Islamic Terrorism: Why There Is None in Japan ?



http://chersonandmolschky.com/2015/04/13/islamic-terrorism-japan/            April 13, 2015    แปลมาจากเวปนี้คร่าวๆค่ะ

Muslim terrorists can be proud: their share in world terrorist attacks is now close to 100%.     By: Y.K. Cherson

จากบทความแจ้งว่าผู้ก่อการร้ายมีทุกที่แทบจะทุกประเทศ แต่มีเพียง1ในนั้นคือ ญี่ปุ่น ที่สามารถรับมือและ จัดการเรื่องนี้ได้ดีเรามาดูว่าเพราะเหตุใด

แน่นอนว่าญี่ปุ่นประสบความสำเร็จเป็นอย่างมากด้านเทคโนโลยีทุ่มเงินเป็น พันล้านเยน ในการสร้างมัสยิดหลายแห่ง และ  Islamic schools  
เนื้อหมูถูกห้ามในที่สามาธารณะที่ชาวมุสลิมอาศัยอยู่   มีการแบ่งเวลาชัดเจน แยกเด็ก ชาย - หญิง ในการใช้บริการสระว่ายน้ำในโรงเรียนของรัฐ

รวมถึง หมอชาย ห้ามแตะต้องผู้หญิงมีการแยกรักษา ต่างหาก ตามหลัก ชีห์อะ  
สิ่งที่ญี่ปุ่นทำก็เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาและช่วยลดข้อขัดแย้งต่อชาวมุสลิมได้ดี  

ทางการตรวจคนเข้าเมืองประเทศญี่ปุ่นก็ไม่ได้ปิดกั้นสำหรับกลุ่มคนมุสลิมซะทีเดียว
แต่จำนวนของใบอนุญาตตรวจคนเข้าเมืองให้กับผู้สมัครจากประเทศที่นับถือศาสนาอิสลามอยู่ในระดับต่ำมาก การได้รับวีซ่าทำงานก็ไม่ใช่เรื่องง่าย
แม้จะเป็นแพทย์ วิศวะกร  ผู้บริหาร ผู้จัดการทำงานในบริษัทต่างชาติส่งมา ก็ยากที่จะพิจารณา จึงทำให้ Japan is “a country without Muslims”.


จากการสำรวจ ชาวมุสลิมในญี่ปุ่น ไม่สามารถทราบแน่ชัดว่าเท่าไหร่กันแน่
บางคนว่า น่าจะอยู่ที่สามหมื่น  ซึ่งถูกอ้างเกินจริงไป บางคนอ้างว่ามีเพียงไม่กี่ร้อย
จำนวนตัวเลขจริงๆของชาวมุสลิมแบบเปิดเผย ในประเทศญี่ปุ่น อดีตประธานของสมาคมอิสลามญี่ปุ่น อาบูบากาโมริโมโตะ แจ้งว่า
"เพียงหนึ่งพันคนเท่านั้น ซึ่งรวม เบ็ดเสร็จคนที่แต่งงานเข้าอิสลามแล้วด้วย . " แต่ถ้าเป็นมุสลิม(ในนาม)แล้วไม่มีการปฏิบัติก็ไม่กี่พัน


   Nur Ad-Din Mori หนึ่งในผู้นำมุสลิมในประเทศญี่ปุ่น เคยถูกถามว่า: "เปอร์เซ็นต์ของประชากรทั้งหมดของประเทศญี่ปุ่นที่เป็นมุสลิมอยู่ที่ประมาณเท่าไหร่ ?  " เขาให้คำตอบว่า " :. หนึ่งในแสน "

ประชากรของญี่ปุ่นมี 130 ล้านคน หากผู้นำมุสลิมกล่าวถูกต้องแล้ว น่าจะมีชาวมุสลิม 1300 คน แต่ถึงแม้ชาวมุสลิมผู้ที่ได้รับใบอนุญาตการตรวจคนเข้าเมืองและอาศัยอยู่เป็นเวลาหลายปีในประเทศญี่ปุ่นซึ่งก็มีโอกาสน้อยมากๆ ที่จะได้รับ Japanese citizens.

ทางการญี่ปุ่นออกกฎ ห้ามมุสลิมให้คำแนะนำเชิญชวน คนเข้าอิสลาม  และ ถ้ามุสลิมคนใด มีการโน้มน้าวหรือกระตุ้นให้คนเข้าศาสนาอิสลามโดยไม่พึงประสงค์ของบุคคลผู้นั้น (เรียกง่ายๆว่าถูกบังคับ) หรือมีการ  "โปรโมทศาสนาอิสลาม" มากเกินไป  อาจถูกเนรเทศออกนอกประเทศ หรือ ถูกจับติดคุกได้

ภาษาอาหรับถูกสอนโดยสถาบันการศึกษาน้อยมาก; แทบจะไม่มีเลย  แม้กระทั่งมหาวิทยาลัยระหว่างประเทศของญี่ปุ่นในกรุงโตเกียวก็ไม่ได้มีหลักสูตรการสอนภาษาอาหรับของอิสลามใว้เลย

อัลกุรอานในภาษาอาหรับแทบจะไม่พบเลยนอกจากจะเป็นภาษา ญี่ปุ่นเท่านั้น

มัสยิดสองแห่ง ที่โตเกียว มัสยิด Jama  และ  มัสยิด โกเบ  เวลาที่ชาวมุสลิมจะละหมาดได้มีการจัดห้อง ในอพาร์ทเม้น เพื่อคนกลุ่มนี้โดยเฉพาะ


มัสยิด Jama



มัสยิด โกเบ



มัสยิดในญี่ปุ่นมีการติดกล้องวงจรปิดไว้หลายจุด รวมถึงบันทึกคนเข้าออก สามารถตรวจสอบได้ง่ายว่าเป็นใครมาจากไหน(มีลิงค์ข้อมูลชัดเจนชื่อ ที่อยู่)

ในสังคมชาวญี่ปุ่นเห็นด้วยที่ชาวมุสลิมจะละหมาดที่บ้านส่วนตัวจะดีกว่า : ไม่มีการมารวมกลุ่มกัน
หรือ มานอนคว่ำหน้าละหมาด  บนถนน หรือ ตามสี่แยกต่างๆ
ถ้าเจอบุคคลใดฝ่าฝืนจะถูกปรับเป็นจำนวนเงินสูงมาก และ ทางตำรวจอาจนำเคสมาพิจารณาเป็นกรณีพิเศษ
"อาจถึงขั้นรุนแรง" ซึ่งผู้เข้าร่วม อาจถูกจับเนรเทศออกนอกประเทศได้


ภาพเหล่านี้ไม่สามารถพบได้ในญี่ปุ่น




เสียงอะซานในการเตือนให้ทุกคนละหมาด คงไม่มีปรากฎให้เห็นเช่นกัน


อีกประเด็นที่น่าสนใจ เวลาบริษัทญี่ปุ่น  พิจารณาคนเข้าทำงาน ชาวมุสลิมมักไม่ค่อยเป็นที่น่าสนใจมากเท่าไหร่
Japanese companies seeking foreign workers specifically note that they are not interested in Muslims

ไม่พบ Shari´a Law in Japan หรือ halal food หาได้ยากมากๆ

"There is no personal (Sharia) law in Japan."
第20条
いかなる宗教団体も、国から特権を受け、又は政治上の権力を行使してはならない。②何人も、宗教上の行為、祝典、儀式又は行事に参加することを強制されない。③国及びその機関は、宗教教育その他いかなる宗教的活動もしてはならない。
Article 20
No religious organization shall receive any privileges from the State, nor exercise any political authority. (2) No person shall be compelled to take part in any religious act, celebration, rite or practice. (3) The State and its organs shall refrain from religious education or any religious activity.
"According to data published by Japanese government, it has given temporary residency to only 2 [hundred thousand] Muslims, who need to follow the Japanese Law of the Land. These Muslims should speak Japanese and carry their religious rituals in their homes."




ชาวญี่ปุ่นสังเกตเห็นว่าศาสนาอิสลาม   Islam as a “strange  and dangerous religion”  ซึ่งชาวญี่ปุ่นสองคนได้ถูกฆ่าตายโดย ISIS   (Haruna Yukawa and Kenji Goto ) ทำให้รัฐบาลญี่ปุ่นพิจารณาประเด็นนี้อย่างใกล้ชิด และ เข้มงวดเป็นอย่างมาก ซึ่งละเอียดรอบคอบในข้อปลีกย่อยต่างๆ




สิ่งที่น่าสนใจมากๆคือ ชาวญี่ปุ่นไม่รู้สึกผิดที่ได้ปฏิบัติ ต่อชาวมุสลิมอย่างแตกต่างเช่นนี้ เพราะจากหลักฐานในสิ่งที่มุสลิมได้กระทำ ทำให้ชาวญี่ปุ่นไม่มีความรู้สึกว่า ต้องขอโทษต่อชาวมุสลิมในแง่ลบของศาสนาอิสลามเอง
แต่ความสัมพันธ์ในด้านธุรกิจน้ำมันและแก๊ส กับทางอาหรับยังคงดีเหมือนเดิมไม่ส่งผลกระทบใดๆ

Islam is something that is suitable for others, not for Japan,
แน่นอนมุสลิมอยู่ข้างนอกญี่ปุ่นจะดีกว่า

เป็นเรื่องแปลกใจที่ชาวมุสลิมในญี่ปุ่นไม่มีการก่อจราจล หรือ เรียกร้องใดๆ ไม่มีการต่อต้านประเทศหรือรัฐบาลญี่ปุ่น หรือ เหยียดชาวญี่ปุ่น(ว่าเป็นกาเฟร) ไม่มีการระเบิดรถยนต์ หรือทุบกระจกตามสถานที่สำคัญๆต่างๆ หรือ มีการฆ่าตัดหัวชาวญี่ปุ่นอย่างใน Afghanistan, Iraq or anywhere else on Earth

จากประวัติศาสตร์ในรอบ 30 ปีที่ผ่านมา ไม่มีชาวญี่ปุ่นคนใดถูกทำร้ายโดยชาวมุสลิม ที่พักอาศัยอยู่ในประเทศญี่ปุ่น   ซึ่งน่าทึ่งมากๆ

Maybe Europe and the USA should look at the Japanese model of dealing with Muslims more closely?

ขอขอบคุณข้อมูลจาก
*This information comes from the National Counterterrorism Center’s (NCTC) unclassified report.  The NCTC provides the State Department with the statistical data it needs and was created to provide government agencies with this type of information.


ลองมาวิเคราะกันค่ะ ว่าอะไรทำให้ญี่ปุ่นประสบความสำเร็จ(ในตอนนี้) ในการแก้ปัญหาในด้านความแตกต่างทางสังคมและศาสนาซึ่งอาจมีบางประเทศประสบอยู่ ในหลายๆด้าน หรือ เป็นไปได้มั้ยว่าคนน้อยเลยคุมได้ไม่ค่อยยาก หรือว่าเพราะกฎหมายที่เข็งแกร่งกันแน่

อมยิ้ม17 ขอขอบคุณผู้รู้ทุกท่านที่ร่วมสนทนาค่ะ อมยิ้ม17
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่