ก่อนอื่นต้องขอออกตัวก่อนนะครับ ไม่ได้เป็นคนเชี่ยวชาญเรื่องฟุตบอล เพียงแต่ผมพยายามจะลากเรื่องฟุตบอลมาโยงกับการเมืองก็เท่านั้น ดังนั้นผมจึงไม่แท็กไปที่ห้องศุภฯให้หน้าแตก และนี่เป็นเพียงมุมมองของผมคนเดียว ผิดถูกประการใด ผมขอรับผิดชอบแต่เพียงผู้เดียวนะครับ
พอเอ่ยชื่อทีมฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แน่นอนครับ แฟนบอลยุคนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก และเมื่อเอ่ยถึงคุณเนวิน คอการเมืองก็น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเช่นกัน
เพราะคุณเนวินคนนี้ เคยกอดคอกับคุณอภิสิทธิ์ออกสื่อฯต่างๆอย่างลือลั่น จนเป็นที่มาของการฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร และคุณเนวินคนนี้ก็เป็นคนเดียวกับที่ติดสอยห้อยตามคุณทักษิณอย่างใกล้ชิดมาก่อน
แน่นอนครับ เรื่องความโปร่งใสนั้น อาจจะไม่ค่อยดีนัก แต่เรื่องบริหารจัดการนั้น ส่วนตัวคิดว่า คุณอภิสิทธิ์ไม่มีทางจะเทียบติดได้แม้กระผีกหนึ่ง
ดังนั้นเราจึงได้เห็นสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มาจากสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีอันดับในลีกไม่ค่อยดีนัก แต่พุ่งทะยานจนกลายเป็นทีมชั้นนำแห่งยุค ภายใต้การนำของคุณเนวิน เพียงไม่กี่ปี
เป็นการบริหารจัดการฟุตบอลอาชีพเข้ามาใช้กับบริษัท ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการธุรกิจ และพัฒนาทีมอย่างจริงจัง ดังนั้นทีมจึงประสบความสำเร็จ ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่ปี ซึ่งผมคิดว่า คุณเนวินคงได้อานิสงค์ด้านนี้มาบ้างจากความใกล้ชิดกับคุณทักษิณไม่มากก็น้อย
เหลียวกลับมามองการเมืองไทย เพราะวาทกรรมประเทศไทยไม่ใช่บริษัท จนทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียนักบริหารที่มีวิสัยทัศน์คนหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่การบริหารประเทศภายใต้อำนาจของประชาชนนั้น ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะให้ทำงานต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลงานของคนๆนั้น
แต่เพราะหลงเชื่อการบริหารแบบบริษัท ความต้องการยึดประเทศไทย จนทำให้ประเทศต้องเกิดความแตกแยก เพราะคนที่ศรัทธากับผลงานกับคนที่ถูกยุให้เกิดความเกลียดชัง จนทำให้ประเทศต้องติดกับดักของความขัดแย้ง จนทำให้หยุดการพัฒนา เกิดวิกฤติความศรัทธาไปเสียเกือบทุกมิติ
คราวนี้มาถึงเรื่องฟุตบอลไทย ที่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผลงานที่ตกต่ำ จนทำให้แฟนบอลขาดความศรัทธา จนทำให้ผมแทบขาดความสนใจในทุกเกมการแข่งขันของทีมชาติไทย จนกระทั่งคุณซิโก้ได้รับโอกาสเข้ามาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย
ภายใต้การคุมทีมของคุณซิโก้ ใช้ระยะเวลาแค่ 2 ปี สามารถสร้างผลงานให้กับทีมชาติไทยมากมาย สร้างความศรัทธาให้กับแฟนบอลอย่างล้มหลาม และทำให้แฟนบอลมีความหวังกับการพัฒนาสู่ความเป็นหนึ่งในเอเชียในอนาคตของทีมชาติไทย
การที่คุณซิโก้สามารถนำทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ คงจะเป็นเพราะคุณซิโก้สามารถก้าวพ้นกับดักแห่งการอุปถัมภ์ ไม่มีนายสั่งมา ไม่มีการขออนุเคราะห์ แต่เป็นการคัดเลือกจัดสรรตัวผู้เล่นโดยอิสระ จนทำให้ทีมชาติไทยประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น
เหลียวกลับมามองประเทศไทย ทั้งๆที่เราเคยมีนายกฯที่เก่งกาจ สามารถบริหารประเทศไปสู่ความเจริญอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแทบจะยืนอยู่แถวหน้าของเอเชียอยู่รอมร่อ จนกระทั่งประชาชนให้ความนิยมอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์
แต่เพราะความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพราะความนิยมมากเกินไป กลับทำให้ประเทศต้องเกิดความแตกแยก จากการแช่งชิงอำนาจ ทั้งๆที่เรามีกฎ ทั้งๆที่เรามีกติกา ทั้งๆที่เรามีประชาธิปไตย แต่กลับต้องพ่ายแพ้กับเครือข่ายอำนาจเก่าครั้งแล้วครั้งเล่า
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับวาทกรรม
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับความเชื่อ
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับระบบอุปถัมภ์
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมหัวเก่า
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก
และยิ่งน่าเสียดายนักที่ผลแห่งความเกลียดชัง จนทำให้คนบางกลุ่มยินดีที่จะมอบสิทธิของตัวเองให้คนกลุ่มหนึ่งจัดการ แล้วทำให้ประเทศต้องมาถึงจุดนี้อย่างไม่น่าจะเป็น ช่างน่าเสียดายนัก
ฟุตบอลกับการเมือง----------------ทวดเอง
พอเอ่ยชื่อทีมฟุตบอล บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด แน่นอนครับ แฟนบอลยุคนี้ไม่มีใครไม่รู้จัก และเมื่อเอ่ยถึงคุณเนวิน คอการเมืองก็น้อยคนนักที่จะไม่รู้จักเช่นกัน
เพราะคุณเนวินคนนี้ เคยกอดคอกับคุณอภิสิทธิ์ออกสื่อฯต่างๆอย่างลือลั่น จนเป็นที่มาของการฟอร์มรัฐบาลในค่ายทหาร และคุณเนวินคนนี้ก็เป็นคนเดียวกับที่ติดสอยห้อยตามคุณทักษิณอย่างใกล้ชิดมาก่อน
แน่นอนครับ เรื่องความโปร่งใสนั้น อาจจะไม่ค่อยดีนัก แต่เรื่องบริหารจัดการนั้น ส่วนตัวคิดว่า คุณอภิสิทธิ์ไม่มีทางจะเทียบติดได้แม้กระผีกหนึ่ง
ดังนั้นเราจึงได้เห็นสโมสรบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ที่มาจากสโมสรการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคที่มีอันดับในลีกไม่ค่อยดีนัก แต่พุ่งทะยานจนกลายเป็นทีมชั้นนำแห่งยุค ภายใต้การนำของคุณเนวิน เพียงไม่กี่ปี
เป็นการบริหารจัดการฟุตบอลอาชีพเข้ามาใช้กับบริษัท ปรับปรุงระบบการบริหารจัดการธุรกิจ และพัฒนาทีมอย่างจริงจัง ดังนั้นทีมจึงประสบความสำเร็จ ได้รับความนิยมสูงสุดอย่างรวดเร็วเพียงไม่กี่ปี ซึ่งผมคิดว่า คุณเนวินคงได้อานิสงค์ด้านนี้มาบ้างจากความใกล้ชิดกับคุณทักษิณไม่มากก็น้อย
เหลียวกลับมามองการเมืองไทย เพราะวาทกรรมประเทศไทยไม่ใช่บริษัท จนทำให้ประเทศไทยต้องสูญเสียนักบริหารที่มีวิสัยทัศน์คนหนึ่งไปอย่างน่าเสียดาย ทั้งๆที่การบริหารประเทศภายใต้อำนาจของประชาชนนั้น ประชาชนมีสิทธิ์ที่จะให้ทำงานต่อหรือไม่ ขึ้นอยู่กับผลงานของคนๆนั้น
แต่เพราะหลงเชื่อการบริหารแบบบริษัท ความต้องการยึดประเทศไทย จนทำให้ประเทศต้องเกิดความแตกแยก เพราะคนที่ศรัทธากับผลงานกับคนที่ถูกยุให้เกิดความเกลียดชัง จนทำให้ประเทศต้องติดกับดักของความขัดแย้ง จนทำให้หยุดการพัฒนา เกิดวิกฤติความศรัทธาไปเสียเกือบทุกมิติ
คราวนี้มาถึงเรื่องฟุตบอลไทย ที่ช่วงหลายปีที่ผ่านมา มีผลงานที่ตกต่ำ จนทำให้แฟนบอลขาดความศรัทธา จนทำให้ผมแทบขาดความสนใจในทุกเกมการแข่งขันของทีมชาติไทย จนกระทั่งคุณซิโก้ได้รับโอกาสเข้ามาเป็นหัวหน้าผู้ฝึกสอนฟุตบอลทีมชาติไทย
ภายใต้การคุมทีมของคุณซิโก้ ใช้ระยะเวลาแค่ 2 ปี สามารถสร้างผลงานให้กับทีมชาติไทยมากมาย สร้างความศรัทธาให้กับแฟนบอลอย่างล้มหลาม และทำให้แฟนบอลมีความหวังกับการพัฒนาสู่ความเป็นหนึ่งในเอเชียในอนาคตของทีมชาติไทย
การที่คุณซิโก้สามารถนำทีมชาติไทยประสบความสำเร็จ คงจะเป็นเพราะคุณซิโก้สามารถก้าวพ้นกับดักแห่งการอุปถัมภ์ ไม่มีนายสั่งมา ไม่มีการขออนุเคราะห์ แต่เป็นการคัดเลือกจัดสรรตัวผู้เล่นโดยอิสระ จนทำให้ทีมชาติไทยประสบความสำเร็จอย่างที่เห็น
เหลียวกลับมามองประเทศไทย ทั้งๆที่เราเคยมีนายกฯที่เก่งกาจ สามารถบริหารประเทศไปสู่ความเจริญอย่างรวดเร็ว จนกระทั่งแทบจะยืนอยู่แถวหน้าของเอเชียอยู่รอมร่อ จนกระทั่งประชาชนให้ความนิยมอย่างมากมายเป็นประวัติการณ์
แต่เพราะความสำเร็จอย่างรวดเร็ว เพราะความนิยมมากเกินไป กลับทำให้ประเทศต้องเกิดความแตกแยก จากการแช่งชิงอำนาจ ทั้งๆที่เรามีกฎ ทั้งๆที่เรามีกติกา ทั้งๆที่เรามีประชาธิปไตย แต่กลับต้องพ่ายแพ้กับเครือข่ายอำนาจเก่าครั้งแล้วครั้งเล่า
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับวาทกรรม
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับความเชื่อ
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับระบบอุปถัมภ์
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับกลุ่มอนุรักษ์นิยมหัวเก่า
น่าเสียดายที่ประเทศต้องมาพ่ายแพ้กับการยุยง ปลุกปั่นให้เกิดความแตกแยก
และยิ่งน่าเสียดายนักที่ผลแห่งความเกลียดชัง จนทำให้คนบางกลุ่มยินดีที่จะมอบสิทธิของตัวเองให้คนกลุ่มหนึ่งจัดการ แล้วทำให้ประเทศต้องมาถึงจุดนี้อย่างไม่น่าจะเป็น ช่างน่าเสียดายนัก