International sourcing by made in China
งานนี้จัดขึ้นสำหรับนักจัดซื้อทั่วโลกที่ต้องการหาสินค้าจากจีน
อันดับแรกเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านอาจจะส่งสัยว่าของฟรีแบบมีด้วยเหรอ มีค่ะ แค่จำกัดด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ คือต้องเขียน proposal ให้ชัดเจนว่าเราต้องการ sourcing หรือต้องการสินค้าประเภทไหนบ้าง เงื่อนไขที่ทาง Made in China ตั้งไว้คือ ต้องเซ็นต์สัญญาเลย 30 ล้าน รายละเอียดเรื่องการขอสิทธิสามารถอ่านได้จากที่นี่นะคะ
http://factoryguideline.com/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%8B/
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
1. Passport ก็ยื่นทำตามเงื่อนไขปกติ เลือกสาขาที่สะดวกได้นะคะ เราเลือกไปทำศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ต้องบอกว่าตอนนี้เร็วมากค่ะ และแนะนำให้จองคิวด้วย E-passport สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จาก link นี้นะคะ
http://www.consular.go.th/main/th/services/25038-%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87-e-Passport.html ไปถึงยื่นคิวตามที่ตารางกำหนดนัดหมายแนะนำไว้ค่ะ สรุปว่าใช้เวลาไปแค่สิบกว่านาทีเท่านั้นค่ะ รวดเร็วมาก ต้องขอชม ค่าใช้จ่าย 1,040 บาท
2. Visa ทำตามเงื่อนไขปกติ พร้อมหนังสือเชิญจากทาง Made in China ปกติใช้เวลา 4 วัน ถ้าเร่งด่วน 2 วัน จ่ายเพิ่มอีก 800 บาท สถานทูตจีนอยู่ซอย หาที่จอดรถยากหน่อยค่ะ เราจอดแอบในซอยนั้นเลย แต่แนะนำให้ไปแต่เช้า เพราะคนเยอะมากค่ะ ไม่งั้นต้องรอนานมาก ถ้าใครไม่เคยกรอกแนะนำให้ถามจากพวกพี่ ๆ ที่รับยื่นพาสปอร์ตค่ะ คนไทยน่ารัก ไม่รู้ก็บอกกัน
3. ศึกษารายละเอียดการเดินทางว่าต้องเดินทางเองหรือมีคนมารับ ราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ อุปนิสัยใจคอ ไประดับหนึ่ง หรือการเดินทางหากมีเพื่อนคนจีนก็ควรหาข้อมูลไปล่วงหน้า สำหรับเราเองก่อนไปได้คุยกับ Supplier รายหนึ่งก็ช่วยเราได้มากทีเดียว
4. โทรศัพท์ ถ้าต้องการเปิด Roaming ต้องแจ้งเครือข่ายก่อนอย่างน้อย 1 วัน และเริ่มที่เดินทางเมื่อถึงสนามบินก็ปิดการค้นหาสัญญาณอัตโนมัติ พอถึงจีนจึงเปิดหาเครือข่าย China Unicom ตรงนี้ให้ระวังนะคะ เพราะตอนแรกที่เปิดสัญญาไปจับ China mobile ให้ดูดี ๆ ค่ะหรือช่วงไหนสัญญาณหลุดก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะเราจะโดนค่าใช้จ่ายสูงมากหากจับสัญญาณผิด นอกจากนี้หากใครใช้ Iphone ให้ไปเลือก เซลลูลาร์ เลือก Roaming , 3G, ช่วงไหนที่ไม่ใช่หรืออยู่บนเครื่องก็เปิด Flight Mode การเปิด Flight Mode จะเท่ากับตัดสัญญาณทุกอย่างไปในตัวค่ะ และต้องระวังว่าเราซื้อบริการไว้กี่วัน อย่างเช่นเราเองซื้อบริการไว้ถึงวันที่ 4 ก่อนนอนก็ปิดบริการทุกอย่างเรียบร้อย เพราะวันรุ่งขึ้นเดินทางตั้งแต่เช้ายันเย็นก็แทบติดต่ออะไรไม่ได้ ก็ไม่ได้ซื้อบริการไว้ เฉลี่ยค่าบริการต่อวันก็สามสี่ร้อย แล้วแต่ package และจำนวนวันที่เลือกค่ะ และตอนที่กลับมาถึงเปิดเครื่องแล้วสักพักสัญญาณจึงจะกลับมา แต่หากไม่แน่ใจก็ลองให้ศูนย์บริการที่สนามบินช่วยดูให้ก็ได้ค่ะ
5. การแลกเงิน คำนวณสิ่งที่ต้องใช้ให้ถี่ถ้วนเพราะแลกมากเกินไป เหลือกลับมาแลกคืนจะขาดทุนค่ะ ขาไปแลกอยู่ที่ 5.69 บาทต่อหยวน ขากลับแลกคืนอยู่ที่ 5.6 ก็ลองคำนวณกันดี ๆ นะคะ
6. หากต้องเดินทางเองควร Print ชื่อโรงแรม หรือสถานที่ที่เป็นภาษาจีน เพราะคนจีนไม่ใช้ภาษาอังกฤษ ต้องยื่นให้อ่านอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ และควรเช็คราคาตลาดไปก่อน เพระถ้าไกลระดับชั่วโมงค่าแท็กซี่จะประมาณ 150+- ถึง 300 หยวนค่ะ และอย่าลืมตรวจเงินหยวนในกระเป๋าด้วยนะคะว่ามีพอหรือเปล่า เพราะคนจีนบางคนใจร้อน เสียงดัง เดี๋ยวจะโดนเล่นงานเป็นได้ค่ะ
7. การค้นหาข้อมูลการเดินทางในจีน ทั้งที่พัก การเดินทางต่าง ๆ แนะนำที่ 2 เว็บไซด์นี้ค่ะ www.ctrip.com, www.qua.com และแนะนำให้ download ไว้ใน smartphone เลยนะคะ
วันแรกของการเดินทาง
23.00 ออกเดินทางจากชลบุรี สุวรรณภูมิ
24.00 ถึงสุวรรณภูมิ ประตู 10 ด้วยสายการบิน China Southern Airline ประตู 10
แลกเงินเพื่อเตรียมไปใช้ระหว่างเดินทาง ถ้าใครมีเวลาก็ super rich ดีกว่านะคะ แต่บังเอิญไม่สะดวกก็หาแลกธนาคารแถวนั้นค่ะ
เช็ค counter สำหรับ check in ตอนที่เข้าแถวให้ระวังหน่อยนะคะเพราะอาจจะแยก group กับบุคคล ต้องบอกว่า counter check in คนไทยน่ารักกว่าชาติใด ๆ ถามความสมัครใจถึงตำแหน่งการนั่งว่าอยากนั่งติดหน้าต่างหรือเปล่า เพราะยังมีที่ว่างให้เลือก อธิบายถึงขั้นตอนที่สัมภาระที่ load ใต้ท้องเครื่องจะต้องไปผ่านศุลกากรที่เมืองกว่างโจระหว่างเปลี่ยนเครื่องที่จะไปฉางชุน
2.15 เริ่มออกเดินทาง ระหว่างนี้ด้วยความง่วงเลยหลับบ้าง ตื่นบ้าง อ้าวตื่นมาอีกทีกินกันเสร็จแล้ว มันใกล้เวลาเครื่องลงแล้วเลยอดตามระเบียบ ที่จริงเรานั่งคนเดียว ถ้าเป็นสายการบินในประเทศรับรองว่าไม่อด เพราะคนไทยจะแอบสะกิดหรือไม่ก็วางอาหารไว้ให้แน่นอน ใครเดินทางเวลานี้ไม่อยากอดก็ต้องพยายามถ่างตาไว้แล้วกันนะ
6.00 ถึงกว่างโจวตามกำหนด แล้วที่นี่เราก็เริ่มมีประสบกรรมเล็กน้อย ต้องบอกว่าที่นี่น่าสงสารทุกคนที่เป็นต่างชาติแล้วไม่เคยมาเมืองนี้ เพราะแต่ละคนพูดอังกฤษแทบไม่ได้เลย หรือได้เป็นคำ ๆ เริ่มตั้งแต่ Immigration ถ้าใครเขียนเอกสารไม่เรียบร้อย ก็โดนไล่ให้ไปต่อแถวใหม่ด้วยภาษาจีนนะ ถ้าใครเขียนไปแล้วก็จะพูดแค่ว่า finish แล้วก็เริ่มเข้าสู่เส้นทาง domestic เพื่อรับกระเป๋าต่อ หลังจากรับมาแล้ว จะต้องไป check in แล้ว scan สัมภาระที่ load ใต้ท้องเครื่อง ตรงนี้เสียเวลามาก พอไปถึงคนที่จัดแถวก็ชี้ให้เอาเข้าเครื่อง scan เลย ไปถึงคน scan ก็ชี้ให้ไปที่ counter พอไป counter ที่ 1 ก็ชี้กลับไปที่คน scan อีกรอบ แล้วการที่เราฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่องเหมือนจะเป็นความผิดเรายังไงไม่รู้ ต้องรอสักพักให้คนที่พอพูดอังกฤษได้นิดหน่อยมาดูแล้วจึงให้ check in counter ที่ 2 แล้ว จึง scan กระเป๋า ที่มากกว่านั้นถ้าเป็นคนจีนด้วยกันก็ยกขึ้นเครื่อง scan ให้ แต่ต่างชาติต้องเดินวนไปด้านหลังเพื่อยกเอง
Security check in ตรงนี้ช้ามาก คนเยอะ แซงคิว แอบแทรกแถว มีทุกอย่างเลย ของจีนค่อนข้างตรวจละเอียด ค้นทั่วตัวเลยก็ว่าได้ เหมือนที่เขาว่าประเทศอื่นเข้มงวดเขาเข้า แต่ถ้าเป็นประเทศไทยขาเข้าสบาย
รอ Boarding time อดกินมาจากบนเครื่องเลยต้องมาหาอะไรลองท้องระหว่างรอขึ้นเครื่อง สั่งแซนวิชมา 2 คู่ก็ประมาณ 300 ที่พิเศษหน่อยของสนามบินกว่างโจจะมีตู้น้ำดื่มพร้อมแก้วเล็ก ๆ ให้ ใครอยากประหยัดก็มาใช้บริการนี้ได้ค่ะ
8.55 เวลาเครื่องออก แต่ขึ้น board และเรียกช้ามาก พอเข้าไปถามเพราะเครื่อง delay เธอก็แสดงอาการไม่พอใจ ชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้ดูเวลานาฬิกา สาวจีนนี่ดุจริง ๆ
ฟังดนตรีวงใหญ่
พอเริ่มออกเดินทางดนตรีวงใหญ่ก็เริ่มบรรเลง 2 แถวด้านหน้ามีเด็กเล็ก ๆ สองคน อีกคนไม่ค่อยเท่าไร แต่อีกคนร้องตั้งแต่ขึ้นเครื่องกว่าชั่วโมงหรือนานเท่าไรก็ไม่รู้เพราะหลับไปก่อน ส่วนด้านหลังก็มีสองสาวเม้าท์ตลอด จนแม้แต่ชายกลางคนที่เป็นคนจีนที่นั่งข้าง ๆ ยังต้องเอามืออุดหู
ตื่นมาอีกทีดนตรีก็เงียบไปแล้ว พร้อมตามมาด้วยอาหารมื้อกลางวัน ชายข้าง ๆ อัธยาศัยดีพอควร ช่วยดูแลไม่ให้เราอดอาหารมื้อที่สองบนเครื่องบิน ไม่ได้หลับแล้วนะ แต่ด้วยความที่ตัวเล็ก นั่งด้านใน แอร์โฮสเตสมองไม่ค่อยเห็น เขาก็ช่วยเหลืออย่างดีมากทีเดียว และแล้วเราก็มาถึงฉางชุน
ช่องทางออกเขียนว่าทางออกสถานีรถไฟ มีสาว ๆ สองคนหน้าตาเป็นมิตรยืนชูป้าย International purchasing meeting เราก็เลยเข้าไปหาเธอทั้งสองคน คนแรกชื่อ Nancy เรียนธุรกิจเอกอังกฤษ ภาษาอังกฤษถือว่าค่อนข้างดี อีกคนคือ Cindy เรียนโฆษณา พูดอังกฤษไม่เก่ง แต่น่ารักและอัธยาศัยดีทั้งคู่ พวกเธอพาเราขึ้นรถตู้ออกจากสนามบินขึ้นทางด่วนไปยัง Jin-an Hotel ที่อยู่ห่างจากที่นี้ประมาณ 1 ชม
ระหว่างทางเราคุยสารพัดเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจ ประเทศจีน ประเทศไทย และอะไรอีกมากมาย สองสาวนี้เป็นอาสาสมัคร โดยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในฉางชุนทั้งคู่ มีคำถามหนึ่งที่สาวจีนถามถึงคนไทยว่า เธอได้ยินว่า คนไทยไม่ค่อยกระตือรือร้น แต่เธอไม่ได้ถามเพราะดูถูกคนไทยนะคะ แต่ถามด้วยความสงสัยว่าเป็นจริงหรือ ต้องแอบคิดก่อนตอบเพื่อให้เธอได้คำตอบที่สงสัยและรักษาภาพพจน์พี่ไทยของเราด้วย คำตอบก็คือ เมืองไทยเดิมมีทรัพยากรมากมาย ทำให้พื้นเพหรืออุปนิสัยของคนส่วนหนึ่งก็เลยอาจจะเป็นแบบนั้น ชอบอิสระ ต่างจากสิงคโปร์หรือจีนที่ต้องแข่งขันกันสูง หรืออยู่ในสังคมที่ระเบียบจัด เธอก็หายสงสัยไประดับหนึ่ง เราก็เลยอธิบายต่อว่าแต่ยุคนี้ใครขี้เกียจก็อดตายเพราะทรัพยากรไม่ได้มีเหลือเฟือเหมือนยุคก่อนแล้ว ก็ต้องตอบแบบกลาง ๆ บางอย่างที่เขาสงสัยเราก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่เราก็ไม่ต้องการให้เขามาดูถูกคนไทยเช่นกัน
15.00 เราถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ ที่นี่มีสาว ๆ ที่เป็นอาสาสมัครคนอื่นอยู่ด้วย พวกเธอช่วยหิ้วสัมภาระเพื่อรอ check in ที่โรงแรม ที่จริง trip นี้ Made in china ให้โควตาคือ ตั๋วฟรี ไป-กลับ ทีพักฟรี 2 คืน แต่เราได้ตั๋วที่ต้องไปก่อน 1 วัน ก็เลยเจรจาจนได้เพิ่มอีก 1 คืน (สวมวิญญาณจัดซื้อ) ถ้าไม่เจรจาก็ต้องจ่ายเอง โรงแรมห้าดาวก็หลายอยู่ เท่ากับได้ที่พักฟรีเพิ่มอีก 1 คืน
ระหว่างเดินทางเราสังเกตได้ว่าที่นี่คนขับรถจะบีบแตรกันแทบจะตลอดเวลา อะไรนิดอะไรหน่อยก็บีบ แล้วการจอดรถก็ออกแนวใครใคร่จอดตรงไหนจอด จะเอาหน้าเข้า หรือท้ายออก เอียงซ้าย เอียงขวา มีหมดทุกแบบ ขนาดดึก ๆ ก็ยังได้ยินเสียงแตรอยู่ตลอด อีกอย่างที่ต่างจากบ้านเรา ด้วยความที่อากาศเย็นสบาย รถเกือบทุกคันจะเปิดกระจกรับมลพิษที่มีพอประมาณทีเดียวสำหรับเมืองอุตสาหกรรมแบบนี้ บางคนก็ถอดเสื้อขับรถ มีคู่หนึ่งผู้ชายถอดเสื้อขับรถ ส่วนหญิงข้าง ๆ เธอก็ยกเท้าขึ้นพาดหน้ารถ ถ้าเป็นบ้านเราก็มองว่าไม่เรียบร้อย แต่นี่เมืองจีน หรือบางร้านอาหารก็ถอดเสื้อนั่งกินข้าวในร้าน หน้าร้านกันเลย ต่างที่ต่างวัฒนธรรมเราไปเพื่อเรียนรู้ และก็เคารพในสิ่งที่เขาเป็น
ช่วงบ่ายมีฝนโปรยลงมา Nancy เตือนเราก่อนแล้วว่าถ้าเป็นไปให้ได้หาร่ม เพราะฝนอาจจะตกโดยไม่รู้ตัว เรารอให้ฝนหยุดก่อนจะออกเดินสำรวจในช่วงเย็น
อาหารเย็นมื้อแรกที่เมืองจีน
อากาศช่วงนี้อยู่ระหว่าง 15-25 ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็ถือว่าดีมาก เย็นสบาย หนาวนิดหน่อยในช่วงดึก สำหรับเราชอบมาก เพราะเดินสบาย และไม่หนาวจนเกินไป แต่หากเป็นเดือนตุลาคม จะเริ่มมีหิมะ และหนาวสุดคือติด -3 สำหรับเมืองนี้ เราเดินสำรวจร้านรอบ ๆ โรงแรมนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นห้องเล็ก ๆ เหมือนตึกแถวบ้านเราแต่จะเล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง คือวางโต๊ะเล็ก ๆ ได้แค่ 2 ตัว หากเป็นร้านใหญ่ก็ประมาณเท่าตึกแถวบ้านเราหรือใหญ่กว่านิดหน่อย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นร้านเล็กมากกว่า เราเดินไปสักพัก เลือกร้านที่มีรูปเมนู พร้อมราคา เพื่อง่ายต่อการสื่อสาร เพราะเราต้องใช้ภาษามืออย่างเดียวเท่านั้น แม้แต่ในสนามบินกับโรงแรมยังใช้ภาษาอังกฤษได้น้อยมาก ร้านอาหารไม่ต้องพูดถึง มื้อแรกเราเลือกเป็นเต้าหู้ก็แล้วกัน ถ้าเป็นบ้านเราก็เหมือนนำเต้าฮวยมาราดด้วยน้ำพริกเผาที่ไม่เผ็ด โรยด้วยไข่เยี่ยวมา อร่อยทีเดียว แค่ 8 หยวน ข้าวอีก 3 หยวน มื้อนี้ถูกและอร่อยมาก ให้เยอะมาก เราเดินสำรวจต่ออีกนิดหน่อย ขากลับก็มาเจอร้านผลไม้ เลยแวะซื้อแอปเปิ้ลลูกเล็ก คนขายยกมือ 4 นิ้ว คือ 4 หยวน เราดูแล้วไม่แพงก็เลยซื้อมา
วันนี้เหนื่อยกับการเดินทางมาก เพราะงานยุ่งมากไม่ได้นอนก่อนการเดินทาง ระหว่างเดินทางก็ได้นอนน้อยมาก เราเริ่มเก็บรูปภาพก่อนคืนนี้จะผ่านพ้นไป
เดินทางฟรีด้วยทุนรัฐบาลจีน และ Made in China
งานนี้จัดขึ้นสำหรับนักจัดซื้อทั่วโลกที่ต้องการหาสินค้าจากจีน
อันดับแรกเพื่อน ๆ ที่เข้ามาอ่านอาจจะส่งสัยว่าของฟรีแบบมีด้วยเหรอ มีค่ะ แค่จำกัดด้วยเงื่อนไขต่าง ๆ คือต้องเขียน proposal ให้ชัดเจนว่าเราต้องการ sourcing หรือต้องการสินค้าประเภทไหนบ้าง เงื่อนไขที่ทาง Made in China ตั้งไว้คือ ต้องเซ็นต์สัญญาเลย 30 ล้าน รายละเอียดเรื่องการขอสิทธิสามารถอ่านได้จากที่นี่นะคะ http://factoryguideline.com/%E0%B9%82%E0%B8%84%E0%B8%A7%E0%B8%95%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%9F%E0%B8%A3%E0%B8%B5%E0%B8%AA%E0%B8%B3%E0%B8%AB%E0%B8%A3%E0%B8%B1%E0%B8%9A%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%81%E0%B8%88%E0%B8%B1%E0%B8%94%E0%B8%8B/
ทีนี้เรามาดูกันดีกว่าค่ะว่าต้องเตรียมตัวอะไรบ้าง
1. Passport ก็ยื่นทำตามเงื่อนไขปกติ เลือกสาขาที่สะดวกได้นะคะ เราเลือกไปทำศูนย์การค้าธัญญาพาร์ค ศรีนครินทร์ ต้องบอกว่าตอนนี้เร็วมากค่ะ และแนะนำให้จองคิวด้วย E-passport สามารถตรวจสอบรายละเอียดได้จาก link นี้นะคะ http://www.consular.go.th/main/th/services/25038-%E0%B8%82%E0%B8%B1%E0%B9%89%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B8%AD%E0%B8%99%E0%B9%81%E0%B8%A5%E0%B8%B0%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%A3%E0%B8%A2%E0%B8%B7%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B8%82%E0%B8%AD%E0%B8%AB%E0%B8%99%E0%B8%B1%E0%B8%87%E0%B8%AA%E0%B8%B7%E0%B8%AD%E0%B9%80%E0%B8%94%E0%B8%B4%E0%B8%99%E0%B8%97%E0%B8%B2%E0%B8%87-e-Passport.html ไปถึงยื่นคิวตามที่ตารางกำหนดนัดหมายแนะนำไว้ค่ะ สรุปว่าใช้เวลาไปแค่สิบกว่านาทีเท่านั้นค่ะ รวดเร็วมาก ต้องขอชม ค่าใช้จ่าย 1,040 บาท
2. Visa ทำตามเงื่อนไขปกติ พร้อมหนังสือเชิญจากทาง Made in China ปกติใช้เวลา 4 วัน ถ้าเร่งด่วน 2 วัน จ่ายเพิ่มอีก 800 บาท สถานทูตจีนอยู่ซอย หาที่จอดรถยากหน่อยค่ะ เราจอดแอบในซอยนั้นเลย แต่แนะนำให้ไปแต่เช้า เพราะคนเยอะมากค่ะ ไม่งั้นต้องรอนานมาก ถ้าใครไม่เคยกรอกแนะนำให้ถามจากพวกพี่ ๆ ที่รับยื่นพาสปอร์ตค่ะ คนไทยน่ารัก ไม่รู้ก็บอกกัน
3. ศึกษารายละเอียดการเดินทางว่าต้องเดินทางเองหรือมีคนมารับ ราคาสินค้าหรือราคาค่าบริการ อุปนิสัยใจคอ ไประดับหนึ่ง หรือการเดินทางหากมีเพื่อนคนจีนก็ควรหาข้อมูลไปล่วงหน้า สำหรับเราเองก่อนไปได้คุยกับ Supplier รายหนึ่งก็ช่วยเราได้มากทีเดียว
4. โทรศัพท์ ถ้าต้องการเปิด Roaming ต้องแจ้งเครือข่ายก่อนอย่างน้อย 1 วัน และเริ่มที่เดินทางเมื่อถึงสนามบินก็ปิดการค้นหาสัญญาณอัตโนมัติ พอถึงจีนจึงเปิดหาเครือข่าย China Unicom ตรงนี้ให้ระวังนะคะ เพราะตอนแรกที่เปิดสัญญาไปจับ China mobile ให้ดูดี ๆ ค่ะหรือช่วงไหนสัญญาณหลุดก็ต้องระวังเช่นกัน เพราะเราจะโดนค่าใช้จ่ายสูงมากหากจับสัญญาณผิด นอกจากนี้หากใครใช้ Iphone ให้ไปเลือก เซลลูลาร์ เลือก Roaming , 3G, ช่วงไหนที่ไม่ใช่หรืออยู่บนเครื่องก็เปิด Flight Mode การเปิด Flight Mode จะเท่ากับตัดสัญญาณทุกอย่างไปในตัวค่ะ และต้องระวังว่าเราซื้อบริการไว้กี่วัน อย่างเช่นเราเองซื้อบริการไว้ถึงวันที่ 4 ก่อนนอนก็ปิดบริการทุกอย่างเรียบร้อย เพราะวันรุ่งขึ้นเดินทางตั้งแต่เช้ายันเย็นก็แทบติดต่ออะไรไม่ได้ ก็ไม่ได้ซื้อบริการไว้ เฉลี่ยค่าบริการต่อวันก็สามสี่ร้อย แล้วแต่ package และจำนวนวันที่เลือกค่ะ และตอนที่กลับมาถึงเปิดเครื่องแล้วสักพักสัญญาณจึงจะกลับมา แต่หากไม่แน่ใจก็ลองให้ศูนย์บริการที่สนามบินช่วยดูให้ก็ได้ค่ะ
5. การแลกเงิน คำนวณสิ่งที่ต้องใช้ให้ถี่ถ้วนเพราะแลกมากเกินไป เหลือกลับมาแลกคืนจะขาดทุนค่ะ ขาไปแลกอยู่ที่ 5.69 บาทต่อหยวน ขากลับแลกคืนอยู่ที่ 5.6 ก็ลองคำนวณกันดี ๆ นะคะ
6. หากต้องเดินทางเองควร Print ชื่อโรงแรม หรือสถานที่ที่เป็นภาษาจีน เพราะคนจีนไม่ใช้ภาษาอังกฤษ ต้องยื่นให้อ่านอย่างเดียวเท่านั้นค่ะ และควรเช็คราคาตลาดไปก่อน เพระถ้าไกลระดับชั่วโมงค่าแท็กซี่จะประมาณ 150+- ถึง 300 หยวนค่ะ และอย่าลืมตรวจเงินหยวนในกระเป๋าด้วยนะคะว่ามีพอหรือเปล่า เพราะคนจีนบางคนใจร้อน เสียงดัง เดี๋ยวจะโดนเล่นงานเป็นได้ค่ะ
7. การค้นหาข้อมูลการเดินทางในจีน ทั้งที่พัก การเดินทางต่าง ๆ แนะนำที่ 2 เว็บไซด์นี้ค่ะ www.ctrip.com, www.qua.com และแนะนำให้ download ไว้ใน smartphone เลยนะคะ
วันแรกของการเดินทาง
23.00 ออกเดินทางจากชลบุรี สุวรรณภูมิ
24.00 ถึงสุวรรณภูมิ ประตู 10 ด้วยสายการบิน China Southern Airline ประตู 10
แลกเงินเพื่อเตรียมไปใช้ระหว่างเดินทาง ถ้าใครมีเวลาก็ super rich ดีกว่านะคะ แต่บังเอิญไม่สะดวกก็หาแลกธนาคารแถวนั้นค่ะ
เช็ค counter สำหรับ check in ตอนที่เข้าแถวให้ระวังหน่อยนะคะเพราะอาจจะแยก group กับบุคคล ต้องบอกว่า counter check in คนไทยน่ารักกว่าชาติใด ๆ ถามความสมัครใจถึงตำแหน่งการนั่งว่าอยากนั่งติดหน้าต่างหรือเปล่า เพราะยังมีที่ว่างให้เลือก อธิบายถึงขั้นตอนที่สัมภาระที่ load ใต้ท้องเครื่องจะต้องไปผ่านศุลกากรที่เมืองกว่างโจระหว่างเปลี่ยนเครื่องที่จะไปฉางชุน
2.15 เริ่มออกเดินทาง ระหว่างนี้ด้วยความง่วงเลยหลับบ้าง ตื่นบ้าง อ้าวตื่นมาอีกทีกินกันเสร็จแล้ว มันใกล้เวลาเครื่องลงแล้วเลยอดตามระเบียบ ที่จริงเรานั่งคนเดียว ถ้าเป็นสายการบินในประเทศรับรองว่าไม่อด เพราะคนไทยจะแอบสะกิดหรือไม่ก็วางอาหารไว้ให้แน่นอน ใครเดินทางเวลานี้ไม่อยากอดก็ต้องพยายามถ่างตาไว้แล้วกันนะ
6.00 ถึงกว่างโจวตามกำหนด แล้วที่นี่เราก็เริ่มมีประสบกรรมเล็กน้อย ต้องบอกว่าที่นี่น่าสงสารทุกคนที่เป็นต่างชาติแล้วไม่เคยมาเมืองนี้ เพราะแต่ละคนพูดอังกฤษแทบไม่ได้เลย หรือได้เป็นคำ ๆ เริ่มตั้งแต่ Immigration ถ้าใครเขียนเอกสารไม่เรียบร้อย ก็โดนไล่ให้ไปต่อแถวใหม่ด้วยภาษาจีนนะ ถ้าใครเขียนไปแล้วก็จะพูดแค่ว่า finish แล้วก็เริ่มเข้าสู่เส้นทาง domestic เพื่อรับกระเป๋าต่อ หลังจากรับมาแล้ว จะต้องไป check in แล้ว scan สัมภาระที่ load ใต้ท้องเครื่อง ตรงนี้เสียเวลามาก พอไปถึงคนที่จัดแถวก็ชี้ให้เอาเข้าเครื่อง scan เลย ไปถึงคน scan ก็ชี้ให้ไปที่ counter พอไป counter ที่ 1 ก็ชี้กลับไปที่คน scan อีกรอบ แล้วการที่เราฟังภาษาจีนไม่รู้เรื่องเหมือนจะเป็นความผิดเรายังไงไม่รู้ ต้องรอสักพักให้คนที่พอพูดอังกฤษได้นิดหน่อยมาดูแล้วจึงให้ check in counter ที่ 2 แล้ว จึง scan กระเป๋า ที่มากกว่านั้นถ้าเป็นคนจีนด้วยกันก็ยกขึ้นเครื่อง scan ให้ แต่ต่างชาติต้องเดินวนไปด้านหลังเพื่อยกเอง
Security check in ตรงนี้ช้ามาก คนเยอะ แซงคิว แอบแทรกแถว มีทุกอย่างเลย ของจีนค่อนข้างตรวจละเอียด ค้นทั่วตัวเลยก็ว่าได้ เหมือนที่เขาว่าประเทศอื่นเข้มงวดเขาเข้า แต่ถ้าเป็นประเทศไทยขาเข้าสบาย
รอ Boarding time อดกินมาจากบนเครื่องเลยต้องมาหาอะไรลองท้องระหว่างรอขึ้นเครื่อง สั่งแซนวิชมา 2 คู่ก็ประมาณ 300 ที่พิเศษหน่อยของสนามบินกว่างโจจะมีตู้น้ำดื่มพร้อมแก้วเล็ก ๆ ให้ ใครอยากประหยัดก็มาใช้บริการนี้ได้ค่ะ
8.55 เวลาเครื่องออก แต่ขึ้น board และเรียกช้ามาก พอเข้าไปถามเพราะเครื่อง delay เธอก็แสดงอาการไม่พอใจ ชี้โบ๊ชี้เบ๊ให้ดูเวลานาฬิกา สาวจีนนี่ดุจริง ๆ
ฟังดนตรีวงใหญ่
พอเริ่มออกเดินทางดนตรีวงใหญ่ก็เริ่มบรรเลง 2 แถวด้านหน้ามีเด็กเล็ก ๆ สองคน อีกคนไม่ค่อยเท่าไร แต่อีกคนร้องตั้งแต่ขึ้นเครื่องกว่าชั่วโมงหรือนานเท่าไรก็ไม่รู้เพราะหลับไปก่อน ส่วนด้านหลังก็มีสองสาวเม้าท์ตลอด จนแม้แต่ชายกลางคนที่เป็นคนจีนที่นั่งข้าง ๆ ยังต้องเอามืออุดหู
ตื่นมาอีกทีดนตรีก็เงียบไปแล้ว พร้อมตามมาด้วยอาหารมื้อกลางวัน ชายข้าง ๆ อัธยาศัยดีพอควร ช่วยดูแลไม่ให้เราอดอาหารมื้อที่สองบนเครื่องบิน ไม่ได้หลับแล้วนะ แต่ด้วยความที่ตัวเล็ก นั่งด้านใน แอร์โฮสเตสมองไม่ค่อยเห็น เขาก็ช่วยเหลืออย่างดีมากทีเดียว และแล้วเราก็มาถึงฉางชุน
ช่องทางออกเขียนว่าทางออกสถานีรถไฟ มีสาว ๆ สองคนหน้าตาเป็นมิตรยืนชูป้าย International purchasing meeting เราก็เลยเข้าไปหาเธอทั้งสองคน คนแรกชื่อ Nancy เรียนธุรกิจเอกอังกฤษ ภาษาอังกฤษถือว่าค่อนข้างดี อีกคนคือ Cindy เรียนโฆษณา พูดอังกฤษไม่เก่ง แต่น่ารักและอัธยาศัยดีทั้งคู่ พวกเธอพาเราขึ้นรถตู้ออกจากสนามบินขึ้นทางด่วนไปยัง Jin-an Hotel ที่อยู่ห่างจากที่นี้ประมาณ 1 ชม
ระหว่างทางเราคุยสารพัดเรื่องราวเกี่ยวกับธุรกิจ ประเทศจีน ประเทศไทย และอะไรอีกมากมาย สองสาวนี้เป็นอาสาสมัคร โดยยังเรียนอยู่มหาวิทยาลัยในฉางชุนทั้งคู่ มีคำถามหนึ่งที่สาวจีนถามถึงคนไทยว่า เธอได้ยินว่า คนไทยไม่ค่อยกระตือรือร้น แต่เธอไม่ได้ถามเพราะดูถูกคนไทยนะคะ แต่ถามด้วยความสงสัยว่าเป็นจริงหรือ ต้องแอบคิดก่อนตอบเพื่อให้เธอได้คำตอบที่สงสัยและรักษาภาพพจน์พี่ไทยของเราด้วย คำตอบก็คือ เมืองไทยเดิมมีทรัพยากรมากมาย ทำให้พื้นเพหรืออุปนิสัยของคนส่วนหนึ่งก็เลยอาจจะเป็นแบบนั้น ชอบอิสระ ต่างจากสิงคโปร์หรือจีนที่ต้องแข่งขันกันสูง หรืออยู่ในสังคมที่ระเบียบจัด เธอก็หายสงสัยไประดับหนึ่ง เราก็เลยอธิบายต่อว่าแต่ยุคนี้ใครขี้เกียจก็อดตายเพราะทรัพยากรไม่ได้มีเหลือเฟือเหมือนยุคก่อนแล้ว ก็ต้องตอบแบบกลาง ๆ บางอย่างที่เขาสงสัยเราก็ปฏิเสธไม่ได้ แต่เราก็ไม่ต้องการให้เขามาดูถูกคนไทยเช่นกัน
15.00 เราถึงโรงแรมโดยสวัสดิภาพ ที่นี่มีสาว ๆ ที่เป็นอาสาสมัครคนอื่นอยู่ด้วย พวกเธอช่วยหิ้วสัมภาระเพื่อรอ check in ที่โรงแรม ที่จริง trip นี้ Made in china ให้โควตาคือ ตั๋วฟรี ไป-กลับ ทีพักฟรี 2 คืน แต่เราได้ตั๋วที่ต้องไปก่อน 1 วัน ก็เลยเจรจาจนได้เพิ่มอีก 1 คืน (สวมวิญญาณจัดซื้อ) ถ้าไม่เจรจาก็ต้องจ่ายเอง โรงแรมห้าดาวก็หลายอยู่ เท่ากับได้ที่พักฟรีเพิ่มอีก 1 คืน
ระหว่างเดินทางเราสังเกตได้ว่าที่นี่คนขับรถจะบีบแตรกันแทบจะตลอดเวลา อะไรนิดอะไรหน่อยก็บีบ แล้วการจอดรถก็ออกแนวใครใคร่จอดตรงไหนจอด จะเอาหน้าเข้า หรือท้ายออก เอียงซ้าย เอียงขวา มีหมดทุกแบบ ขนาดดึก ๆ ก็ยังได้ยินเสียงแตรอยู่ตลอด อีกอย่างที่ต่างจากบ้านเรา ด้วยความที่อากาศเย็นสบาย รถเกือบทุกคันจะเปิดกระจกรับมลพิษที่มีพอประมาณทีเดียวสำหรับเมืองอุตสาหกรรมแบบนี้ บางคนก็ถอดเสื้อขับรถ มีคู่หนึ่งผู้ชายถอดเสื้อขับรถ ส่วนหญิงข้าง ๆ เธอก็ยกเท้าขึ้นพาดหน้ารถ ถ้าเป็นบ้านเราก็มองว่าไม่เรียบร้อย แต่นี่เมืองจีน หรือบางร้านอาหารก็ถอดเสื้อนั่งกินข้าวในร้าน หน้าร้านกันเลย ต่างที่ต่างวัฒนธรรมเราไปเพื่อเรียนรู้ และก็เคารพในสิ่งที่เขาเป็น
ช่วงบ่ายมีฝนโปรยลงมา Nancy เตือนเราก่อนแล้วว่าถ้าเป็นไปให้ได้หาร่ม เพราะฝนอาจจะตกโดยไม่รู้ตัว เรารอให้ฝนหยุดก่อนจะออกเดินสำรวจในช่วงเย็น
อาหารเย็นมื้อแรกที่เมืองจีน
อากาศช่วงนี้อยู่ระหว่าง 15-25 ถ้าเทียบกับเมืองไทยก็ถือว่าดีมาก เย็นสบาย หนาวนิดหน่อยในช่วงดึก สำหรับเราชอบมาก เพราะเดินสบาย และไม่หนาวจนเกินไป แต่หากเป็นเดือนตุลาคม จะเริ่มมีหิมะ และหนาวสุดคือติด -3 สำหรับเมืองนี้ เราเดินสำรวจร้านรอบ ๆ โรงแรมนี้ ส่วนใหญ่จะเป็นห้องเล็ก ๆ เหมือนตึกแถวบ้านเราแต่จะเล็กกว่าประมาณครึ่งหนึ่ง คือวางโต๊ะเล็ก ๆ ได้แค่ 2 ตัว หากเป็นร้านใหญ่ก็ประมาณเท่าตึกแถวบ้านเราหรือใหญ่กว่านิดหน่อย ส่วนใหญ่แล้วจะเป็นร้านเล็กมากกว่า เราเดินไปสักพัก เลือกร้านที่มีรูปเมนู พร้อมราคา เพื่อง่ายต่อการสื่อสาร เพราะเราต้องใช้ภาษามืออย่างเดียวเท่านั้น แม้แต่ในสนามบินกับโรงแรมยังใช้ภาษาอังกฤษได้น้อยมาก ร้านอาหารไม่ต้องพูดถึง มื้อแรกเราเลือกเป็นเต้าหู้ก็แล้วกัน ถ้าเป็นบ้านเราก็เหมือนนำเต้าฮวยมาราดด้วยน้ำพริกเผาที่ไม่เผ็ด โรยด้วยไข่เยี่ยวมา อร่อยทีเดียว แค่ 8 หยวน ข้าวอีก 3 หยวน มื้อนี้ถูกและอร่อยมาก ให้เยอะมาก เราเดินสำรวจต่ออีกนิดหน่อย ขากลับก็มาเจอร้านผลไม้ เลยแวะซื้อแอปเปิ้ลลูกเล็ก คนขายยกมือ 4 นิ้ว คือ 4 หยวน เราดูแล้วไม่แพงก็เลยซื้อมา
วันนี้เหนื่อยกับการเดินทางมาก เพราะงานยุ่งมากไม่ได้นอนก่อนการเดินทาง ระหว่างเดินทางก็ได้นอนน้อยมาก เราเริ่มเก็บรูปภาพก่อนคืนนี้จะผ่านพ้นไป