*** รีวิวกระทู้แรกค่ะ ไม่ถูกใจใครขออภัยด้วย ***
เพิ่งไปดูมาสดๆ เมื่อตอน 2 ทุ่มเลยค่ะ กลับถึงบ้านก็เอาเลย อยากเล่า เดี๋ยวลืม
ขอเกริ่นก่อนว่าส่วนตัวแล้วแปลกใจนิดหน่อยกับเรื่องนี้ค่ะ แต่ไม่ถึงกับต้องร้อง "อะไรวะเนี่ย?"
เพราะหนังพี่เต๋อเค้าที่ทำเองก็ประมาณนี้ แต่นี่คือมากำกับหนังค่ายดัง แถมค่ายก็ไฟเขียว
เลยไม่คิดว่าหนังจะออกมาอินดี้สไตล์แกอย่างนี้ น่าจะแมสๆ ดูง่ายๆหน่อย
เพราะตอนที่พี่เต๋อเขียนบทให้ GTH มันก็ต่างกับเรื่องนี้มาก (อย่างรถไฟฟ้า..มาหานะเธองี้)
หลังจากดูจบ สิ่งที่อยากถามคือ "ทีมที่ตัดต่อทีเซอร์ กับตัดต่อหนัง ทีมเดียวกันมั้ย?" คือถ้าเป็นคนละทีมกัน เราว่าตรงส่วนนี้แหละที่แย่ เพราะทีเซอร์มันทำให้คนดูคิดไปอีกอย่าง เราเองก็คิดว่า จะเป็นรักสามเศร้ามั้ย? ยุ่นกับหมอจะจีบกันยังไง? หรือสุดท้ายคดีพลิกเจ๋คือนางเอก? ...ทั้งๆที่ในหนังมันไม่ใช่ พอคนแห่ไปดู แล้วมันไม่เหมือนอย่างที่คิด ดราม่าก็เริ่มก่อตัว ที่เราคิดคือ GTH กำลังหาแนวทางใหม่ๆให้ตัวเอง แต่ควรแสดงให้เห็นตั้งแต่ในทีเซอร์ คือให้กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบแนวเดิมๆได้ตัดสินในบ้าง อันนี้คือในทีเซอร์และคลิปโปรโมทต่างๆมาแนวหนังรักคอมมาดี้แต่เนื้องานจริงมันไม่ค่อยเหมือน
เข้ามาที่ตัวหนังกันบ้าง ตัวหนังค่อนข้างมีกลิ่นอายของความเป็นหนังสั้น คือเริ่มเรื่องมาก็เอาและ เราขัดใจนิดหน่อยตรงที่กล้องสั่น ดูแล้วเวียนหัว แต่ดูไปซักพักก็ชิน (555) เราก็ดูๆ ไปจนจบ
หนังเรื่องนี้นานมากประมาณ 2 ชั่วโมงได้ สำหรับเวลาขนาดนี้ เนื้อเรื่องควรมีอะไรมากกว่านี้ไม่ใช่แค่ ยุ่นทำงาน>ยุ่นหาหมอ> ยุ่นทำงาน>ยุ่นหาหมอ.... ไม่มีจุดพีคของตัวหนัง เลยไม่รู้จะเอาอารมณ์ตัวเองไปใส่ไว้ตรงไหน
เข้าใจนะว่าอยากจะโฟกัสที่ชีวิตของฟรีแลนซ์คนนึงที่ทำงานมากไปจนร่างพัง แต่ถ้าคิดจะให้ฟรีแลนซ์คนนี้รักหมอคนนึงจนชีวิตรวนล่ะก็ บทหมออิมก็น่าจะเยอะกว่านี้หน่อยมั้ย? คือบทหมอน้อยมาก ถ่ายทำวันเดียวก็น่าจะเสร็จ แทบจะทั้งหมดในทีเซอร์ โลเกชั่นคือห้องตรวจ 90% อีก 10% คือหน้ารพ.(ฉากเดียว) ทั้งที่เป็นตัวแปรสำคัญของชีวิตยุ่น ดูไปชั่วโมง มีแค่นี้จริงๆค่ะ คือ ยุ่นทำงาน>ยุ่นหาหมอ พอถึงช่วงงานเริ่มหายกลายเป็นคนว่างงาน ยุ่นเลยเดินทางไปทะเล... แล้วไงอ่ะ? ไม่เกิดอะไรใดๆ ยุ่นโดนโทรตาม กลับมาทำงานอีกและ!
กว่ายุ่นจะผื่นหายก็ปาเข้าไป ชั่วโมงครึ่ง เราก็นึกว่าใกล้จบและต่อไปต้องมีเหตุการณ์อะไรของยุ่นกับหมอแน่ๆ ที่ไหนได้ กลับไปทำงานอีก! ทำจนร่างพังกว่าเดิมแล้วล้มตึงไป ซีนตรงนี้ที่ยุ่นคิดว่าจะตายเลยมโนเรื่องที่ชีวิตนี้ยังไม่ได้ทำ เราว่าเยอะไปหน่อย คือตรงนี้สามารถรวบรัดได้แต่ดันปล่อยยานไป หลังจากนั้นก็ไปฟื้นรพ. ใกล้จบแล้วล่ะมั้ง พอลืมตาคงเจอหมอมาเยี่ยมแล้วเกิดเหตุการณ์ไรแน่ๆ ไม่มีค่ะ! ไม่มีอะไรใดๆ แค่ฟื้นขึ้นมาแล้วคิดได้ว่าตัวเองทำงานหนักเกินไป แล้วกลับไปหาหมออีกครั้งเพื่อบอกว่า หยุดไปทะเลมา นั่งชิลๆ มีความสุขดี แล้วหมอก็รักษาผื่นที่ขึ้นมาใหม่ แล้วก็จบ
คือหนัง 2 ชั่วโมง ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าในทีเซอร์เลย
หลังจากจบก็คิดขึ้นมาว่า ใจความคืออะไร? ไปแว่บนึง...
ถามว่าชอบมั้ย? ก็ชอบนะ แต่ไม่ติดอันดับหนังใจดวงใจ
ไม่ได้รู้สึกประทับใจเท่าไหร่ ได้แต่ข้อคิดว่า "ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป" และ "งานก็สำคัญ แต่การได้ใช้ชีวิตในฐานะคนคนนึงก็สำคัญไม่แพ้กัน"
ไม่ได้มีความรู้สึกอยากบอกเพื่อนว่า "เฮ้ย! เรื่องนี้ต้องดูนะ" คือถ้าเพื่อนถามก็ตอบได้แค่ว่า "ก็ดีอ่ะ"
****สรุปความ****
- ถ้ามอง insight ถือว่าทำได้ดีเลยนะ แต่ละบทก็เข้าถึงตัวละครกันจริงๆ กัดจิกวงการนี้ได้เจ็บแสบแบบเนียนๆ อาจเพราะตัวจขกท.เองก็จบกราฟิกดีไซน์มาก็ได้(ดูแล้วอิน แต่ก็อย่างที่กล่าว มันค่อนข้างจะเฉพาะกลุ่ม)
- ถ้ามองว่าเป็นหนังของ GTH ก็ต้องบอกว่าไม่เจ๋งอย่างที่ผ่านมา ถ้าคิดจะเอาเรื่องนี้แปะชื่อค่ายแล้ว ก็น่าจะเป็นหนังที่พอดูจบเกิดความรู้สึกกินใจมากว่านี้ ไม่ใช่ให้คนดูคิดได้แค่ "จงทำงานแต่พอดีและดูแลสุขภาพไปพร้อมกัน" คือ insight ลึกๆ มันอาจจะมีมากกว่านี้ แต่เราคิดว่าคนที่มาดูหาความสุขชิลๆคงไม่ชอบเรื่องนี้ อินดี้ได้แต่ขอความเป็นสากลหน่อยก็ดี เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่กราฟิกดีไซน์
ปล.1 ถ้าเรื่องนี้เป็นของค่ายอื่นที่ไม่ใช่ GTH หนังอาจไม่ถูกคาดหวังขนาดนี้ก็ได้
ปล.2 ยุ่นพูดเชี้ยเยอะมาก เยอะเกินความจำเป็น ไม่รู้จะพูดเชี้ยเยอะไปทำเชี้ยอะไร
[CR] [สปอยหนัก] รีวิวหนังเรื่อง "ฟรีแลนซ์" หืม...คือระ?
เพิ่งไปดูมาสดๆ เมื่อตอน 2 ทุ่มเลยค่ะ กลับถึงบ้านก็เอาเลย อยากเล่า เดี๋ยวลืม
ขอเกริ่นก่อนว่าส่วนตัวแล้วแปลกใจนิดหน่อยกับเรื่องนี้ค่ะ แต่ไม่ถึงกับต้องร้อง "อะไรวะเนี่ย?"
เพราะหนังพี่เต๋อเค้าที่ทำเองก็ประมาณนี้ แต่นี่คือมากำกับหนังค่ายดัง แถมค่ายก็ไฟเขียว
เลยไม่คิดว่าหนังจะออกมาอินดี้สไตล์แกอย่างนี้ น่าจะแมสๆ ดูง่ายๆหน่อย
เพราะตอนที่พี่เต๋อเขียนบทให้ GTH มันก็ต่างกับเรื่องนี้มาก (อย่างรถไฟฟ้า..มาหานะเธองี้)
หลังจากดูจบ สิ่งที่อยากถามคือ "ทีมที่ตัดต่อทีเซอร์ กับตัดต่อหนัง ทีมเดียวกันมั้ย?" คือถ้าเป็นคนละทีมกัน เราว่าตรงส่วนนี้แหละที่แย่ เพราะทีเซอร์มันทำให้คนดูคิดไปอีกอย่าง เราเองก็คิดว่า จะเป็นรักสามเศร้ามั้ย? ยุ่นกับหมอจะจีบกันยังไง? หรือสุดท้ายคดีพลิกเจ๋คือนางเอก? ...ทั้งๆที่ในหนังมันไม่ใช่ พอคนแห่ไปดู แล้วมันไม่เหมือนอย่างที่คิด ดราม่าก็เริ่มก่อตัว ที่เราคิดคือ GTH กำลังหาแนวทางใหม่ๆให้ตัวเอง แต่ควรแสดงให้เห็นตั้งแต่ในทีเซอร์ คือให้กลุ่มผู้ที่ชื่นชอบแนวเดิมๆได้ตัดสินในบ้าง อันนี้คือในทีเซอร์และคลิปโปรโมทต่างๆมาแนวหนังรักคอมมาดี้แต่เนื้องานจริงมันไม่ค่อยเหมือน
เข้ามาที่ตัวหนังกันบ้าง ตัวหนังค่อนข้างมีกลิ่นอายของความเป็นหนังสั้น คือเริ่มเรื่องมาก็เอาและ เราขัดใจนิดหน่อยตรงที่กล้องสั่น ดูแล้วเวียนหัว แต่ดูไปซักพักก็ชิน (555) เราก็ดูๆ ไปจนจบ
หนังเรื่องนี้นานมากประมาณ 2 ชั่วโมงได้ สำหรับเวลาขนาดนี้ เนื้อเรื่องควรมีอะไรมากกว่านี้ไม่ใช่แค่ ยุ่นทำงาน>ยุ่นหาหมอ> ยุ่นทำงาน>ยุ่นหาหมอ.... ไม่มีจุดพีคของตัวหนัง เลยไม่รู้จะเอาอารมณ์ตัวเองไปใส่ไว้ตรงไหน
เข้าใจนะว่าอยากจะโฟกัสที่ชีวิตของฟรีแลนซ์คนนึงที่ทำงานมากไปจนร่างพัง แต่ถ้าคิดจะให้ฟรีแลนซ์คนนี้รักหมอคนนึงจนชีวิตรวนล่ะก็ บทหมออิมก็น่าจะเยอะกว่านี้หน่อยมั้ย? คือบทหมอน้อยมาก ถ่ายทำวันเดียวก็น่าจะเสร็จ แทบจะทั้งหมดในทีเซอร์ โลเกชั่นคือห้องตรวจ 90% อีก 10% คือหน้ารพ.(ฉากเดียว) ทั้งที่เป็นตัวแปรสำคัญของชีวิตยุ่น ดูไปชั่วโมง มีแค่นี้จริงๆค่ะ คือ ยุ่นทำงาน>ยุ่นหาหมอ พอถึงช่วงงานเริ่มหายกลายเป็นคนว่างงาน ยุ่นเลยเดินทางไปทะเล... แล้วไงอ่ะ? ไม่เกิดอะไรใดๆ ยุ่นโดนโทรตาม กลับมาทำงานอีกและ!
กว่ายุ่นจะผื่นหายก็ปาเข้าไป ชั่วโมงครึ่ง เราก็นึกว่าใกล้จบและต่อไปต้องมีเหตุการณ์อะไรของยุ่นกับหมอแน่ๆ ที่ไหนได้ กลับไปทำงานอีก! ทำจนร่างพังกว่าเดิมแล้วล้มตึงไป ซีนตรงนี้ที่ยุ่นคิดว่าจะตายเลยมโนเรื่องที่ชีวิตนี้ยังไม่ได้ทำ เราว่าเยอะไปหน่อย คือตรงนี้สามารถรวบรัดได้แต่ดันปล่อยยานไป หลังจากนั้นก็ไปฟื้นรพ. ใกล้จบแล้วล่ะมั้ง พอลืมตาคงเจอหมอมาเยี่ยมแล้วเกิดเหตุการณ์ไรแน่ๆ ไม่มีค่ะ! ไม่มีอะไรใดๆ แค่ฟื้นขึ้นมาแล้วคิดได้ว่าตัวเองทำงานหนักเกินไป แล้วกลับไปหาหมออีกครั้งเพื่อบอกว่า หยุดไปทะเลมา นั่งชิลๆ มีความสุขดี แล้วหมอก็รักษาผื่นที่ขึ้นมาใหม่ แล้วก็จบ
คือหนัง 2 ชั่วโมง ไม่ได้มีอะไรไปมากกว่าในทีเซอร์เลย
หลังจากจบก็คิดขึ้นมาว่า ใจความคืออะไร? ไปแว่บนึง...
ถามว่าชอบมั้ย? ก็ชอบนะ แต่ไม่ติดอันดับหนังใจดวงใจ
ไม่ได้รู้สึกประทับใจเท่าไหร่ ได้แต่ข้อคิดว่า "ไม่มีอะไรคงอยู่ตลอดไป" และ "งานก็สำคัญ แต่การได้ใช้ชีวิตในฐานะคนคนนึงก็สำคัญไม่แพ้กัน"
ไม่ได้มีความรู้สึกอยากบอกเพื่อนว่า "เฮ้ย! เรื่องนี้ต้องดูนะ" คือถ้าเพื่อนถามก็ตอบได้แค่ว่า "ก็ดีอ่ะ"
****สรุปความ****
- ถ้ามอง insight ถือว่าทำได้ดีเลยนะ แต่ละบทก็เข้าถึงตัวละครกันจริงๆ กัดจิกวงการนี้ได้เจ็บแสบแบบเนียนๆ อาจเพราะตัวจขกท.เองก็จบกราฟิกดีไซน์มาก็ได้(ดูแล้วอิน แต่ก็อย่างที่กล่าว มันค่อนข้างจะเฉพาะกลุ่ม)
- ถ้ามองว่าเป็นหนังของ GTH ก็ต้องบอกว่าไม่เจ๋งอย่างที่ผ่านมา ถ้าคิดจะเอาเรื่องนี้แปะชื่อค่ายแล้ว ก็น่าจะเป็นหนังที่พอดูจบเกิดความรู้สึกกินใจมากว่านี้ ไม่ใช่ให้คนดูคิดได้แค่ "จงทำงานแต่พอดีและดูแลสุขภาพไปพร้อมกัน" คือ insight ลึกๆ มันอาจจะมีมากกว่านี้ แต่เราคิดว่าคนที่มาดูหาความสุขชิลๆคงไม่ชอบเรื่องนี้ อินดี้ได้แต่ขอความเป็นสากลหน่อยก็ดี เพราะกลุ่มลูกค้าส่วนใหญ่ไม่ใช่แค่กราฟิกดีไซน์
ปล.1 ถ้าเรื่องนี้เป็นของค่ายอื่นที่ไม่ใช่ GTH หนังอาจไม่ถูกคาดหวังขนาดนี้ก็ได้
ปล.2 ยุ่นพูดเชี้ยเยอะมาก เยอะเกินความจำเป็น ไม่รู้จะพูดเชี้ยเยอะไปทำเชี้ยอะไร