สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 23
ออกตัวก่อนเลยนะคะ เป็นแพทย์ที่ลาออกจากรัฐมาแล้ว ตอบข้อหนึ่งเลย เชื่อว่าหมอไม่ได้ขาดแคลนค่ะ แต่มีปัญหาเรื่องการกระจายอย่างรุนแรง ตอนนี้บอกเลยนะคะ หมอในกรุงเทพหรือเมืองใหญ่ๆแทบจะทุกสาขา ทุกsubboard เรียกว่าล้นเกือบถึงขั้นแย่งงานันแล้ว โดยเฉพาะสาขาหลักๆอย่างที่มีประสบการณ์ คือ gen med เองก็หางานเอกชนยากแล้วค่ะ
ส่วนทำไมถึงลาออก เรื่องเงินอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบหรอกค่ะ บอกเลย ภาระงานที่ล้นเกินความสามารถมนุษย์คนนึงจะทำได้และทำได้ดี ระบบราชการ ระบบอาวุโสแบบที่พี่เอาเปรียบน้อง ไม่มีใครคิดแก้ไขค่ะ เพราะตอนนี้มันเกี่ยวโยงกันไปหมดทั้งการเมืองในวิชาชีพ การเมืองระดับใหญ่ๆขึ้นมา ระบบ 30 บาทที่ฟรีไม่จริง โฆษณาชวนเชื่อกับคนไข้ไว้เยอะแต่ความจริงทำไม่ได้ เงินไม่มี จำกัดยาโน่นนี่มากมาย บางอย่างจะใช้ก็ต้องเขียนเบิกหลายชั้นหลายขั้น ส่งตรวจบางอย่างมากเกินก็โดนว่ามาอีก ที่หงุดหงิดใจมากคือเงินงบประมาณลงไปกับคนไข้ที่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆมากเกินไปจนคนที่ป่วยหนักๆไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ คนไข้ล้นมีเวลาตรวจก็น้อยมากค่ะ แค่คนละ 2-3 นาทีจะไปตรวจให้ละเอียดได้ไง ลงเวรมาไม่ได้นอนอีก
ตอนนี้ออกมาแล้วชีวิตดีขึ้นมากค่ะ ไม่ต้องมาทะเลาะกับคนไข้ที่มาขอตรวจนู่นนี่ เพราะเอกชนอยากได้อะไรตามใจก็จ่ายมา ไม่มีใครมาบังคับเรา practice ได้ตามที่เราเรียนมามากกว่าอยู่รัฐอีกค่ะ
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คนทำงานนะคะ เข้าใจดีว่างานหนักขนาดไหน ทุกฝ่ายพยายามทำกันเต็มที่ ตั้งแต่น้องๆแพทย์ใช้ทุนจบใหม่ไปจนถึงสตาฟ แม้บางท่านจะเอาเปรียบกันไปบ้างแต่ก็เชื่อว่าไม่มากนักหรอกค่ะ
ส่วนทำไมถึงลาออก เรื่องเงินอย่างเดียวคงไม่ใช่คำตอบหรอกค่ะ บอกเลย ภาระงานที่ล้นเกินความสามารถมนุษย์คนนึงจะทำได้และทำได้ดี ระบบราชการ ระบบอาวุโสแบบที่พี่เอาเปรียบน้อง ไม่มีใครคิดแก้ไขค่ะ เพราะตอนนี้มันเกี่ยวโยงกันไปหมดทั้งการเมืองในวิชาชีพ การเมืองระดับใหญ่ๆขึ้นมา ระบบ 30 บาทที่ฟรีไม่จริง โฆษณาชวนเชื่อกับคนไข้ไว้เยอะแต่ความจริงทำไม่ได้ เงินไม่มี จำกัดยาโน่นนี่มากมาย บางอย่างจะใช้ก็ต้องเขียนเบิกหลายชั้นหลายขั้น ส่งตรวจบางอย่างมากเกินก็โดนว่ามาอีก ที่หงุดหงิดใจมากคือเงินงบประมาณลงไปกับคนไข้ที่เจ็บป่วยเล็กๆน้อยๆมากเกินไปจนคนที่ป่วยหนักๆไม่ได้รับการดูแลที่ดีพอ คนไข้ล้นมีเวลาตรวจก็น้อยมากค่ะ แค่คนละ 2-3 นาทีจะไปตรวจให้ละเอียดได้ไง ลงเวรมาไม่ได้นอนอีก
ตอนนี้ออกมาแล้วชีวิตดีขึ้นมากค่ะ ไม่ต้องมาทะเลาะกับคนไข้ที่มาขอตรวจนู่นนี่ เพราะเอกชนอยากได้อะไรตามใจก็จ่ายมา ไม่มีใครมาบังคับเรา practice ได้ตามที่เราเรียนมามากกว่าอยู่รัฐอีกค่ะ
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คนทำงานนะคะ เข้าใจดีว่างานหนักขนาดไหน ทุกฝ่ายพยายามทำกันเต็มที่ ตั้งแต่น้องๆแพทย์ใช้ทุนจบใหม่ไปจนถึงสตาฟ แม้บางท่านจะเอาเปรียบกันไปบ้างแต่ก็เชื่อว่าไม่มากนักหรอกค่ะ
ความคิดเห็นที่ 40
หลายท่านที่มาตอบในกระทู้นี้แสดงให้เห็นว่าไม่ได้เข้าใจปัญหาที่กำลังพูดถึงเลย อาศัยแต่ความเชื่อของตัวเองเพียงอย่างเดียวโดยขาดข้อมูลที่แท้จริง ซ้ำร้ายยังฟังเหมือนมีปมยังไงชอบกลอยู่...คือตั้งแง่กันอย่างกับว่าตัวเองไม่รู้จักเจ็บจักป่วย หรือป่วยก็ไม่ต้องพบแพทย์อย่างนั้น
สังคมไทยเราตั้งข้อกำหนดหรือคาดหวังกับวิชาชีพแพทย์มากเกินความเป็นจริงของมนุษย์...
แพทย์ก็เป็นมนุษย์เหมือนทุกคนในอาชีพอื่น แต่ทำไมกลายเป็นว่าการเป็นแพทย์ต้องเสียสละทุกอย่าง... ทั้งที่แพทย์เองก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล... รู้จักหิวรู้จักป่วยรู้จักง่วงเหมือนกับอาชีพอื่น...แต่สังคมไทยมองว่าแพทย์ต้องทำได้ทุกประการเพื่อผู้อื่น เรียกว่าเรียกร้องกันทุกวินาทีของชีวิตกันเลย ยิ่งเจอคำตัดสินของศาลแล้วยิ่งละเหี่ยใจ
แต่ในเมื่อเรียกร้องกันขนาดนี้กลับไม่เคยมองว่าหากต้องการกันขนาดนี้แล้วควรจะตอบแทนกันอย่างไร...
ขอค่าตอบแทนให้สมกับความ"เสียสละ"... ท่านก็โวยวายว่าโลภมาก เหมือนว่าให้ดีก็ทำงานฟรีไปเลย (ทั้งที่ในความจริงคนมาเป็นแพทย์มันก็ลำบากกว่าเรียนหนักกว่าทุ่มเทกว่าคนอื่นมาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วไม่ใช่เฉพาะตอนมาเป็นแพทย์)
ขอความเข้าใจจากสังคมและการคุ้มครองตามกฎหมายก็กลับกลายเป็นวิชาชีพนี้เอาแต่ช่วยกันเองและเห็นแก่ตัว...
ผู้พิพากษาตัดสินคดียังได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายหากตัดสินด้วยสุจริต แต่วิชาชีพแพทย์แม้ทำงานของตัวเองด้วยสุจริต ด้วยจิตที่คิดช่วยผู้อื่น...แต่เมิงอย่าพลาดนะ... พลาดเมื่อไรกรูเหยียบ แบบว่ารักษาหายไปล้านคน แต่พลาดคนเดียวแบบสุจริตชีวิตก็ต้องสิ้นลง ณ บัดนาว
เรียกว่ามองวิชาชีพแพทย์ในทางลบตลอด... แล้วแบบนี้สังคมจะอยู่กันอย่างไร
ทุกอาชีพมันต้องมีมาตรฐานในอาชีพของตน...มีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตนทั้งนั้น แต่สิ่งเหล่านี้กลับถูกนำมาตีกรอบและกล่าวหาแพทย์อยู่เสมอ ๆ
ปัญหาบางอย่างในวงการแพทย์และสาธารณสุข คนวงนอกไม่มีทางเข้าใจลึกซึ้งและถ่องแท้หรอกครับ
การผลิตแพทย์เพิ่มไม่ช่วยอะไร...ซ้ำร้าย...กลับน่ากลัว หากจำนวนที่เพิ่มนั้นไม่มาพร้อมกันกับมาตรฐาน
ทุกวันนี้ผมยังตกใจกับการที่มหาวิทยาลัยบางแห่งสามารถผลิตแพทย์ได้... ทั้งที่ผมดูยังไงก็ไม่น่าได้ ... เพราะการผลิตแพทย์หนึ่งคนมันไม่ใช่แค่เอาคนจบ 3.5 มานั่งท่องตำราสอบ มันมากกว่านั้นเยอะ... เยอะจนคนวงนอกไม่มีทางเข้าใจล่ะครับ
ของบางอย่างสอนกันด้วยตำราไม่ได้...มันเป็นเรื่องของประสบการณ์ล้วน ๆ ... แพทย์เฉพาะทางหนึ่งคนกว่าจะจบตามหลักสูตรใช้เวลาร่ำเรียนกันสิบกว่าปีขึ้นไป... แต่นั่นยังไม่เท่าประสบการณ์ที่ต้องสั่งสมอีกมากนัก
ผมดูคุณภาพแพทย์ที่จบตอนนี้แล้ว...บอกตรง ๆ ว่ากลัวนะครับ... กลัวเราจะซ้ำรอยเหมือนยุคหนึ่งที่เราเคยรู้สึกกับแพทย์ที่จบจากประเทศเพื่อนบ้านเรา
ปัญหามันไม่ใช่แค่แพทย์จบใหม่เท่านั้น แต่มันลามไปถึงคุณภาพของแพทย์เฉพาะทางและแพทย์ต่อยอดด้วย เพราะจำนวนที่มันท้นมันจะท้นตามกันไปทุกระดับ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้อย่างเลี่ยงไม่พ้น
แพทย์ที่จบมานานกว่ายี่สิบปีขึ้นไปคงสังเกตเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนว่าสมัยก่อนที่ตนจบทำอะไรได้บ้างในฐานะแพทย์จบใหม่... แล้วแพทย์ที่จบใหม่สมัยนี้ทำอะไรได้บ้าง... แม้แต่แพทย์เฉพาะทางสมัยนี้บางทียังอาจทำได้น้อยกว่าแพทย์ทั่วไปยุคก่อนด้วยซ้ำไป
เหมือนที่หลายท่านกล่าว... ในแง่ปริมาณแพทย์... เราไม่ขาดหรอกครับในขณะนี้ แต่เป็นปัญหาเรื่องการกระจายของแพทย์
ถามว่าทำไมถึงมีปัญหาแล้วทำไมถึงแก้ไม่ได้... ก็เพราะมันไม่ใช่เป็นเฉพาะเรื่องของแพทย์ (ระดับจุลภาค) แต่มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ (มหภาค) ทั้งโครงสร้างสาธารณสุข, โครงสร้างทางเศรษฐกิจสังคม ฯลฯ
ถ้าใครเคยไปอยู่ไปทำงานต่างประเทศ(ที่พัฒนาแล้ว)ก็จะเห็นว่าระบบสาธารณสุขเขากับเราต่างกันมหาศาล...
ที่นั่นไม่ใช่อยู่ ๆ อยากไปพบแพทย์เฉพาะทางก็ไปได้ และไม่ใช่พอใจจะไปเวลาไหนก็ได้ตามใจฉัน... ไม่นัดก่อนหรือมาผิดเวลานัดก็กลับไปเริ่มใหม่
รวมทั้งค่าตอบแทนภาครัฐและเอกชนก็ไม่ได้ห่างกันมากเหมือนบ้านเรา... รวมถึงชั่วโมงทำงานที่เขาจะควบคุมไม่ให้มากเกินไปจนส่งผลต่อคุณภาพการทำงานและคุณภาพชีวิต (บ้านเราแพทย์เฉพาะทางตรวจคนไข้เยอะกว่าแพทย์ทั่วไปบ้านเขาอีก)
การกระจายตัวของความเจริญในแต่ละส่วนของประเทศก็ไม่ห่างกันเหมือนบ้านเรา... ลูกจะเรียนที่ไหนก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย... ครอบครัวจะอยู่เมืองไหนระดับคุณภาพชีวิตก็ใกล้เคียงกัน
พูดไปอีกสามวันแปดวันก็ไม่จบครับ... เอาสั้น ๆ ว่าปัญหานี้แก้ไม่ได้ด้วยการผลิตแพทย์เพิ่มหรือเพิ่มเวลาใช้ทุนอย่างที่บางท่านคิดหรอกครับ
สังคมไทยเราตั้งข้อกำหนดหรือคาดหวังกับวิชาชีพแพทย์มากเกินความเป็นจริงของมนุษย์...
แพทย์ก็เป็นมนุษย์เหมือนทุกคนในอาชีพอื่น แต่ทำไมกลายเป็นว่าการเป็นแพทย์ต้องเสียสละทุกอย่าง... ทั้งที่แพทย์เองก็มีครอบครัวที่ต้องดูแล... รู้จักหิวรู้จักป่วยรู้จักง่วงเหมือนกับอาชีพอื่น...แต่สังคมไทยมองว่าแพทย์ต้องทำได้ทุกประการเพื่อผู้อื่น เรียกว่าเรียกร้องกันทุกวินาทีของชีวิตกันเลย ยิ่งเจอคำตัดสินของศาลแล้วยิ่งละเหี่ยใจ
แต่ในเมื่อเรียกร้องกันขนาดนี้กลับไม่เคยมองว่าหากต้องการกันขนาดนี้แล้วควรจะตอบแทนกันอย่างไร...
ขอค่าตอบแทนให้สมกับความ"เสียสละ"... ท่านก็โวยวายว่าโลภมาก เหมือนว่าให้ดีก็ทำงานฟรีไปเลย (ทั้งที่ในความจริงคนมาเป็นแพทย์มันก็ลำบากกว่าเรียนหนักกว่าทุ่มเทกว่าคนอื่นมาตั้งแต่เล็ก ๆ แล้วไม่ใช่เฉพาะตอนมาเป็นแพทย์)
ขอความเข้าใจจากสังคมและการคุ้มครองตามกฎหมายก็กลับกลายเป็นวิชาชีพนี้เอาแต่ช่วยกันเองและเห็นแก่ตัว...
ผู้พิพากษาตัดสินคดียังได้รับการคุ้มครองตามกฎหมายหากตัดสินด้วยสุจริต แต่วิชาชีพแพทย์แม้ทำงานของตัวเองด้วยสุจริต ด้วยจิตที่คิดช่วยผู้อื่น...แต่เมิงอย่าพลาดนะ... พลาดเมื่อไรกรูเหยียบ แบบว่ารักษาหายไปล้านคน แต่พลาดคนเดียวแบบสุจริตชีวิตก็ต้องสิ้นลง ณ บัดนาว
เรียกว่ามองวิชาชีพแพทย์ในทางลบตลอด... แล้วแบบนี้สังคมจะอยู่กันอย่างไร
ทุกอาชีพมันต้องมีมาตรฐานในอาชีพของตน...มีจรรยาบรรณในวิชาชีพของตนทั้งนั้น แต่สิ่งเหล่านี้กลับถูกนำมาตีกรอบและกล่าวหาแพทย์อยู่เสมอ ๆ
ปัญหาบางอย่างในวงการแพทย์และสาธารณสุข คนวงนอกไม่มีทางเข้าใจลึกซึ้งและถ่องแท้หรอกครับ
การผลิตแพทย์เพิ่มไม่ช่วยอะไร...ซ้ำร้าย...กลับน่ากลัว หากจำนวนที่เพิ่มนั้นไม่มาพร้อมกันกับมาตรฐาน
ทุกวันนี้ผมยังตกใจกับการที่มหาวิทยาลัยบางแห่งสามารถผลิตแพทย์ได้... ทั้งที่ผมดูยังไงก็ไม่น่าได้ ... เพราะการผลิตแพทย์หนึ่งคนมันไม่ใช่แค่เอาคนจบ 3.5 มานั่งท่องตำราสอบ มันมากกว่านั้นเยอะ... เยอะจนคนวงนอกไม่มีทางเข้าใจล่ะครับ
ของบางอย่างสอนกันด้วยตำราไม่ได้...มันเป็นเรื่องของประสบการณ์ล้วน ๆ ... แพทย์เฉพาะทางหนึ่งคนกว่าจะจบตามหลักสูตรใช้เวลาร่ำเรียนกันสิบกว่าปีขึ้นไป... แต่นั่นยังไม่เท่าประสบการณ์ที่ต้องสั่งสมอีกมากนัก
ผมดูคุณภาพแพทย์ที่จบตอนนี้แล้ว...บอกตรง ๆ ว่ากลัวนะครับ... กลัวเราจะซ้ำรอยเหมือนยุคหนึ่งที่เราเคยรู้สึกกับแพทย์ที่จบจากประเทศเพื่อนบ้านเรา
ปัญหามันไม่ใช่แค่แพทย์จบใหม่เท่านั้น แต่มันลามไปถึงคุณภาพของแพทย์เฉพาะทางและแพทย์ต่อยอดด้วย เพราะจำนวนที่มันท้นมันจะท้นตามกันไปทุกระดับ ซึ่งส่งผลต่อการเรียนรู้อย่างเลี่ยงไม่พ้น
แพทย์ที่จบมานานกว่ายี่สิบปีขึ้นไปคงสังเกตเห็นความแตกต่างได้ชัดเจนว่าสมัยก่อนที่ตนจบทำอะไรได้บ้างในฐานะแพทย์จบใหม่... แล้วแพทย์ที่จบใหม่สมัยนี้ทำอะไรได้บ้าง... แม้แต่แพทย์เฉพาะทางสมัยนี้บางทียังอาจทำได้น้อยกว่าแพทย์ทั่วไปยุคก่อนด้วยซ้ำไป
เหมือนที่หลายท่านกล่าว... ในแง่ปริมาณแพทย์... เราไม่ขาดหรอกครับในขณะนี้ แต่เป็นปัญหาเรื่องการกระจายของแพทย์
ถามว่าทำไมถึงมีปัญหาแล้วทำไมถึงแก้ไม่ได้... ก็เพราะมันไม่ใช่เป็นเฉพาะเรื่องของแพทย์ (ระดับจุลภาค) แต่มันเป็นปัญหาเชิงโครงสร้างของประเทศ (มหภาค) ทั้งโครงสร้างสาธารณสุข, โครงสร้างทางเศรษฐกิจสังคม ฯลฯ
ถ้าใครเคยไปอยู่ไปทำงานต่างประเทศ(ที่พัฒนาแล้ว)ก็จะเห็นว่าระบบสาธารณสุขเขากับเราต่างกันมหาศาล...
ที่นั่นไม่ใช่อยู่ ๆ อยากไปพบแพทย์เฉพาะทางก็ไปได้ และไม่ใช่พอใจจะไปเวลาไหนก็ได้ตามใจฉัน... ไม่นัดก่อนหรือมาผิดเวลานัดก็กลับไปเริ่มใหม่
รวมทั้งค่าตอบแทนภาครัฐและเอกชนก็ไม่ได้ห่างกันมากเหมือนบ้านเรา... รวมถึงชั่วโมงทำงานที่เขาจะควบคุมไม่ให้มากเกินไปจนส่งผลต่อคุณภาพการทำงานและคุณภาพชีวิต (บ้านเราแพทย์เฉพาะทางตรวจคนไข้เยอะกว่าแพทย์ทั่วไปบ้านเขาอีก)
การกระจายตัวของความเจริญในแต่ละส่วนของประเทศก็ไม่ห่างกันเหมือนบ้านเรา... ลูกจะเรียนที่ไหนก็ไม่ได้แตกต่างกันมากมาย... ครอบครัวจะอยู่เมืองไหนระดับคุณภาพชีวิตก็ใกล้เคียงกัน
พูดไปอีกสามวันแปดวันก็ไม่จบครับ... เอาสั้น ๆ ว่าปัญหานี้แก้ไม่ได้ด้วยการผลิตแพทย์เพิ่มหรือเพิ่มเวลาใช้ทุนอย่างที่บางท่านคิดหรอกครับ
แสดงความคิดเห็น
ทำไม...เมืองไทย ขาดแคลนหมอ มากจริงๆ