☆ บาลีวันละคำ ... อัสมิมานะ ☆




อัสมิมานะ

อ่านว่า อัด-สะ-มิ-มา-นะ
บาลีเป็น “อสฺมิมาน” อ่านว่า อัด-สฺมิ-มา-นะ

ประกอบด้วย อสฺมิ + มาน

(๑) “อสฺมิ”
รากศัพท์มาจาก อสฺ (ธาตุ = มี, เป็น) + อ ปัจจัย + มิ วิภัตติอาขยาต
: อสฺ + อ + มิ = อสฺมิ แปลตามศัพท์ว่า “อหํ = อันว่าเรา อสฺมิ = ย่อมมี, ย่อมเป็น”
มีความหมายว่า มีเรา เป็นเรา นี่เรานะ นี่กูนะ

(๒) “มาน”
อ่านว่า มา-นะ รากศัพท์มาจาก -

(1) มานฺ (ธาตุ = บูชา) + อ ปัจจัย
: มานฺ + อ = มาน แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่ให้เขาบูชา” (คือต้องการให้เขานับถือ)

(2) มนฺ (ธาตุ = รู้, คิด, เข้าใจ) + ณ ปัจจัย, ลบ ณ, ทีฆะ (ยืดเสียง) อะ ที่ ม-(น) เป็น อา
: มนฺ + ณ = มนณ > มน > มาน แปลตามศัพท์ว่า “อาการที่สำคัญตนว่าดีกว่าเขาเป็นต้น”

(3) มา (ธาตุ = นับถือ) + ยุ ปัจจัย, แปลง ยุ เป็น อน (อะ-นะ)
: มา + ยุ > อน = มาน แปลตามศัพท์ว่า “อาการเป็นเหตุให้เขานับถือตน”

“มาน” ในที่นี้ มีความหมายว่า -
(1) ความถือตัว, ความหยิ่ง, ความยโส (pride, conceit, arrogance)
(2) เกียรติ, การนับถือ (honour, respect)

อสฺมิ + มาน = อสฺมิมาน (เขียนในภาษาไทยเป็น “อัสมิมานะ”) แปลตามศัพท์ว่า “การถือตัวว่าเป็นเรา”


พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์ ของท่าน ป.อ.ปยุตฺโต บอกไว้ว่า
“อัสมิมานะ : การถือว่านี่ฉัน นี่กู กูเป็นนั่นเป็นนี่, การถือเราถือเขา”


----

มานะ มี ๓ แบบ คือ
๑. มานะ "เราเท่ากับเขา" = ถือตัวธรรมดา
๒. อติมานะ "เราดีกว่าเขา" = ดูหมิ่นคนอื่น
๓. โอมานะ "เราเลวกว่าเขา" = ดูถูกตัวเอง

มานะ ๓ แยกย่อยออกไปเป็น ๙ คือ
๑. ดีกว่าเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขา (อติมานะ) --- มองตรงกับที่เป็นจริง พระอรหันต์จึงจะละได้
๒. ดีกว่าเขา ถือตัวว่าเสมอเขา (มานะ)
๓. ดีกว่าเขา ถือตัวว่าเลวกว่าเขา (โอมานะ)

๔. เสมอเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขา (อติมานะ)
๕. เสมอเขา ถือตัวว่าเสมอเขา (มานะ) --- มองตรงกับที่เป็นจริง พระอรหันต์จึงจะละได้
๖. เสมอเขา ถือตัวว่าเลวกว่าเขา (โอมานะ)

๗. เลวกว่าเขา ถือตัวว่าดีกว่าเขา (อติมานะ)
๘. เลวกว่าเขา ถือตัวว่าเสมอเขา (มานะ)
๙. เลวกว่าเขา ถือตัวว่าเลวกว่าเขา (โอมานะ) --- มองตรงกับที่เป็นจริง พระอรหันต์จึงจะละได้

ข้อ ๑, ๕, ๙ เป็นการมองตรงกับที่เป็นจริง แต่ก็ยังเป็นการถือตัว
เป็นกิเลสอย่างประณีต ซึ่งพระอรหันต์จึงจะละได้

ส่วนอีก ๖ ข้อ เป็นการถือตัวโดยมองไม่ตรงกับที่เป็นจริง
เป็นกิเลสที่หยาบกว่า ขั้นพระโสดาบันก็ละหมดแล้ว

ในภาษาไทย "มานะ" มีความหมายเพี้ยนไปเป็น ความพยายาม ความตั้งใจจริง ความพากเพียร
เช่น มีมานะอดทน มีมานะในการทำงาน

มานะเป็นกิเลสที่ไม่ร้อนแรง แต่ซึมลึก พระอรหันต์เท่านั้นจึงละได้เด็ดขาด

ที่มา
บาลีวันละคำ โดย นาวาเอกทองย้อย แสงสินชัย


อ้างอิง
มานะ ๙
              บรรดามานะเหล่านี้ คนดีกว่า มานะว่าเราดีกว่าเขา. คนเสมอเขา มานะว่าเราเสมอเขา และคนเลวกว่าเขา มานะว่าเราเลวกว่าเขา
ทั้ง ๓ ประเภทนี้ได้ชื่อว่าเป็นมานะอย่างเข้มข้น จะฆ่าเสียได้ด้วยอรหัตตมรรค. เป็นกิเลสอย่างละเอียด ทำลายด้วยอรหัตตมรรค
               ธรรมที่เหลือได้ชื่อว่าเป็นมานะอย่างไม่เป็นไปตามความจริง ฆ่าเสียได้ด้วยมรรคชั้นต้น.
http://www.84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=11&i=221&p=3


☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆ ☆☆ ☆ ☆


มานะคืออะไร ?
             ตอบว่า อาการถือตัว ความฟูขึ้นแห่งจิต การเชิดชูตนดุจธง การเชิดชูตนดุจการชูงวง
             ที่กล่าวด้วยคำต่างๆ นี้ เพื่อว่า บุคคลใดเห็นลักษณะของมานะด้วยคำใดก็ตาม ก็เป็นอันสำเร็จประโยชน์ในการแสดงความหมายของมานะ.

มานะไม่ดีอย่างไร
             ตอบว่า เพราะเป็นเหตุให้ยกตน ข่มผู้อื่น, ให้ตีเสมอ แข่งดี, ดูถูก ดูหมิ่น ดูแคลนตนเอง และอกุศลธรรมอื่นๆ ย่อมเจริญได้.

ธรรมะอะไรที่จะช่วยให้ลดมานะลงได้.
             ตอบว่า คำถามนี้ขอแยกตอบเป็นหลายกรณี ดังนี้ :-
             1. ครั้งหนึ่ง เมื่อเจ้าศากยะ พร้อมด้วยอุบาลี (ภูษามาลาหรือกัลบกหรือช่างตัดผม) เจ้าศากยะ รู้ตัวว่ามีมานะมาก
และเพื่อการทำลายมานะของตนเอง จึงขอให้อุบาลีได้บวชก่อน

             เนื้อความแสดงด้านล่างในเรื่องคน ๗ คน.

             2. ครั้งหนึ่ง พระโพธิสัตว์ในพระชาติหนึ่งได้ทรงบวชเป็นดาบส แต่เป็นผู้มากไปด้วยมานะ เพราะอาศัยชาติกำเนิด
จึงไม่อาจทำฌานให้เกิดขึ้น คือหมกหมุ่นในการถือตัวว่า เราเกิดมาดี เกิดมาในตระกูลสูง.
             แม้เมื่อได้โอกาสพบพระปัจเจกพุทธเจ้า ก็ไม่ได้กราบ ไม่ได้ทำสามีจิกรรมต่อพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น.
             เมื่อพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น เสด็จไปแล้ว จึงสลดใจว่า
             เพราะมานะนี้ ทำให้ไม่กระทำสามีจิกรรมต่อพระปัจเจกพุทธเจ้าพระองค์นั้น หากไม่ข่มไว้ มานะนี้เจริญขึ้นย่อมพาไปนรก ฯลฯ
             ดังนั้น การพิจารณาโทษของมานะบ่อยๆ เนืองๆ ย่อมลดมานะได้.

             เนื้อความแสดงเป็นลิงค์ด้านล่าง ในปัญจุโปสถิกชาดก.

             3. การน้อมใจไปพิจารณาซากศพโดยสภาพต่างๆ เช่นว่า
             ... สรีระเหมือนถูกทิ้งไว้ในป่าช้า ตายแล้วหนี่งวัน สองวัน ..
             ... สรีระเหมือนถูกทิ้งไว้ในป่าช้า ฝูงกา นกตะกรุม แร้ง สุนัข .. กัดกิน
             พิจารณาให้เห็นว่า ซากศพเหล่านั้นเป็นอย่างนั้น แม้กายของเรานี้ ก็จะเป็นอย่างนั้น ไม่พ้นความเป็นอย่างนั้นไปได้.

             เนื้อความแสดงเป็นลิงค์ด้านล่าง ในอุทายีสูตร.

             4. พิจารณาถึงความไม่เที่ยงในสังขาร ก็เป็นธรรมละมานะได้
             เช่น ถือตัวว่า มีปฏิภาณดี จึงยกตนข่มผู้อื่น เมื่อพิจารณาว่า
             ร่างกายนี้เป็นบ่อเกิดแห่งโรคบ้าง ความแก่ย่อมมาถึง เมื่อนั้นปฏิภาณที่เป็นเหตุให้ถือตัว ก็เสื่อมไปเพราะชราบ้าง
เกิดโรคภัยไข้เจ็บต่างๆ ก็ทำให้ปฏิภาณที่คิดว่าดี ว่าเลิศ เสื่อมไปได้

             ถือตัวว่า มีทรัพย์มาก  จึงยกตนข่มผู้อื่น เมื่อพิจารณาว่า
             ทรัพย์ทั้งหลายเหล่านั้น ย่อมสูญหายไปได้ ด้วยเหตุต่างๆ หรือแม้ทรัพย์ทั้งหลายยังดำรงอยู่ เจ้าของตายไปก่อนก็ได้.

             ถือตัวว่า มีสุตตะมาก  จึงยกตนข่มผู้อื่น เมื่อพิจารณาว่า
             สุตตะทั้งหลายเหล่านั้น เมื่ออกุศลวิตกครอบงำแล้ว ก็ไม่สามารถระลึกได้ ขาดการพิจาณาบ่อยๆ เนืองๆ สุตตะเหล่านั้นก็หลงลืมได้.

             พิจารณาถึงความไม่เที่ยงในสังขาร ก็เป็นธรรมละมานะได้ ตามนัยนี้

-------------------------------------------------------------------------------

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๗  พระวินัยปิฎก เล่มที่ ๗
             จุลวรรค ภาค ๒
             เรื่องคน ๗ คน
http://84000.org/tipitaka/read/v.php?B=7&A=3142&Z=3176    

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๗  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๙
             ขุททกนิกาย ชาดก ภาค ๑
             ปัญจุโปสถิกชาดก
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=27&A=7559&Z=7602
             ศึกษาอรรถกถาชาดกนี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=27&i=1951

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๒  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๔
             อังคุตตรนิกาย ปัญจก-ฉักกนิบาต
             อุทายีสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=22&A=7595&w=ย่อมเป็นไปเพื่อถอนอัสมิมานะ    
             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=22&i=300

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
             อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
             สัมโพธิสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=23&A=7460&w=อนิจจสัญญาเพื่อถอนอัสมิมานะ    
             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=23&i=205
------------------------------------------------------------------

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๕  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๒
             วิภังคปกรณ์
             [๑๐๒๒] มานะ ๙ เป็นไฉน
             มานะ ๙ คือ
                  ๑. ผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา
                  ๒. ผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา
                  ๓. ผู้เลิศกว่าเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา
                  ๔. ผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา
                  ๕. ผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา
                  ๖. ผู้เสมอเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา
                  ๗. ผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเลิศกว่าเขา
                  ๘. ผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเสมอเขา
                  ๙. ผู้เลวกว่าเขา สำคัญตนว่าเลวกว่าเขา
             เหล่านี้เรียกว่า มานะ ๙
http://84000.org/tipitaka/read/?35/1022/527

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๓  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๑๕
             อังคุตตรนิกาย สัตตก-อัฏฐก-นวกนิบาต
             โมคคัลลานสูตร
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=23&A=1873&w=ชูงวง_[ถือตัว]

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๓๔  พระอภิธรรมปิฎก เล่มที่ ๑
             ธรรมสังคณีปกรณ์
             กิเลสโคจฉกะ
             [๗๙๕] มานะ เป็นไฉน?
             การถือตัวว่า เราดีกว่าเขา เราเสมอกับเขา เราเลวกว่าเขา การถือตัว กิริยาที่ถือตัว
ความถือตัว มีลักษณะเช่นว่านี้ อันใด การยกตน การเทิดตน การเชิดชูตนดุจธง
การยกจิตขึ้น ความมีจิตต้องการเป็นดุจธง นี้เรียกว่า มานะ.
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/r.php?B=34&A=6904&w=มานะ_เป็นไฉน#795    

             พระไตรปิฎก เล่มที่ ๒๙  พระสุตตันตปิฎก เล่มที่ ๒๑
             ขุททกนิกาย มหานิทเทส
             อัตตทัณฑสุตตนิทเทสที่ ๑๕
             ว่าด้วยมานะลักษณะต่างๆ
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/v.php?B=29&A=9094&Z=10136              
             ศึกษาอรรถกถานี้ ได้ที่ :-
http://84000.org/tipitaka/attha/attha.php?b=29&i=788

             คำว่า มานะ
http://84000.org/tipitaka/dic/d_seek.php?text=มานะ

แนะนำ :-
             อ่านและค้นพระไตรปิฎก ๔๕ เล่ม
             อรรถกถาชาดกทั้งหมด ๕๔๗ เรื่อง
             พจนานุกรมพุทธศาสน์ ฉบับประมวลศัพท์
             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
http://84000.org/tipitaka/pitaka_item/

             พจนานุกรมพุทธศาสตร์ ฉบับประมวลธรรม
             สารบัญประเภทธรรม
http://84000.org/tipitaka/dic/d_type_index.php

             หมวดหนังสือธรรมะ
http://84000.org/tipitaka/book/
             เรื่อง ศีลเป็นอาภรณ์อันประเสริฐ
http://84000.org/tipitaka/book/bookpn02.html
             เรื่อง สิ่งที่เป็นมงคล (มงคล ๓๘)
http://84000.org/tipitaka/book/bookpn06.html
             เรื่อง ทานที่มีผลมาก มีอานิสงส์มาก
http://84000.org/tipitaka/book/bookpn01.html

จากคุณ : ฐานาฐานะ    - [ 21 พ.ค. 51 11:28:25 ] -

See more at: http://www.atriumtech.com/cgi-bin/hilightcgi?Home=/home/InterWeb2000&File=/home2/searchdata/Forums2/http/www.pantip.com/cafe/religious/topic/Y6626719/Y6626719.html#sthash.LMY7p31g.dpuf
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่