ก็อย่างที่บอกว่าใครๆก็คงมองเห็น เพราะฉะนั้น โค้ชซิโก้ก็คงมองเห็นและคงกำลังวางแผนแก้ไขปิดจุดอ่อนตรงนี้อยู่แล้ว
แต่ในฐานะโค้ชคีย์บอร์ด ก็คงไม่พลาดที่จะออกมาแสดงทัศนะในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน
ผมว่าตอนนี้หลายทีมถ้าได้ศึกษาแมตช์ที่เราเตะกับอิรัคก็คงจะเห็นจุดอ่อนตรงนี้ของเราแล้วแหละ โดนเพรสซิ่งหนักๆเร็วๆก็ไปไม่เป็น เผลอๆเวียดนามอาจจะใช้แผนนี้เล่นงานเราตอนเจอกันที่ฮานอย ซึ่งถ้าเค้าเพรสซิ่งเราได้ผลอย่างที่อิรัคใช้เล่นงานหยุดเกมแดนกลางเรา คาดว่าเราคงจะเจอปัญหาใหญ่เลยทีเดียว
เรื่องพัฒนาสกิลแบบที่บางท่านเสนอคือการฝึกจ่ายบอลให้แรงด้วยการเล่นจังหวะเดียวอันนี้ถ้าทำได้ก็เพอร์เฟ็คเลย แต่ว่าคงต้องใช้เวลาพัฒนานานพอสมควร แต่ในระยะเวลาอันสั้นนี้ (ช่วงคัดบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มรวมถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายถ้าได้เข้า) ทางเดียวที่จะเอาตัวรอดจากการโดนเพรสซิ่งเร็วแบบนี้ได้คือ การออกบอลให้เร็วขึ้น แตะแล้วจ่ายในจังหวะเดียวหรือไม่ก็วันทัชไปเลย ซึ่งพูดง่ายแต่ทำยาก ด้วยเบสิคที่เรามี ณ ปัจจุบันจะทำได้มีอยู่ทางเดียวคือต้องอาศัยเพื่อนที่ไม่มีบอลอย่างน้อย 3 คนต้องวิ่งหาช่องในระยะประชิดไม่เกิน 3 หลา (ตลอดทั้งเกมต้องเคลื่อนที่เข้าหาเพื่อนที่มีบอลในระยะประชิดตลอดเวลา) เพื่อให้เพื่อนผ่านบอลมาให้ง่ายๆเสมอ ที่ผ่านมาเราก็ทำได้ดีพอสมควร แต่เป็นการวิ่งหาช่องแบบยืนค่อนข้างห่างและจ่ายด้วยน้ำหนักสปีดบอลไม่เร็วพอ ที่ผ่านมาจึงใช้ได้ดีกับทีมที่เล่นไม่เร็วและเพรสซิ่งไม่หนักเหมือนอิรัค
สรุปง่ายๆคือ ถ้าเจอเพรสซิ่งแบบนี้ ขณะที่เบสิคมีจำกัด ทางแก้คือทุกคนต้องขยันวิ่งเข้าหาเพื่อนที่มีบอลให้มากกว่าเดิม วิ่งตลอดเวลา วิ่งทั้งทีมอย่างเป็นระบบ นั่นหมายถึงต้องฟิตมากถึงมากที่สุด วิ่งไม่มีหมดประมาณทีมชาติเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเวียดนามใช้แผนเพรสซิ่งเร็วแบบนี้เล่นกับเราแต่กลับใช้ไม่ได้ผล นั่นก็หมายถึงหายนะมาเยือนเค้าดีๆนี่เอง แผงกลางเค้าจะโดนเราจ่ายทะลุทะลวงหลุดลุ่ยกระจุยกระจาย เพราะการเพรสซิ่งถ้าทำไม่เป็นระบบก็หมายถึงโดนทำชิ่งหลุดตำแหน่งทั้งแผงดีๆนี่เอง อีกทั้งการเล่นเพรสซิ่งเร็วๆหนักๆแบบนี้จะต้องใช้พละกำลังอย่างมาก ถ้าไม่ฟิตจริงก็มีหมดกันตั้งแต่ครึ่งแรกแน่นอน
จุดอ่อนของทีมชาติไทยที่ใครๆก็คงมองเห็น
แต่ในฐานะโค้ชคีย์บอร์ด ก็คงไม่พลาดที่จะออกมาแสดงทัศนะในประเด็นนี้ด้วยเช่นกัน
ผมว่าตอนนี้หลายทีมถ้าได้ศึกษาแมตช์ที่เราเตะกับอิรัคก็คงจะเห็นจุดอ่อนตรงนี้ของเราแล้วแหละ โดนเพรสซิ่งหนักๆเร็วๆก็ไปไม่เป็น เผลอๆเวียดนามอาจจะใช้แผนนี้เล่นงานเราตอนเจอกันที่ฮานอย ซึ่งถ้าเค้าเพรสซิ่งเราได้ผลอย่างที่อิรัคใช้เล่นงานหยุดเกมแดนกลางเรา คาดว่าเราคงจะเจอปัญหาใหญ่เลยทีเดียว
เรื่องพัฒนาสกิลแบบที่บางท่านเสนอคือการฝึกจ่ายบอลให้แรงด้วยการเล่นจังหวะเดียวอันนี้ถ้าทำได้ก็เพอร์เฟ็คเลย แต่ว่าคงต้องใช้เวลาพัฒนานานพอสมควร แต่ในระยะเวลาอันสั้นนี้ (ช่วงคัดบอลโลกรอบแบ่งกลุ่มรวมถึงรอบ 12 ทีมสุดท้ายถ้าได้เข้า) ทางเดียวที่จะเอาตัวรอดจากการโดนเพรสซิ่งเร็วแบบนี้ได้คือ การออกบอลให้เร็วขึ้น แตะแล้วจ่ายในจังหวะเดียวหรือไม่ก็วันทัชไปเลย ซึ่งพูดง่ายแต่ทำยาก ด้วยเบสิคที่เรามี ณ ปัจจุบันจะทำได้มีอยู่ทางเดียวคือต้องอาศัยเพื่อนที่ไม่มีบอลอย่างน้อย 3 คนต้องวิ่งหาช่องในระยะประชิดไม่เกิน 3 หลา (ตลอดทั้งเกมต้องเคลื่อนที่เข้าหาเพื่อนที่มีบอลในระยะประชิดตลอดเวลา) เพื่อให้เพื่อนผ่านบอลมาให้ง่ายๆเสมอ ที่ผ่านมาเราก็ทำได้ดีพอสมควร แต่เป็นการวิ่งหาช่องแบบยืนค่อนข้างห่างและจ่ายด้วยน้ำหนักสปีดบอลไม่เร็วพอ ที่ผ่านมาจึงใช้ได้ดีกับทีมที่เล่นไม่เร็วและเพรสซิ่งไม่หนักเหมือนอิรัค
สรุปง่ายๆคือ ถ้าเจอเพรสซิ่งแบบนี้ ขณะที่เบสิคมีจำกัด ทางแก้คือทุกคนต้องขยันวิ่งเข้าหาเพื่อนที่มีบอลให้มากกว่าเดิม วิ่งตลอดเวลา วิ่งทั้งทีมอย่างเป็นระบบ นั่นหมายถึงต้องฟิตมากถึงมากที่สุด วิ่งไม่มีหมดประมาณทีมชาติเกาหลีเหนือ
อย่างไรก็ตาม ถ้าเวียดนามใช้แผนเพรสซิ่งเร็วแบบนี้เล่นกับเราแต่กลับใช้ไม่ได้ผล นั่นก็หมายถึงหายนะมาเยือนเค้าดีๆนี่เอง แผงกลางเค้าจะโดนเราจ่ายทะลุทะลวงหลุดลุ่ยกระจุยกระจาย เพราะการเพรสซิ่งถ้าทำไม่เป็นระบบก็หมายถึงโดนทำชิ่งหลุดตำแหน่งทั้งแผงดีๆนี่เอง อีกทั้งการเล่นเพรสซิ่งเร็วๆหนักๆแบบนี้จะต้องใช้พละกำลังอย่างมาก ถ้าไม่ฟิตจริงก็มีหมดกันตั้งแต่ครึ่งแรกแน่นอน