...บางที่ปลายทางก็เปลี่ยนไป
:: 11.00 ออกจากห้อง
: นนทบุรี-เดอะมองามวงศ์วาน-อนุสาวรีย์ [ค่ารถ 28 บาท]
ขึ้นสาย 545 ลงเดอะมอล์ ข้ามสะพานลอยมาฝั่งเดอะมอล์ต่อ 522
: BTS อนุ-สนามกีฬาแห่งชาติ [ ไปกลับ 56 บาท ]
ตื่นสาย มันดีเพราะรถมันไม่ติด เรากำลังจะไปหอศิลป์ แต่เมื่อไปถึงมัน ปิด อ้าวววเห้ยยยย ! ดูปฏิทินเลย วันจันทร์ !!!!!
หอศิลป์ปิดทุกวันจันทร์ เอาไงต่อละ จะนั่งรถกลับห้อง ก็ออกมาแล้วจะกลับทำไมละ นั่งๆ ยื่นๆ เล่นบน BTS ก่อนก็ดี แล้วค่อยหาที่ไปต่อ
ไปตลาดน้ำดีกว่า อัมพวา คงไม่ทัน เปิดกระทู้อ่าน สะดุดตามากกับ
คลองบางหลวง ...มันอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพ ???? มีปากก็ถาม มีตาก็อ่าน ถ้าหลงก็ลง... เราคิดแบบนี้ไปแล้ว กลับไปเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์อีกครั้ง
:: 14.00 ออกจากอนุสาวรีย์ ขึ้นรถเมย์ ปอ 509 [ ค่ารถ 17 บาท ]
ถึงแล้วโว้ยยย ยังไม่หลงเพราะเราลงตามคุณป้า เขาลงป้ายเดียวกัน ลงที่วัดท่าพระ
แล้วข้ามสะพายลอยไปหน้าซอยจรัส 3 เรียกวินมอไชด์ หรือจะรอสองแถวสีแดงเข้าไปก็ได้ แต่ไม่มาสักที
เราก็เรียกพี่วินบอกว่าไปคลองบางหลวงคะ ค่ามอไชต์ก็ 10 บาทเท่านั้นนะ
:: 15.00 คลองบางหลวง
มาถึงแล้ว เราก็เดินไปเรื่อยๆ มีวัดเยอะเหมือนกันแถวนี้ เดินไป มองไป เหมือนไม่ได้อยู่ในกรุงเทพเลยสักนิด
เดินไปเดินมา เริ่มวนกลับมาที่เดิม เริ่มหลงละ
มองไป เราก็เจอคุณน้าคนหนึ่ง เลยเขาไปถามทางไปบ้านศิลปิน
: ทางไปบ้านศิลปินไปทางไหนหรอคะ
: อออ เดินไปพร้อมกันก็ได้
: ค่ะ ( น้าเขากำลังพาคุณลุงที่นั่งบนรถเข็นไปขึ้นเรือ )
ท่าเรือ
: เดินต่อไปทางนูนก็ถึงแล้วละ
: ขอบคุณค่ะ ( ระหว่างทางคุณลุงชวนคุยตลอดทางเลย ใจดีด้วย )
เราเดินตามลำคลองไปเรื่อยๆ มีร้านขายข้าวเกรียบข้างทางหลายรัาน ว่าจะซื้อเดินกินชะหน่อย
แต่ไปเจอข้างหน้า มีคนกำลังโยนลงคลองให้ปลากินอยู่พอดี โอวววว มันคืออาหารปลา ไม่ใช่ข้าวเกรียบ
เอาอีกแล้ว เกือบไปอีกแล้ว ^^
อากาศสบายดี แต่น้ำไม่ใส่หรอกนะ แต่นั้นละ ระหว่งทางยังคงมีหลายสิ่งให้น่าจดจำมากกว่า
บ้านไม้ที่คงความเป็นไทย แต่ละหลังก็ยังมีของสะสมเก๋าๆ เก็บไว้ บางบ้านก็เปิดขายกับนักท่องเที่ยว เดินไปก็เพลินตาดี
อีกอย่างที่นี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติเยอะกว่าคนไทยชะอีก
...น่าแปลก สิ่งที่สวยงามบางทีมันก็อยู่ใกล้เรา แต่เรากลับไม่เห็นมัน
:: 15.30 บ้านศิลปิน
...please take off your shoes thank you.
ที่นี้มีการแตกแต่งสวยงาม มีทั้งโปสการ์ด หนังสือ โต๊ะเก้าอี้ มีรูปปั้น หน้ากาก รวมถึงของสะสมมากมายที่หาได้ยาก
ส่วนบริเวณตรงกลางเป็นพื้นที่แสดงละครไว้สำหรับนักท่องเที่ยว แต่ไม่ได้มีทุกวัน
ถ้าอยากดูการแสดงแนะนำให้โทรมาถามก่อนก็ดี ด้านบนของบ้านหลังนี้ก็มีภาพวาดติดไว้ตามฝาผนังอยู่มาก ตรงมุมห้องก็มีพี่ผู้หญิงหนึ่งคนนั่งวาดภาพอยู่
ข้างบนดูสงบมาก ถ้าตอนดึก ก็คงดูคลังมากเช่นกัน เพราะทั้งหลงเป็นบ้านไม้
เราชอบโปรการ์ด
...ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหน เราก็จะซื้อมันเก็บไว้ เราชอบยื่นมองภาพถ่าย เหมือนเราได้ไปเที่ยวมันอีกครั้ง.
ครั้งนี้เราก็ไม่พลาด เราก็ซื้อกลับมาด้วยเช่นกัน
เดินออกมาอีกทางของบ้านศิลปิน เดินข้ามสะพานก็จะเป็นร้านอาหาร ร้านของสะสม บ้านบนต้นไม้ เก้าอี้นั่งริมท่าน้ำ
แล้วก็เดินต่อมาเรื่อยๆ ก็จะเจอวัด ตอนที่เราเดินมาถึงก็เย็นแล้ว ขณะที่เดินเพลินๆ ก็มีการเปิดธรรมะได้ยินทั่วลานกว้าง มียายเข็ญรถมาขายขนมโบราณ
...ตอนเด็กจะชอบกินขนมเช็ค แถวบ้านเราเขาเรียแบบนั้น พอโตมากลับชอบกินขนมยาย
แต่หายากเหลือเกิน
เราเดินย้อนกลับมาทางเดิน ว่าจะไปที่อื่นต่อสักที่ ไปสนามหลวงต่อก็ดี ระหว่างทางก็เจอแขกคนนึง เขาถามว่า
: where you com from ?
: Thailand
เราก็นั่งคุยกันสักพัก ที่คุยกันได้เพราะเขาพูดไทยได้ด้วย เรานี้ละที่พูดภาษาเขาไม่คล่องเอาชะเลย
จบบทสนทนา เราก็เดินทางหาทางกลับไปที่เดิมแต่ ....
เราก็หลงอีก เราไม่ค่อยจำทางเท่าไหร่ หิวด้วย จึงแวะกินบะหมี่โบราณที่หัวมุมสักชาม ราคา 35 บาท อิ่ม.
ใกล้จะมืดแล้ว เราเลยเดินไปถามป้าคนนึงว่า วินรถมอไชด์ไปทาง ซึ่งป้าเขาก็ใจดีเรียกวินมาให้ด้วย
พอวินมอไชด์มาถึงเราก็บอกว่า..ไปจรัสชอย 3 ค่ะ
น้าขับรถเก่งมาก ทางรถวิ่งก็แคบที่สำคัญตอนขึ้นสะพานมันชันและสั้นมาก น่าจะ 60 องศา เลยทีเดียว
น้าแกเลยถามว่า
: ขับขึ้นไปเลยไหม
: ขึ้นเลยค่ะ
ตอบไปไม่ทันคิด มาคิดอีกทีก็ไม่ทันแล้ว รถบิดด้วยแรงเร็วพุงขึ้นสะพานไปแล้ว โอววว แทบหงายหลังตกลงคลอง
ในราคา 20 บาท
ถึงปากซอยละ มองหารถไปไหนต่อดี ... ไปสนามหลวงต่อเลย ครั้งแรกที่มาก็เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว
ตอนนั้นได้แต่เดินตามพี่อยากหยุดตรงไหนก็ไม่กล้าบอก แต่ครั้งนี้เรากลับเดินได้ทั่ว อยากหยุดตรงไหนก็ได้
ขอนอนบนพื้นหญ้ากว้างๆ สักหน่อย แล้วค่อยกลับละกัน
...พระอาทิตย์ลาลับไปแล้ว มีแต่แสงหลอดไฟยอดตึก
เราเดินไปป้ายรถเมย์ตอนแรกว่าจะขึ้นสาย 509 กลับอนุ แล้วค่อยต่อรถ แต่พอถามน้าข้างๆ
ก็รู้ว่ามีรถเมย์สาย 70 ไปถึงหน้าเดอะมองามวงศ์วาน ในราคา 15 บาท เราก็เปลี่ยนเส้นทางขึ้นสาย 70 เลยนะกัน
:: 20.00 บนรถ
เราคงกลับมาอยู่ในกรุงเทพอย่างเต็มตัวแล้ว เพราะบนรถคนแน่นมาก ยื่นกันเบียดเสียดสมดังกับเป็นเมืองหลวงเสียจริง
หลับมา 2 ตื่นก็ยังไม่ถึง พอตื่นที่ 3 ถึงละจ๊ะ สุดสายเลย ..... เลยป้ายอีกแล้ว มันมืดมากแล้วด้วย
พี่กระเป๋ารถเมย์เลยบอกว่ารอขึ้นสองแถวกลับไปแล้วกันนะ สองแถว 7 บาท รู้จักเส้นทางใหม่ สถานที่ใหม่อีกแล้ว
กิน เดิน เที่ยว เราหมดไป 265 บาท แต่สิ่งที่ได้มันเป็นความทรงจำที่ดีเลยทีเดียว
22.00 กินจ้าวอยู่ห้องละจ๊ะ
...บางที่เราใกล้กันมาก แต่เราแค่ไม่รู้จักที่ ของกันละกัน เท่านั้นเอง.
[CR] 300 ก็เอาอยู่ ::: เดินตามตอก ลัดเลาะคลอง-บาง-หลวง :::
...บางที่ปลายทางก็เปลี่ยนไป
:: 11.00 ออกจากห้อง
: นนทบุรี-เดอะมองามวงศ์วาน-อนุสาวรีย์ [ค่ารถ 28 บาท]
ขึ้นสาย 545 ลงเดอะมอล์ ข้ามสะพานลอยมาฝั่งเดอะมอล์ต่อ 522
: BTS อนุ-สนามกีฬาแห่งชาติ [ ไปกลับ 56 บาท ]
ตื่นสาย มันดีเพราะรถมันไม่ติด เรากำลังจะไปหอศิลป์ แต่เมื่อไปถึงมัน ปิด อ้าวววเห้ยยยย ! ดูปฏิทินเลย วันจันทร์ !!!!!
หอศิลป์ปิดทุกวันจันทร์ เอาไงต่อละ จะนั่งรถกลับห้อง ก็ออกมาแล้วจะกลับทำไมละ นั่งๆ ยื่นๆ เล่นบน BTS ก่อนก็ดี แล้วค่อยหาที่ไปต่อ
ไปตลาดน้ำดีกว่า อัมพวา คงไม่ทัน เปิดกระทู้อ่าน สะดุดตามากกับ
คลองบางหลวง ...มันอยู่ส่วนไหนของกรุงเทพ ???? มีปากก็ถาม มีตาก็อ่าน ถ้าหลงก็ลง... เราคิดแบบนี้ไปแล้ว กลับไปเริ่มต้นที่อนุสาวรีย์อีกครั้ง
:: 14.00 ออกจากอนุสาวรีย์ ขึ้นรถเมย์ ปอ 509 [ ค่ารถ 17 บาท ]
ถึงแล้วโว้ยยย ยังไม่หลงเพราะเราลงตามคุณป้า เขาลงป้ายเดียวกัน ลงที่วัดท่าพระ
แล้วข้ามสะพายลอยไปหน้าซอยจรัส 3 เรียกวินมอไชด์ หรือจะรอสองแถวสีแดงเข้าไปก็ได้ แต่ไม่มาสักที
เราก็เรียกพี่วินบอกว่าไปคลองบางหลวงคะ ค่ามอไชต์ก็ 10 บาทเท่านั้นนะ
:: 15.00 คลองบางหลวง
มาถึงแล้ว เราก็เดินไปเรื่อยๆ มีวัดเยอะเหมือนกันแถวนี้ เดินไป มองไป เหมือนไม่ได้อยู่ในกรุงเทพเลยสักนิด
เดินไปเดินมา เริ่มวนกลับมาที่เดิม เริ่มหลงละ
มองไป เราก็เจอคุณน้าคนหนึ่ง เลยเขาไปถามทางไปบ้านศิลปิน
: ทางไปบ้านศิลปินไปทางไหนหรอคะ
: อออ เดินไปพร้อมกันก็ได้
: ค่ะ ( น้าเขากำลังพาคุณลุงที่นั่งบนรถเข็นไปขึ้นเรือ )
ท่าเรือ
: เดินต่อไปทางนูนก็ถึงแล้วละ
: ขอบคุณค่ะ ( ระหว่างทางคุณลุงชวนคุยตลอดทางเลย ใจดีด้วย )
เราเดินตามลำคลองไปเรื่อยๆ มีร้านขายข้าวเกรียบข้างทางหลายรัาน ว่าจะซื้อเดินกินชะหน่อย
แต่ไปเจอข้างหน้า มีคนกำลังโยนลงคลองให้ปลากินอยู่พอดี โอวววว มันคืออาหารปลา ไม่ใช่ข้าวเกรียบ
เอาอีกแล้ว เกือบไปอีกแล้ว ^^
อากาศสบายดี แต่น้ำไม่ใส่หรอกนะ แต่นั้นละ ระหว่งทางยังคงมีหลายสิ่งให้น่าจดจำมากกว่า
บ้านไม้ที่คงความเป็นไทย แต่ละหลังก็ยังมีของสะสมเก๋าๆ เก็บไว้ บางบ้านก็เปิดขายกับนักท่องเที่ยว เดินไปก็เพลินตาดี
อีกอย่างที่นี้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็เป็นชาวต่างชาติเยอะกว่าคนไทยชะอีก
...น่าแปลก สิ่งที่สวยงามบางทีมันก็อยู่ใกล้เรา แต่เรากลับไม่เห็นมัน
:: 15.30 บ้านศิลปิน
...please take off your shoes thank you.
ที่นี้มีการแตกแต่งสวยงาม มีทั้งโปสการ์ด หนังสือ โต๊ะเก้าอี้ มีรูปปั้น หน้ากาก รวมถึงของสะสมมากมายที่หาได้ยาก
ส่วนบริเวณตรงกลางเป็นพื้นที่แสดงละครไว้สำหรับนักท่องเที่ยว แต่ไม่ได้มีทุกวัน
ถ้าอยากดูการแสดงแนะนำให้โทรมาถามก่อนก็ดี ด้านบนของบ้านหลังนี้ก็มีภาพวาดติดไว้ตามฝาผนังอยู่มาก ตรงมุมห้องก็มีพี่ผู้หญิงหนึ่งคนนั่งวาดภาพอยู่
ข้างบนดูสงบมาก ถ้าตอนดึก ก็คงดูคลังมากเช่นกัน เพราะทั้งหลงเป็นบ้านไม้
เราชอบโปรการ์ด
...ไม่ว่าเราจะเดินทางไปที่ไหน เราก็จะซื้อมันเก็บไว้ เราชอบยื่นมองภาพถ่าย เหมือนเราได้ไปเที่ยวมันอีกครั้ง.
ครั้งนี้เราก็ไม่พลาด เราก็ซื้อกลับมาด้วยเช่นกัน
เดินออกมาอีกทางของบ้านศิลปิน เดินข้ามสะพานก็จะเป็นร้านอาหาร ร้านของสะสม บ้านบนต้นไม้ เก้าอี้นั่งริมท่าน้ำ
แล้วก็เดินต่อมาเรื่อยๆ ก็จะเจอวัด ตอนที่เราเดินมาถึงก็เย็นแล้ว ขณะที่เดินเพลินๆ ก็มีการเปิดธรรมะได้ยินทั่วลานกว้าง มียายเข็ญรถมาขายขนมโบราณ
...ตอนเด็กจะชอบกินขนมเช็ค แถวบ้านเราเขาเรียแบบนั้น พอโตมากลับชอบกินขนมยาย
แต่หายากเหลือเกิน
เราเดินย้อนกลับมาทางเดิน ว่าจะไปที่อื่นต่อสักที่ ไปสนามหลวงต่อก็ดี ระหว่างทางก็เจอแขกคนนึง เขาถามว่า
: where you com from ?
: Thailand
เราก็นั่งคุยกันสักพัก ที่คุยกันได้เพราะเขาพูดไทยได้ด้วย เรานี้ละที่พูดภาษาเขาไม่คล่องเอาชะเลย
จบบทสนทนา เราก็เดินทางหาทางกลับไปที่เดิมแต่ ....
เราก็หลงอีก เราไม่ค่อยจำทางเท่าไหร่ หิวด้วย จึงแวะกินบะหมี่โบราณที่หัวมุมสักชาม ราคา 35 บาท อิ่ม.
ใกล้จะมืดแล้ว เราเลยเดินไปถามป้าคนนึงว่า วินรถมอไชด์ไปทาง ซึ่งป้าเขาก็ใจดีเรียกวินมาให้ด้วย
พอวินมอไชด์มาถึงเราก็บอกว่า..ไปจรัสชอย 3 ค่ะ
น้าขับรถเก่งมาก ทางรถวิ่งก็แคบที่สำคัญตอนขึ้นสะพานมันชันและสั้นมาก น่าจะ 60 องศา เลยทีเดียว
น้าแกเลยถามว่า
: ขับขึ้นไปเลยไหม
: ขึ้นเลยค่ะ
ตอบไปไม่ทันคิด มาคิดอีกทีก็ไม่ทันแล้ว รถบิดด้วยแรงเร็วพุงขึ้นสะพานไปแล้ว โอววว แทบหงายหลังตกลงคลอง
ในราคา 20 บาท
ถึงปากซอยละ มองหารถไปไหนต่อดี ... ไปสนามหลวงต่อเลย ครั้งแรกที่มาก็เมื่อ 7-8 ปีที่แล้ว
ตอนนั้นได้แต่เดินตามพี่อยากหยุดตรงไหนก็ไม่กล้าบอก แต่ครั้งนี้เรากลับเดินได้ทั่ว อยากหยุดตรงไหนก็ได้
ขอนอนบนพื้นหญ้ากว้างๆ สักหน่อย แล้วค่อยกลับละกัน
...พระอาทิตย์ลาลับไปแล้ว มีแต่แสงหลอดไฟยอดตึก
เราเดินไปป้ายรถเมย์ตอนแรกว่าจะขึ้นสาย 509 กลับอนุ แล้วค่อยต่อรถ แต่พอถามน้าข้างๆ
ก็รู้ว่ามีรถเมย์สาย 70 ไปถึงหน้าเดอะมองามวงศ์วาน ในราคา 15 บาท เราก็เปลี่ยนเส้นทางขึ้นสาย 70 เลยนะกัน
:: 20.00 บนรถ
เราคงกลับมาอยู่ในกรุงเทพอย่างเต็มตัวแล้ว เพราะบนรถคนแน่นมาก ยื่นกันเบียดเสียดสมดังกับเป็นเมืองหลวงเสียจริง
หลับมา 2 ตื่นก็ยังไม่ถึง พอตื่นที่ 3 ถึงละจ๊ะ สุดสายเลย ..... เลยป้ายอีกแล้ว มันมืดมากแล้วด้วย
พี่กระเป๋ารถเมย์เลยบอกว่ารอขึ้นสองแถวกลับไปแล้วกันนะ สองแถว 7 บาท รู้จักเส้นทางใหม่ สถานที่ใหม่อีกแล้ว
กิน เดิน เที่ยว เราหมดไป 265 บาท แต่สิ่งที่ได้มันเป็นความทรงจำที่ดีเลยทีเดียว
22.00 กินจ้าวอยู่ห้องละจ๊ะ
...บางที่เราใกล้กันมาก แต่เราแค่ไม่รู้จักที่ ของกันละกัน เท่านั้นเอง.