เรื่องราวบางอย่างแม้จะผ่านไปนานแล้ว แต่เราก็ยังคงคิดถึงอยู่
และความคิดถึง ก็เลยทำให้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมาค่ะ
ทริปนี้เป็นทริปต่างประเทศทริปแรกที่ได้ไปกับชาวแก็งค์ที่ทำงานซึ่งเราไปกันตั้งแต่เดือนพ.ค.57 ตอนนั้นเราทั้ง7คน ทำงานที่เดียวกันค่ะ
แต่ ณ ตอนนี้ แก็งค์ของเราได้สลายตัวแยกย้ายกันไปทำงานคนละที่แล้ว จขกท.ก็เลยคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ คิดถึงทริปที่พวกเราเคยสนุกด้วยกันค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวเป็นแก็งค์ใหญ่ๆได้อีกแบบนี้ตอนไหน : )
เอาหล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า ถ้ามีอะไรผิดพลาดไป ขออภัยด้วยนะคะ
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่า สไตล์การเที่ยวของพวกเรา คือ เที่ยวเอง ลุยเอง ในงบสบายกระเป๋าค่ะ ไม่ได้วางแผนอะไรกันมากมายว่าต้องไปที่ไหนบ้าง ไปทำอะไรบ้าง อ่านรีวิวกันมาบ้าง แต่กะว่าจะไปลุยเอาดาบหน้ากันค่ะ ทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน เราเดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งจองล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ได้ราคาไปกลับประมาณ 3,000บาท
ทริป โฮจิมินห์ ดาลัด มุยเน่ โฮจิมินห์ 4 วัน 3 คืน
#วันที่ 1 เที่ยวโฮจิมินห์ ไม่นอนค้าง นั่งSleeping bus รอบสุดท้ายไปดาลัดเลย
เรื่องเล่าจากโฮจิมินห์
- ออกเดินทางไฟลท์ 7.40 น. จากสนามบินดอนเมือง ไปถึงสนามบินโฮจิมินห์ประมาณ 9.30น.
- เงินที่ใช้จ่ายที่เวียดนามก็คือ เงินดอง ที่คุ้นหูกัน ซึ่งเราแลกเงินไทยเป็นดอลลาร์ แล้วก็ใช้ดอลล่าร์มาแลกเป็นเงินดองอีกที ซึ่งที่สนามบินมีร้านตั้งเป็นเคาท์เตอร์ติดๆกันเยอะมาก เราเดินดูเรทกันได้ซัก5เคาท์เตอร์ เรทก็พอๆกันเลยค่ะ เราก็เลยพุ่งเข้า
ไปเคาท์เตอร์ที่เราชอบ อันนี้ใช้ความรู้สึกนะคะ ไม่มีหลักการใดๆ แฮ่ : )
- ซิมโทรศัพท์เวียดนาม สำหรับทริปนี้สำคัญมากค่ะ 1ในสมาชิกของเราตัดสินใจซื้อตั้งแต่ที่สนามบิน ซึ่งในช่วงหลังๆมีประโยชน์มาก ราคาประมาณ 350บาทค่ะ ใช้โทรศัพท์ได้และเล่นอินเทอร์เน็ตได้นิดหน่อย ( ราคาสามารถเลือกแพ็คเกจได้ตามสะดวกเลยค่ะ มีหลายแบบ )
- แพลนของเราในวันแรกคือ เราจะเทียวเล่นในโฮจิมินห์ 1 วัน และตอนกลางคืนจะนั่งรถไปดาลัดเลย ดังนั้นจากสนามบิน เราจึงนั่งรถประจำทางสาย 152 เพื่อไปลงฟามงูเหลา (Pham Ngu Lao ) เป็นถนนย่านที่เต็มไปด้วยบริษัททัวร์ที่ขายพวกตั๋วรถและขายแพ็คเกจทัวร์ต่างๆของเวียดนามนั่นเอง
- ตอนที่เราไป ค่ารถประจำทางอยู่ที่ประมาณ 10บาท/คนค่ะ เป็นรถที่มีแอร์นะ แต่คันที่เราเจอคือแอร์ไม่ค่อยเย็น ^^ , จริงๆ ถ้าใครที่ไม่อยากขึ้นรถประจำทาง ก็เรียกแท็กซี่จากสนามบินได้นะคะ น่าจะสะดวกดี
- ตอนขึ้นรถ เราก็บอกกับคนขับเอาค่ะว่าจะลงที่ฟามงูเหลา ถ้าถึงแล้วให้ช่วยบอกด้วย ฮ่าๆ แต่โชคดีค่ะว่ารถคันที่เราขึ้นเจอแก็งค์พี่ๆคนไทย ซึ่งพี่ๆเค้าศึกษาข้อมูลมาดีมาก พอถึงฟามงูเหลา พี่เค้าก็บอกพวกเราว่าตรงนี้แหละๆ เราก็เลยไม่หลงค่ะ อ่อ!
แต่คนขับเค้าก็ส่งสัญญาณมาให้พวกเราลงนะคะ น่ารักดี
- พอลงจากรถประจำทาง สิ่งแรกที่พวกเราเจอก็คือ ร้านเฝอ2000 (Pho2000 ) ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนเลย มองเห็นได้ไม่ยาก จากที่พวกเราตั้งใจจะรีบไปซื้อตั๋วไปดาลัดก่อน ก็เลยเปลี่ยนใจแวะฝากท้องมื้อแรกที่โฮจิมินห์ที่ร้านนี้ค่ะ ซึ่งขอบอกเลยว่า อร่อยมากๆ ก่อนมามีได้อ่านรีวิวร้านนี้มาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะอร่อยขนาดนี้ สมาชิกทุกคนแฮปปี้มาก หรือเป็นเพราะหิวด้วยก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ร้านนี้มีทั้งหมูและเนื้อนะคะ เลือกตามชอบได้เลย พอเขียนแล้ว อยากกินอีกเลยค่ะ : )
- หลังจากเติมพลังแล้ว พวกเราก็เดินหา Vietsea ซึ่งก็คือบริษัททัวร์ยอดนิยมสำหรับซื้อตั๋วรถไปดาลัดนั่นเอง , การเดินเรามีไกด์บุ๊คกัน 1เล่มค่ะ แต่ก็มีเดินแล้วหลง แนะนำว่าให้สอบถามจากเจ้าถิ่นไปเรื่อยๆก็ได้ค่ะเผื่อความชัวร์ ฮ่าๆ ความตั้งใจแรกพวกเราตั้งใจจะซื้อตั๋วรถอย่างเดียว แต่หลังจากการสนทนากับพนักงานของVietsea ซึ่งคนที่เราเจอพูดจาดีมากๆ ให้คำแนะนำดีมาก พวกเราก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วรถไปดาลัดพร้อมแพ็คเกจทัวร์ด้วยเลยค่ะ
ราคารวมทั้งหมดอยู่ที่ 1,600 บาท/คน ( ราคานี้รวม ตั๋วรถSleeping bus ขาไปจากโฮจินห์ถึงดาลัด , One day tour ดาลัด (รวมค่าตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ) , ตั๋วรถแวนจากดาลัดไปมุยเน่ , 1/2 day tour มุยเน่ และตั๋วรถSleeping bus จากมุยเน่กลับโฮจิ
มินห์ ค่ะ ) ซึ่งจากที่พวกเราได้อ่านรีวิวมาบ้างก็เลยคิดว่าราคานี้อยู่ในระดับรับได้ ก็เลยจัดตามนี้เลยค่ะ
- ที่ Vietsea เราสามารถฝากกระเป๋าไว้ได้ และก็มีห้องอาบน้ำสำหรับอาบน้ำก่อนขึ้นรถไปดาลัดด้วยค่ะ , พนักงานให้คำแนะนำว่า รถจะออกตอน 23.45น. แต่ว่าถ้าเราจะอาบน้ำอยากให้เรากลับมาที่นี่ประมาณ 21.00น. เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวเยอะ เรา
จะได้รีบอาบน้ำให้เสร็จก่อนค่ะ ฮ่าๆ : )
มาเริ่มเที่ยวโฮจิมินห์กันดีกว่า
- เราออกจาก Vietsea กันประมาณ 14.00น. โดยรถแท็กซี่ เราไปกัน7คน ก็เลยต้องเรียกแท็กซี่คันใหญ่หน่อย ค่าแท็กซี่ไม่แพงมากค่ะ ที่เรารู้สึกไม่คุ้นคือ คนขับแท็กซี่เค้าจะขอทิปจากเรานะคะ ตอนลงเค้าจะบอกเลยว่า ขอทิปด้วย ส่วนค่าแท็กซี่ก็ดู
จากมิเตอร์ตามปกติแบบที่ไทยค่ะ
- สถานที่แรกที่เราไปถึงก็คือ โบสถ์นอร์ธเธอดาม ( Notre Dame Cathedral ) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ถือว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม เหมืเป็นสัญลักษณ์สำคัญของโฮจิมินท์ให้กลิ่นอายสไตล์ฝรั่งเศส นักท่องเที่ยวที่ไปก็จะต้องมาถ่ายรูปที่นี่เป็นที่
ระลึกแบบพวกเรา
- ต่อมาก็คือ ไปรษณีย์กลางโฮจิมินทร์ ( Main Post office ) เป็นไปรษณีย์ที่ออกแบบสไตล์ฝรั่งเศส สวยงามและแปลกตาทั้งภายนอกและภายใน ที่นี่มีบริการส่งจดหมายและ มีแสตมป์ขายให้สะสมด้วยนะคะ อ่อ จากโบสถ์เดินข้ามถนนมาที่ไปรษณีย์นี้ได้เลยค่ะ ใกล้กันมากๆ
- จัตุรัสโฮจิมินห์ (Tran Nguyen Hai Statue) จะมีรูปปั้นของลุงโฮหรืออดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ฉากหลังเป็น โฮจิมินห์ซิตี้ฮอลล์ เป็นเหมือนศาลาว่าการเมืองของโฮจิมินห์ ก่อสร้างสไตล์ฝรั่งเศส สวยมากเลยค่ะ
การไปยังสถานที่ข้างต้น เราเดินเที่ยวกันเองนะคะ ดูไกด์บุ๊คกับป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ ใช้บริการแท็กซี่แค่ครั้งแรกครั้งเดียว จะบอกว่าทั้งเหนื่อยและสนุกมากเลยค่ะ ระหว่างทางก็วิวสวยๆมากมาย ถนนที่นี่สะอาด มีดอกไม้ต้นไม้ประดับตกแต่งตลอด
ทาง แต่ข้อสำคัญนะคะ การจราจรที่เวียดนามถือว่าเป็นถนนที่เต็มไปด้วยรถและเสียงแตรค่ะ ดังนั้นต้องใช้ความระมัดระวังมากพอสมควรในการเดินข้ามถนนนะคะ เสียงแตรจะทำให้เราสะดุ้งเป็นพักๆ ต้องช่วยๆกันดูรถค่ะ ^^
พอเราเริ่มเมื่อยกันก็ช่วงเย็นพอดี เราก็
เลยไปนั่งพักกันที่ Coffee Bean & Tea Leaf โฮจิมินห์ค่ะ ราคาเครื่องดื่มก็ประมาณกับราคาของร้านกาแฟที่เอาไว้นั่งชิลที่ไทยค่ะ มีFree wifiด้วย นอกจากเราจะมาชาร์จพลังกันที่นี่แล้ว เราก็ยังได้ชาร์จแบตโทรศัพท์กันที่นี่ด้วยค่ะ ดีมากจริงๆ ฮ่าๆ ตรงข้ามกับร้าน
เป็นเหมือนตลาดขายของตอนกลางคืนค่ะ จะมีเสื้อผ้า ของฝากทั่วไป พอเรานั่งกันจนขาเริ่มมีแรง เราก็ไปเดินเล่นกันพักนึง แล้วก็หาร้านอาหารสำหรับกินมื้อเย็นก่อนจะขึ้นรถยาวๆค่ะ เราพยายามเลือกร้านที่มีเฝอ เพราะไม่รู้จะกินอะไรดี ก็เลยกินเหมือนเดิมค่ะ แต่
ว่าเป็นร้านที่อยู่ระหว่างทางเดินกลับ Vietsea อ่อ เราลองสั่งอาหารตามรูปเอาด้วยค่ะ ได้อันนี้มา ก็อร่อยดีนะ
- ระหว่างทางเดินกลับไป Vietsea เราเดินผ่านสวนสาธารณะค่ะ ซึ่งมีเหมือนกลุ่มกิจกรรมต่างๆสำหรับให้คนเวียดนามใช้เวลาว่างตอนเย็นๆค่ำๆ มีเด็กๆเล่นของเล่น มีออกกำลังกาย มีผู้สูงอายุเต้นลีลาศ หลากหลายมากเลยค่ะ เป็นการเดินกลับที่รู้สึกว่าไม่นานเลยเพราะมีอะไรให้ดูตลอดทาง
- วันแรก เราทำเวลากันได้ดีมาก เราเดินกลับไปถึง Vietsea เพื่ออาบน้ำกันตั้งแต่ 21.00น. กว่าจะอาบกันเสร็จก็ประมาณ 22.30น.ค่ะ นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ก็ได้เวลาขึ้น Sleeping Bus เพื่อมุ่งหน้าไปดาลัดเมืองที่เค้าลือกันว่าเป็นเมืองที่สวยมากเมืองหนึ่ง
- รถ Sleeping Bus ออกประมาณเที่ยงคืน รถเป็นรถ 2ชั้น และจะห้ามใส่รองเท้าขึ้นรถะคะ เราต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกซึ่งจะมีคนยืนแจกตอนขึ้นรถนั่นเอง บนรถก็จะมีน้ำเปล่าแจกคนละขวด ในรถจะแบ่งเป็น 2 ชั้น 3แถว แถวละ2เบาะติดกัน
เรา7คน ได้นั่งประมาณช่วงกลางๆค่ะ ตั๋วรถไม่ได้ระบุที่นะคะ เลือกกันได้เลยตามสะดวกหรือตามที่เหลือนั่นแหละ ฮ่าๆ เบาะรถออกแบบมาสำหรับการนอนได้สบายๆ แต่ถ้าคนที่สูงมากๆน่าจะแอบเมื่อยนิดนึง พอขึ้นรถ จัดระเบียบกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็
พร้อมใจกันสลบยาวทันทีเลยค่ะ หลับกันไปตอนไหนก็ไม่รู้ : )
เดี๋ยวมาต่อที่comment นะคะ
[CR] เที่ยวเรื่อยๆเหนื่อยก็พัก ทริปโฮจิมินห์ ดาลัด มุยเน่ 4วัน3คืนกับเพื่อน7คน
และความคิดถึง ก็เลยทำให้เกิดกระทู้นี้ขึ้นมาค่ะ
ทริปนี้เป็นทริปต่างประเทศทริปแรกที่ได้ไปกับชาวแก็งค์ที่ทำงานซึ่งเราไปกันตั้งแต่เดือนพ.ค.57 ตอนนั้นเราทั้ง7คน ทำงานที่เดียวกันค่ะ
แต่ ณ ตอนนี้ แก็งค์ของเราได้สลายตัวแยกย้ายกันไปทำงานคนละที่แล้ว จขกท.ก็เลยคิดถึงบรรยากาศเก่าๆ คิดถึงทริปที่พวกเราเคยสนุกด้วยกันค่ะ เพราะไม่รู้ว่าจะได้ไปเที่ยวเป็นแก็งค์ใหญ่ๆได้อีกแบบนี้ตอนไหน : )
เอาหล่ะ มาเริ่มกันเลยดีกว่า ถ้ามีอะไรผิดพลาดไป ขออภัยด้วยนะคะ
ก่อนอื่นต้องออกตัวก่อนเลยว่า สไตล์การเที่ยวของพวกเรา คือ เที่ยวเอง ลุยเอง ในงบสบายกระเป๋าค่ะ ไม่ได้วางแผนอะไรกันมากมายว่าต้องไปที่ไหนบ้าง ไปทำอะไรบ้าง อ่านรีวิวกันมาบ้าง แต่กะว่าจะไปลุยเอาดาบหน้ากันค่ะ ทริปนี้มีสมาชิกทั้งหมด 7 คน เราเดินทางด้วยสายการบินไทยแอร์เอเชีย ซึ่งจองล่วงหน้าประมาณ 1 เดือน ได้ราคาไปกลับประมาณ 3,000บาท
ทริป โฮจิมินห์ ดาลัด มุยเน่ โฮจิมินห์ 4 วัน 3 คืน
#วันที่ 1 เที่ยวโฮจิมินห์ ไม่นอนค้าง นั่งSleeping bus รอบสุดท้ายไปดาลัดเลย
เรื่องเล่าจากโฮจิมินห์
- ออกเดินทางไฟลท์ 7.40 น. จากสนามบินดอนเมือง ไปถึงสนามบินโฮจิมินห์ประมาณ 9.30น.
- เงินที่ใช้จ่ายที่เวียดนามก็คือ เงินดอง ที่คุ้นหูกัน ซึ่งเราแลกเงินไทยเป็นดอลลาร์ แล้วก็ใช้ดอลล่าร์มาแลกเป็นเงินดองอีกที ซึ่งที่สนามบินมีร้านตั้งเป็นเคาท์เตอร์ติดๆกันเยอะมาก เราเดินดูเรทกันได้ซัก5เคาท์เตอร์ เรทก็พอๆกันเลยค่ะ เราก็เลยพุ่งเข้า
ไปเคาท์เตอร์ที่เราชอบ อันนี้ใช้ความรู้สึกนะคะ ไม่มีหลักการใดๆ แฮ่ : )
- ซิมโทรศัพท์เวียดนาม สำหรับทริปนี้สำคัญมากค่ะ 1ในสมาชิกของเราตัดสินใจซื้อตั้งแต่ที่สนามบิน ซึ่งในช่วงหลังๆมีประโยชน์มาก ราคาประมาณ 350บาทค่ะ ใช้โทรศัพท์ได้และเล่นอินเทอร์เน็ตได้นิดหน่อย ( ราคาสามารถเลือกแพ็คเกจได้ตามสะดวกเลยค่ะ มีหลายแบบ )
- แพลนของเราในวันแรกคือ เราจะเทียวเล่นในโฮจิมินห์ 1 วัน และตอนกลางคืนจะนั่งรถไปดาลัดเลย ดังนั้นจากสนามบิน เราจึงนั่งรถประจำทางสาย 152 เพื่อไปลงฟามงูเหลา (Pham Ngu Lao ) เป็นถนนย่านที่เต็มไปด้วยบริษัททัวร์ที่ขายพวกตั๋วรถและขายแพ็คเกจทัวร์ต่างๆของเวียดนามนั่นเอง
- ตอนที่เราไป ค่ารถประจำทางอยู่ที่ประมาณ 10บาท/คนค่ะ เป็นรถที่มีแอร์นะ แต่คันที่เราเจอคือแอร์ไม่ค่อยเย็น ^^ , จริงๆ ถ้าใครที่ไม่อยากขึ้นรถประจำทาง ก็เรียกแท็กซี่จากสนามบินได้นะคะ น่าจะสะดวกดี
- ตอนขึ้นรถ เราก็บอกกับคนขับเอาค่ะว่าจะลงที่ฟามงูเหลา ถ้าถึงแล้วให้ช่วยบอกด้วย ฮ่าๆ แต่โชคดีค่ะว่ารถคันที่เราขึ้นเจอแก็งค์พี่ๆคนไทย ซึ่งพี่ๆเค้าศึกษาข้อมูลมาดีมาก พอถึงฟามงูเหลา พี่เค้าก็บอกพวกเราว่าตรงนี้แหละๆ เราก็เลยไม่หลงค่ะ อ่อ!
แต่คนขับเค้าก็ส่งสัญญาณมาให้พวกเราลงนะคะ น่ารักดี
- พอลงจากรถประจำทาง สิ่งแรกที่พวกเราเจอก็คือ ร้านเฝอ2000 (Pho2000 ) ตั้งอยู่ตรงหัวมุมถนนเลย มองเห็นได้ไม่ยาก จากที่พวกเราตั้งใจจะรีบไปซื้อตั๋วไปดาลัดก่อน ก็เลยเปลี่ยนใจแวะฝากท้องมื้อแรกที่โฮจิมินห์ที่ร้านนี้ค่ะ ซึ่งขอบอกเลยว่า อร่อยมากๆ ก่อนมามีได้อ่านรีวิวร้านนี้มาบ้าง แต่ไม่คิดว่าจะอร่อยขนาดนี้ สมาชิกทุกคนแฮปปี้มาก หรือเป็นเพราะหิวด้วยก็ไม่รู้ ฮ่าๆ ร้านนี้มีทั้งหมูและเนื้อนะคะ เลือกตามชอบได้เลย พอเขียนแล้ว อยากกินอีกเลยค่ะ : )
- หลังจากเติมพลังแล้ว พวกเราก็เดินหา Vietsea ซึ่งก็คือบริษัททัวร์ยอดนิยมสำหรับซื้อตั๋วรถไปดาลัดนั่นเอง , การเดินเรามีไกด์บุ๊คกัน 1เล่มค่ะ แต่ก็มีเดินแล้วหลง แนะนำว่าให้สอบถามจากเจ้าถิ่นไปเรื่อยๆก็ได้ค่ะเผื่อความชัวร์ ฮ่าๆ ความตั้งใจแรกพวกเราตั้งใจจะซื้อตั๋วรถอย่างเดียว แต่หลังจากการสนทนากับพนักงานของVietsea ซึ่งคนที่เราเจอพูดจาดีมากๆ ให้คำแนะนำดีมาก พวกเราก็เลยตัดสินใจซื้อตั๋วรถไปดาลัดพร้อมแพ็คเกจทัวร์ด้วยเลยค่ะ
ราคารวมทั้งหมดอยู่ที่ 1,600 บาท/คน ( ราคานี้รวม ตั๋วรถSleeping bus ขาไปจากโฮจินห์ถึงดาลัด , One day tour ดาลัด (รวมค่าตั๋วเข้าสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ) , ตั๋วรถแวนจากดาลัดไปมุยเน่ , 1/2 day tour มุยเน่ และตั๋วรถSleeping bus จากมุยเน่กลับโฮจิ
มินห์ ค่ะ ) ซึ่งจากที่พวกเราได้อ่านรีวิวมาบ้างก็เลยคิดว่าราคานี้อยู่ในระดับรับได้ ก็เลยจัดตามนี้เลยค่ะ
- ที่ Vietsea เราสามารถฝากกระเป๋าไว้ได้ และก็มีห้องอาบน้ำสำหรับอาบน้ำก่อนขึ้นรถไปดาลัดด้วยค่ะ , พนักงานให้คำแนะนำว่า รถจะออกตอน 23.45น. แต่ว่าถ้าเราจะอาบน้ำอยากให้เรากลับมาที่นี่ประมาณ 21.00น. เพราะว่ามีนักท่องเที่ยวเยอะ เรา
จะได้รีบอาบน้ำให้เสร็จก่อนค่ะ ฮ่าๆ : )
มาเริ่มเที่ยวโฮจิมินห์กันดีกว่า
- เราออกจาก Vietsea กันประมาณ 14.00น. โดยรถแท็กซี่ เราไปกัน7คน ก็เลยต้องเรียกแท็กซี่คันใหญ่หน่อย ค่าแท็กซี่ไม่แพงมากค่ะ ที่เรารู้สึกไม่คุ้นคือ คนขับแท็กซี่เค้าจะขอทิปจากเรานะคะ ตอนลงเค้าจะบอกเลยว่า ขอทิปด้วย ส่วนค่าแท็กซี่ก็ดู
จากมิเตอร์ตามปกติแบบที่ไทยค่ะ
- สถานที่แรกที่เราไปถึงก็คือ โบสถ์นอร์ธเธอดาม ( Notre Dame Cathedral ) เป็นโบสถ์เก่าแก่ที่ถือว่าสวยที่สุดแห่งหนึ่งของเวียดนาม เหมืเป็นสัญลักษณ์สำคัญของโฮจิมินท์ให้กลิ่นอายสไตล์ฝรั่งเศส นักท่องเที่ยวที่ไปก็จะต้องมาถ่ายรูปที่นี่เป็นที่
ระลึกแบบพวกเรา
- ต่อมาก็คือ ไปรษณีย์กลางโฮจิมินทร์ ( Main Post office ) เป็นไปรษณีย์ที่ออกแบบสไตล์ฝรั่งเศส สวยงามและแปลกตาทั้งภายนอกและภายใน ที่นี่มีบริการส่งจดหมายและ มีแสตมป์ขายให้สะสมด้วยนะคะ อ่อ จากโบสถ์เดินข้ามถนนมาที่ไปรษณีย์นี้ได้เลยค่ะ ใกล้กันมากๆ
- จัตุรัสโฮจิมินห์ (Tran Nguyen Hai Statue) จะมีรูปปั้นของลุงโฮหรืออดีตประธานาธิบดีโฮจิมินห์ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ ฉากหลังเป็น โฮจิมินห์ซิตี้ฮอลล์ เป็นเหมือนศาลาว่าการเมืองของโฮจิมินห์ ก่อสร้างสไตล์ฝรั่งเศส สวยมากเลยค่ะ
การไปยังสถานที่ข้างต้น เราเดินเที่ยวกันเองนะคะ ดูไกด์บุ๊คกับป้ายบอกทางไปเรื่อยๆ ใช้บริการแท็กซี่แค่ครั้งแรกครั้งเดียว จะบอกว่าทั้งเหนื่อยและสนุกมากเลยค่ะ ระหว่างทางก็วิวสวยๆมากมาย ถนนที่นี่สะอาด มีดอกไม้ต้นไม้ประดับตกแต่งตลอด
ทาง แต่ข้อสำคัญนะคะ การจราจรที่เวียดนามถือว่าเป็นถนนที่เต็มไปด้วยรถและเสียงแตรค่ะ ดังนั้นต้องใช้ความระมัดระวังมากพอสมควรในการเดินข้ามถนนนะคะ เสียงแตรจะทำให้เราสะดุ้งเป็นพักๆ ต้องช่วยๆกันดูรถค่ะ ^^
พอเราเริ่มเมื่อยกันก็ช่วงเย็นพอดี เราก็
เลยไปนั่งพักกันที่ Coffee Bean & Tea Leaf โฮจิมินห์ค่ะ ราคาเครื่องดื่มก็ประมาณกับราคาของร้านกาแฟที่เอาไว้นั่งชิลที่ไทยค่ะ มีFree wifiด้วย นอกจากเราจะมาชาร์จพลังกันที่นี่แล้ว เราก็ยังได้ชาร์จแบตโทรศัพท์กันที่นี่ด้วยค่ะ ดีมากจริงๆ ฮ่าๆ ตรงข้ามกับร้าน
เป็นเหมือนตลาดขายของตอนกลางคืนค่ะ จะมีเสื้อผ้า ของฝากทั่วไป พอเรานั่งกันจนขาเริ่มมีแรง เราก็ไปเดินเล่นกันพักนึง แล้วก็หาร้านอาหารสำหรับกินมื้อเย็นก่อนจะขึ้นรถยาวๆค่ะ เราพยายามเลือกร้านที่มีเฝอ เพราะไม่รู้จะกินอะไรดี ก็เลยกินเหมือนเดิมค่ะ แต่
ว่าเป็นร้านที่อยู่ระหว่างทางเดินกลับ Vietsea อ่อ เราลองสั่งอาหารตามรูปเอาด้วยค่ะ ได้อันนี้มา ก็อร่อยดีนะ
- ระหว่างทางเดินกลับไป Vietsea เราเดินผ่านสวนสาธารณะค่ะ ซึ่งมีเหมือนกลุ่มกิจกรรมต่างๆสำหรับให้คนเวียดนามใช้เวลาว่างตอนเย็นๆค่ำๆ มีเด็กๆเล่นของเล่น มีออกกำลังกาย มีผู้สูงอายุเต้นลีลาศ หลากหลายมากเลยค่ะ เป็นการเดินกลับที่รู้สึกว่าไม่นานเลยเพราะมีอะไรให้ดูตลอดทาง
- วันแรก เราทำเวลากันได้ดีมาก เราเดินกลับไปถึง Vietsea เพื่ออาบน้ำกันตั้งแต่ 21.00น. กว่าจะอาบกันเสร็จก็ประมาณ 22.30น.ค่ะ นั่งคุยกันไปเรื่อยๆ ก็ได้เวลาขึ้น Sleeping Bus เพื่อมุ่งหน้าไปดาลัดเมืองที่เค้าลือกันว่าเป็นเมืองที่สวยมากเมืองหนึ่ง
- รถ Sleeping Bus ออกประมาณเที่ยงคืน รถเป็นรถ 2ชั้น และจะห้ามใส่รองเท้าขึ้นรถะคะ เราต้องถอดรองเท้าใส่ถุงพลาสติกซึ่งจะมีคนยืนแจกตอนขึ้นรถนั่นเอง บนรถก็จะมีน้ำเปล่าแจกคนละขวด ในรถจะแบ่งเป็น 2 ชั้น 3แถว แถวละ2เบาะติดกัน
เรา7คน ได้นั่งประมาณช่วงกลางๆค่ะ ตั๋วรถไม่ได้ระบุที่นะคะ เลือกกันได้เลยตามสะดวกหรือตามที่เหลือนั่นแหละ ฮ่าๆ เบาะรถออกแบบมาสำหรับการนอนได้สบายๆ แต่ถ้าคนที่สูงมากๆน่าจะแอบเมื่อยนิดนึง พอขึ้นรถ จัดระเบียบกระเป๋ากันเรียบร้อยแล้ว พวกเราก็
พร้อมใจกันสลบยาวทันทีเลยค่ะ หลับกันไปตอนไหนก็ไม่รู้ : )
เดี๋ยวมาต่อที่comment นะคะ