===รถยนต์ส่วนตัวประกันชั้น 1 กับ รถสำรองของศูนย์รถยนต์ไม่มีประกัน===

เหตุเกิดเมื่อ พ.ย. ปี57 คือผมได้นำรถยนต์มีประกันชั้น 1 เข้าซ่อมศูนย์รถยนต์แห่งหนึ่ง โดยศูนย์แจ้งขอเวลาซ่อมเป็นเวลา 1 อาทิตย์ เมื่อถึงกำหนดรับรถทางศูนย์แจ้งว่าทำสีไม่เท่ากันจึงขอเวลาเพิ่มอีก 4 วัน เมื่อไม่สามารถซ่อมเสร็จตามนัด ด้วยความจำเป็นต้องใช้รถผมจึงได้ร้องขอให้เขาส่งมอบรถยนต์สำรองไว้ใช้ระหว่างที่เขาขอวันซ่อมเพิ่มอีก 4 วัน ทางศูนย์ได้มีการให้ผมเซ็นข้อตกลงการยืมรถซึ่งผมยอมรับว่าประมาทและไม่ได้อ่านโดยละเอียด (รับทราบแต่ระยะเวลาที่ยืมเพิ่มอีก 4 วัน)

เมื่อครบกำหนดอีก 4 วัน ทางศูนย์ก็ยังคงไม่สามารถส่งรถให้ผมได้อีกโดยไม่มีการโทรแจ้ง ทำให้ ณ วันที่สี่ผมก็ยังคงต้องใช้รถสำรองอยู่ และด้วยความโชคร้าย ในคืนวันที่สี่ที่ยืมรถสำรองใช้มา ได้เกิดอุบัติเหตเฉี่ยวชนกับรถบัส ซึ่งความไปจบไปที่สถานีตำรวจครับ ฝ่ายรถบัสก็ยอมรับว่าจอดในที่ห้ามจอด จึงไม่ติดใจเอาความใดๆ และต่างคนต่างซ่อมรถตนเอง (ผิดร่วม) ผมเองผิดในฐานขับรถโดยใช้ความระมัดระวังไม่เพียงพอ

ปัญหาที่เกิดคือรถสำรองใช้นั้นไม่ได้ทำประกันภัย ทำให้ภาระค่าซ่อมต้องอยู่ระหว่างผมกับศูนย์รถยนต์ แต่ทางศูนย์รถยนต์ ต้องการให้ผมรับผิดชอบค่าซ่อมแต่เพียงผู้เดียว รถยนต์ดังกล่าวมีราคามือ 2 อยู่ราวๆ 3แสนบาทครับ ซึ่งเป็นรถไว้ทดลองขับที่ศูนย์ ความที่รถสำรองขับไม่ได้ทำประกันภัยนี้ ผมไม่ทราบเลย และไม่มีเขียนไว้ในข้อตกลงยืมรถ (ซึ่งหากทราบก่อน ผมย่อมไม่เสี่ยงที่จะยืมมาขับ)

ได้มีการเจรจราเรื่องค่าเสียหายกันมาตลอดระหว่างทางผมกับศูนย์รถยนต์ ผมยอมรับในความผิดตนในอุบัตเหตุและพร้อมจะรับผิดชอบตามสมควร แต่ อยากให้ศูนย์รถยนต์ร่วมรับผิดชอบในฐานะที่เป็นผู้ผลัดผ่อนซ่อมรถให้ผมไม่เสร็จตามนัด ก่อนหน้านี้ผมได้แจ้งให้ศูนย์ทราบแต่ก่อนจะนำรถส่งซ่อมแล้วว่ามีความจำเป็นต้องใช้รถ และให้เวลาหนึ่งอาทิตย์ซึ่งก็เยอะพอในการซ่อมแค่รอยขีดข่วน แต่ศูนย์ก็ไม่สามารถส่งมอบรถได้ตามสัญญา และทำให้ผมจำเป็นต้องยอมใช้รถสำรองซึ่งไม่ได้ทำประกันอุบัตเหตุ

ช่วงต้นปี 58 เป็นช่วงที่ผมเจรจากับศูนย์เพื่อที่จะชดใช้ค่าเสียหาย ผู้จัดการศูนย์ได้แจ้งในวันเกิดเหตุว่ารถทดลองขับดังกล่าวได้ตีมูลค่าไว้ 3 แสนบาท (ซึ่งทุกครั้งที่คุยกันเรื่องราคารถ ทางศูนย์จะเพิ่มราคารถคันนี้ขึ้นไปเรื่อยๆ) ผมแจ้งความจำนงที่จะชำระค่าซ่อมเป็นเงิน 1.5 แสนกับทางทนายฝั่งศูนย์รถยนต์ ทนายความฝั่งศูนย์รับว่าจะคุยกับทางศุนย์ แต่แล้วเขาก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเป็นเวลานาน หลังสุดติดต่อกันราวเดือน มีค 58 ผมเองก็เข้าใจว่าเขาคงยังอยู่ในช่วงปรึกษาพิจารณากันเป็นการภายใน จากนั้นทางศูนย์ก็ไม่ได้ติดต่อมาอีกเลย จนกระทั่งมีหมายศาลมาติดหน้าบ้านเมื่อต้นเดือน กย

ทั้งนี้ความโดยย่อจากหมายศาลคือทางศูนย์เรียกร้องให้ผมจ่ายค่าเสียหายเป็นเงินประมาณสี่แสนบาท และเรียกดอกเบี้ยอีกราวสองหมื่นบาท ให้เหตุผลว่าผมบ่ายเบี่ยง ซึ่งโดยสัตย์จริงแล้วผมไม่ได้คิดบ่ายเบี่ยงเลย ทั้งยังอยู่ในช่วงเจรจากับเขาโดยจริง ค่าเสียหายเขาคิดจากค่าอะไหล่แท้ศูนย์ ซึ่งจริงแล้วรถที่เกิดอุบัตเหตเป็นรถทดลองขับ ขายมือสอง น่าจะอยู่ที่ราคาตลาดราวสามแสน การเปลี่ยนอะไหล่ทุกชิ่นเป็นของใหม่หมดโดยที่รถอยู่ในสภาพมือ 2 แล้วคิดค่าใช้จ่ายกับผมเพียงผู้เดียว ผมมองว่าไม่ยุติธรรมเลย ผู้จัดการศูนย์เคยแจ้งไว้ว่ารถคันนี้ถูกตีราคาไว้ 3.5 แสน (เพิ่มเรื่อยๆทุกครั้งที่มีการคุยเรื่องราคา) แต่ค่าอะไหล่เป็นเงินสี่แสนบาท

สำนวนของหมายศาลไม่ได้การกล่าวถึงการพลาดกำหนดการซ่อมรถของกระผมเลย มีพูดถึงแต่ว่าผมไปทำการยืมมาอย่างเดียว ทางศูนย์ไม่ยอมรับผิดชอบใดๆทั้งสิ้น

ในแง่ของรายละเอียดอุบัติเหตุคือรถไปเฉี่ยวกับรถบัสในซอยค่อนข้างมืดราวสี่ทุ่มครับ รถบัสจอดโซนขาวแเดงและมีต้นไม้ปกคลุม ผมไม่ได้กลับบ้านทางนั้นบ่อยจึงไม่ชินทาง ขับมาด้วยความเร็วราว 50-60 จึงเบี่ยงไม่ทัน ผมบาดเจ็บถูกส่งเข้ารักษา รพ ส่วนทางเจ้าข้องรถบัสดำเนินการแจ้งความครับ ตำรวจเจ้าของคดีแจ้งข้อหารถบัสจอดรถในที่ห้ามจอด สำหรับทางกระผมตำรวจไม่ได้แจ้งข้อหาอะไร แต่ก็นำส่งฟ้องศาลโดยมีสำนวนว่าผมขับรถโดยไม่ได้ใช้ความระมัดระวังเพียงพอ แต่ก็ไม่ได้สรุปว่าผมเป็นฝ่ายผิด เจ้าของรถบัสเขาซ่อมรถเขาเองไปแล้ว และก็ไม่ได้ติดใจเอาความอะไรกับผม ตอนนี้จะเหลือแต่คดีระหว่างผมและศุนย์รถยนต์ครับ

อยากจะรบกวนขอคำปรึกษา อุบัตเหตุเกิดจากความไม่ตั้งใจ ซึ่งถ้าผมทราบว่ารถที่ใช้สำรองไม่มีประกันภัยก็อาจจะไม่ยืมมาแต่แรกแต่เนื่องด้วยความจำเป็น หากเป็นรถตัวเองก็จะมีประกันภัยรับผิดชอบ ไม่ทราบว่าในกรณีนี้สิ่งที่ทางศูนย์รถยนต์ส่งฟ้องศาลโดยให้ผมรับภาระทั้งหมด เป็นไปโดยชอบธรรมไหมครับ

ในแง่ผิดกับกรณีรถบัส ผมก็พอเข้าใจครับ แต่ในแง่ระหว่างผมกับศูนย์รถยนต์ ผมเองก็อยากให้เขาร่วมรับผิดชอบบ้าง อย่างน้อยเขาก็เลทงานซ่อม และยังเอารถไม่มีประกันภัยให้ผมใช้ แม้แต่การบาดเจ็บรักษาตัวจากอุบัตเหตุผมก็รับผิดชอบตัวเองทั้งหมด ทางศูนย์รถยนต์ไม่เคยเสนอความช่วยเหลือใดๆเลย

สรุป ขอถามเป็นข้อๆดังนี้

1. การที่ศูนย์รถยนต์ไม่ทำประกันอุบัตเหตุแก่รถทดลองขับเป็นเรื่องธรรมดา?

2. ในกรณีที่รถของเราเองมีประกันชั้น 1 แต่ต้องหยิบยืมรถสำรองใช้เนื่องจากศูนย์ไม่สามารถส่งรถซ่อมได้ตามตกลง หากเราไปสุดวิสัยเกิดอุบัตเหตุ ต้องรับผิดชอบตัวเองทั้งหมด หากเสียชีวิตก็ตายฟรี?

3. รถคันเกิดเหตุเสียหายส่วนมากในโซนด้านหน้า ไม่ได้พังยับทั้งคัน ทางศูนย์สามารถเปลี่ยนอะไหล่แท้มือ 1 ทั้งคันและเรียกร้องให้เรารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวได้ ทั้งที่โดยรวมแล้วรถไม่ได้อยู่ในสภาพมือ 1 (เป็นรถทดลองขับ) ศูนย์รู้ดีว่าราคาขายต่อทั้งคันถ้าหากไม่เกิดอุบัตเหตก็น่าจะราวๆ3แสนบาทเท่านั้น

4. การเจรจาเรื่องค่าเสียหายหากขาดช่วงไปโดยที่ศูนย์ก็ไม่ได้มีความพยายามจะติดต่อกับทางเรา เมื่อทิ้งช่วงไปแล้วมีการฟ้องศาล สามารถเรียกร้องดอกเบี้ยจากเราได้อีกทางด้วยหรือ?

เป็นการตั้งกระทู้ครั้งแรก ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยครับ ขอขอบคุณทุกความเห็นที่ให้ความรู้/คำปรึกษา
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 4
1. การที่ศูนย์รถยนต์ไม่ทำประกันอุบัตเหตุแก่รถทดลองขับเป็นเรื่องธรรมดา?
=> แล้วแต่ศูนย์

2. ในกรณีที่รถของเราเองมีประกันชั้น 1 แต่ต้องหยิบยืมรถสำรองใช้เนื่องจากศูนย์ไม่สามารถส่งรถซ่อมได้ตามตกลง หากเราไปสุดวิสัยเกิดอุบัตเหตุ ต้องรับผิดชอบตัวเองทั้งหมด หากเสียชีวิตก็ตายฟรี?
=> รถชน ถ้าเราไม่ใช่ฝ่ายผิด เราไม่ต้องรับผิดชอบอะไรเลย (รวมถึงพวกเหตุสุดวิสัยด้วย เราก็ไม่ต้องรับผิดชอบอะไร) ผู้รับผิดชอบคือคู่กรณีและคนที่มีชื่อเป็นเจ้าของรถ หากเสียชีวิตหรือบาดเจ็บ เรียกร้องได้ที่กองทุนผู้ประสบภัยฯ หรือเอากับคู่กรณี
แต่ถ้าตัวคุณเป็นฝ่ายผิดเสียเอง อันนี้คุณก็ต้องชดให้ให้เค้า

3. รถคันเกิดเหตุเสียหายส่วนมากในโซนด้านหน้า ไม่ได้พังยับทั้งคัน ทางศูนย์สามารถเปลี่ยนอะไหล่แท้มือ 1 ทั้งคันและเรียกร้องให้เรารับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวได้ ทั้งที่โดยรวมแล้วรถไม่ได้อยู่ในสภาพมือ 1 (เป็นรถทดลองขับ) ศูนย์รู้ดีว่าราคาขายต่อทั้งคันถ้าหากไม่เกิดอุบัตเหตก็น่าจะราวๆ3แสนบาทเท่านั้น
=> ต้องแยกชิ้นส่วนที่เสียหายและตีราคาค่าซ่อมแต่ละชิ้นไปครับ ชิ้นส่วนที่ใช้แล้วสึกหรอกได้ เรารับผิดชอบเพียง 50% ของราคาอะไหล่ใหม่ เว้นแต่จะเปลี่ยนเป็นอะไหล่มือสอง เราต้องรับผิดชอบเต็มราคา อันนี้เป็นหลักปกติในการตีราคาที่ประกันภัยใช้กันครับ
ส่วนเรื่องค่าเสียหายเกินราคารถ มันเรียกร้องเกินกว่านั้นไม่ได้อยู่แล้วครับ ยังไงสูงสุดคือไม่เกินราคารถครับ

4. การเจรจาเรื่องค่าเสียหายหากขาดช่วงไปโดยที่ศูนย์ก็ไม่ได้มีความพยายามจะติดต่อกับทางเรา เมื่อทิ้งช่วงไปแล้วมีการฟ้องศาล สามารถเรียกร้องดอกเบี้ยจากเราได้อีกทางด้วยหรือ?
=> เรียกได้หมดล่ะครับ แต่ศาลจะให้หรือเปล่า แนะนำให้สู้คดีในชั้นศาลครับ อย่าทิ้งคดี ถ้าสู้กันจริง รับรองว่าจ่ายน้อยกว่าที่เค้าเรียกมาเยอแน่นอนกครับ ส่วนพวกหลักฐานที่ว่าเค้าไม่ได้พยายามติดต่อเราเลยก็ไปเล่าให้ศาลฟังด้วย จะเป็นเหตุขอยกเว้นดอกเบี้ยได้


แนะนำ
1. เอารถไปตีราคาซ่อมที่อยู่อื่นๆ หลายๆที่ อย่างน้อยสัก 2 ที่ แล้วให้เค้าออกใบเสนอราคามา แล้วเจรจาตามราคานั้น ไม่ใช่ราคาที่ศูนย์เรียกมา
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่