมุสลิมด้วยกันไม่อยากช่วยชาวซีเรีย ลองอ่านข่าวนี้ก่อนนะคะ

จากที่เห็นคอมเม้นหลายๆคอมเม้นในข่าวที่ออกในโซเซียลออนไลน์เรื่องการอพยพของชาวซีเรีย
หลายๆคนสงสัยว่าทำไมไม่มีกลุ่มประเทศอาหรับซึ่งเป็นประเทศมุสลิมเหมือนกัน ออกมาประกาศยื่นมือช่วยเหลือ

จริงๆแล้วประเทศเหล่านี้ได้ให้ความช่วยเหลือนานแล้วค่ะ เพียงแต่ไม่ได้เป็นข่าว
พวกเขาสามารถเข้ามาอยู่ในกลุ่มประเทศอาหรับได้โดยไม่ใช่ในสถานะผู้อพยพ
สิทธิ์ต่างๆจะต่างกันมากหากเข้าไปอยุ่ด้วยสถานะของผู้อพยพ

ข่าวจาก i-newsmedia.net [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

หลังจากข่าวการลี้ภัยเข้ายุโรปของชาวซีเรียกว่าแสนคน แต่สภาสหภาพยุโรปประกาศโควต้าและแผนการดูแลชาวซีเรียเพียง 40,000 คน และประเทศยุโรปบางประเทศล็อกสเป็กความช่วยเหลือเฉพาะชาวซีเรียที่ไม่ใช่มุสลิม และความพยายามสร้างความแตกแยกในหมู่ชาวมุสลิมด้วยการปล่อยข่าวเท็จกล่าวหาว่าประเทศอาหรับปิดประเทศไม่รับชาวซีเรีย

ล่าสุดอัลญะซีเราะห์รายงานว่าทางการซาอุดิอาระเบียโดยกระทรวงการต่างประเทศได้เปิดเผยบทบาทของซาอุดิอาระเบียต่อการดูแลผู้ลี้ภัยมากขึ้นหลัวจากที่ก่อนหน้านี้ให้ความชีเรียโดยไม่ได้ประชาสัมพันธ์มาก่อน โดยประเทศกลุ่มอ่าวอาหรับหรือ GCC ที่ประกอบด้วย ซาอุดิอาระเบีย สหรัฐอาหรับเอมิเรต โอมาน คูเวต การ์ตา และบะห์เรน ได้ให้ความช่วยเหลือชาวซีเรียต่อเนื่องตั้งแต่ปี 2011 เพียงแต่ชาวซีเรียเหล่านั้นไม่ถูกกดให้อยู่ในสถานะผู้ลี้ภัยเท่านั้นเอง

เฉพาะส่วนของซาอุดิอาระเบียประเทศเดียวรับดูแลชาวซีเรียไว้ในประเทศมากถึง 2.5 ล้านคน โดยที่เด็กชาวซีเรียอย่างน้อย 100,000 คนได้รับสิทธิการเรียนเทียบเท่ากับเด็กซาอุดิอาระเบีย
“ซาอุดิอาระเบียไม่ได้จับพวกเขาใส่ไว้ในค่ายลี้ภัย โดยซาอุดิอาระเบียได้คำนึงถึงศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของพวกเขา และให้เขาอยู่ได้อย่างเสรี” แถลงค์การกระทรวงการต่างประเทศระบุ
“ซาอุดิอาระเบียได้ให้สิทธิเต็มที่สำหรับผู้ที่เลือกที่จะอยู่ในซาอุดิอาระเบีย ทั้งสิทธิในการรักษาพยาบาล การมีงานทำ และการศึกษา”
นอกจากการช่วยเหลือชาวซีเรียที่อยู่ในซาอุดิอาระเบียแล้ว ชาวซีเรียที่อยู่นอกซาอุดิอาระเบียก็ได้ความช่วยเหลือเช่นกัน โดยมีการจัดตั้งงบประมาณ 700 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับช่วยเหลือชาวซีเรีย และยังมีการจัดตั้งคลีนิกสนามเพื่อให้การรักษาพยาบาลฟรีตามค่ายลี้ภัยต่างๆด้วย นอกจากนี้ซาอุดิอาระเบียยังได้ส่งความช่วยเหลือผ่านไปยังองค์กรบรรเทาทุกข์ต่างด้วย

ข่าวเพิ่มเติม
ข่าวการเปิดค่ายผู้ลี้ภัยใหญ่สุดของตุรกี เพื่อรองรับผู้พลัดถิ่นหนีภัยสู้รบ IS จากซีเรีย [Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 2
Amnesty international ซึ่งเป็นองค์กรที่ทำงานด้านสิทธิมนุษชนทั่วโลก บอกว่า ซาอุดิอารเบีย สหรัฐอาหรับอิมิเรต กาตาร์ คูเวต และบาห์เรน ไม่ให้ผู้ลี้ภัยชาวซีเรียอยู่แม้แต่คนเดียว

https://www.amnesty.org/en/latest/news/2015/09/syrias-refugee-crisis-in-numbers/
ความคิดเห็นที่ 4
การได้สัญชาติซาอุดิอารเบีย เป็นเรื่องที่ยากมาก ๆ  

-แม้แต่ผู้หญิงซาอุฯแต่งงานกับต่างชาติ ลูกที่เกิดมาก็ไม่ได้สัญชาติซาอุ แต่ถ้าเป็นผุ้ชายซาอุฯแต่งงานกับผุ้หญิงต่างชาติลูกที่เกิดมาจึงจะได้สัญชาติซาอุฯ เดิมผู้หญิงซาอุฯ แต่งงานกับต่างชาติ ลูกเกิดมาได้สัญชาติซาอุฯ เขาเพิ่งมาเปลี่ยนกฎนี้มาไม่นานนี้เอง โดยยึดเอาหลักศาสนาเป็นตัวตั้ง
-คนต่างชาติที่ทำงานในซาอฯ ต่อให้ทำงานนานแค่ไหน ก็ไม่มีทางได้สัญชาติซาอุฯ เด็ดขาด แม้ว่าคนซาอุฯ จะโวยวายว่าต่างชาติส่งเงินกลับประเทศ แต่ก็ไม่มีทางยอมให้คนเหล่านี้ได้สัญชาติซาอุฯ แม้ว่าจะทำงานอยู่ซาอุฯ มากี่ชั่วอายุคนก็ตาม
-โรฮิงยา จากพม่า อยยพไปอยู่ซาอุฯ มาร่วม 70 ปี และอยู่หลายรุ่นแล้ว แต่ก็ไม่ได้สัญชาติซาอุฯ ที่ซาอุฯ ให้ได้คือ resident permit หรือภาษาซาอุฯที่เรียกว่า Iqama โดยซาอุฯให้ Iqama แก่พวกโรฮิงยา เป็นแบบ permanent resident ประมาณ 200,000 กว่าคน เมื่อเดือน เมษายน 2558 ที่ผ่านนี่เอง เหตุผลที่ให้เพราะ ซาอุฯ ต้องการปรับภูมิทัศน์เมืองเมกกะ ซึ่งมีพวกโรฮิงยาอาศัยอยู่ในสลัมเมืองเมกกะเป็นจำนวนมาก เลยต้องการให้โรฮิงยาย้ายไปอยู่ที่อื่น
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่