ไม่ขอพูดมากนะคะ เข้าเรื่องเลยแล้วกัน...
เรื่องมีอยู่ว่า...เรามีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งซี๊กันมาก(แก๊งค์เรามี 5 คนแต่สนิทที่สุดเพียงคนเดียว) เรารู้จักกันตอนม.ปลาย เพื่อนเราคนนี้เป็นคนนิสัยดีค่ะ มองโลกในแง่ดี ซึ่งแตกต่างจากเราพอสมควร ดูเหมือนนางฟ้ากับซาตาน เพราะเพื่อนเราเค้านิสัยดีทุกอย่าง หรือบางทีเรียกว่าดีจนเกินไปด้วยซ้ำ แต่เราจะออกแนวห้าวๆพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา แต่ความดีตรงนั้นบางทีมันเกินไปจนอาจนำมาซึ่งความทุกข์ก็ได้ อย่างเช่น เพื่อนเราเค้าชอบทำงานให้เพื่อนไม่ว่าจะงานกลุ่มงานเดี่ยวทำให้หมด จากนั้นก็จะมาบ่นให้เราฟังว่าเหนื่อย บ่นนั่นบ่นนี่ไปเรื่อย เราก็ทำได้แค่รับฟัง ให้คำปรึกษา บางทีก็ไปโวยไอ่เพื่อนที่ไม่มีความรับผิดชอบคนนั้นซะเลย เพราะยังไงเพื่อนเราเค้าก็ไม่กล้าพูดบอกกล่าวอะไรใครหรอกค่ะปะเดี๋ยวจะเสียบุคลิกคนดีของเค้า และมีเรื่องหนึ่งซึ่งทำเราเสียเซลมาก คือ...
มีการสอบปลายภาคซึ่งเราก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เอาสมุดแล็คเชอร์มาอ่านที่โรงเรียนก่อนเข้าห้องสอบ แต่เพื่อนเราเค้าไม่ได้อ่านมา ด้วยความเป็นเพื่อนเราก็เลยให้เพื่อนยืมอ่านเพราะเราก็เตรียมตัวมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่คะแนนออกมาคือเราสอบตก แต่เพื่อนเราสอบผ่าน เราก็ไม่เข้าใจเลยไปถามเพื่อนว่า "ไหนบอกไม่ได้อ่านมาไงทำไมทำได้" เพื่อนเราตอบว่า "อ่านมาจากสมุดของเธอ" เรายิ่งงง?ก็เลยไปถามอาจารย์ อาจารย์ก็ให้ดูคำตอบนะคะซึ่งเหมือนกันทุกประการ นั่นยิ่งเพิ่มความสงสัยให้เราเข้าไปอีกเราก็ถามอาจารย์ว่า "ทำไมหนูถึงสอบไม่ผ่าน แต่ทำไม...ถึงสอบผ่าน" คำตอบที่ได้คือ..."เพราะ...เลขที่ก่อนเธอไง เธอเลขที่ทีหลังซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเธออาจเป็นคนลอกเค้า และอีกอย่างในห้องเธอก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไร แต่...เค้าตั้งใจเรียนถามอะไรก็ตอบได้หมด" (เราเรียนเก่งกว่าเพื่อนเรานะ ไม่ได้อวยตัวเองแต่ดูจากผลการเรียนทุกปีและแทบทุกวิชา คือติด Top1ใน3 เพียงแต่ในห้องเราไม่ชอบแสดงออก อยู่นิ่งๆไม่ค่อยเป็นดูๆเหมือนเด็กสมาธิสั้นประมาณนั้น) เราก็พยายามอธิบายให้อาจารย์เข้าใจว่าเราเป็นคนคิดคำตอบ เอาสมุดให้ดูก็แล้วอาจารย์ก็ไม่เชื่อ แถมให้เราออกไปทำโจทย์(ใหม่)ให้ดูอีก แต่เพื่อนเรากลับไม่ได้ทำซะงั้น เราก็ทำได้นะ แต่กลับได้คะแนนแค่ครึ่งเดียว
เหตุการณ์ต่อมา คือ...
เราเรียนจบม.ปลายแยกย้ายกันไป แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่บ่อยๆ เวลามีงานโรงเรียน ทางอาจารย์จะเชิญเค้าไปร่วมกิจกรรมตลอดซึ่งต่างจากเราไม่มีแม้แต่คำเชิญ ไม่มีแม้แต่จดหมาย แต่เราก็เสนอหน้าไปทุกงานเพราะคิดว่าในฐานะศิษย์เก่าน่าจะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนโรงเรียนบ้าง แต่เค้าเคยมาแค่งานเดียวซึ่งงานนั้นก็เป็นเราอีกนั่นแหละที่ลากเค้ามา เพราะงานก่อนๆที่เค้าไม่มาเราต้องเป็นคนคอยตอบคำถามพวกอาจารย์แทนเค้าว่าทำไม...ถึงไม่มา สารพัดคำถาม ซึ่งคำตอบนั้นเราก็ต้องหาคำตอบที่สวยหรูไปตอบ แต่...เหตุผลที่เค้าไม่มาส่วนมากก็ติดแฟน ไม่อยากเจอเพื่อน ไม่อยากเจอหน้าอาจารย์ เบื่อ ไม่แคร์ความรู้สึกใครทั้งนั้น นี่คือเหตุผลของเค้า ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้นทั้งๆที่อาจารย์ทุกคนก็รักเค้า ดูแลเค้าดีกว่าคนอื่นๆซะอีก แทบจะทุกเรื่องที่เราต้องรับหน้าแทนซึ่งเค้าก็ไม่ได้รู้ร้อนรูหนาวอะไรเลย
เหตุการณ์ต่อมา นี่น่าจะหนักสุด คือ...
เค้ามีแฟนค่ะ ให้ความสำคัญกับแฟนมาก ยอมทิ้งแม้กระทั่งเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ การเรียน ตอนเค้ามีปัญหากับแฟนจะมาระบายให้เราฟังพอสบายใจก็จากไป แต่พอเรามีเรื่องไม่สบายใจจะไปปรึกษาเค้า แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเรากลับต้องเป็นฝ่ายไปปลอบเค้า แถมยังได้คำตอบที่ว่า...ใครจะเป็นยังไงก็ชั่ง ฉันไม่อยากคิดถึงใครทั้งนั้น แค่เรื่องตัวเองก็เหนื่อยมากแล้ว เราก็เลยไม่อยากเอาปัญหาไปใส่สมองเค้า ปล่อยให้เค้าปวดหัวเรื่องแฟนเค้าต่อไป ต่อมาวันหนึ่ง...แฟนเค้ามาจีบเรา เราก็ไม่รู้ว่านั่นแฟนเพื่อน เพื่อนก็ไม่รู้ว่านั่นแฟนตัวเอง เพราะเราแค่คุยโทรศัพท์กัน แต่เรารู้สึกดีกับเค้ามากๆ มีวันหนึ่งคุยกันแล้วเราเปิดลำโพงเพื่อนก็ได้ยินเสียงด้วย เพื่อนก็คอนเฟิร์มว่าใช่แฟนตัวเอง เราก็หาเรื่องจับผิดจนเค้ารับสารภาพ ช่วงก่อนหน้านั้นเราก็รู้สึกดีกับเค้าเรียกว่ารักเลยก็ว่าได้ รู้อย่างนั้นก็ทั้งเสียใจทั้งโกธรแต่ก็ยอมถอย และรับไม่ได้กับสิ่งที่เค้าทำกับความรู้สึกของเราถึงขนาดให้เพื่อนเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน แต่เพื่อนเราก็เลือกแฟนนะคะอย่างว่าเค้าไม่ได้แคร์ความรู้สึกเราเลย จนวันหนึ่งเค้าเลิกกันเพื่อนก็กลับมาหาเรา เราก็ให้อภัยเค้านะเพราะคิดว่าเพื่อนยังไงก็ตัดกันไม่ขาด สิ่งที่เราไม่ชอบในตัวเพื่อนเราอย่างหนึ่งคือ...ชอบโพส FB พูดจาเหมือนดูดีมาก เป็นคนมีเหตุผลมาก แต่ในทางกระทำซึ่งไม่มีใครจะรู้เลยว่าตรงกันข้ามแค่ไหน ในเมื่อโพสไปแบบนั้นก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน แถมรู้วิธีแก้อีกต่างหากแต่กลับไม่ทำ แล้วจะโพสให้ตัวเองดูดี เพื่อ??
หลายครั้งที่เพื่อนเราชอบคิดถึงแต่ตัวเอง โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้าง จนบางทีเราก็อดน้อยใจไม่ได้ ภายใต้ความดีบางทีก็ซ่อนความเห็นแก่ตัวเอาไว้ และแทบจะทุกปัญหาที่เราต้องคอยอยู่ข้างหลัง คอยแก้ปัญหาให้ รับฟังตลอด เรื่องดีๆไม่เคยบอก เรื่องแย่ๆนี่โยนให้ทุกทีสิน่าาาา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นถังขยะที่เมื่อทิ้งปัญหาไว้แล้วก็ไปยังไงยังงั้น แต่พอถึงทีเรากลับไม่สนใจแม้จะรับฟังอะไรเลย...
เราอยากรู้ว่า...ถ้ามีเพื่อนแบบนี้จะตัดเค้าออกไปจากชีวิตดีมั๊ย?? เพราะเรายังมองไม่เห็นสิ่งที่เค้าทำให้เราในฐานะเพื่อนเลย ตั้งแต่ไม่ยอมบอกอาจารย์เรื่องคะแนนสอบ ปล่อยฝฃให้เราแก้ต่างให้เรื่องกิจกรรมโรงเรียน จนถึงขนาดพูดออกจากปากว่ายอมทิ้งเพื่อนได้ถ้าต้องให้เลือกระหว่างแฟน
สุดท้ายนี้...ขอบคุณที่เข้ามารับฟัง เพราะเราไม่รู้จะไปปรึกษาใครจริงๆ บางเรื่องคงเขียนออกนอกลู่นอกทางบ้าง คือเรื่องมันยาวมากๆและซับซ้อนเราก็ไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไง ขนาดเขียนเองยังงงเองเลยไม่รู้บ่นอะไรไปบ้าง5555 อ่านช่วงวรรคสุดท้ายก็ได้นะนั่นแหละประเด็นสำคัญ!!
ถ้ามีเพื่อนแบบนี้จะทำยังไงดี?
เรื่องมีอยู่ว่า...เรามีเพื่อนคนหนึ่งซึ่งซี๊กันมาก(แก๊งค์เรามี 5 คนแต่สนิทที่สุดเพียงคนเดียว) เรารู้จักกันตอนม.ปลาย เพื่อนเราคนนี้เป็นคนนิสัยดีค่ะ มองโลกในแง่ดี ซึ่งแตกต่างจากเราพอสมควร ดูเหมือนนางฟ้ากับซาตาน เพราะเพื่อนเราเค้านิสัยดีทุกอย่าง หรือบางทีเรียกว่าดีจนเกินไปด้วยซ้ำ แต่เราจะออกแนวห้าวๆพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา แต่ความดีตรงนั้นบางทีมันเกินไปจนอาจนำมาซึ่งความทุกข์ก็ได้ อย่างเช่น เพื่อนเราเค้าชอบทำงานให้เพื่อนไม่ว่าจะงานกลุ่มงานเดี่ยวทำให้หมด จากนั้นก็จะมาบ่นให้เราฟังว่าเหนื่อย บ่นนั่นบ่นนี่ไปเรื่อย เราก็ทำได้แค่รับฟัง ให้คำปรึกษา บางทีก็ไปโวยไอ่เพื่อนที่ไม่มีความรับผิดชอบคนนั้นซะเลย เพราะยังไงเพื่อนเราเค้าก็ไม่กล้าพูดบอกกล่าวอะไรใครหรอกค่ะปะเดี๋ยวจะเสียบุคลิกคนดีของเค้า และมีเรื่องหนึ่งซึ่งทำเราเสียเซลมาก คือ...
มีการสอบปลายภาคซึ่งเราก็เตรียมตัวมาเป็นอย่างดี เอาสมุดแล็คเชอร์มาอ่านที่โรงเรียนก่อนเข้าห้องสอบ แต่เพื่อนเราเค้าไม่ได้อ่านมา ด้วยความเป็นเพื่อนเราก็เลยให้เพื่อนยืมอ่านเพราะเราก็เตรียมตัวมาก่อนหน้านั้นแล้ว แต่คะแนนออกมาคือเราสอบตก แต่เพื่อนเราสอบผ่าน เราก็ไม่เข้าใจเลยไปถามเพื่อนว่า "ไหนบอกไม่ได้อ่านมาไงทำไมทำได้" เพื่อนเราตอบว่า "อ่านมาจากสมุดของเธอ" เรายิ่งงง?ก็เลยไปถามอาจารย์ อาจารย์ก็ให้ดูคำตอบนะคะซึ่งเหมือนกันทุกประการ นั่นยิ่งเพิ่มความสงสัยให้เราเข้าไปอีกเราก็ถามอาจารย์ว่า "ทำไมหนูถึงสอบไม่ผ่าน แต่ทำไม...ถึงสอบผ่าน" คำตอบที่ได้คือ..."เพราะ...เลขที่ก่อนเธอไง เธอเลขที่ทีหลังซึ่งอาจเป็นไปได้ว่าเธออาจเป็นคนลอกเค้า และอีกอย่างในห้องเธอก็ไม่ได้ตั้งใจเรียนอะไร แต่...เค้าตั้งใจเรียนถามอะไรก็ตอบได้หมด" (เราเรียนเก่งกว่าเพื่อนเรานะ ไม่ได้อวยตัวเองแต่ดูจากผลการเรียนทุกปีและแทบทุกวิชา คือติด Top1ใน3 เพียงแต่ในห้องเราไม่ชอบแสดงออก อยู่นิ่งๆไม่ค่อยเป็นดูๆเหมือนเด็กสมาธิสั้นประมาณนั้น) เราก็พยายามอธิบายให้อาจารย์เข้าใจว่าเราเป็นคนคิดคำตอบ เอาสมุดให้ดูก็แล้วอาจารย์ก็ไม่เชื่อ แถมให้เราออกไปทำโจทย์(ใหม่)ให้ดูอีก แต่เพื่อนเรากลับไม่ได้ทำซะงั้น เราก็ทำได้นะ แต่กลับได้คะแนนแค่ครึ่งเดียว
เหตุการณ์ต่อมา คือ...
เราเรียนจบม.ปลายแยกย้ายกันไป แต่ก็ยังติดต่อกันอยู่บ่อยๆ เวลามีงานโรงเรียน ทางอาจารย์จะเชิญเค้าไปร่วมกิจกรรมตลอดซึ่งต่างจากเราไม่มีแม้แต่คำเชิญ ไม่มีแม้แต่จดหมาย แต่เราก็เสนอหน้าไปทุกงานเพราะคิดว่าในฐานะศิษย์เก่าน่าจะทำอะไรเพื่อเป็นการตอบแทนโรงเรียนบ้าง แต่เค้าเคยมาแค่งานเดียวซึ่งงานนั้นก็เป็นเราอีกนั่นแหละที่ลากเค้ามา เพราะงานก่อนๆที่เค้าไม่มาเราต้องเป็นคนคอยตอบคำถามพวกอาจารย์แทนเค้าว่าทำไม...ถึงไม่มา สารพัดคำถาม ซึ่งคำตอบนั้นเราก็ต้องหาคำตอบที่สวยหรูไปตอบ แต่...เหตุผลที่เค้าไม่มาส่วนมากก็ติดแฟน ไม่อยากเจอเพื่อน ไม่อยากเจอหน้าอาจารย์ เบื่อ ไม่แคร์ความรู้สึกใครทั้งนั้น นี่คือเหตุผลของเค้า ซึ่งเราก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเค้าถึงคิดแบบนั้นทั้งๆที่อาจารย์ทุกคนก็รักเค้า ดูแลเค้าดีกว่าคนอื่นๆซะอีก แทบจะทุกเรื่องที่เราต้องรับหน้าแทนซึ่งเค้าก็ไม่ได้รู้ร้อนรูหนาวอะไรเลย
เหตุการณ์ต่อมา นี่น่าจะหนักสุด คือ...
เค้ามีแฟนค่ะ ให้ความสำคัญกับแฟนมาก ยอมทิ้งแม้กระทั่งเพื่อน พี่น้อง พ่อแม่ การเรียน ตอนเค้ามีปัญหากับแฟนจะมาระบายให้เราฟังพอสบายใจก็จากไป แต่พอเรามีเรื่องไม่สบายใจจะไปปรึกษาเค้า แต่สิ่งที่ได้กลับมาคือเรากลับต้องเป็นฝ่ายไปปลอบเค้า แถมยังได้คำตอบที่ว่า...ใครจะเป็นยังไงก็ชั่ง ฉันไม่อยากคิดถึงใครทั้งนั้น แค่เรื่องตัวเองก็เหนื่อยมากแล้ว เราก็เลยไม่อยากเอาปัญหาไปใส่สมองเค้า ปล่อยให้เค้าปวดหัวเรื่องแฟนเค้าต่อไป ต่อมาวันหนึ่ง...แฟนเค้ามาจีบเรา เราก็ไม่รู้ว่านั่นแฟนเพื่อน เพื่อนก็ไม่รู้ว่านั่นแฟนตัวเอง เพราะเราแค่คุยโทรศัพท์กัน แต่เรารู้สึกดีกับเค้ามากๆ มีวันหนึ่งคุยกันแล้วเราเปิดลำโพงเพื่อนก็ได้ยินเสียงด้วย เพื่อนก็คอนเฟิร์มว่าใช่แฟนตัวเอง เราก็หาเรื่องจับผิดจนเค้ารับสารภาพ ช่วงก่อนหน้านั้นเราก็รู้สึกดีกับเค้าเรียกว่ารักเลยก็ว่าได้ รู้อย่างนั้นก็ทั้งเสียใจทั้งโกธรแต่ก็ยอมถอย และรับไม่ได้กับสิ่งที่เค้าทำกับความรู้สึกของเราถึงขนาดให้เพื่อนเลือกระหว่างเพื่อนกับแฟน แต่เพื่อนเราก็เลือกแฟนนะคะอย่างว่าเค้าไม่ได้แคร์ความรู้สึกเราเลย จนวันหนึ่งเค้าเลิกกันเพื่อนก็กลับมาหาเรา เราก็ให้อภัยเค้านะเพราะคิดว่าเพื่อนยังไงก็ตัดกันไม่ขาด สิ่งที่เราไม่ชอบในตัวเพื่อนเราอย่างหนึ่งคือ...ชอบโพส FB พูดจาเหมือนดูดีมาก เป็นคนมีเหตุผลมาก แต่ในทางกระทำซึ่งไม่มีใครจะรู้เลยว่าตรงกันข้ามแค่ไหน ในเมื่อโพสไปแบบนั้นก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจแล้วว่าปัญหามันอยู่ที่ตรงไหน แถมรู้วิธีแก้อีกต่างหากแต่กลับไม่ทำ แล้วจะโพสให้ตัวเองดูดี เพื่อ??
หลายครั้งที่เพื่อนเราชอบคิดถึงแต่ตัวเอง โดยไม่สนใจความรู้สึกของคนรอบข้าง จนบางทีเราก็อดน้อยใจไม่ได้ ภายใต้ความดีบางทีก็ซ่อนความเห็นแก่ตัวเอาไว้ และแทบจะทุกปัญหาที่เราต้องคอยอยู่ข้างหลัง คอยแก้ปัญหาให้ รับฟังตลอด เรื่องดีๆไม่เคยบอก เรื่องแย่ๆนี่โยนให้ทุกทีสิน่าาาา รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นถังขยะที่เมื่อทิ้งปัญหาไว้แล้วก็ไปยังไงยังงั้น แต่พอถึงทีเรากลับไม่สนใจแม้จะรับฟังอะไรเลย...
เราอยากรู้ว่า...ถ้ามีเพื่อนแบบนี้จะตัดเค้าออกไปจากชีวิตดีมั๊ย?? เพราะเรายังมองไม่เห็นสิ่งที่เค้าทำให้เราในฐานะเพื่อนเลย ตั้งแต่ไม่ยอมบอกอาจารย์เรื่องคะแนนสอบ ปล่อยฝฃให้เราแก้ต่างให้เรื่องกิจกรรมโรงเรียน จนถึงขนาดพูดออกจากปากว่ายอมทิ้งเพื่อนได้ถ้าต้องให้เลือกระหว่างแฟน
สุดท้ายนี้...ขอบคุณที่เข้ามารับฟัง เพราะเราไม่รู้จะไปปรึกษาใครจริงๆ บางเรื่องคงเขียนออกนอกลู่นอกทางบ้าง คือเรื่องมันยาวมากๆและซับซ้อนเราก็ไม่รู้จะจับต้นชนปลายยังไง ขนาดเขียนเองยังงงเองเลยไม่รู้บ่นอะไรไปบ้าง5555 อ่านช่วงวรรคสุดท้ายก็ได้นะนั่นแหละประเด็นสำคัญ!!