[Mini-Review] SPL 2: A Time for Consequences โหดซัดโหด (ไม่ Spoil)
.
SPL2 เป็นเรื่องราวของ ตำรวจสายสืบฮ่องกง “คิท”(อู๋จิง) ได้ทำการจับกุมแก็งค์อาชญากร แต่เขาถูกหักหลังและฉากบังหน้าของเขาได้พังลง เขาถูกลักพาตัวและถูกจับไปขังคุกในประเทศไทย ผู้คุมนักโทษ “ชัย” (จา พนม) ทำหน้าที่ดูแลเรือนจำแห่งนี้ เขามีลูกสาวที่ที่ป่วยเป็นลูคีเมียและคิทเป็นคนเดียวที่สามารถบริจาคไขกระดูกเพื่อช่วยเหลือลูกสาวของเขาได้ คิทและชัยจึงตกลงและแหกคุกพร้อมทั้งการจัดการเหล่าแก็งค์อาชญากรด้วยกัน (Cr.majorcineplex.com)
.
ภาพยนตร์แอคชั่นสุดมันส์ภาคต่อจากดินแดนฮ่องกง โดยตัวภาพยนตร์ในภาคนี้ได้นักแสดงนำร่วม จา พนม ยีรัมม์ ที่ตอนนี้โกอินเตอร์เรียบร้อยแล้ว ปะทะแอคชั่นกับดาราฮ่องกงชื่อดังอย่าง อู๋จิง และ แม็กซ์ จาง อีกทั้งเนื้อเรื่องโดยส่วนใหญ่ภายในภาคนี้ยังถ่ายทำในบ้านเราด้วย ตัวหนังให้อารมณ์ของการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาต้นต่อของปัญหาและผนวกเข้ากับฉากแอคชั่นเป็นช่วงๆ แม้ตัวละครภายในเรื่องมีจำนวนอยู่ค่อนข้างมาก แต่หนังสามารถผูกปมเรื่องราวและตีแผ่ความดำมืดของธุรกิจการค้าอวัยวะ และการคอรัปชั่นในระบบความยุติธรรมของบ้านเราได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งหนังสามารถถ่ายทอดรูปแบบการต่อสู้ในรูปแบบกังฟูผสานกับมวยไทยได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีการนำเทคนิคการถ่ายทำแบบ Long Take มาใช้ในฉากแอคชั่นอีกด้วย ซึ่งหากท่านเคยผ่านตาและประทับใจกับฉากแอคชั่นหยุดลมหายใจแบบนี้มาแล้วใน The Raid: Redemption (2011) และ The Raid 2 (2014) ก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวงครับ
.
My Score : 8.0/10
[CR] [Mini-Review] SPL 2: A Time for Consequences โหดซัดโหด (ไม่ Spoil)
.
SPL2 เป็นเรื่องราวของ ตำรวจสายสืบฮ่องกง “คิท”(อู๋จิง) ได้ทำการจับกุมแก็งค์อาชญากร แต่เขาถูกหักหลังและฉากบังหน้าของเขาได้พังลง เขาถูกลักพาตัวและถูกจับไปขังคุกในประเทศไทย ผู้คุมนักโทษ “ชัย” (จา พนม) ทำหน้าที่ดูแลเรือนจำแห่งนี้ เขามีลูกสาวที่ที่ป่วยเป็นลูคีเมียและคิทเป็นคนเดียวที่สามารถบริจาคไขกระดูกเพื่อช่วยเหลือลูกสาวของเขาได้ คิทและชัยจึงตกลงและแหกคุกพร้อมทั้งการจัดการเหล่าแก็งค์อาชญากรด้วยกัน (Cr.majorcineplex.com)
.
ภาพยนตร์แอคชั่นสุดมันส์ภาคต่อจากดินแดนฮ่องกง โดยตัวภาพยนตร์ในภาคนี้ได้นักแสดงนำร่วม จา พนม ยีรัมม์ ที่ตอนนี้โกอินเตอร์เรียบร้อยแล้ว ปะทะแอคชั่นกับดาราฮ่องกงชื่อดังอย่าง อู๋จิง และ แม็กซ์ จาง อีกทั้งเนื้อเรื่องโดยส่วนใหญ่ภายในภาคนี้ยังถ่ายทำในบ้านเราด้วย ตัวหนังให้อารมณ์ของการสืบสวนสอบสวนเพื่อหาต้นต่อของปัญหาและผนวกเข้ากับฉากแอคชั่นเป็นช่วงๆ แม้ตัวละครภายในเรื่องมีจำนวนอยู่ค่อนข้างมาก แต่หนังสามารถผูกปมเรื่องราวและตีแผ่ความดำมืดของธุรกิจการค้าอวัยวะ และการคอรัปชั่นในระบบความยุติธรรมของบ้านเราได้อย่างยอดเยี่ยม อีกทั้งหนังสามารถถ่ายทอดรูปแบบการต่อสู้ในรูปแบบกังฟูผสานกับมวยไทยได้อย่างลงตัว นอกจากนี้ยังมีการนำเทคนิคการถ่ายทำแบบ Long Take มาใช้ในฉากแอคชั่นอีกด้วย ซึ่งหากท่านเคยผ่านตาและประทับใจกับฉากแอคชั่นหยุดลมหายใจแบบนี้มาแล้วใน The Raid: Redemption (2011) และ The Raid 2 (2014) ก็ไม่ควรพลาดเรื่องนี้ด้วยประการทั้งปวงครับ
.
My Score : 8.0/10