ความจริงอยู่ตรงหน้า มีแต่เราที่ไม่กล้ายอมรับความจริง ? จากผู้ชายจีนยูนนานคนนี้

กระทู้คำถาม
พลอย(นามสมมุติ) เป็นสาวออฟฟิศมา 8 ปี  ตัดสินใจลาออกมาเปิดธุรกิจเล็กๆ ด้านความสวยความงามกับน้อง และที่นี่แหละที่โคจรให้เราได้พบกัน
ลูกค้าที่ร้านมีทุกเพศ ทุกวัย ทั้งไทย และต่างชาติ    ลูกค้าต่างชาติที่ร้านส่วนใหญ่จะเป็นนักศึกษา  รวมถึงคุณเจ๋อด้วย (นามสมมุติ) คุณเจ๋อเป็นนักศึกษา
มหาลัยแห่งหนึ่งบนถ.เสรีไทย  ครั้งแรกที่เจอกันหลังจากที่พลอยเปิดร้านได้ 4 เดือน เค้ามาร้านพลอย เพราะร้านประจำเค้าปิด  แล้ววันรุ่งขึ้น เค้าต้องเดินทางพาแม่ไปเที่ยวที่อินเดีย เค้าจะใช้สรรพนามว่า พี่พลอย กับเจ๋อ  เจอเจ๋อครั้งแรกพลอยคิดว่าเค้าหน้าตาเหมือนยายใส่เเว่นที่เลี้ยงนกทวิตตี้ The Sylvester & Tweety  ดูไม่มีพิษมีภัย  เฟรนด์ลี่  สุภาพ และดูฉลาดเวลาสนทนาได้  
   เจ๋อ ------- "พี่พลอยตกแต่งร้านเป็นโทนชมพู นึกว่ารับเฉพาะลูกค้าเพศหญิง และตอนเย็นที่เจ๋อเห็นส่วนใหญ่จะมีแต่ลูกค้าผู้หญิงสวยๆ"
  พี่พลอย--- "อ๋อ น้องๆพริตตี้/ PR ส่วนใหญ่เป็นลูกค้าประจำ  เด็กๆกลุ่มนี้ขยันนะทำงานด้วยเรียนไปด้วย  บางคนก็ส่งเงินกลับบ้านให้พ่อแม่ด้วย"
  เจ๋อ ------ "พรุ่งนี้เจ๋อจะพาแม่ไปเที่ยวอินเดีย"
  พี่พลอย--- "ดีจังเห็นนักศึกษาวัยนี้ส่วนใหญ่จะพาแฟนไปเที่ยว เจ๋อพาแม่ไป ดีๆๆ น่ารักดี"
  เจ๋อ ------  "ไม่เข้าใจคำว่า น่ารัก เจ๋ออายุ 26 แล้วยังไม่มีแฟน แต่ถ้ามีก็อยากมีแฟนเป็นไทย ไปเรียนที่เบลเยี่ยมมา เจ๋อไม่ชอบกลิ่นตัวสาวยุโรป "
  พี่พลอย--- "น่ารักก็คือ cute  ส่วนพี่อายุ 30 กว่าแล้วมีน้องๆที่ออฟฟิศ ที่มหาลัยเยอะแยะ  เจ๋อชอบผู้หญิงแบบไหนหล่ะ ผิวยังไง สูง ต่ำ ดำ ขาว"
  เจ๋อ ------  " Standard แบบพี่ครับ  พี่พลอยใส่รองเท้าสวยนะครับ" ** (รองเท้าแตะคีบรัดส้น)
  พี่พลอย -- "อาตี๋น้อยคนนี้มันพูดจาดีนะเนี่ยะ"
  เจ๋อ ------ "ขอบคุณครับ"
  พี่พลอย---"อ้าวฟังภาษาไทยออกด้วยนี่"  (เด็กคนนี้ไม่ธรรมดา)

      ขอบอกเลยว่าพลอยอายุเข้าเลข 3 แล้วกับคำพูดแบบนี้ ไม่ได้ทำให้หัวใจหวั่นไหวอะไรเลย  ทุกครั้งที่มีลูกค้าต่างชาติ จะคิดเสมอว่าได้ฝึกภาษาด้วย  วันนี้ได้ฝึกทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาจีนด้วยนิดหน่อย  ตอนที่เปิดร้านใหม่ๆ ถ้าลูกค้ามาใช้บริการ 1,000 บาทขึ้นไปจะให้ของชำร่วยตัวนี้  แต่นี้เปิดมา 4 เดือนแล้วก็เหลือๆอยู่ไม่กี่ชิ้น  ก็เลยให้เจ๋อไป   เจ๋อบอกว่าจะพาไปอินเดียด้วย  ขอเป็นใน WeChat กับพี่พลอย  ถึงอินเดียจะส่งรูปมาให้ คือประมาณว่าถ้าไปเช็คอินที่ไหน สถานที่ที่อินเดียก็จะถ่ายคู่กับของนี้ส่งมาให้พลอย
  
     หลังจากนั้นก็คุยกันบ้างใน Wechat เค้าไป 3 เดือน  คุยกัน 4 ครั้ง ถามสารทุกข์สุขดิบทั่วไป ถามมาคำ ก็ตอบไปคำ ผ่านไป 3 เดือน เจ๋อกลับมาที่ร้านอีกครั้ง  พร้อมเพื่อนชายและอาหมวยคนจีน ที่พูดภาษาอังกฤษ และภาษาไทยไม่ได้เลย  เจ๋อไม่ได้มาเป็นลูกค้า แต่มาเป็นล่ามให้กับเพื่อน   มาอาทิตย์ละ 2 วัน จนวันสุดท้ายก่อนอาหมวยน้อยจะกลับจีน  เจ๋อเอาอาหมวยมาทิ้งไว้ที่ร้าน  พอตอนชำระเงิน อาหมวยน้อยคนสวยขอถ่ายรูปคู่กับเรา และให้ส่งรูปให้เจ๋อ (เพราะอาหมวยน้อยไม่ได้เอามือถือมาด้วย)  เพื่อบอกให้เจ๋อกับเพื่อนมารับอาหมวยได้แล้ว  สิ่งที่เจ๋อตอบมา I think you are much better na krab (นี่แหละคารมของเจ๋อเค้าหล่ะ น้ำหยดลงหิน ที่ละหน่อยแบบสุภาพ ขี้เล่น)  ถ้าเด็กๆสาววัยกระเตาะคงมีเคลิบเคลิ้ม  คลั่งไคล้กันบ้าง

      ใกล้จะสิ้นปี ผ่านวันคริสมาส เจ๋อมาที่ร้านเอาช๊อคโกแลตมาให้ พี่พลอย แต่พี่พลอยกับรุ่นพี่ผู้ชายก็กำลังสาละวนกับการแพ็คของส่งให้พี่ทหารชายแดนใต้  จากการรวบรวมเงินจากเพื่อนๆพี่  เภสัชหรือเจ้าของร้านที่พลอยไปซื้อก็ร่วมด้วย  ทำให้แพ็คของได้ครบทุกหน่วย อันนี้ขอที่อยู่ที่ไปรษณีย์ไทยได้เลยนะค่ะ บริการส่งฟรีสำหรับทหารชายแดนใต้  ไหนๆเจ๋อแวะมาแล้ว ก็เลยชวนมาม๊ะมาจอยกันจอยกันแพ็คของ  แต่แปลกที่เจ๋อไม่แตะของที่กองๆเลย  เอาแต่ถ่ายรูปพลอยอย่างเดียว  เจ๋อถามว่าปีใหม่พลอยไปไหน  พลอยบอกพลอยกลับบ้านต่างจังหวัด(อยู่ภาคเหนือตอนล่าง)  ส่วนเจ๋อกับเพื่อนจะไปแม่ฮ่องสอน เพื่อนเค้าต้องการไปซื้อพลอยเพื่อไปขายที่จีน  พลอยกลับบ้านได้ 2 วัน  ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังจากเครื่องซึ่งเป็นเบอร์ร้าน  ก็มั่นใจว่าแปะป้ายไว้แล้วว่าปิดปีใหม่  ปรากฎว่า เสียงปลายสายคือเจ๋อกับเพื่อนนั่นเอง เค้าสองคนเหมารถแท๊กซี่ตามมา  บอกว่ารถทัวร์เต็มเหมาแท๊กซี่มา ช่วยหาที่พักหน่อยได้ไหม เหมามาแค่นี้ ก็ถามว่าเค้าอยู่ไหน สรุปเเท๊กซี่ปล่อยเค้าไว้ที่ปั๊มน้ำมัน ห่างจากบ้านพลอย 30 กิโลเมตร  พลอยก็ขับรถไปรับ บ้านพลอยไม่ได้อยู่ในตัวเมือง อยู่ต่างอำเภอ ซึ่งไม่ค่อยมีที่พัก โรงแรมอะไรมากมาย  เทศกาลเกสเฮ้าท์ส่วนใหญ่ก็เต็ม  สรุปเลยให้ไปนอนบ้านของน้าพลอย  ซึ่งอยู่ใกล้ๆกับบ้านพลอยนั่นแหละ  ก็พาไปดูสวนมะละกอ  ดูต้นมะขามว่าใบมันมีลักษณะยังไง พาไปสวนมะพร้าว สวนลำใย สวนกล้วย สวนมะนาว สวนปาล์ม ไร่ข้าวโพด ที่บ้านทำสวนค่ะ แต่ละสวนก็ไม่ไกลกันมาก สามารถเดิน หรือแว๊นมอไซด์ได้ ดูเค้าจะตื่นเต้นกันมาก เย็นนั้นที่บ้านน้าเราทำบาบีคิวปิ้งย่าง หมูกระทะ กินกัน  ดูสองหนุ่มจีนจะมีความสุขมากสะเหลือเกินถ่ายรูปทุกช๊อท หลานๆน้าๆ เราและแม่ก็ก้มหน้าก้มตากิน กุ้งเผากัน  ส่วนเจ๋อไม่แตะกุ้งเลย  เจ๋อบอกว่าถ้ากิน เจ๋ออาจจะตาย  เพราะเจ๋อแพ้อาหารทะเล  วันรุ่งขึ้นกะว่าจะไปส่งที่บขส.ให้นั่งรถต่อไปแม่ฮ่องสอน  แต่เค้าถามเราว่า  ขนมที่กองๆ ตุ๊กตาเยอะแยะจะเอาไปทำอะไร  พี่พลอยก็ตอบไปว่าจะเอาไปแจกเด็กกะเหรี่ยงบนภูเขา  เจ๋อขอไปด้วย ตอนเย็นค่อยไปส่งเค้าที่บขส. สรุปก็มี พลอย แม่ หลาน  และอาตี๋อีก 2 คน  ไปก็ไปกัน  วันนั้นสนุกมาก เหนื่อยมากๆ  กลับลงจากภูเขาถึงบ้านก็โพล้เพล้  สรุปนอนที่นี่อีกคืน  แม่กับหลานสลบ  พลอยก็ขี้เกียจเข้าครัวทำกับข้าว  ก็พาไปกินที่ร้านของพี่ชายซึ่งพี่สะไภ้ขายอาหารตามสั่ง ขายของชำ  เย็นนั้นก็ย่างหมู ปลาเผา เพื่อนของเจ๋อช่วยอุดหนุนเบียร์ที่ร้านพี่ชาย  มีเพียงพี่ชายกับเพื่อนของเจ๋อนั่งดวลเบียร์กัน กันเจ๋อกับพลอยดวลอิชิตัน  ผ่านไป 2 คืน อีกวันก็พาเค้าไปส่งที่ บขส. ที่ตัวเมือง  พลอยปวดแขนขับรถไม่ไหว เลยวานให้เพื่อนสมัยมัธยมช่วยขับให้ ตอนขึ้นรถก็แปลกใจว่า ทำไมเพื่อนเจ๋อรีบกระโดดขึ้นรถ ไปนั่งหน้าคู่กับคนขับ พลอยกับเจ๋อก็นั่งข้างหลังกัน 2 คน  แม่ก็ยัดผลไม้สวนให้อาตี๋ ให้อาตี๋เอาไปกิน  ทั้งมะขาม มะละกอ มะพร้าวอ่อน แต่ระหว่างทางเราหิวกันมาก กินมะขาม ปาดมะละกอกินกันเลย (คนจีนมีความเชื่อว่าถ้าผู้หญิงกินมะละกอสุกเยอะๆหน้าอกจะใหญ่ ทฤษฎีนี้ไม่น่าเป็นไปได้นะ  เพราะพลอยไม่ชอบกินมะละกอสุก) พอถึง บขส.สรุปรถไม่มี  พลอยก็จองโรงแรมที่ติดบขส.ให้  เอาของวางไว้ที่ห้อง แล้วก็ไปหาข้าวมันไก่กิน ถ่ายรูปกับจุดท่องเที่ยง เจ๋อขอถ่ายรูปด้วย เพื่อนเจอเป็นช่างภาพ พลอยก็เรียกเพื่อนให้มาถ่ายด้วยกัน เจ๋อบอกไม่เอาจะถ่ายกับพี่พลอย ก่อนเสียงแชะ เจ๋อเอามือมาโอบไหล่  จากนั้นก็แยกย้าย ไจ้เจี้ยน  

    หลังจากวันนั้น  เจ๋อก็จะส่งรายงานตัวตลอดว่า ตอนนี้อยู่ที่ไหน ทำอะไร  ส่งรูปประกอบ  บางทีก็ video call มา  ซึ่งมาบอกชั้นทำไม  ส่งภาพมาว่าเพื่อนกินเบียร์นะ เจ๋อไม่ได้กินนะ (อันนี้ก็ไม่ได้อยากรู้  จะกินเบียร์กินเหล้ามันก็ปกติ ไม่ได้มองเป็นเรื่องใหญ่)  เค้าจะรายงานตัวตลอดเวลา มันเป็นเหมือนจิตวิทยา ว่าเค้าเหมือนโฟกัสและให้เกียรติเรา  เราก็อาจจะไว้ใจเค้าได้  วันนั้นเค้าก็สอนภาษาจีน  หว่อเฉียงหนี่  หนี่เฉียงหว่อมา  โดยที่ไม่รู้คำแปล  มาถามเค้าตอนหลังความหมายคือ ผมคิดถึงคุณ คุณคิดถึงผมไหม  เป็นไงเริ่มเจ้าเล่ห์แล้วใช่ไหม  
ตัดฉากมาที่กรุงเทพฯ พลอยกับมาเปิดร้านปกติ  ส่วนเจ๋อกับเพื่อนยังลั้นลาอยู่ตลาดพลอย  หลังจากนั้น  3 วันเค้าก็กลับมาพร้อมของฝาก กำไรหินสีชมพู  คือช่วงนั้นเป็นช่วงแรกๆที่ไทยฮิตมาก ขายกันเส้นละหลายบาท  ที่แม่ฮ่องสอนอยู่ที่หลักสิบ-หลักร้อย  จากนั้นไม่นาน  แม่ของเจ๋อก็มาเที่ยวที่ไทย  เดินไปมาสองแม่ลูก  วันไหนแม่เค้าทำกับข้าว เจ๋อก็จะมาชวนให้ลองไปกินอาหารฝีมือแม่เค้า  เค้าเช่าอพาร์ทเม้นท์อยู่ใกล้ๆร้านเรา  ส่วนเพือนเค้าอีกคนเช่าอีกห้อง  ส่วนใหญ่จะไปทำที่ห้องเพื่อนเค้า  เพราะกว้างกว่าหน่อย และมีตู้เย็น   เช้ามาร้าน พอสักบ่ายๆก็มาชวนกินข้าว  สักหกโมงก็มาชวนอีก  เวลาอยู่กัน  4 คน  คือฟังภาษาจีนไม่ออก  ได้แค่เบสิก  อร่อย ดี เอา ไม่เอา  ทิงปู่ต๋ง  สวน เถียน ขู่ ล่า เฉี๋ยน  ก้มหน้าก้มตาใช้ตะเกียบคีบ กินๆ ผู้ใหญ๋ทำให้กิน   สักอาทิตย์นึงแม่พลอยโทรมาบอกว่าที่บ้านมีงาน  ให้กลับบ้านด่วน  แม่อยากเล่นเฟสบุ๊ค  ไลน์  ซื้อมือถือมาให้ด้วย  ก็บอกกับเจ๋อว่า  แม่ไม่ต้องทำกับข้าวเผื่อนะ  จะกลับบ้าน   จะไปหาซื้อมือถือให้แม่

      เค้าใช้คำว่า แม่อยู่กรุงเทพก็อยู่แต่ในเมือง เที่ยวห้าง ไม่ได้ไปไหน  อยากให้แม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดบ้าง  โอ้โห  ประโยคนี้ระทวยสิค่ะ  จะเหลือเรอะ  อารัมบทด้วยคำว่าแม่  พลอยเลยหลุดปาก อืมถ้าอยากไปก็จะพาไปด้วยก็ได้  เราก็โทรไปบอกแม่ก่อนว่า พรุ่งนี้จะพาเจ๋อกับแม่เค้าไปด้วย ส่วนเจ๋อกับแม่ก็หายไปเลย นางไปช๊อปของขวัญ กาแฟ คุ๊กกี้ไปฝากแม่กับน้า เช้าวันรุ่งขึ้นพลอยก็แวะมาร้านมารับเจ๋อกับแม่ ซึ่งเค้ากับแม่ยืนรอหน้าร้านแล้ว เจ๋อหอบหิ้วถุงกระดาษห้างเดอะมอลล์พะรุงพะรัง  แม่ของเจ๋อหลับตลอดทาง  ตื่นตอนแวะปั๊ม  แวะกินข้าว แวะไหว้พระ  แม่ต้อนรับด้วยน้ำมะพร้าวอ่อนที่บ้านเราเยอะแยะ  1 ทะลาย  แม่เจ๋อชอบมะขามหวานมากๆ พาไปออกกำลังกายรดน้ำสวนมะนาวด้วยสายยาง  กลับมาก็ทำอะไรกินกัน  คุยกันพี่ป้าน้าอาอยู่กันครบ  เราก็เคลิ้มๆ หลับคาโซฟาที่บ้านน้าเลย  ขับรถใช้สมาธิตลอดทาง  พาแนะนำสถานที่นั่นนี้ มันก็เพลียเหมือนกันแหะ เป็นวันนั้นของเดือนด้วย  กินข้าวเสร็จกินดีคอลเจนไป 2 เม็ด  มารู้ตัวอีกที เหมือนมีคนอยู่ข้างๆ ลืมตาตื่นสะลืมสะลือ  ไม่ทันละปากเจ๋อมาประกบปากเราละ  ตอนนี้คือเพลียมาก  ไม่ได้รู้สึกเคลิบเคลิ้มอะไร ง่วง หมดแรงรวบรวมแรงทั้งหมดผลักเค้าออก  แรงเท่ามด  เจ๋อเป็นอย่างบูมเมอแรง  ขว้างไปยิ่งแรงยิ่งกลับมาเร็ว  สุดท้ายรวบรวมสติ ลุกขึ้น  และด่าไปว่า  ปู้ห่าว  และเดินกลับมานอนบ้าน  วันรุ่งขึ้นตื่นสายมาก  ไม่ได้ใส่บาตร  ตื่นมาแม่ไปสวนแล้ว  ได้ยินเสียงชิงช้าหน้าบ้าน  แม่ลูกสองคู่นี้โล้ชิงช้ากันอยู่   เดินหัวฟู  ออกมาเจอเจ๋อตัวดี  ทำหน้าระรื่นมาก  ก็รีบมาอาบน้ำแปรงฟัน  ตามแม่ที่สวนมากินข้าว สอนแม่ใช้มือถือ  line  Wechat  เจ๋อตั้งใจสอนแม่มาก  และถือวิสาสะตั้งกรุ๊ป Wechat Kunming –Thailand เจ๋อแอดพ่อเจ๋อ แม่เจ๋อ เรียบร้อย  พลอยสะตั๊นไป 3 วิ  จากนั้นก็เดินทางกลับกทม. ก่อนกลับแม่พาไปเที่ยวถ้ำ  แม่จัดมะนาว มะพร้าว มะละกอ มันสำปะหลัง มะขามหวาน  ผลไม่โปรดที่แม่เจ๋อชอบมากๆ  ใส่รถกลับมายังเมืองกรุง ระหว่างทาง  เจ๋อพูดๆแต่เรื่องที่จูบ  นั่นคือจูบแรกของเจ๋อ แม่เค้าไม่รู้ภาษาไทยเลย  ภาษาอังกฤษก็ไม่ได้  เจื้อยเเจ้วตลอดทาง  เริ่มไม่อยากจะหันหน้าไปมอง  หยิบหมวกมาใส่ หยิบแว่นตากันแดดมาใส่  พราง

      มาถืงก็ดึกมาก  วันรุ่งขึ้นเปิดร้านตามปกติ  ช่วง 5 โมงเริ่มมีอาการปวดท้อง จึงปิดร้านนอนในร้านนั่นแหละ  เจ๋อโทรเข้ามาว่า ทำไมปิดร้านเร็ว  เราบอกว่านอนพักในร้าน  ปวดท้อง  สักพักมีคนมาเคาะประตู  เจ๋อกับแม่ให้ไปนอนที่ห้อง เราก็ปฎิเสธ  แต่เหมือนโดนหิ้วปีกไปเลย เข้าไปในห้อง  เป็นห้องสตูดิโอ  เปิดไปก็เจอเตียงนอนเลย  มีที่นอนปิคนิกปูที่พื้น  เราก็ล้มตัวนอนเลย  หลังจากโด๊ปยาไปแล้ว 2 เม็ด หลับไม่ฝันเลยทีเดียว  ตื่นมาอีกทีห้องมืด  ได้ยินเสียงแม่ลูกคุยกันที่ระเบียง  โอ้โหเค้ากลัวเราตื่น  เค้าไปนั่งคุยกันที่ระเบียง  แม่เจ๋อก็ถามว่าทำไมถึงปวดท้องมาก  เราก็บอกว่า เราเป็นซีส  เปิดกูเกิ้ลแปลภาษาอังกฤษให้เจ๋ออ่าน  เจ๋ออธิบายให้แม่ฟัง  เราไม่รู้หรอกว่าเค้าคุยกันว่าอะไร  แต่ฟังจากน้ำเสียงน่าวิตกมากเจ๋อบอกว่าถ้าไปจีน  แม่อยากพาไปตรวจที่จีน**  หลังจากนั้นไม่นานวันที่ 26 มกราคม  แม่เค้าก็กลับจีน
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่