ทุกเดือน จขกท.จะเดินทางมาหาแฟนเดือนละสองครั้ง
เกือบทุกครั้ง เราจะไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วยกันเสมอ
แฟน จขกท.เป็นคนกำแพงเพชร
ซึ่ง..กำแพงเพชรห่างจากเพชรบูรณ์ด้วยการเดินทางเพียงแค่สามชั่วโมง
และหมอกหน้าฝนเนี่ยแหละ.. สวยที่สุดเลย
รออะไรล่ะคะ ไปเลยซี่ อย่าไปรอออ !!
หยิบกล้องมือถือแล้วออกไปเลยย -_____-" (ไม่มีกล้องจ๋วยๆนะ ตามมีตามเกิด)
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดถูกยังไงช่วยแนะนำด้วยนะคะ ;)
ออกเดินทางเช้าวันเสาร์ที่ 5 กันยายน
การเดินทางไปภูทับเบิก เราใช้เส้นทางพิษณุโลก อ.นครไทย
ผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เพราะเส้นทางไม่ชันมาก
ขากลับเราจะกลับทางเขาค้อ การเดินทางของเราจะได้เป็นวงกลม
ถนนหนทางดีมากเลย รถก็ไม่มี
แต่ท้องฟ้าสดใสมากนะ =___= เป็นสัญญาณที่ไม่ดี
ถึงอุทยานแห่งชาติ เสียค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท + รถยนต์ 30 บาท = 110 บาท
(วันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ลด 50% นะเอิ้ววว)
เส้นทางนี้มีจุดแวะหลายที่ ตรงนี้ก็มีลานหินแตก แต่ก็นั่นล่ะค่ะ.. เราไม่แวะ 555555
แช๊ะ แฟน จขกท. เอง
อากาศดีมาก
แต่จู่ๆ ก็ครึ้มซะงั้น
ยิ่งสูงหมอกยิ่งหนา
หนาซะจนรู้สึกว่าขึ้นไปแล้วจะเห็นอะไรมั้ยเนี่ย -_-!
ประมาณบ่ายโมงเราก็ถึงจุดชมวิวแรกก่อนแยกเข้าไปในภูทับเบิก
ฝนกำลังมา..และเรามากันแบบเสี่ยงดวง ไม่ได้จองที่พัก
เพราะตั้งใจว่าจะมากางเต็นท์! แต่ดูจากสภาพอากาศแล้ว เราสองคนคงไม่น่ารอด
งั้นรีบไปหาที่พักดีกว่า เพราะที่เราคิดว่าไม่มีใคร
จริงๆแล้วนักท่องเที่ยวเยอะเอาเรื่องเลยล่ะค่ะ
แวะมาดูซักหน่อย เพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่า จะไม่นอนเต็นท์แน่ๆ 55555
อากาศเย็นสบายมากก แต่ งื้ออออ.. มองไม่ค่อยเห็นอะไรเลย
มองหาที่ว่าง อยากจะกางเต็นท์ล่ะซี่
แลนด์มาร์คของที่นี่ค่ะ หอวัดอุณหภูมิ
อ้าว อ้าว เดินไปไหนอ่ะ
มาเดินซื้อของฝากเหรอ ?
เปล่าหรอก นางหิว ไม่ไหว 5555 เพราะขณะนี้บ่ายสามโมงแล้ว
ได้ข้าวโพดปิ้งมา ที่นี่เค้าปิ้งทั้งเปลือก หวานธรรมชาติเลยค่ะ
แล้วก็เดินกลับขึ้นมาจุดชมวิวด้านบน มากินข้าวโพดร้อนๆ อากาศเย็นๆ ฟินน! แต่อย่าเพิ่งกินหมดนะ
มาดูไร่กระหล่ำปลี ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นผักกาด
แล้วหยิบข้าวโพดที่เก็บไว้มาแทะตรงนี้ต่อ ฟินมันทุกวิว 55555
หันหลังกลับ วิ่งข้ามถนนมาฟินกับวิวอีกฟาก
หมอกก็ข้ามถนนด้วยเหมือนกัน ถึงเวลาหาที่พักได้แล้ว ก่อนที่จะได้กางเต็นท์จริงๆ
เราได้ที่พักที่ไร่สุวิทย์ค่ะ ได้บ้านแบบแคปซูล คืนละ 800 บาท
ห้องน้ำส่วนตัว เครื่องทำน้ำอุ่น ระบบแก๊ส มีแค่ที่นอน ไม่มีทีวี ไม่มีพัดลม
ข้างในไม่ได้ถ่ายมาค่ะเพราะวางของเละเทะหมดแล้ว =_="
ขับรถวนไปวนมาซักพักเลยกว่าจะได้ เพราะที่พักส่วนใหญ่ที่วิวดีๆเต็มหมดแล้ว
เราไม่จองมาตั้งแต่แรกเพราะคิดว่าคนน่าจะน้อย แล้วเราก็สามารถเลือกวิวได้
แต่จริงๆไม่เลย ใครจะมาจองล่วงหน้ามาได้ก็ดีนะคะ
ไม่ธรรมดานะ..
ที่จอดรถอยู่ด้านหน้าห้องพักเลยค่ะ ข้างล่างเป็นไร่ผักกาด
จากในห้องพัก จขกท. พักห้องที่ 6 ค่ะ
เก็บของเสร็จเรียบร้อยก็เดินมาหน้าห้องพัก ไร่ผักกาดดด
ดูอย่างเดียวได้ยังไง ต้องลงไปด้วย
แต่ตอนขึ้น นางขึ้นเองไม่ได้ 555555
ประมาณหกโมงเย็น วิวจากด้านหน้าห้องพัก
พระอาทิตย์ตกผ่านภูเขาอีกด้านกระทบกับแผ่นดินข้างล่างทำให้เกิดแสงสีแปลกๆ สวยดีค่ะ
มื้อเย็นเราฝากท้องไว้ที่ห้องอาหารของไร่สุวิทย์ วันนั้นคนเยอะหน่อย รอนานนิดนึง
ร้านอาหารวิวดีมากค่ะ แต่เราไม่ได้นั่งตรงโซนนั้น ตอนนี้นั่งตรงไหนก็ได้ หิวหน้ามืดตาลายหมดแล้ว
เราสั่งอาหารมาสองอย่าง อย่างแรกก็ต้องอาหารยอดฮิตคือกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา
หน้าตานี่ดูไม่จืดเลย แต่.........อร่อยม้ากกก สมราคา 80 บาท ไม่เสียดายเลย
กับแฟน จขกท. รักกันมากแค่ไหนก็เอาไว้ก่อน แย่งกันตัก 55555
กล้องมือถือเริ่มไปต่อไม่ไหวแล้ว แสงไม่มี
อาหารอย่างที่สอง ขาหมูยูนนาน จานเล็ก 150 บาท
อร่อยมากกกกกก มาที่นี่ขอแนะนำเลยนะคะ
จขกท. เคยทานเมนูนี้ที่ร้านขึ้นชื่อของ จ.เชียงรายหนึ่งครั้ง ที่บ้านรักไทย จ.แม่ฮ่องสอนหนึ่งครั้ง
บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าของลุงสุวิทย์อร่อยกว่าสองเจ้านั้นมาก
ถึงขั้นที่กลับมาคุยกับแฟนว่า เราต้องซื้อกลับแล้วล่ะ อร่อยจริง 555555 ต้องลองค่ะ ต้องลอง
แล้วยามค่ำคืนก็เข้ามาถึง ดาวบนดินสวยงามตามคำร่ำลือ
แต่ถ่ายมาให้ดูไม่ได้ค่ะ เกินความสามารถของกล้อง 5555
พอประมาณสองทุ่มก็ได้ยินเสียงลมพัดผ่านภูเขาหวือๆน่าขนลุกแปลกๆ
แฟน จขกท. ถึงขั้นเอามือถือมาอัดเสียงไว้ บอกมันแปลกดี 5555
แล้วฝนก็ตกหนักบ้าง เบาบ้าง เกือบทั้งคืน
แอบใจเสียเล็กๆว่าถ้าตกแบบนี้จนเช้านี่จบเลยนะ ทะเลหมอกชั้น
แล้วด้วยอากาศที่เย็นมากๆ บวกกับเสียงลมเสียงฝน ทำเอาเรานอนหลับๆตื่นๆทั้งคืน
และทุกครั้งที่ตื่นเราก็จะชะโงกหน้ามาดูที่หน้าต่างว่า มีหมอกมั้ยว้าา
ครั้งสุดท้ายที่ลุกขึ้นมาคือตีสี่ ..มองออกมาที่นอกหน้าต่าง เห็นดาวบนดินชัดแจ๋ววว
หมอก เหมิก ไรกัน จบบบบ..
06:00 .. เสียงลุงข้างห้องคุยกันดังมาก ทำไมไม่เกรงใจกันบ้างเลยน้าาา..
เราลืมตาตื่นมาพร้อมแฟน มองหน้ากันไม่ถึงสองวิ รีบลุกมาดูที่หน้าต่าง..
เห็นภาพนี้วินาทีแรก ดีใจ กระโดดโลดเต้นชักดิ้นชักงอกันสองคนอยู่ในห้อง
แล้วรีบคว้ามือถือออกมา..
ต้องขอบคุณคุณลุงห้องข้างๆนะคะ ที่ปลุกเรา... 55555 นิสัยเสียนะเนี่ย
จากหน้าห้อง..
ไม่ต้องขึ้นไปถึงจุดชมวิวเลย...
ในห้อง
ในห้องแบบจริงจัง
ที่จุดชมวิวค่ะ
ลงมาจากภูแล้วน้า นี่คือทางเข้าสู่เขาค้อ หมอกลอยต่ำมาก
ชี้อะไรคุณ เห็นเพื่อนเจี๊ยกๆหราา
จริงๆแล้วที่เธอชี้คือหมอกลอยอยู่เสมอกับจุดที่เรายืนเลยค่ะ สดชื่นมากก
แลนด์มาร์คอีกที่ของเขาค้อ (แลนด์มาร์คเยอะเหลือเกิน)
ไปก่อนน้าาา บ๊ายบาย..
แถมก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเรนโบว์มราพิษณุโลกให้หนึ่งชามค่ะ
สุดท้ายแล้ว กับความรู้สึกที่ได้รับมันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันล้นๆ
เอาเป็นว่า กลับบ้านมาแล้วรู้สึกแปลกๆ ไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ 555555
Ps. HAPPY ANNIVERSARY นะคะ.. ^^
[CR] เมื่อถึงฤดูแห่งการล่าทะเลหมอก.. คิดอะไรไม่ออกก็ต้อง "ภูทับเบิก"
ทุกเดือน จขกท.จะเดินทางมาหาแฟนเดือนละสองครั้ง
เกือบทุกครั้ง เราจะไปตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆด้วยกันเสมอ
แฟน จขกท.เป็นคนกำแพงเพชร
ซึ่ง..กำแพงเพชรห่างจากเพชรบูรณ์ด้วยการเดินทางเพียงแค่สามชั่วโมง
และหมอกหน้าฝนเนี่ยแหละ.. สวยที่สุดเลย
รออะไรล่ะคะ ไปเลยซี่ อย่าไปรอออ !!
หยิบกล้องมือถือแล้วออกไปเลยย -_____-" (ไม่มีกล้องจ๋วยๆนะ ตามมีตามเกิด)
กระทู้นี้เป็นกระทู้แรก ผิดถูกยังไงช่วยแนะนำด้วยนะคะ ;)
ออกเดินทางเช้าวันเสาร์ที่ 5 กันยายน
การเดินทางไปภูทับเบิก เราใช้เส้นทางพิษณุโลก อ.นครไทย
ผ่านเข้าอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เพราะเส้นทางไม่ชันมาก
ขากลับเราจะกลับทางเขาค้อ การเดินทางของเราจะได้เป็นวงกลม
ถนนหนทางดีมากเลย รถก็ไม่มี
แต่ท้องฟ้าสดใสมากนะ =___= เป็นสัญญาณที่ไม่ดี
ถึงอุทยานแห่งชาติ เสียค่าเข้าอุทยาน คนละ 40 บาท + รถยนต์ 30 บาท = 110 บาท
(วันธรรมดาที่ไม่ใช่วันหยุดนักขัตฤกษ์ลด 50% นะเอิ้ววว)
เส้นทางนี้มีจุดแวะหลายที่ ตรงนี้ก็มีลานหินแตก แต่ก็นั่นล่ะค่ะ.. เราไม่แวะ 555555
แช๊ะ แฟน จขกท. เอง
อากาศดีมาก
แต่จู่ๆ ก็ครึ้มซะงั้น
ยิ่งสูงหมอกยิ่งหนา
หนาซะจนรู้สึกว่าขึ้นไปแล้วจะเห็นอะไรมั้ยเนี่ย -_-!
ประมาณบ่ายโมงเราก็ถึงจุดชมวิวแรกก่อนแยกเข้าไปในภูทับเบิก
ฝนกำลังมา..และเรามากันแบบเสี่ยงดวง ไม่ได้จองที่พัก
เพราะตั้งใจว่าจะมากางเต็นท์! แต่ดูจากสภาพอากาศแล้ว เราสองคนคงไม่น่ารอด
งั้นรีบไปหาที่พักดีกว่า เพราะที่เราคิดว่าไม่มีใคร
จริงๆแล้วนักท่องเที่ยวเยอะเอาเรื่องเลยล่ะค่ะ
แวะมาดูซักหน่อย เพื่อตอกย้ำความมั่นใจว่า จะไม่นอนเต็นท์แน่ๆ 55555
อากาศเย็นสบายมากก แต่ งื้ออออ.. มองไม่ค่อยเห็นอะไรเลย
มองหาที่ว่าง อยากจะกางเต็นท์ล่ะซี่
แลนด์มาร์คของที่นี่ค่ะ หอวัดอุณหภูมิ
อ้าว อ้าว เดินไปไหนอ่ะ
มาเดินซื้อของฝากเหรอ ?
เปล่าหรอก นางหิว ไม่ไหว 5555 เพราะขณะนี้บ่ายสามโมงแล้ว
ได้ข้าวโพดปิ้งมา ที่นี่เค้าปิ้งทั้งเปลือก หวานธรรมชาติเลยค่ะ
แล้วก็เดินกลับขึ้นมาจุดชมวิวด้านบน มากินข้าวโพดร้อนๆ อากาศเย็นๆ ฟินน! แต่อย่าเพิ่งกินหมดนะ
มาดูไร่กระหล่ำปลี ซึ่งตอนนี้ส่วนใหญ่เป็นผักกาด
แล้วหยิบข้าวโพดที่เก็บไว้มาแทะตรงนี้ต่อ ฟินมันทุกวิว 55555
หันหลังกลับ วิ่งข้ามถนนมาฟินกับวิวอีกฟาก
หมอกก็ข้ามถนนด้วยเหมือนกัน ถึงเวลาหาที่พักได้แล้ว ก่อนที่จะได้กางเต็นท์จริงๆ
เราได้ที่พักที่ไร่สุวิทย์ค่ะ ได้บ้านแบบแคปซูล คืนละ 800 บาท
ห้องน้ำส่วนตัว เครื่องทำน้ำอุ่น ระบบแก๊ส มีแค่ที่นอน ไม่มีทีวี ไม่มีพัดลม
ข้างในไม่ได้ถ่ายมาค่ะเพราะวางของเละเทะหมดแล้ว =_="
ขับรถวนไปวนมาซักพักเลยกว่าจะได้ เพราะที่พักส่วนใหญ่ที่วิวดีๆเต็มหมดแล้ว
เราไม่จองมาตั้งแต่แรกเพราะคิดว่าคนน่าจะน้อย แล้วเราก็สามารถเลือกวิวได้
แต่จริงๆไม่เลย ใครจะมาจองล่วงหน้ามาได้ก็ดีนะคะ
ไม่ธรรมดานะ..
ที่จอดรถอยู่ด้านหน้าห้องพักเลยค่ะ ข้างล่างเป็นไร่ผักกาด
จากในห้องพัก จขกท. พักห้องที่ 6 ค่ะ
เก็บของเสร็จเรียบร้อยก็เดินมาหน้าห้องพัก ไร่ผักกาดดด
ดูอย่างเดียวได้ยังไง ต้องลงไปด้วย
แต่ตอนขึ้น นางขึ้นเองไม่ได้ 555555
ประมาณหกโมงเย็น วิวจากด้านหน้าห้องพัก
พระอาทิตย์ตกผ่านภูเขาอีกด้านกระทบกับแผ่นดินข้างล่างทำให้เกิดแสงสีแปลกๆ สวยดีค่ะ
มื้อเย็นเราฝากท้องไว้ที่ห้องอาหารของไร่สุวิทย์ วันนั้นคนเยอะหน่อย รอนานนิดนึง
ร้านอาหารวิวดีมากค่ะ แต่เราไม่ได้นั่งตรงโซนนั้น ตอนนี้นั่งตรงไหนก็ได้ หิวหน้ามืดตาลายหมดแล้ว
เราสั่งอาหารมาสองอย่าง อย่างแรกก็ต้องอาหารยอดฮิตคือกระหล่ำปลีผัดน้ำปลา
หน้าตานี่ดูไม่จืดเลย แต่.........อร่อยม้ากกก สมราคา 80 บาท ไม่เสียดายเลย
กับแฟน จขกท. รักกันมากแค่ไหนก็เอาไว้ก่อน แย่งกันตัก 55555
กล้องมือถือเริ่มไปต่อไม่ไหวแล้ว แสงไม่มี
อาหารอย่างที่สอง ขาหมูยูนนาน จานเล็ก 150 บาท
อร่อยมากกกกกก มาที่นี่ขอแนะนำเลยนะคะ
จขกท. เคยทานเมนูนี้ที่ร้านขึ้นชื่อของ จ.เชียงรายหนึ่งครั้ง ที่บ้านรักไทย จ.แม่ฮ่องสอนหนึ่งครั้ง
บอกได้เต็มปากเต็มคำว่าของลุงสุวิทย์อร่อยกว่าสองเจ้านั้นมาก
ถึงขั้นที่กลับมาคุยกับแฟนว่า เราต้องซื้อกลับแล้วล่ะ อร่อยจริง 555555 ต้องลองค่ะ ต้องลอง
แล้วยามค่ำคืนก็เข้ามาถึง ดาวบนดินสวยงามตามคำร่ำลือ
แต่ถ่ายมาให้ดูไม่ได้ค่ะ เกินความสามารถของกล้อง 5555
พอประมาณสองทุ่มก็ได้ยินเสียงลมพัดผ่านภูเขาหวือๆน่าขนลุกแปลกๆ
แฟน จขกท. ถึงขั้นเอามือถือมาอัดเสียงไว้ บอกมันแปลกดี 5555
แล้วฝนก็ตกหนักบ้าง เบาบ้าง เกือบทั้งคืน
แอบใจเสียเล็กๆว่าถ้าตกแบบนี้จนเช้านี่จบเลยนะ ทะเลหมอกชั้น
แล้วด้วยอากาศที่เย็นมากๆ บวกกับเสียงลมเสียงฝน ทำเอาเรานอนหลับๆตื่นๆทั้งคืน
และทุกครั้งที่ตื่นเราก็จะชะโงกหน้ามาดูที่หน้าต่างว่า มีหมอกมั้ยว้าา
ครั้งสุดท้ายที่ลุกขึ้นมาคือตีสี่ ..มองออกมาที่นอกหน้าต่าง เห็นดาวบนดินชัดแจ๋ววว
หมอก เหมิก ไรกัน จบบบบ..
06:00 .. เสียงลุงข้างห้องคุยกันดังมาก ทำไมไม่เกรงใจกันบ้างเลยน้าาา..
เราลืมตาตื่นมาพร้อมแฟน มองหน้ากันไม่ถึงสองวิ รีบลุกมาดูที่หน้าต่าง..
เห็นภาพนี้วินาทีแรก ดีใจ กระโดดโลดเต้นชักดิ้นชักงอกันสองคนอยู่ในห้อง
แล้วรีบคว้ามือถือออกมา..
ต้องขอบคุณคุณลุงห้องข้างๆนะคะ ที่ปลุกเรา... 55555 นิสัยเสียนะเนี่ย
จากหน้าห้อง..
ไม่ต้องขึ้นไปถึงจุดชมวิวเลย...
ในห้อง
ในห้องแบบจริงจัง
ที่จุดชมวิวค่ะ
ลงมาจากภูแล้วน้า นี่คือทางเข้าสู่เขาค้อ หมอกลอยต่ำมาก
ชี้อะไรคุณ เห็นเพื่อนเจี๊ยกๆหราา
จริงๆแล้วที่เธอชี้คือหมอกลอยอยู่เสมอกับจุดที่เรายืนเลยค่ะ สดชื่นมากก
แลนด์มาร์คอีกที่ของเขาค้อ (แลนด์มาร์คเยอะเหลือเกิน)
ไปก่อนน้าาา บ๊ายบาย..
แถมก๋วยเตี๋ยวปากหม้อเรนโบว์มราพิษณุโลกให้หนึ่งชามค่ะ
สุดท้ายแล้ว กับความรู้สึกที่ได้รับมันไม่สามารถอธิบายออกมาเป็นคำพูดได้ มันล้นๆ
เอาเป็นว่า กลับบ้านมาแล้วรู้สึกแปลกๆ ไม่อยากกลับบ้านเลยค่ะ 555555
Ps. HAPPY ANNIVERSARY นะคะ.. ^^
ดูแผนที่ขนาดใหญ่ขึ้น