การเมืองคืออะไร คำนี้เป็นสิ่งที่ผมคิดมาตลอด อ่านตามตำรา ในเน็ต ก็เจอแต่ศัพท์วิชาการ เข้าใจยาก วันนี้ผมเลยลองเรียบเรียงเชียน นิยามของ “การเมือง” ในแบบบ้านๆ เข้าใจง่ายๆดู
การเมือง จะเกี่ยวข้องกับเรา เมื่อมีคนตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป เพราะ ถ้ามีคนเดียว ก็ไม่ต้องมีการเมือง ทุกอย่างคุณทำเองหมด หาอาหาร ล่าสัตว์ ปลูกข้าว ล้างจาน สร้างบ้าน ทำความสะอาด ซักผ้า
เมื่อมีกัน 2 คน ก็จะมีความคิดเห็นเกิดขึ้น ทาบ้านสีอะไรดี ใครจะทิ้งขยะ ใครจะทำความสะอาด วันนี้กินไรดี ใครจะซักผ้า ใครจะหุงข้าว
ซึ่งความคิดเห็นก็ไม่เสมอไปที่จะเห็นไปในแนวทางเดียว จะมีความเห็นที่ต่างกันไป ไม่ตรงกัน นั่นคือ “ความขัดแย้ง” ตรงนี้ล่ะที่ การเมือง จะเข้ามาเกี่ยว เพราะ นิยามหนึ่งของการเมือง คือ “การจัดการความขัดแย้ง”
แล้วจะจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นยังไงล่ะ ถ้าเป็นสัตว์ก็ใช้กำลังให้อีกฝ่ายยอมศิโรราบ
แต่เราเป็นมนุษย์ซึ่งมีอารยะก็ใช้วิธีการเจรจาหาทางออกร่วมกัน
คราวนี้มาสเกลใหญ่หน่อย หมู่บ้าน มี 100 คน ความขัดแย้งก็จะมากขึ้นละ เช่น จะทำทางเข้าหมู่บ้านยังไงดี ลาดยาง เทคอนกรีต จะเดินไฟฟ้าในหมู่บ้านยังไงดี จะฝังดิน หรือ เดินลอย ทิ้งขยะที่ไหน ใครจะเป็นคนเรียกรถเก็บขยะ ใครจะดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้าน
ซึ่งบางเรื่องก็สามารถจัดการได้เอง แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องใช้เงินจัดการ เพราะ สาธารณูปโภคในหมู่บ้าน เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนน จะต้องใช้เงินในการก่อสร้าง และ ของเหล่านี้ใช้ร่วมกันในหมู่บ้าน แล้วเงินนี้จะเอามาจากไหนล่ะ ก็มาจากการเรี่ยไรจากคนในหมุ่บ้าน เพราะ คงไม่มีใครหน้าใหญ่พอ ที่จะออกค่าใช้จ่ายพวกนี้คนเดียว
เงินที่เรี่ยไรจากทุกคนในหมู่บ้าน ก็คือ “ภาษี” ที่เอาไปใช้เป็น “งบประมาณ” ในการจัดการด้านต่างๆ ของหมู่บ้าน ตั้งแต่สาธารูปโภค ไฟฟ้า ประปา ถนน การจัดการขยะ การจ้าง รปภ ติดตั้ง CCTV สร้างห้องสมุด.....
แล้วใครจะเป็นคนจัดการ “งบประมาณ” หรือเงินกองกลางตัวนี้ล่ะ ตรงนี้ก็จะมีการเมืองมาเกี่ยวข้อง
ถ้าเป็น เผด็จการ ก็มีมาเฟีย กลุ่มนึง มาจัดการทุกอย่างเอง คนอื่นที่เหลืออย่าแส่ ห้ามถาม ห้ามแย้ง ใครแย้งยิงทิ้ง ซึ่งระบบนี้ก็จัดการได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่ระบบที่ดี เพราะ มาเฟีย คนนั้น ก็จะเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่ไม่สนใจใครในหมู่บ้าน ทำสาธารณูปโภค ก็ตามมีตามเกิด ใครขัดดี๋ยวปั๊ดยิงทิ้ง ซึ่งพอก่อตัวมากเข้า ชาวบ้านก็จะรวมตัวล้มมาเฟียคนนั้นในที่สุด
ซึ่งระบบการจัดการต่อมาก็คือ ระบบ “ประชาธิปไตย” ก็คือ คนในหมู่บ้านทุกคนมาประชุมจัดการ และ โหวตหาข้อยุติในเรื่องต่างๆ โดยอิงเสียงส่วนใหญ่
เดี๋ยวมาต่อครับ
การเมืองคืออะไร
การเมือง จะเกี่ยวข้องกับเรา เมื่อมีคนตั้งแต่ 2 คน ขึ้นไป เพราะ ถ้ามีคนเดียว ก็ไม่ต้องมีการเมือง ทุกอย่างคุณทำเองหมด หาอาหาร ล่าสัตว์ ปลูกข้าว ล้างจาน สร้างบ้าน ทำความสะอาด ซักผ้า
เมื่อมีกัน 2 คน ก็จะมีความคิดเห็นเกิดขึ้น ทาบ้านสีอะไรดี ใครจะทิ้งขยะ ใครจะทำความสะอาด วันนี้กินไรดี ใครจะซักผ้า ใครจะหุงข้าว
ซึ่งความคิดเห็นก็ไม่เสมอไปที่จะเห็นไปในแนวทางเดียว จะมีความเห็นที่ต่างกันไป ไม่ตรงกัน นั่นคือ “ความขัดแย้ง” ตรงนี้ล่ะที่ การเมือง จะเข้ามาเกี่ยว เพราะ นิยามหนึ่งของการเมือง คือ “การจัดการความขัดแย้ง”
แล้วจะจัดการความขัดแย้งที่เกิดขึ้นยังไงล่ะ ถ้าเป็นสัตว์ก็ใช้กำลังให้อีกฝ่ายยอมศิโรราบ
แต่เราเป็นมนุษย์ซึ่งมีอารยะก็ใช้วิธีการเจรจาหาทางออกร่วมกัน
คราวนี้มาสเกลใหญ่หน่อย หมู่บ้าน มี 100 คน ความขัดแย้งก็จะมากขึ้นละ เช่น จะทำทางเข้าหมู่บ้านยังไงดี ลาดยาง เทคอนกรีต จะเดินไฟฟ้าในหมู่บ้านยังไงดี จะฝังดิน หรือ เดินลอย ทิ้งขยะที่ไหน ใครจะเป็นคนเรียกรถเก็บขยะ ใครจะดูแลความปลอดภัยในหมู่บ้าน
ซึ่งบางเรื่องก็สามารถจัดการได้เอง แต่ก็มีบางเรื่องที่ต้องใช้เงินจัดการ เพราะ สาธารณูปโภคในหมู่บ้าน เช่น ไฟฟ้า ประปา ถนน จะต้องใช้เงินในการก่อสร้าง และ ของเหล่านี้ใช้ร่วมกันในหมู่บ้าน แล้วเงินนี้จะเอามาจากไหนล่ะ ก็มาจากการเรี่ยไรจากคนในหมุ่บ้าน เพราะ คงไม่มีใครหน้าใหญ่พอ ที่จะออกค่าใช้จ่ายพวกนี้คนเดียว
เงินที่เรี่ยไรจากทุกคนในหมู่บ้าน ก็คือ “ภาษี” ที่เอาไปใช้เป็น “งบประมาณ” ในการจัดการด้านต่างๆ ของหมู่บ้าน ตั้งแต่สาธารูปโภค ไฟฟ้า ประปา ถนน การจัดการขยะ การจ้าง รปภ ติดตั้ง CCTV สร้างห้องสมุด.....
แล้วใครจะเป็นคนจัดการ “งบประมาณ” หรือเงินกองกลางตัวนี้ล่ะ ตรงนี้ก็จะมีการเมืองมาเกี่ยวข้อง
ถ้าเป็น เผด็จการ ก็มีมาเฟีย กลุ่มนึง มาจัดการทุกอย่างเอง คนอื่นที่เหลืออย่าแส่ ห้ามถาม ห้ามแย้ง ใครแย้งยิงทิ้ง ซึ่งระบบนี้ก็จัดการได้ดีในระดับหนึ่ง แต่ไม่ใช่ระบบที่ดี เพราะ มาเฟีย คนนั้น ก็จะเอาผลประโยชน์ตัวเองเป็นใหญ่ไม่สนใจใครในหมู่บ้าน ทำสาธารณูปโภค ก็ตามมีตามเกิด ใครขัดดี๋ยวปั๊ดยิงทิ้ง ซึ่งพอก่อตัวมากเข้า ชาวบ้านก็จะรวมตัวล้มมาเฟียคนนั้นในที่สุด
ซึ่งระบบการจัดการต่อมาก็คือ ระบบ “ประชาธิปไตย” ก็คือ คนในหมู่บ้านทุกคนมาประชุมจัดการ และ โหวตหาข้อยุติในเรื่องต่างๆ โดยอิงเสียงส่วนใหญ่
เดี๋ยวมาต่อครับ