ถ้าในระดับประถม(หรืออนุบาล) เอาชุดความคิดของหลักวิชา "สถิติและความน่าจะเป็น " มาเพิ่มให้เด็กเรียนรู้มากขึ้น

ผมมอง เด็กแค่ 4-5 ขวบก็เป็นวัยแห่งการตั้งคำถามที่พ่อแม่บางท่านก็อาจจะเบื่อหน่ายกับการตอบคำถามของเด็ก

ผมมองว่า ในรูปแบบการเรียนรู้ หรือ พาราไดม์ความคิดของเด็กในวัยอนุบาล ประถม นั้นได้มาจาก พ่อแม่ เพื่อน และครู เป็นส่วนใหญ่

แนวคิด เรื่อง วิชาสถิติ และความน่าจะเป็น คือ หลักในการดำเนินการที่ให้คนเราชั่งใจก่อนจะทำอะไร ในงานวิจัย หลัก สถิติและความน่าจะเป็น นั้นเป็นหัวใจของการทำงานวิจัยเลยก็ว่าได้

แนวคิดชุดที่ว่า เอาหลัก สถิติและความน่าจะเป็นมาสอดแทรก การเรียนรู้ของเด็กไทยนั้นมันมีอยู่แล้ว  แต่คำถาม "มันมีอยู่กี่เปอร์เซนต์หละ?"

มันมีอยู่กี่เปอร์เซ็นต์หละ อันนี้ผมก็ไม่รู้เหมือนกัน เพราะไม่น่าจะมีงานวิจัยจี้จุดนี้มากนัก
ถามเป็นแบบสอบถามจากครูในหลายโรงเรียนอาจจะได้คำตอบก็เป็นได้


มันมีดีอย่างไร วิชา สถิติและความน่าจะเป็น   ????
ข้อดี เล่นรัมมี่ ชนะ
       เล่น ไพ่3 กองชนะ
       ทายไฮโลอาจจะถูกมากกว่าผิด
       แทงหวยก็แล้วแต่ดวงละกานนนนนน...

มันใช้งานได้ทุกอย่างไม่เว้นแต่เกมกีฬาสีเทาๆ(ที่คำนวนวิถีการโกงของเจ้ามือด้วยหลักจิตวิทยา และหน้าม้าเป็นส่วนสำคัญ)
การปลูกฝังวิธีคิดตั้งแต่เด็กได้ มันก็จะฝังเข้าไปในสันดานของเด็กได้เลยที่เดียว(ไม่ใช่เล่นไพ่โชว์เด็กอันนี้ มันก็ไม่ใช่ ถ้าไหว้ต้นไม้แทนขอหวย อันนี้ก็ตัวใครตัวมัน)
แต่ถ้าปลูกฝังเด็กด้วยคลิปตีกันแย่งคู่ครอง ละครน้ำเน่า สินค้าขยะอิงกระแสสังคมเป็นหลักเช่นเฟอบี้ ตุ๊กตาผี อะไรอีกหละ หินย้วยมหัศจรรย์  ให้เด็กซึมซับไปเรื่อยๆ โตมาเด็กก็เอาภาพที่ผู้ใหญ่นำเสนอ มาใช้เหมือนเดิม

แน่หละ ใครกันจะทำได้หมด วิชาที่ว่ามา สถิติและความน่าจะเป็น อะไรเนี้ยะ (สร้างในแบบเรียนรู้เนียนๆนี้ พัฒนาสมองเด็กได้เยอะที่เดียว)

แต่หาคนที่จะทำเพื่อเด็กนั้นมีน้อย ส่วนมากอ้างแต่ปาก  หาเงินเข้าหาตัวกันส่วนมาก  ครูจริงมีไม่กี่คน

คนแต่งตำราเก่งๆที่จริงก็มีแต่ มันก็คงอยู่ที่โอกาสเขาด้วย คนเก่งไม่ได้แต่งตำรา คนแต่งตำราไม่ได้เก่ง(แต่โอกาสเยอะ เหมือนทีมที่มีกองหน้าแต่ยิงประตูไม่คม โม้ซะเยอะ)  

การปลูกฝังของเด็กในวัย อนุบาล ก็น่าจะอยู่ที่พ่อแม่พี่น้องเป็นตัวอย่างในการซึมซับพฤติกรรมของเด็ก
แต่ในวัยประถมถึงมัธยมเป็นต้นไป จะอยู่ที่เพื่อน เป็นหลัก  แต่ส่วนที่จะมาแบ่งส่วนจากเพื่อน คือส่วนที่ครูส่วนหรือส่วนที่หนังสือเรียนแต่งเติมเพิ่มความรู้ให้


การจะสร้างให้เด็กรุ่นหลักคิดแบบ ยับยั้งชั่งใจก่อนทำอะไร หรือคิดว่าคุ้มไม่คุ้มเสี่ยง โอกาสความน่าจะเป็นในการทำหรือลงทุนลงแรงอะไร มันคุ้มกันหรือไม่  น่าจะเป็นสิ่งดี

มันจะช่วยในเด็กนั้นเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ใช้เหตุผลของความเป็นไปได้ มากกว่ามานั่งกินเหล้าโม้โอ้อวดในสิ่งที่เกินจริง


ปล.  ในส่วนของการเรียนรู้ของเด็ก ถ้าผมเป็นครู ผมจะตัดพวกสังคม ศาสนา สปช. สลน.  อะไรเทือกนี้ ไปลงที่ คณิตศาสตร์ ในหลักวิชา ของสถิติและความน่าจะเป็นให้หมด

เด็กถ้ายังไม่มีหลักคิด ให้ทำแบบลวกๆ มันก็จะจำแล้วทำแบบลวกๆ

พื้นฐานแข็ง ใครมาเตะตัดขา เด็กที่มีฐานแข็งก็จะล่มยาก เพราะฐานเขามั่นคงแล้ว(หลักยึดเขาดีพอ)




อนาคตเด็กไทย  " ความคิดแบบเหตุผล หรือการใช้สถิติและความน่าจะเป็นเข้ามาเป็นหลักยึด น่าจะช่วยสร้างโอกาสในการพัฒนาประเทศต่อไปได้มากขึ้น น่าจะเป็นสิ่งที่ดีกว่าอดีตและปัจจุบัน ที่พ่อแม่พากันสร้างเด็กในบ้าแต่เรื่องงมงาย"


สร้างแนวคิดตรรกะ เหตุและผล ความถี่ในความเป็นไปได้ให้เด็ก น่าจะเป็นอะไรที่มองเห็นอนาคตของชาติได้บ้าง
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่