“ข่าวหุ้นธุรกิจ” มีการรวบรวมข้อมูลบริษัทพลิกมามีกำไรไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มาเพื่อให้นักลงทุนที่ชอบเล่นหุ้นเทิร์นอะราวด์นำไปพิจารณาในการลงทุนต่อไปในอนาคต โดยมีทั้งหมด 42 บริษัท ล้วนเป็นบริษัทที่พลิกมีกำไรแล้วมีการเพิ่มขึ้นเกิน 100% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน
กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารมีอยู่ 7 บริษัท อาทิ TIPCO , ASIAN, SSC, TRS, TLUXE, TRUBB และ CHOTI กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมีอยู่ 4 บริษัท อาทิ PRANDA, ROCK, STHAI และ TTL กลุ่มธุรกิจการเงินมีอยู่ 2 บริษัท อาทิ INSURE และ TSI กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมมีอยู่ 7 บริษัท อาทิ MCS, PTL, TFI, MILL, CWT, APCS และ VARO
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างมีอยู่ 8 บริษัท อาทิ AMATA, PF, A, AQ, CI, PAF, NNCL และ PRECHAกลุ่มทรัพยากรมีอยู่ 3 บริษัท อาทิ IFEC, ESSO และ SGP กลุ่มบริการมีอยู่ 7 บริษัท อาทิ LIVE, SHANG, BIG, AAV, IT, BA และ ROH กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีอยู่ 3 บริษัท อาทิ TRUE, BLISS และ EIC
บริษัททั้งหมดถือเป็นสุดยอดหุ้นเทิร์นอะราวด์ แต่ที่แน่ๆ ทั้ง 42 บริษัทนี้ กลับพบว่ามีบริษัท 4 บริษัทที่เหนือความคาดหมายที่มีกำไรเพิ่มขึ้นเกิน 1,000% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน
อันดับหนึ่ง บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFECผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีกำไรสุทธิ 74.42 ล้านบาท หรือ 0.0423 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 8,841.53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 21.99 ล้านบาท หรือ 0.0232 บาทต่อหุ้น สาเหตุหลักมารายได้จากการขายเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากผลกำไรจากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่ถือไว้เพื่อขาย
อันดับสอง บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีกำไรสุทธิ 443.56 ล้านบาท หรือ0.42 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 3,793.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 12.01ล้านบาท หรือ 0.001 บาทต่อหุ้น สาเหตุเกิดจากกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้แกกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอมตะซัมมิทโกรท และผลประกอบการขางรายได้ค่าสาธารณูปโภคและรายได้จากการให้เช่าที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อันดับสามบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PFผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีกำไรสุทธิ 422.68 ล้านบาท หรือ 0.07308 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,841.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 15.42 ล้านบาท หรือ 0.00265 บาทต่อหุ้น สาเหตุเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.58 บริษัทได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และจากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ทำให้มีกำไรจากการซื้อในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม จำนวน 505.70 ล้านบาท อีกทั้งมีรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นนอกจากนี้มีมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมต่างประเทศเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้น
อันดับสี่ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ A ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีกำไรสุทธิ 76.30 ล้านบาท หรือ0.08 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1,979.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 4.06 ล้านบาท หรือ 0.004 บาทต่อหุ้นสาเหตุจากปีนี้บริษัทมีโครงการใหม่ที่โอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าหลายโครงการ เช่น โครงการ เดอะคัลเลอร์ส เลชเชอร์ บางนา กม.8, โคโม่บางนา, เดอะ คัลเลอร์ส ดอนเมือง -สรงประภา เฟส 2,เดอะวิลเลจ กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์, เดอะคัลเลอร์ส พรีเมี่ยม กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์, เดอะคัลเลอร์ส กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 42 บริษัทที่มีการเทิร์นอะราวด์นี้ แต่กลับมีบริษัทที่ต้องคบคิด คือ การที่บริษัทพลิกมีกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่าง TSIไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 0.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2.94 ล้านบาท ต่อมา PRECHAไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 0.47ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 5.25 ล้านบาท และVARO ไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 0.21ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 6.05 ล้านบาท ผลดังกล่าวมองแล้วอยู่ในข่ายที่กำไรด้วยเหตุผลทางบัญชี
ข้อมูลเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทที่ฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจ จากความตั้งใจของผู้บริหารที่อยากให้บริษัทกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง
ที่มา
http://www.kaohoon.com/online/content/view/17856/42บริษัทเทิร์นอะราวด์
42 บริษัทเทิร์นอะราวด์ ใครมีตัวไหนบ้างมาแชร์กันครับ
กลุ่มเกษตรและอุตสาหกรรมอาหารมีอยู่ 7 บริษัท อาทิ TIPCO , ASIAN, SSC, TRS, TLUXE, TRUBB และ CHOTI กลุ่มสินค้าอุปโภคบริโภคมีอยู่ 4 บริษัท อาทิ PRANDA, ROCK, STHAI และ TTL กลุ่มธุรกิจการเงินมีอยู่ 2 บริษัท อาทิ INSURE และ TSI กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมมีอยู่ 7 บริษัท อาทิ MCS, PTL, TFI, MILL, CWT, APCS และ VARO
กลุ่มอสังหาริมทรัพย์และก่อสร้างมีอยู่ 8 บริษัท อาทิ AMATA, PF, A, AQ, CI, PAF, NNCL และ PRECHAกลุ่มทรัพยากรมีอยู่ 3 บริษัท อาทิ IFEC, ESSO และ SGP กลุ่มบริการมีอยู่ 7 บริษัท อาทิ LIVE, SHANG, BIG, AAV, IT, BA และ ROH กลุ่มเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารมีอยู่ 3 บริษัท อาทิ TRUE, BLISS และ EIC
บริษัททั้งหมดถือเป็นสุดยอดหุ้นเทิร์นอะราวด์ แต่ที่แน่ๆ ทั้ง 42 บริษัทนี้ กลับพบว่ามีบริษัท 4 บริษัทที่เหนือความคาดหมายที่มีกำไรเพิ่มขึ้นเกิน 1,000% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน
อันดับหนึ่ง บริษัท อินเตอร์ ฟาร์อีสท์ วิศวการ จำกัด (มหาชน) หรือ IFECผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีกำไรสุทธิ 74.42 ล้านบาท หรือ 0.0423 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 8,841.53% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 21.99 ล้านบาท หรือ 0.0232 บาทต่อหุ้น สาเหตุหลักมารายได้จากการขายเพิ่มขึ้น รวมถึงรายได้อื่นๆ เพิ่มขึ้น เนื่องจากผลกำไรจากการจำหน่ายอสังหาริมทรัพย์ที่ถือไว้เพื่อขาย
อันดับสอง บริษัท อมตะ คอร์ปอเรชัน จำกัด (มหาชน) หรือ AMATAผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีกำไรสุทธิ 443.56 ล้านบาท หรือ0.42 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 3,793.90% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 12.01ล้านบาท หรือ 0.001 บาทต่อหุ้น สาเหตุเกิดจากกำไรจากการขายอสังหาริมทรัพย์ของบริษัท อมตะ ซัมมิท เรดดี้ บิลท์ จำกัด ซึ่งเป็นบริษัทย่อยให้แกกองทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอมตะซัมมิทโกรท และผลประกอบการขางรายได้ค่าสาธารณูปโภคและรายได้จากการให้เช่าที่ยังมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง
อันดับสามบริษัท พร็อพเพอร์ตี้ เพอร์เฟค จำกัด (มหาชน) หรือ PFผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีกำไรสุทธิ 422.68 ล้านบาท หรือ 0.07308 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 2,841.62% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 15.42 ล้านบาท หรือ 0.00265 บาทต่อหุ้น สาเหตุเมื่อวันที่ 5 มิ.ย.58 บริษัทได้เข้าซื้อกิจการของบริษัท ไทย พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) และจากการเข้าซื้อกิจการดังกล่าว ทำให้มีกำไรจากการซื้อในราคาต่ำกว่ามูลค่ายุติธรรม จำนวน 505.70 ล้านบาท อีกทั้งมีรายได้จากการขายที่ดินเพิ่มขึ้นนอกจากนี้มีมีรายได้จากธุรกิจโรงแรมต่างประเทศเพิ่มขึ้น และรายได้ค่าเช่าและบริการเพิ่มขึ้น
อันดับสี่ บริษัท อารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน)หรือ A ผลการดำเนินงานไตรมาส 2 สิ้นสุดวันที่ 30 มิถุนายน 2558 มีกำไรสุทธิ 76.30 ล้านบาท หรือ0.08 บาทต่อหุ้น เพิ่มขึ้น 1,979.21% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 4.06 ล้านบาท หรือ 0.004 บาทต่อหุ้นสาเหตุจากปีนี้บริษัทมีโครงการใหม่ที่โอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าหลายโครงการ เช่น โครงการ เดอะคัลเลอร์ส เลชเชอร์ บางนา กม.8, โคโม่บางนา, เดอะ คัลเลอร์ส ดอนเมือง -สรงประภา เฟส 2,เดอะวิลเลจ กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์, เดอะคัลเลอร์ส พรีเมี่ยม กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์, เดอะคัลเลอร์ส กาญจนาภิเษก-ราชพฤกษ์เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ทั้ง 42 บริษัทที่มีการเทิร์นอะราวด์นี้ แต่กลับมีบริษัทที่ต้องคบคิด คือ การที่บริษัทพลิกมีกำไรเพิ่มขึ้นเล็กน้อย อย่าง TSIไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 0.67 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 2.94 ล้านบาท ต่อมา PRECHAไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 0.47ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 5.25 ล้านบาท และVARO ไตรมาส 2/58 มีกำไรสุทธิเพิ่มขึ้น 0.21ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุน 6.05 ล้านบาท ผลดังกล่าวมองแล้วอยู่ในข่ายที่กำไรด้วยเหตุผลทางบัญชี
ข้อมูลเป็นการสะท้อนให้เห็นถึงความแข็งแกร่งของบริษัทที่ฟื้นตัวกลับมาของธุรกิจ จากความตั้งใจของผู้บริหารที่อยากให้บริษัทกลับมาโดดเด่นอีกครั้ง
ที่มา http://www.kaohoon.com/online/content/view/17856/42บริษัทเทิร์นอะราวด์