วีซ่า F1 ไม่ผ่าน ช่วยหน่อยค่าาาาาาา

ก่อนอื่น ต้องบอกก่อนนะค่ะว่าไม่เคยตั้งกระทู้รีวิวหรือถามอะไรในพันทิพเลย 55555 ครั้งนี้เครียดจริงจังค่ะ

เล่าก่อนว่า เราเองต้องการเดินทางไปเรียนกับแฟนค่ะ (ซึ่งเราแต่งงานจดทะเบียนสมรสกันแล้ว) ทีนี้ก็หาเอเจนซี่
สมัครเรียนเรียนเรียบร้อย เตรียมเอกสารตามที่เอเจนบอกมาค่ะ
เอกสารทั้งของแฟนและของเรานะค่ะ
- สำเนาบัตรประชาชน ทะเบียนบ้าน ของเราและของแฟนค่ะ
- พาสปอร์ตตัวจริง    i20     DS160 (กรอกเรียบร้อยซึ่งตอนนั้นเอเจนซี่เป็นคนกรอกค่ะ) ของเราทั้งสองคนค่ะ
-  หนังสือรับรองงาน(แฟนเราเป็นเจ้าของบริษัทค่ะ) ส่วนเราเองช่วยธุรกิจส่งออก วัวและเนื้อวัวแปรรูปของคุณพ่อค่ะ
มีหนังสือจดทะเบียนบริษัทและฟาร์มเรียบร้อย
- เอกสาร สปอนเซอร์ ทั้งบัตรประชาชน หนังสือรับรองงาน  ของเราเป็นคุณพ่อ ของแฟนเป็นคุณแม่ เตจเม้นท์ และเอกสารแบงการันตี คนละ 7 หลักค่ะ

วันศุกรที่ 4 กันยายนที่ผ่านมา มีนัดสัมพาสที่สถานทูตค่ะ ตื่นแต่ไก่โห่ ขึ้น BTS ไป เพราะเกรงว่าขับรถไปรถจะติด
เสร็จก้อไปต่อแถวตามระเบียบค่ะ
ทำไปตามลำดับขั้นตอนที่เจ้าหน้าที่ บอก
ด่านแรก ฝากของ
ด่านที่สอง เรียงเอกสาร พร้อมแปะเลขแทรคกิ้ง
ด่านสาม ก็สัมพาส กับคนไทย ก็ถามปกติค่ะ ไปเรียนอะไร เคยขอวีซ่าเมกามาก่อนมั้ย เคยไปไหนบ้าง เป็นอะไรกัน

เจ้าหน้าที่ช่องนี้ เป็นผู้ชายนะค่ะ แอบสาวๆหน่อย พูดจาดี แถมอวยพรด้วยว่า ขอให้โชคดีนะค่ะ
เสร็จก็มาต่อแถวเพ่อสัมพาสกับเจ้าหน้าที่ฝรั่ง

เรานี่ตื่นเต้นตั้งแต่มะคืนละ 5555+ ด้วยความที่เราก้อวางใจ เพราะทางเอเจนบอกว่าเอกสารเราค่อนข้างโอเคร ไม่น่ามีปัญหา
รีบนอนกลัวไม่ตื่น ไม่ได้เปิดดูข้อมูลอะไรเลยจ้าาาาาา

ก่อนถึงคิวเราเห็ฯเจ้าหน้าที่ คนแรกกับคนที่สามดูใจดี(ช่องกลางว่าง....คงออกไปทานข้าว) นึกในใจ ขอเป็ฯคนที่สามละกันดูเฟรนลี่ดี
พอมาถึงคิวเรา เจ้าหน้าที่คนกลางเดินเข้ามาพอดี พยักหน้าเรียกแฟนเราเข้าไป เราก็เดินเข้าไป
ยกมือไหว้ ท่านก้อไม่ได้พูโอะไร ไม่มองหน้าเราด้วยซ้ำ มือถือกาแฟแก้วนึง อีกข้างนึก กดคีย์บอร์ดต๊อกแต๊ก
เสร็จก็ ท่านก้อทำหน้าตาขึงขัง
นึกในใจ ปกติ นี่ก็กลัวอยู่ละ ยังเจอเจ้าหน้าที่ดุใส่อี๊กกกกกกกกกกก

กงศุล : พูดภาษาอังกฤษใส่ ซึ่งตอนนั้นไม่ได้ฟังเลยว่าท่านกงศุลถามอะไร ก็อรีบบอกไปว่าขอสัมพาสเป็นภาษาไทย ค่ะ

กงศุล : คุณจะไปทำอะไรที่อเมริกา
เรา : ไปเรียนค่ะ

กงศุล : คุณร็จักใครที่อเมริกามั้ย
เรา   : ไม่ค่ะ *********ดอกจันทร์ไว้ก่อน

กงศุล : แล้วคุณชมพูนุชเป็นใคร(อ่านมาจากใน ds160 ซึ่งเรากรอกไปว่า มีพี่สาวอยู่ที่นุ่น )
เรา หันไปมองหน้าให้แฟนตอบ
แฟน : พี่สาวครับ

กงศุล : แล้วเมื่อกี้คุณบอกว่าไม่รุ้จักใคร
เรา : ดิฉันเข้าใจว่า ท่านไม่ได้หมายถึง ญาติหรือพี่น้อง นึกว่าถามถึงเพื่อนหรือคนที่นุ่นค่ะ

กงศุล : พี่สาวทำงานอะไร
เรา : เลขาผู้บริหารของบริษัทส่งออกเสื้อผ้าค่ะ

กงศุล :พี่สาวอยู่ที่ไหน
เรา : นึกแป๊บ นิวเจอซี่ค่ะ

กงศุล : ถามแฟน คุนทำงานอะไร
แฟน : ธุรกิจส่วนตัวค่ะ

กงศุล : แล้วคุณละ
เรา  : ช่วยงานของครอบครัวค่ะ

ผมเสียใจด้วยผมไม่สามารถออกวีซ่าให้คุณได้ พร้อมกับยื่นพาสปอร์ตพร้อมใบเอกสารสีขาวๆ คืนมา

เรา : ขอเหตุผลได้มั้ยค่ะ หน้าตาอ้อนวอน

กงศุล : อยู่ในใบนั้นแล้วครับ

เรา : ขอเหตุผลที่เฉพาะเจาะจงได้มั้ยค่ะ ดิฉันจะได้แก้ไขถูก

กงศุลเริ่มโมโห 5555 พร้อมกับตอบว่า เพราะคุณไม่เคยเดินทางออกนอกประเทศไงละครับ เชิญครับ
เราก้อเก็บเอกสารและเดินออกมา

ที่เราตื้อก็เพราะว่าทางเอเจนบอกมาว่าถ้าถูกปฏิเสธไม่ว่ากรณ๊ใดๆ ให้ถามหาเหตุผลนอกเหนือจากเอกสารที่เค้ายื่นมาให้ได้
เพราะเราจะได้แก้ไขถูก ใบที่เค้าปฏิเสธมาเป็ฯเหตุผลรวมๆกว้างๆ ที่บางทีเอเจนเอง ก็แก้ไขให้ไม่ได้

นี่ขาสั้น เดินเอ๋อมาเลยค่ะ 555555 เตรียมเอกสารสามเดือน สัมพาส ห้านาที  แอร๋ยยยยยยยยยย เสียใจ

กลับบ้านมาคอตกเลยค่ะ ทบทวนเรื่องราวต่างๆ เปิดกูเกิ้ล เสริทเลย สัมพาสไงให้ผ่าน หรือเคสไหนที่สัมพาสไม่ผ่านเป็นเพราะอะไร
ก็เลยตัดสินใจมา ลงพันทิพเพื่อหาคำแนะนำค่ะ จริงๆๆแล้วเราเคยเดินทางไป มาเลย สิงคโปร์ ฮ่องกงค่ะ แต่นานมาแล้ว เราเลยไม่ได้กรอกไปใน DS160 ค่ะ และก็ดันตอบไปว่าไม่เคยค่ะ

และอีกอย่างนึงที่ตอบผิด คือ กงศุล ถามว่า มีคนรุ้จักในเมกามั้ย เราบอกว่าไม่ จริงๆ แล้วไม่ได้มีเจตนาโกหกหรืออื่นๆ
แต่เราเข่าใจว่า คนที่นั่นหรือเพื่อน ซึ่งเราก้อกรอกในDS ไปว่ามีพี่สาวอยู่ = =!!!  เราเข้าใจผิด เลยคิดว่ากงศุลคงติดใจเรื่องตรงนี้ด้วย

ตอนนี้ คุยกับทางเอเจนเองก็บอกว่า พาสสปอร์ตขาวสะอาด ไม่ใช่เหตุผลที่เค้าจะปฏิเสธวีซ่า ค่ะ เพราะหลายๆเคสที่เค้าทำ ก็ไม่เคยไปแต่ผ่านก็มี

ทั้งนี้ทั้งนั้น ไม่ท้อค่ะ เพราะตั้งใจไว้แล้วค่ะ  เราเลยวางแผนเดินทาง ไป สิงคโปร์ มาเลเซีย ฮ่องกง ก่อนยื่นต้นเดือนหน้าอีกครั้งค่ะ  เพื่อเอาเหตุผลมาลบล้างการถูกปฏิเสธครั้งที่แล้ว เตรียมเอกสารอื่นๆ ให้แน่นขึ้นค่ะ  

ให้เพ่ือนๆ พี่ๆ  ช่วยวิเคราะหน่อยค่ะว่า เคสเราผิดพลาดตรงไหน แล้วแนะนำหน่อยว่าเราควรตอบคำถามยังไง ใครเคยขอในลักษณะเราบ้าง( ขอวีไปเรียนพร้อมสามี) มาแชร์ความคิดเห็น และแนะนำกันหน่อยค่ะ เผื่อเรามีช่องโหว่ตรงไหนที่มองไม่เห็๋นจะได้ให้เพื่อนๆพี่ๆ ช่วยแนะนำค่ะ

เราตั้งใจไปเรียนจริงๆค่ะ ไม่คิดอยุ๋หรือโดดวีที่นุ่นแน่ เพราะเรามีครอบครัวและธุรกิจอยุ่ที่นี่ค่ะ

ขอบคุนล่วงหน้านะค่าาา
แก้ไขข้อความเมื่อ

คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 1
พลาด 1. ไปติดต่อผ่านเอเย่น ซึ่งไม่ได้ช่วยอะไรได้ กลับนำเอาคำแนะนำไปใช้แย่างผิดๆถูกๆ
พลาด 2. ไม่ตอบกลับกงสุลที่ถามคำถามแรกด้วยภาษาอังกฤษ ฟังไม่ทันจบไปสวนว่าขอสัมภาษณ์ภาษาไทย ทำให้เกิด Bad impression กับกงสุล ว่านี่ฟังไม่รู้เรื่องเลยแล้วจะไปเรียนรอดหรือ?
พลาด 3. การทีพี่สาวอยู่ในอเมริกา แม้จะตอบว่ามีก็ตาม กงสุลตั้งข้อสังเกตุแล้วว่าไปแล้วจะไม่กลับ การทีคนรู้จักอยู่นี่มีส่วนสำคัญอย่างยิ่งต่อการพิจารณาวีซ่า
พลาด 4. การไปยื่นเรียนพร้อมกันทั้งสามัและภรรยา เป็น Weired case กับกงสุลทันทีว่าทำไมต้องไปเรียนพร้อมกัน และที่ไปเรียนนี่คงเป็นสถาบันภาษา ตัวสถาบันก็มีส่วนหับกงสุลเหมือนกัน ว่าน่าเชื่อถือแค่ไหน

การที่ไม่เคยเดินทางไปต่างประเืศแล้วถูกปฏิเสธ ตามที่กงสุลตอบ
ไม่ได้เป็นตามนั้นหรอก ถึงไปมาเลย สิงคโปร แบ้วกลับๆปขอใหม่,ผลก็จะอแกมาตามเดิม เพราะกงสุลปฏเสธด้วยเหตุผลหลักๆตามความในกระดาษขาว นั่นคือ ข้อกฏหมาย INA Act 214 (b) ที่ระบุว่า ให้ผู้ขอวีซ่าชั่วคราวทุกคน ถือว่าเป็นผู้ที่มีเจตนาจะเข้ามาอยู่ในอเมริกาอย่างถาวร ดังนั้นจึงเป็นหน้าที่ของผู้ยื่นขอทืจะต้องแสดงให้กงสุลเชื่อว่าจะไม่เป็นเช่นนั้น
ที่เอเย่นตบอกให้ถามเหตุผล ทีแรกกงสุลก็ยอกส่าอยู่ในกระดาษขาว เซ้าซี้ต่อ้จาจึงตอบว่าไม่เคยไป ตปท มาก่อน  อย่าไปเชื่อเอเย่นตเขาไม่รู้หรอกว่า หบะกใหญ่มจความที่ถูกปฏิเสธวีซ่า ก็คือการที่ไม่สามารถทำให้กงสุลเชื่อว่าไปแล้วกลับ ซึ่งมันมีหลายๆปัจจัยที่ทำให้กงสุลเชื่อหรือไม่เชื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่