จะทำยังไงเมื่อมีชีวิตคู่ ที่อีกคนทำให้รู้สึกอยู่เสมอว่าเค้าไม่ค่อยใส่ใจกับคำว่า...ชีวิตครอบครัวของเรา

ต้องขอออกตัวก่อนนะคะว่า นี่เป็นกระทู้แรกในชีวิตเลยก็ว่าได้ เพราะไม่เคยไปบอกเล่าหรือตั้งกระทู้อะไรใดๆในเวปไหนเลยยยย อาจจะเพราะเป็นคนที่ไม่ค่อยเอาปัญหาส่วนตัวไปเล่าไปปรึกษาใครนอกจากเพื่อนที่สนิทมากๆเท่านั้น

          เข้าเรื่องเลยนะคะ เริ่มเมื่อ 6ปีก่อน ตอนนั้นอกหักค่ะ ซึมเศร้ามากเลยตัดสินใจกลับไปอยู่บ้านที่ต่างจังหวัดให้ความรักของพ่อกับแม่ดูแลเราให้เข้มแข็ง ตอนนั้นกลายเป็นคนกลัวความรักกลัวการมีชีวิตคู่ไปเลยค่ะ ไม่เปิดใจให้ใครทั้งนั้นกลัวที่จะต้องใช้ชีวิตคู่กับใคร รู้สึกนอกจากพ่อแล้วคงไม่มีผู้ชายคนไหนที่จะทำให้เรารักได้อีกคนดีๆคงไม่มีจริง พอกลับมาบ้านก็ไปเรียนทำขนม พอดีพ่อมีที่ว่างอยู่ที่เกาะแห่งหนึ่งในกระบี่ซึ่งเป็นบ้านเกิดของพ่อ เรากะว่าจะไปเปิดร้านกาแฟสด เบเกอรี่ในตอนนั้น พยามคิดถึงแพลนในอนาคตของตัวเองต่อจากนี้ พาตัวเองมาเจอสภาพแวดล้อมใหม่ๆ อะไรใหม่ๆให้ชีวิตตัวเองเพื่อลืมความทุกข์และเริ่มต้นชีวิตใหม่ ใช้เวลานานพอควร จนได้เริ่มสร้างร้านของตัวเอง

          ดิฉันต้องไปๆมาๆที่เกาะนั้นบ่อย พ่อรู้จักมักคุ้นสนิทสนมกับคนที่นั้นมาก และรู้จักกับครอบครัวสามีของดิฉันคนนี้เป็นอย่างดี จึงเป็นที่มาในการเริ่มรู้จักกันของเรา.....
          พอไปๆมาๆที่เกาะบ่อยๆวันนึงลูกพี่ลูกน้องของดิฉันมาบอกว่ามีผู้ใหญ่ที่นั้นเค้าชอบเรามาก อยากทาบทามให้หลานชายคนโตของเค้า ซึ่งก้อคือสามีของดิฉันตอนนี้ แต่พอดิฉันทราบก้อรู้สึกแย่นะ ว่าเค้าชอบอะไรในตัวเรานิสัยใจคอก้อยังไม่รู้เลยว่าเราเปนคนยังไง  ( ซึ่งตอนนั้นหลานชายเค้าก้อมีแฟนอยุ่แล้วแต่ทางญาติเค้าไม่ปลื้มผู้หญิงคนนี้เลย ) แต่ตอนนั้นหลานชายเค้าก้อไม่ได้มีทีท่าอะไรกับเราเลยนะ แค่พอเจอเค้าก้อจะยิ้มให้ทักทาย นอกนั้นก้อเฉยๆ เราก้อว่าปกติเพราะเค้าเปนคนอัธยาศัยดีมากกกกก จนเวลาผ่านไปร้านสร้างเสร็จ เราก้อเปิดร้าน
          
           ช่วงนั้นเค้าก้อพาเพื่อนฝรั่งเค้ามานั่งกินที่ร้านบ้าง ท่าทีเค้าก้อเฉยๆ เค้าบอกเห็นร้านเพิ่งเปิดไม่ค่อยมีคนเลยช่วยอุดหนุนเราก้อโอเค >>>
           จนผ่านไปเกือบปี วันนึงเค้าให้หลานมาซื้อกาแฟซึ่งเค้าก้อมาซื้อกาแฟที่ร้านเกือบทุกวัน แต่คราวนี้หลานเค้าบอกน้าให้มาขอเบอร์เราไปด้วย เราก้อแค่งงๆว่าเอาไปทำไมเลยไม่ให้ไป พอหลังจากนั้นช่วงบ่ายวันเดียวกันเค้าก้อเดินเข้ามาขอเบอร์เราเอง บอกจะไว้โทรสั่งกาแฟเราก้อไม่ใส่ใจอะไรเลยให้ไป เพราะช่วงนั้นก้อมีคนพยายามเข้ามาจีบเราเรื่อยๆนะ แต่ตอนนั้นเราปิดใจตัวเองคิดว่าชีวิตทนี้จะไม่แต่งงานหรือใช้ชีวิตคู่กับใครเด็ดขาดเข็ดกับความรักมากๆ จนพอเค้าได้เบอร์เราไปเราก้อเริ่มแน่ใจแล้วว่าจะจีบฉันหรอ โทรมาทุกวันวันละหลายรอบมาก เราก้อรับบ้างไม่รับบ้าง ไม่รับซะส่วนใหญ่ พอไม่รับก้อจะส่งข้อความมานู้นนี้นั้นเยอะมากอ่ะ ตอนนั้นความรุ้สึกเราเริ่มไม่โอเคกับเค้าเท่าไหร่เหมือนมันคคิดลบว่ามีแฟนแล้ว มาจีบทำไม มีจุดประสงค์อะไรจากเฉยๆกลายเปนไม่ชอบหน้าเค้าเท่าไหร่ แต่ทางบ้านเราเหมือนจะชอบเค้านะ พ่อกับแม่เราชอบเค้า เพราะเปนคนขยันมาก เปนคนที่เชื่อฟังญาตๆ พ่อแม่เค้ามาก จนเวลาผ่านไปเปนปี เค้าเสมอต้นเสมอปลายดีกับเราเรียกว่าเท่าที่ผู้ชายคนนึงจะทำได้เลยแหละ จนเราเริ่มเห็นเค้ามากขึ้น เปิดใจรับค้าเข้ามาในชีวิต กับความรักครั้งใหม่
              
              เวลาก้อผ่านไป 2ปีพ่อเราอยากให้แต่งงาน พอคิดเรื่องแต่งงานตอนนั้น เราเข้าใจซึ้งเลยกับคำว่า เจ้าสาวกลัวฝน ความรุ้สึกเข็ดกลัวกับความรักมันกลับมาหลอกหลอนเราอีกครั้ง แต่เราก้อเชื่อในตัวเค้านะว่ามันจะไม่เหมือนที่ผ่านมา จนตอนนี้แต่งงานกันมา 3ปีแล้ว ช่วงโปรมันหมดไปแล้วเปนธรรมดาของชีวิตคู่ไม่ได้ใส่ใจอะไรมากกับตรงนั้น คิดว่าไหนๆก้อแต่งงานแล้ว แต่สิ่งที่มันคอยทำร้ายความรุ้สึกทุกวันนี้คือ เหมือนทุกสิ่งทุกอย่างในคำว่าชีวิตคู่ อนาคตครอบครัวของเรา มีดิฉันที่คิดวางแผนมันทุกอย่างอยุ่คนเดียว แต่ต้องยอมรับอย่างนึงเค้าเปนคนขยันมากค่ะ ทำงานทุกอย่างตามหน้าที่ในงานได้ดีมากๆ แต่ดิฉันกลับรู้สึกว่าสิ่งที่เค้าทำคือแค่ทำหน้าที่ในงานให้ดีที่สุด แต่ไม่ได้ทำเพื่อเรา หรือเพื่อครอบครัวของเราในอนาคต

                 ดิฉันแต่งงานมา3ปี ไม่ได้คุมแต่เราก้อไม่มีลูกสักที ไปหาหมอก้อบอกปกติ พอไปหาหมอแผนโบราณเค้าบอกมดลูกคว่ำ ต้องทานยาต้มและรักษาแบบแผนโบราน ซึ่งตัวเราเราอยากมีครอบครัวที่สมบูรณ์อยากมีลูกมาเติมเต็มแล้ว แต่เค้ากลับเฉยๆ ตอนไปหาหมอโรงพยาบาลเค้าก้อเหมือนไปก้อได้ไม่ไปก้อได้ พอถามว่าตกลงอยากมีลูกมั้ยเค้าก้อจะบอกอยากมีสิ แต่เค้าก้อแค่พูดแล้วก้อเฉยเหมือนเดิม

                   ซึ่งพอแต่งงานเราก้อมาช่วยกันดูแลร้านของดิฉันจากร้านกาแฟก้อเปิดไลน์อาหารเพิ่ม ร้านใหญ่ขึ้น เพราะเค้าก้อไม่ได้ทำงานอะไรของตัวเอง นอกจากช่วยที่บ้านขายของเล็กๆน้อยๆ ต้องบอกก่อนว่าร้านเราบนเกาะจะเปิดแค่ช่วงไฮซีซั่น 5 เดือน พอช่วง7เดือนที่เหลือก้อจะว่าง  
                พ่อแม่ของดิฉันก้อจะเสนอไห้ตลอดว่าช่วงโลซีซั่นจะลงทุนนู้นนี้นั้นให้ทำเอามั้ยเค้าเพราะถ้าเราทำงาน ได้แค่ 5เดือนแต่ต้องกินต้องใช้ทั้งปี อย่างนี้คงไม่เหลือเงินเก็บสร้างเนื้อสร้างตัวอะไรไม่ได้แน่  เค้าก้อจะโทรไปปรึกษา พี่ป้า น้า อาเค้าถ้าฝั่งญาติค้าบอกไม่เห็นด้วยคำเดียวเค้าก้อจะหยุดทุกอย่าง เป็นแบบนี้กับทุกเรื่องทุกอย่างในชีวิตคู่เรา ทั้งๆที่คนที่ร่วมชีวิตกับเค้าคือฉัน คนที่อด ที่อิ่มกับเค้าคือฉัน คนที่พร้อมจะทำงานพร้อมที่จะเหนื่อยไปกับเค้าคือฉัน ขอแค่เค้ากล้าที่จะเริ่มลงมือสร้างครอบครัวเราฉัน พ่อ แม่ของฉันพร้อมที่จะช่วยทุกอย่าง เพราะบางทีดิฉันก็เหนื่อยใจนะคะที่ต้องเป็นผู้นำทุกอย่าง แต่เค้าก้อไม่ค่อยเชื่อหรอกค่ะ ทั้งๆทีบางเรื่องที่ดิฉันเคยบอกก้อเปนเรื่องเดียวกันกับที่ญาตเค้าบอก แต่เค้าจะทำทันที

                        และเรื่องล่าสุดที่ทำให้เสียใจ และมั่นใจในความคิดความรู้สึกของตัวเองที่คิดมาตลอดว่าจิงๆแล้วเค้าคิดอะไรอยุ่ ความรู้สึกต่อคำว่าครอบครัวของเรา 2คนสำหรับเค้ามันไม่เคยมี คือเมื่อไม่กี่วันมานี้ ย่าของเค้าแบ่งที่ให้กับหลานๆลูกๆบางคน รวมถึงเค้าที่ได้มาด้วยส่วนนึงเล็กน้อย ต้องบอกก่อนว่าเรื่องทรัพย์สมบัติไม่สำคัญอะไรกับความรู้สึกดิฉันหรอก เพราะเท่าที่พ่อแม่ดิฉันมีให้ก้อเพียงพอมากๆแล้วสำหรับลูกสาวคนเดียวของเค้าอยู่ได้อย่างสบายเลยในวันข้างหน้า แต่สิ่งที่สำคัญกับความรู้สึกมากกว่านั้นคือความคิดของเค้าต่างหาก เค้าบอกให้ฟังว่าที่ที่ย่าเค้าให้ถ้าไม่ทำอะไร ก้อจะเก็บไว้ให้พวกน้องๆของเค้าที่ต่างก้อมีครอบครัวไปแล้ว แล้วครอบครัวเราล่ะ ดิฉันล่ะคงเปนสิ่งสุดท้ายที่เค้าจะนึกถึงสำหรับทุกสิ่งทุกอย่างสินะ

                         ตอนนี้แม่ดิฉันเริ่มเร่งเรื่องหลานเพราะกลัวว่าถ้าต่อไปดิฉันอายุเยอะไปไม่สามารถมีลูกได้อย่างถาวร จะลำบากในอนาคตเพราะเปนลูกคนเดียวไม่มีพี่น้อง แต่สิ่งนึงที่แอบหวังว่าถ้ามีลูกแล้วจะทำให้เค้าเปนหัวหน้าครอบครัวที่สมบูรณ์ขึ้นมาได้บ้าง มีคำว่าครอบครัวของเราอยุ่ในสายตามากกว่านี้ เพราะพื้นฐานเค้าเปนคนที่รักครอบครัวญาตพี่น้องของตัวเองมากๆ
                         >>> ตอนนี้ไม่ได้รู้สึกผิดกับสิ่งที่ตัดสินใจเลือกเค้าไปเมื่ออดีต แต่รู้สึกว่าจะเอาไงต่อไปดีในอนาคต T_T
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่